Beauty ♥ COSMETIC @ DRUGS STORE



วู๊ววว...ไม่ได้ตั้งกระทู้พักใหญ่ๆ ทั้ง How To ทั้ง Review

เพราะช่วงนี้งานกองเท่าภูเขา จะหล่นทับนิตายอยู่แล้วค่ะ

ใกล้จะปิดเทอม งานทุกอย่างเลยต้องเคลียร์ให้เรียบร้อยก่อนจบเทอม

ทั้งๆที่ไม่เคยพอกงาน แต่ช่วงปลายๆเทอมอาจารย์ดันสั่งงานเยอะก่อนปิด

เครียดกันเลยทีเดียว นี่ก็ยังไม่เสร็จ
แต่ตบะแตกเลยขอมาเห่อเรียกน้ำย่อยซะหน่อย ^^






ด้วยความที่ยังหาเงินเองไม่ได้

และค่าใช้จ่าย ค่าเรียน ค่าอยู่ ค่ากิน ในอังกฤษค่อนข้างสาหัส

นิเลยไม่มีปัญญาจะไปซื้อแบรนด์ดังๆเท่าไหร่ ฮ่าๆ

บวกกับเป็นคนชอบเปลี่ยนโน่น นี่ นั่น บ่อยๆ

เพราะฉะนั้น แหล่งช๊อปปิ้งที่โดนใจที่สุดจะหนีไม่พ้น Drug Store
ทั้งหลายทั้งปวงค่ะ

เนื่องจาก หาง่าย ราคาค่อนข้างสบายกระเป๋า

และที่สำคัญ

ต่างประเทศเนี่ยะ พวกเครื่องสำอางค์ในไลน์ของ Drug Store

ค่อนข้างมีให้เล่นหลากหลาย แถมคุณภาพยังเกินราคาซะด้วย





มาเริ่มกันที่ Boots เจ้าประจำ

เดินเข้าไปทีไร เป็นต้องได้ของมาซักชิ้นสองชิ้นทุกที

ไม่รู้เป็นอะไร สงสัยถ้าไม่ได้จะนอนไม่หลับ ฮ่าๆ







Rimmel London เจ้าประจำ ซื้อแทบจะทุกอย่างเลยของแบรนด์นี้

Hide the Blemish Concealer ปกปิดดีค่ะ เนื้อไม่เหลวไม่แห้งเกินไป กำลังดี

เวลานิใช้จะใช้นิ้ววอล์มให้เนื้อคอนซิลเลอร์อ่อนตัวก่อนเล็กน้อย
แล้วค่อยทาที่รอยบนผิวหน้า

มีเฉดสีให้เลือกค่อนข้างเยอะ(เพราะในต่างประเทศจะมีคนผิวสีด้วย)











Rimmel London Colour Rush No.080 Glitzed

เป็นอายชาโดว์ีเงินวิ๊งๆ วิ๊งกระจายมากๆ เนื้อสีแน่นดี

ใช้ทาช่วงหัวตาวันไหนที่อยากได้ลุ๊ค Glam ค่ะ











Rimmel London Vinyl Carat Multi-reflaction Lipgloss

หาเบอร์และชื่อสีไม่เจอค่ะ แต่สีออก Shocking Pink
เป็นกลอสที่มีเนื้อสีแน่นใช้ได้เลย

ที่สำคัญ กลิ่นหอมมากๆ อันนี้กลิ่นเหมือนผลไม้เปรี้ยวๆค่ะ สดชื่นๆ











Rimmel London Royal Gloss No.121 Yummy

เป็นกลอสอีกรุ่นราคาถูกกว่าตัวแรก กลิ่นสมชื่อเลยค่ะ Yummy มากๆ หอมสุดๆ

เนื้อสีไม่แน่นเท่าตัวแรก แต่ก็ใสๆกำลังน่ารักค่ะ

เครื่องสำอางค์ของ Rimmel London ค่อนข้างหอมมากๆ
โดยเฉพาะลิปสติกและกลอสค่ะ










Urban Decay Eyeshadow Primer Potion

อายชาโดว์ไพรเมอร์ใช้ทาเป็นตัวแบสรองพื้นให้หนังตา

ทำให้หนังตาไม่มันระหว่างวันและช่วยให้สีอายชาโดว์ติดชัดขึ้น

ปกตินิเป็นคนหนังตาไม่มันอยู่แล้วค่ะ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร

เพียงแต่บางครั้งรู้สึกว่าอายชาโดว์สีไม่ค่อยชัด

ตัวนี้ช่วยได้ดีทีเดียวค่ะ











จริงๆแล้วตอนซื้อนิมองหา Lip Scrub ค่ะ แต่ว่าไม่เจอที่ถูกใจ

เลยหันมามองหาลิปบาล์มบำรุงดีกว่า นิเป็นคนดื่มน้ำค่อนข้างน้อย

และอากาศที่ลอนดอนค่อนข้างหนาว ปากเลยแห้งสุดๆ

ทั้งที่พยายามดื่มน้ำเยอะๆแล้วแต่ก็เอาไม่อยู่ เลยได้เจ้าตัวนี้มา

คุ้นๆกันอยู่แล้วเนอะสำหรับแบรนด์นี้  Burt's Bees Honey Balm
มาจากธรรมชาิติเกือบ 100%

ตอนแรกทาแล้วรู้สึกกลิ่นแปลกๆ แต่ใช้ไปใช้มาเริ่มติดกลิ่นซะแล้วค่ะ

ชุ่มชื่นดีทีเดียว กลิ่นติดปากสุดๆเลย ฮ่าๆ












Prestige Skin Loving Minerals Sunbaked Mineral Bronzing Powder No.03
Pure Shimmer

ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะซื้อเลย แต่ด้วยความที่ซนไปหน่อย
เดินลองเครื่องสำอางค์ไปเรื่อย

แล้วได้ลองทาตัวนี้ เลยได้มาหนึ่งตลับ ฮ่าๆๆ
ลองปาดๆที่หลังมือแล้วรู้สึกว่า

สีเข้ากับผิวดี เป็นวิ๊งๆแบบแทนๆ แต่วิ๊งละเอียดมากๆค่ะ
แพคเกจดูธรรมดาแต่แข็งแรงมากๆเลยค่ะ











No.7 Stay Perfect Eyeshadow Palette No.05 Space Odyssey

พอดีช่วงนี้ที่ Boots มีบัตรลดราคาให้เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ของ No.7 ค่ะ
อะไรก็ได้ลด 5 ปอนด์

เลยไปยืนเลือกๆ พอดีได้มาสองใบ กลัวใช้ไม่ทันเลยลองดูๆ ได้เจ้าตัวนี้มา

ปรากฏว่า พอซื้อเสร็จ เค้าให้มาอีกใบ เป็นสองใบเหมือนเดิม ฮ่าๆๆ

สงสัยต้องกลับไปสอยอะไรมาเพิ่มอีกแระ ฮี่ๆ













ที่ดัดขนตาไฟฟ้า ของ No.7 ตัวนี้เห็นรีวิวของตั๊ก(TucKKa)
เพื่อนสาวในจีบันนี่ละ

เห็นเพื่อนรีวิวละกิเลสจับตัวค่ะ เพราะเพื่อนดัดแล้วเด้งมากๆ

ปรากฏว่านิใช้ละขึ้นไม่เท่าเพื่อนเลย สงสัยขนตาจะแข็งไปหน่อย ฮื่อๆๆๆ












Rimmel London Glam'eyes Midnight Black

ตัวนี้เป็นมาสคาร่าที่ Michelle Phan แนะนำเลยค่ะ

ถ้าใครเคยดูรีวิวที่สาว Michelle ไปแนะนำเรื่อง Foundation ของไลน์ Drug
Store จะเห็นตัวนี้แว๊บๆ

เพราะสาว Michelle หันไปเห็น เธอรีบคว้าไว้เลยแล้วบอกว่า ชอบตัวนี้มากๆ

(ทั้งๆที่ตอนนั้นเธอรีวิวเรื่อง Foundation อยู่นะเนี่ยะ อิอิ)

ใช้แล้วชอบมากๆค่ะ ปัดแล้วขนตางอน เด้งเลย

ถ้าใครขนตาอ่อนตัวหน่อย รับรองไม่ต้องใช้ที่ดัดขนตาเลยค่ะ

แต่เพราะนิขนตาค่อนข้างแข็ง อาจจะต้องใช้ที่ดัดขนตาช่วยนิดหน่อย

แต่มันเริดส์จริงๆตัวนี้ ชอบมากๆเลย ^^












Matbelline New York The Colossal Volum' Express Mascara

เจ้าเหลืองม่วงตัวนี้พอได้มาแล้วลองปัดทันทีค่ะ

ปกตินิเป็นคนใส่แว่น พอปัดเสร็จละนิใส่แว่นตา ขนตาชนกับเลนส์แว่นเลย ฮ่าๆๆ

ยาวจริงๆ ต้องถอดแว่นมาเช็ดกันเลยทีเดียว ="=

ถือว่าเป็นมาสคาร่าอีกตัวที่น่าสนใจค่ะ










Benefit Fluff Shadow Brush

พอดีอยากได้ Fluff Blush มาเกลี่ยอายชาโดว์เลยเดินไปดูของ Benefit ค่ะ

อาจจะไม่ได้เป็น The best ของ Brush แต่นิว่าคุณภาพก็โอเคเลยนะคะ

ขนนุ่มไม่บาดหน้า กระจายสีได้ดี ราคาปานกลางค่ะ












Clinique Take The Day Off Make Up Remover

เจ้าน้ำสีม่วงนี้ นิเห็นพี่จีนรีวิวให้ดู เลยลองไปซื้อมาใช้บ้าง

ขอบอกว่า เริดส์มากๆค่ะ ล้างอายไลน์เนอร์และมาสคาร่าออกหมดจดมากๆ

แถมไม่ต้องถูเลยด้วย แค่แปะไว้ 10 วินาทีแล้วปาดออก ก็หมดจดแล้ว

ไม่ระคายเคืองตาเลยด้วย

ซื้อมาหลายขวดละคะ ชอบมากๆเลย



















กองทัพขนตาปลอมค่ะ พักนี้ชอบซื้อขนตาปลอม แต่ยังไม่ค่อยได้ใช้เลย

กะจะเอามาใช้ทำ How To แต่ยังไม่ได้ทำซํกกะที เพราะยังไม่มีคอนเซป

ซื้อมาไว้ก่อน ช่วงนี้กำลังลดราคา ฮี่ๆ

ซื้อจากทั้ง Boots และ Super Drugs ค่ะ











และส่วนต่อจากนี้จะเ็ป็นเครื่องสำอางค์ที่ได้มาฟรีจากพี่ที่เรียนอยุ่ด้วย
กันค่ะ

เนื่องจากพี่เค้าขนเครื่องสำอางค์มาเยอะมากๆแต่ไม่ได้ใช้

แล้วพี่เค้าเห็นนิชอบแต่งหน้า เลยยกให้ค่ะ ใจดีมากๆเลย ฮี่ๆ








Skin Food Sugar Dessert Shadow Choc Choc

อายชาโดว์สีเขียวมีวิ๊งนิดๆ ทาแล้วสีไม่ชัดมาก จะเป็นเขียวอ่อนๆ

ตามสไตล์สาวเกาหลีค่ะ สีอ่อนๆเห็นไม่ชัดมาก เน้นวิ๊งๆมากกว่า







Red Earth Grey Flannel Sparkle Velvet

ชื่อก็บอกอยู่ว่า Sparkle เพราะฉะนั้น วิ๊งกระจายแน่นอนค่ะ

ตัวนี้เหมาะกับลุ๊ค Glam แบบหรูหราไฮโซมากๆ

ทาไปปาร์ตี้ หรืองานกลางคืน สวยมากค่ะ







Bourjois Paris Glittering loose Powder Eyeshadow with Built-in Brush

กลิตเตอร์สีขาวมุกวิ๊งๆ(สงสัยพี่เค้าจะชอบวิ๊งๆนะเนี่ยะ)
ตัวนี้พี่เค้าบอกว่าเพิ่งได้อีกตัวมา

เหมือนกันเลย ตัวนี้เลยไม่ค่อยได้ใช้ เลยให้นิค่ะ มีแปรงในตัว
แต่เป็นแบบผงๆ

ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยชอบ เพราะมันชอบร่วงลงพื้น และตามเสื้อผ้า

แถมวิ๊งกระจุยกระจายสุดๆเลยตัวนี้
ถ้ามาเป็นเนื้อครีมหรืออัดแข็งมาจะเยี่ยมมากค่ะ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ของฟรี อะไรๆก็ดีไปหมด ฮ่าๆๆ











ตัวสุดท้ายสำหรับของฟรีคือ Bobbi Brown Eyeshadow Ombre a Paupieres

เป็นอายชาโดว์สีน้ำตาล พี่เค้าบอกว่าชอบเอามาเขียนคิ้ว
แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้อีกนั่นละเลยยกให้นิ

ตัวนี้เป็นเนื้อแมทค่ะ แต่แอบรู้สึกว่ามันคล้ายๆ บรอนซ์
พี่เค้าใช้ไปนิดเดียวเอง ไม่เสียดายเหรอเนี่ยะ













เข้าหน้าร้อนแล้ว เสื้อผ้าหน้าร้อน และ ชุดว่ายน้ำเริ่มวางขายกันเพียบ

วันนี้ไปเดินดูเล่นๆก็ำได้เรื่องเลย สะดุดกับชุดนี้เลยค่ะ

ของ Top Shop ค่ะ ชอบมากๆ

เพราะสีมันน่ารักสุดๆ ในภาพอาจจะเป็นสีส้ม(เพราะแสงค่ะ)

แต่จริงๆจะเป็นสีชมพูอมส้ม น่ารักมากๆ สายเป็นสีเขียวน้ำทะเล แบบว่า ใช่เลย


สีสันโดนใจ ลายจุดที่อยากได้ เลยตัดสินใจซื้อค่ะ

จริงๆไม่กล้าใส่เล่นน้ำหรอก อ้วนมาก รับไม่ได้จริงๆ

เอาแค่ใส่ข้างในเสื้อที่มันบางๆอีกที
พอให้เห็นนิดๆหน่อยๆพอจะดูเซ็กซี่บ้างดีกว่าเนอะ ฮ่าๆ









จบกระบวนการเห่อค่ะ
เหนื่อยสุดๆเลย ไม่ได้รีวิวนาน ของค้างสต๊อคเยอะ ฮะๆ

อาจจะพูดมากไปนิด อย่าถือสานะคะ ไม่ได้พูดนาน บวกกับเครียดเรื่องงาน
เลยขอระเบิดซักที ฮะๆ









Free TextEditor




 

Create Date : 14 มีนาคม 2553    
Last Update : 19 เมษายน 2553 1:02:38 น.
Counter : 6452 Pageviews.  

Beauty ♥ How To Full Eyebrows



How To Contest คราวนี้เป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยาก(มากๆ)สำหรับนิเลยค่ะ

เพราะปกติเป็นคนที่ไม่เคยแต่งคิ้วเลย

เนื่องจากเป็นคนที่มีคิ้วค่อนข้างดกดำและหนามากอยู่แล้ว

จะมีก็แต่กันคิ้วให้เข้ารูปไม่ดูรกรุงรังแค่นั้นเอง

วันนี้ขอท้าทายด้วยการร่วมสนุกกับ How To นี้ซะหน่อย

ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้จริงๆ

อย่าหัวเราะน้า มือใหม่จริงๆค่ะ ฮ่าๆๆ





เครื่องสำอางค์ทั้งหมดที่ใช้ึค่ะ




หน้า


- Rimmel London Lasting Finish Foundation #100 Ivory

- ETUDE Time Out Concealer #21

- Shene Hip Eye Color

- Covermark Essence Foundation (Yellow)

- Rimmel London Stay Matte Pressed Powder  #001 Transparent



ตา


- Lisa Eye Sahdow Set เซทใหญ่

- Better Nature Lisa Eye Shadow เซทเล็ก

- ETUDE Eye Liner

- ที่ดัดขนตา Boots

- Majolica Mahorca Curl, curl, curl toward the sky (มาสคาร่าเบส)

- Limmel London Lash Maxxx



คิ้ว


- Rimmel London Professional Eyebrow Pencil #004 Black Brown

- Bobbi Brown Mascara



แก้ม


- NARS Angelika



ปาก


- ETUDE Color Me Nude

- Rimmel London #006 Pink Blush


















มาเริ่มกันที่หน้าโล้นๆ(เหมือนเช่นทุกครั้ง)

วันนี้ตาบวมๆ หน้าอืดๆ เพิ่งตื่นสุดๆเลยค่ะ

สภาพหน้าตาไม่ไหวจะเคลียร์สุดๆเลย ฮ่าๆๆๆ











กลบริ้วรอยและปรับสภาพผิวให้ดูเรียบเนียนด้วย Rimmel London Lasting Finish
Foundation

ตัวนี้นิลองเซิชดูข้อมูลเห็นสาวๆหลายคนทั้งไทยและเทศการันตีเรื่องความเนียน

สรุปว่าไม่ผิดหวังค่ะ เรียบเนียนดี ปกปิดมากพอสมควร เนื้อแมทไม่มันวาว
ตอนนี้รักตัวนี้มากๆเลย ^^










ใช้เนื้อ Foundation แตะ 5 จุดบนใบหน้า(หน้าผาก จมูก แก้วสองข้าง และคาง)

ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางในการเกลี่ยเนื้อครีมอย่างเบามือ
เมื่อรู้สึกว่าเริ่มทั่วใบหน้าแล้ว

ใช้ฟองน้ำรูปสามเหลี่ยมช่วยเกลี่ยในตอนท้าย
เพื่อให้ดูเรียบเนียนเสมอกันทั่วทั้งหน้า

และช่วยปาดเนื้อครีมส่วนเกินออกจากใบหน้า จะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
















หากยังมีริ้วรอยที่ยังกลบได้ไม่หมด ก็ใช้คอนซีลเลอร์ช่วยกลบอีกรอบ

นิใช้ ETUDE Time Out Concealer ค่ะ เนื้อค่อนข้างแห้งหน่อย แต่ก็พอถูไถ
ฮะๆ










เมื่อก่อนนิจะใช้มือในการช่วยกดให้คอนซีลเลอร์กลืนไปกับผิว

และใช้แปรงหัวเล็กในการเกลี่ย
บางครั้งนิก็เจอกับปัญหาการเกลี่ยได้ไม่เรียบเนียน

ดูไม่สม่ำเสมอ ช่วงนี้นิเลยลองใช้แปลงหัวใหญ่ขึ้นมาหน่อย ปรากฏว่า
ได้ผลดีพอสมควรค่ะ

ช่วงนี้เลยใช้แปรงหัวใหญ่ในการกลบตลอด

















ขั้นตอนการเฉดดิ้ง เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องของโครงหน้า

นิใช้ พาเลทอายแชร์โดว์ของ Shene ผมกับFoundation ของ Covermark
เหมือนเดิมค่ะ











โดยใช้สีของอายแชร์โดว์เบอร์ 1 ผสมกับ Foundation ของ Covermark

เพื่อเฉดดิ้งกรอบหน้า โหนกแก้ม และช่วงกราม









ใช้ฟองน้ำแบบสามเหลี่ยมในการช่วยเกลี่ย เหมือนตอนลง Foundation เลยค่ะ








และใช้ Eye Shadow ของ Shene พาเลทเดิม แต่ใช้เบอร์ 2

ลงในช่วงของจมูก เพื่อเพิ่มให้ดั้งดูโด่งขึ้น มีมิติมากขึ้นค่ะ















นำConcealer  Muji สีสว่าง ลงช่วงสันจมูก
และวาดเป็นหนวดแมวข้างแก้มทั้งสองข้าง

เพื่อให้ดูสว่างในช่วงจุดรับแสง จะช่วยเสริมให้หน้ายิ่งดูมีมิติมากขึ้นค่ะ









ใช้ฟองน้ำสามเหลี่ยมเกลี่ยเช่นเดิมค่ะ โดยเกลี่ยจากจุดกึ่งกลางใบหน้า

แล้วลากไปยังกรอบหน้า เหมือนเป็นการกระจายแสง














เนื่องจากวันนี้เราจะเน้นกันที่คิ้ว

นิเลยนำ Concealer ของ ETUDE ตัวเดิมมาลงช่วงโหนกคิ้ว

เพื่อทำให้คิ้วดูเด่นชัดกว่าเดิมค่ะ








แตะลงไปสองสามครั้ง แล้วค่อยๆเกลี่ยใก้กลืนกับผิวนะคะ















แป้งในวันนี้ที่นิเลือกใช้คือ Limmel London Stay Matte Pressed Powder

เนื้อแป้งละเอียด ควบคุมความมันได้ดี บางเบาแต่ไม่ค่อยปกปิดค่ะ

ช่วงนี้ชอบแบรนด์ Rimmel London พอสมควร
เนื่องจากราคาถูกและคุณภาพเกินราคาค่ะ








นิชอบใช้แปรงในการบัฟมากกว่าพัฟแต่งหน้าค่ะ เพราะให้ลุ๊คที่บางเบา ใส
ดูธรรมชาติ

ปัดเป็นวงกลมให้ทั่วไปหน้า อย่าลืมปัดแป้งส่วนเกินออกในตอนท้ายด้วยนะคะ














เสร็จในส่วนของการลงขั้นพื้นฐานนะคะ

หน้าดูมีมิติขึ้น รอยสิวดูจางลง สีผิวสม่ำเสมอขึ้น














ขั้นตอนการแต้มสีสันบนใบหน้า

วันนี้นิอยากจะแต่งออกมาคิ้มเข้มๆหน้านู๊ดๆเหมือนนางแบบบนรันเวย์ค่ะ

เห็นมีบางคนบอกว่า How To นี้คิ้วเข้มไป

นิเลยมาเพิ่มข้อมูลตรงนี้ เพื่อใ้ห้ทราบว่า นิจะแต่งแนวไหน

อย่างที่บอกในชื่อ How To ค่ะ คือนิจะแต่งแบบ Full Eyebrows

Full Eyebrows เป็นยังไง ?

บางคนอาจจะนึกภาพไม่ออก เอารูปมาแปะให้ดูเลยนะคะ เป็น Inspiration ของ How
To นี้













มาสู่ขั้นตอนของดวงตา โจทย์ในครั้งนี้ให้ใช้สีโทนม่วง

นิมักจะชอบจับคู่สีม่วงกับสีเหลืองทองค่ะ
เพราะส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเป็นสีที่พอคู่กันแล้ว ดูหรูหราดี

พาเลทที่ใช้ ยังคงเป็นตัวเดิมที่ใช้ทุกๆ How To ฮ่าๆๆ
เพราะนิมีแค่พาเลทเดียวจริงๆค่ะ

สีที่เลือกใช้ในพาเลทนี้คือ สีขาว สีม่วง สีเหลือง และสีน้ำตาลอ่อนออกทองๆ








เริ่มกันที่ใช้สีขาวเบลนให้ทั่วเบ้าตาเป็นตัวรองพื้น

นอกจากจะช่วยให้เ้บ้าตาดูสว่างสดใสขึ้นแล้ว
ยังช่วยให้การเกลี่ยสีดูกลืนกันมากขึ้นด้วยค่ะ

ทำให้มองไม่ค่อยเห็นจุดบอกพร่องเวลาเราเกลี่ยสีอายแชร์โดว์ตัวอื่นไม่เนียน








ใช้สีเหลืองในเบลนในช่วงหัวตา อย่างที่เคยบอกไว้ใน How To ก่อนๆว่า

ช่วงหัวตาควรจะเลือกสีที่สว่างที่สุด เพื่อให้ดูตาดูโตขึ้น









ใช้สีน้ำตาลทอง ลงในช่วงหางตา แล้วค่อยๆเบลนเข้าหาสีเหลืองในช่วงกึ่งกลางตา

การที่เราใช้สีทองด้วย เพื่อให้สีทองช่วงกลืนระหว่างทีเหลือง กับ
สีม่วงได้ดีขึ้นและดูซอฟท์

ถ้าหากใช้แค่สีเหลืองและสีม่วงในการเบลนเข้าหากัน สีจะค่อนข้างโดดมากๆ
และดูจัดจ้านเกินไป









ลงสีม่วงในช่วงปลายหางตาเป็นรูปตัว V แล้วเบลนเข้าหาทีน้ำตาลทอง












มาสังเกตุดูแล้ว สีม่วงในพาเลทนี้ไม่ค่อยเ้ข้มเท่าไหร่
ตายังดูไม่ค่อยมีมิติเท่าที่ควร

นิเลยลงสีม่วงของ Lisa
อีกพาเลทนึงเป็นพาเลทเล็กในการช่วยให้ดูมีมิติมากขึ้นค่ะ

ในพาเลทนี้นิใช้สีม่วงด้านขวาสุดนะคะ







ในส่วนของการลง นิลงแบบสามเส้น เส้นแรกล่างสุดเป็นเส้นที่ชิดขอบตา

เส้นที่สองเป็นเส้นตรงกลางในช่วงรอยพับของตา
และเส้นที่สามเป็นเส้นที่อยู่ตรงช่วงเบ้าตา

พอหลับตาแล้วจะคล้ายๆปีกผีเสื้อ แต่เราอย่าให้เส้นดูชัดจนเกินไปนะคะ
จะดูตลก

เบลนให้ดูกลืนไปกับสีม่วงอันแรกที่เราลงไว้








และอย่าลืมใช้สีม่วงใน Lisa พาเลทเล็กในการลงช่วงหางตาด้านล่างด้วย

เพื่อให้ดูต่อเนื่องกัน และไม่หลอกตาค่ะ









ใช้คัตตอนบัดเกลี่ยให้สีดูซอฟท์ เป็นธรรมชาิติ















ทำการกรีดอายไลน์เนอร์ แบบเจล ที่นิเลือกแบบเจลเพราะเส้นค่อนข้างคมชัด

และกรีดง่ายค่ะ แบบน้ำก็ได้เส้นที่คมชัดเช่นกัน
แต่ไม่แนะนำแบบดินสอเท่าไหร่นะคะ

นิใช้ ETUDE ชนิดเจล(แต่เนื้อออกแนวครีมมากกว่า)ค่ะ สำหรับวิธีการกรีด
มีอยู่ใน How To อันเก่านะคะ








สำหรับโจทย์คราวนี้ เราจะเน้นกันที่คิ้ว เพราะฉะนั้น
นิจะกรีดอายไลน์เนอร์เส้นไม่หนามาก

เพื่อไม่ให้ทั้งตาและคิ้วดูแข่งกันจนเกินไปค่ะ














ทำการดัดขนตา ให้งอน ในการดัดขนตา

ถึงแม้บางคนจะขนตาสั้นมาก หรือปัดมาสคาร่าแล้วก็มองไม่ค่อยเห็นขนตา

บางคนอาจจะคิดว่า งั้นก็ไม่ต้องไปดัดมันหรอก ยังไงก็ไม่เห็นอยู่ดี

แต่นิขอแนะนำให้ดัดนะคะ นิก็เป็นคนขนตาสั้น และกรีดอายไลน์เนอร์หนา

ซึ่งแม้ว่าจะปัดมาสคาร่าแล้วก็มองไม่เห็นขนตางอนเด้งอยู่ดี

แต่...การดัดขนตา จะช่วยให้ตาดูเบิกกว้างขึ้นกว่าเดิมได้ค่ะ








นิใช้มาสคาร่าเบสของมาจอริกา และมาสคาร่าของ Rimmel London Lash Maxxx
ทับอีกครั้ง

เพื่อช่วยในเรื่องของความยาวของขนตาได้ดีค่ะ แต่ไม่หนา และไม่งอนนะคะ











อย่างที่บอกว่าคราวนี้เราจะเน้นเรื่องของคิ้ว
เพราะฉะนั้นนิจะไม่ติดขนตาปลอมค่ะ

อยากจะให้ตาดูซอฟท์ที่สุด เพื่อให้คิ้วดูเด่นออกมาค่ะ

ขนาดเหลือบตาขึ้นข้างบนแล้ว ยังไม่เห็นขนตาเลย ฮ่าๆๆ ขนตาสั้นมากจริงๆค่ะ

แข็งด้วย ดัดไม่ค่อยขึ้นเลย ^^"












มาสู่ขั้นตอนนางเอกของเรา การแต่งคิ้วค่ะ

นิเลือกใช้ Rimmel London Eyebrow Pencil สีน้ำตาลเข้ม








เริ่มวาดจากช่วงกึ่งกลางของคิ้วไปจนถึงช่วงหางคิ้วก่อน









แล้วค่อยกลับมาค่อยๆวาดช่วงหัวคิ้ว เราไม่จำเป็นต้องวาดจนจรดหัวคิ้วนะคะ

ทิ้งไว้้ซักประมาณ ครึ่งเซ็น เพื่อใช้แปรงในการเกลี่ยที่หลัง









ใช้แปรงที่แถมมาบนดินสอค่อยๆปัดๆให้ดูฟุ้ง

และปัดเลยมาช่วงหัวคิ้วที่เราเหลือพื้นที่ที่ไม่ได้เขียนไว้ จะดูซอฟท์ค่ะ

วันนี้นิแต่งเน้นคิ้วเข้มๆ และหน้านู๊ดๆ เพื่อให้คิ้วดูเด่นที่สุด















อย่างที่บอกว่าปกติแล้วนิจะไม่ค่อยแต่งคิ้ว

เพราะฉะนั้นเครื่องสำอางค์ในส่วนนี้นิจะไม่ค่อยมีค่ะ

มาสคาร่าคิ้วนิไม่เคยใช้อยู่แล้ว แต่วันนี้หัวข้อเราเน้นที่คิ้ว

นิเลยประยุกต์เอาเครื่องสำอางค์ที่มีอยู่ในการแต่งค่ะ

นิใช้มาสคาร่าของ Bobbi Brown แทนมาสคาร่าคิ้ว

ตอนแรกก็หวั่นๆว่าจะดูโดดเกินไปมั้ย สรุปผลที่ได้ ค่อนข้างพอใจค่ะ







ค่อยๆปัดจากช่วงหัวตาไล่ไปหางตาระวังอย่าให้เยอะมากเพราะมาสคาร่าสีดำ

เดี๋ยคิ้วจะดูเข้มจนเกินไปค่ะ








นำหวีคิ้วที่ใช้เวลาเรากันคิ้วมาช่วยในการจัดแต่งให้ขนคิ้วเรียงตัวสวย














แล้วก็มาปัดแก้มเพื่อเพิ่มสีสันบนใบหน้าอีกนิด

นิเลือก NARS Angelika ค่ะ เพราะสีค่อนข้างออกชมพูโทนม่วงนิดๆ เข้ากับสีตา








ปัดเป็นครึ่งวงกลมในช่วงโหนกแก้ม ปัดจากกรอบหน้าเข้าหาปีกจมูก

เพื่อช่วยให้ดูหน้าเล็กลง(ถึงจะดูไม่ค่อยออกแต่ก็มีผลเหมือนกันนะคะ)
















ใช้ Coloe Me Nude ของ ETUDE กลบสีปากเดิมของเรา

เพื่อให้เห็นสีของลิปสติกที่ชัดเจน และสีจะดูไม่เพี้ยนค่ะ








ทาแล้วปากซีดเหมือนกินบ๊วยมา ฮ่าๆๆ

















ทาลิปสติกสีชมพูนู๊ดๆ

วันนี้นิใช้ Rimmel Lasting Finish Lipstic No. 006 (Pink Blush) ค่ะ








ทาออกมาแล้วสีจะนู๊ดมากๆ ทั้งๆที่สีจากแท่งดูสดกว่าแท้ๆ

















เสร็จแล้วค่าาา

รูป Before & After ค่ะ



















ไหนๆวันนี้จะเริดส์ จะเชิดทั้งที

ขอแบบเต็มที่กับชีวิตซักหน่อย(แม้ว่าจะไม่กล้าแต่งแบบนี้ออกไปไหนก็เถอะ)

นิเลยจับการแต่งหน้าวันนี้ คู่กับผมทรงโมฮอว์คและเสื้อขนเฟอร์ลายเสือซะเลย

นิลองทำผมแบบปล่อยดู นิรู้สึกว่ามันไม่เข้ากับคิ้วเข้มๆเลย

ทรงรวบผมตึงๆ จะดูเหมาะกว่า ไม่รกรุงรังค่ะ

เริดส์ เชิด กันซะให้พอ ฮ่าๆๆๆ


























ไม่รู้จะเก๊กท่าไหนดี ฮ่าๆ




















เริดส์แบบแอ๊บแบ๊ว

จริงๆจะเอามือปิดหน้าบานๆ ฮ่าๆ
























สู้ตาย!!













ขอเริดส์แบบเท่ๆหน่อย














จบแบบเริดส์ๆ เชิดๆ หยิ่งๆ เท่ๆ(มั้งนะ?)

เริดส์กะเค้ามั่งมั้ยเนี่ยะ? ฮ่าๆๆๆ












ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
มีอะไรติชมได้นะคะ

และเหมือนเดิม

หากใครต้องการจะนำรูปของนิไปแปะ
ที่เว็บอื่นๆ กรุณาขออนุญาติก่อนด้วยนะคะ

และต้องได้รับการอนุญาติก่อนด้วยเช่นกัน

ไม่อยากมีปัญหาค่ะ
เข้าใจกันด้วยนะคะ

กรุณาอย่าละเมิดสิทธิกันและกันเนอะ ^^







Ps. ถ้าสาวๆคนไหนแอด Facebook นิมา

อยากให้ช่วยส่งข้อความมาบอกใน Facebook ด้วยนะคะ

ว่าแอดมาจาก Blog

เพราะปกตินิจะไม่รับแอดคนที่ไม่รู้จักค่ะ

ขอบคุณค่ะ






 

Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 21 มีนาคม 2553 17:20:11 น.
Counter : 9253 Pageviews.  

Beauty ♥ How To สามสีก็มีมิติได้




ทุกวันนี้นินอนค่อนข้างดึก

เลยมักจะตื่นสายเป็นประจำ

บวกกับอากาศที่ลอนดอนคอนข้างหนาว

ยิ่งไม่อยากลุกในตอนเช้าเอาซะเลย

เวลาในการแต่งหน้าก็เลยโดนช่วงเวลานอนเบียดให้เหลือน้อยลง

แล้วจะมีตาเด้งๆเวลาออกไปข้างนอกได้ยังไงละเนี่ยะ




สาวๆหลายคนอาจจะคิดว่า

การจะแต่งตาให้ดูมีมิติ จะต้องพิถีพิถัน

เป็นเรื่องยาก และเปลืองเวลา

วันนี้นิมาสอนวิธีทาอายแชร์โดว์ให้มีมิติ

โดยใช้แค่ 3 สีง่ายๆค่ะ





วันนี้ขอเริ่มกันตรงขั้นตอนการแต่งตาเลยนะคะ

ขั้นตอนการลงรองพื้น เฉดดิ้ง และแป้ง
คิดว่าสาวๆหลายคนคงจะมีวิธีที่ถนัดของตัวเองอยู่แล้ว

หรือถ้าใครอยากรู้วิธี ลองคลิกไปดู How To เก่าๆของนิได้ค่ะ








พาเลทอายแชร์โดว์ที่นิใช้เป็นของ Lisa อันเดิมที่ใช้ทุกงานนี่ละค่ะ

อันที่จริงนิไม่อยากเน้นเครื่องสำอางค์มากนะคะ

จะเน้นเฉพาะสีที่เลือก และวิธีการแต่ง

เพราะฉะนั้น สาวๆมีเครื่องสำอางค์ของอะไร ก็ใช้อันที่มีอยู่เลยค่ะ




เลือกสีทั้งหมดสามสี

สีแรกควรจะเป็นสีที่อ่อนที่สุด เช่น สีขาว สีเหลืองอ่อน สีชมพูมุกๆ

สีที่สองคือสีหลักที่เราจะแต่งให้แมทช์กับสีเสื้อผ้าที่ใส่ค่ะ

สีที่สามจะเป็นสีโทนเข้ม เช่น สีน้ำตาล สีน้ำเงิน หรือสีดำ






สำหรับวันนี้ินิเลือกสีอ่อนคือสีขาว สีหลักคือสีชมพู
และสีเข้มคือสีน้ำตาลค่ะ













เริ่มจากนำสีอ่อนสุด เบลนให้ทั่วเบ้าตา และช่วงหัวตาค่ะ




การเลือกสีอ่อนๆลงช่วงหัวตา จะทำให้ดวงตาดูโตขึ้น

แต่บางครั้งเห็นบางคนลงเยอะซะจนเห็นเป็นเส้นๆ

ส่วนตัวแล้วนิไม่ค่อยชอบค่ะ นิรู้สึกว่ามันดูจงใจเกินไปหน่อย

นิชอบเบลนๆให้มันดูเนียนไปกับผิวมากกว่า

แต่อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบนะคะ














นำสีหลักลงประมาณ 2/3 จากหางตา




เบลนให้สีหลักกลืนเข้า

กับสีอ่อนสุดค่ะ สำหรับบางคนที่ใช้แปรงแต่งหน้าไม่ค่อยเก่ง

ใช้นิ้วค่อยๆเกลี่ย จะเป็นวิธีที่ค่อนข้างง่ายค่ะ













นำสีเข้มสุดลงเป็นรูปตัว V ที่ช่วงหางตา

โดยให้เส้นด้านล่างชิดขอบตา และเส้นด้านบนอยู่ตรงรอยพับของตา




เบลนสีเข้มสุดเข้าหาสีหลัก

เวลาใช้สีเข้ม ให้ระวังนิดนึงค่ะ

เพราะเป็นสีที่ค่อนข้างเห็นชัดเจน

ลงทีละน้อยจะดีกว่าลงทีเข้มๆไปเลยนะคะ












ใช้สีเข้มเบลนต่อเนื่องจากเปลือกตาจนมาถึงกึ่งกลางของตาล่าง




การเบลนสีของอายแชร์โดว์ลงมาที่ขอบตาล่างด้วย

จะทำให้ดูไม่หลอกตาค่ะ นิเคยไม่เบลนลงมาขอบตาล่าง

แล้วเขียนแต่อายไลน์เนอร์

มันค่อนข้างดูแปลกๆเหมือนกันเหมือนโล้นๆ หลอกๆอ่ะค่ะ









แล้วก็ทำการกรีดอายไลน์เนอร์ได้เลยค่ะ




ทั้งขอบตาบนและล่างเลยนะคะ

สำหรับขั้นตอนของการเขียนอายไลน์เนอร์

นิเคยทำไว้ที่ How To ก่อนหน้านี้แล้วนะคะ

ลองคลิกไปดูได้ค่ะ











จะปัดมาสคาร่าหรือไม่ก็ตามสะดวกเลยค่า

แต่ถ้าอยากตาหวานๆ เด้งๆ ปัดจะดีกว่านะคะ

เพราะขนตาหนาๆยาวๆเด้งๆ จะช่วยให้ตาดูโต และหวานขึ้นเยอะมากๆ












เสร็จเรียบร้อยค่ะ!! เปรียบเทียบภาพให้เห็นชัดๆ

สังเกตุว่าตานิจะดูโตขึ้น มีชั้นตาให้เห็นชัดเจนมากขึ้น

และดูมีมิติมากขึ้นด้วยค่ะ ไม่ยุ่งยากเลยใช่มั้ยค่ะ











นิชา ค่ะ ขอสู้กับ น้ำชา ซํกวัน

(แต่สู้น้ำชาไม่ได้นะ ฮ่าๆๆ)









หัวยุ่งมากๆเลย

































มองแทบไม่เห็นผมเปีย เพราะผมดำปี๋ >"<















จบแบบเซ็กซี่นิดนึง ฮ่าๆๆ








ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
มีอะไรติชมได้นะคะ

และเหมือนเดิม

หากใครต้องการจะนำรูปของนิไปแปะ
ที่เว็บอื่นๆ กรุณาขออนุญาติก่อนด้วยนะคะ

และต้องได้รับการอนุญาติก่อนด้วยเช่นกัน

ไม่อยากมีปัญหาค่ะ
เข้าใจกันด้วยนะคะ

กรุณาอย่าละเมิดสิทธิกันและกันเนอะ ^^







Ps. ถ้าสาวๆคนไหนแอด Facebook นิมา

อยากให้ช่วยส่งข้อความมาบอกใน Facebook ด้วยนะคะ

ว่าแอดมาจากบลอค

เพราะปกตินิจะไม่รับแอดคนที่ไม่รู้จักค่ะ

ขอบคุณค่ะ







Free TextEditor




 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2553 4:11:52 น.
Counter : 3028 Pageviews.  

Beauty ♥ REVIEW RIMMEL LONDON LIPSTICK




วันนี้เป็นวันที่มีอะไรให้ทำเยอะมากๆ

สาวๆเคยกันมั้ยคะ แบบว่า

โ่น่นก็อยากทำ นี่ก็อยากทำ

แล้วอยากทำในเวลาเดียวกัน

จนเริ่มลนๆ แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก ฮ่าๆๆ

พักนี้นิเป็นบ่อยๆค่ะ

โปรเจคก็ต้องรีบทำส่ง แต่ก็อยากเล่นเน็ต

แล้วก็อยากทำรีวิว แล้วก็อยากทำ How To

เป็นบ้าไปเลย

สรุปแล้ว โปรเจคเสร็จไป เล่นเน็ตสมใจ

แต่วันนี้ไม่ได้ทำ How To มาทำ Riview แทน ^^





จากที่นิลองใช้แบรนด์ Rimmel London

ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้คิดว่าจะลองอะไรหรอกค่ะ

เพราะจริงๆนิเป็นคนไม่ค่อยรู้จักแบรนด์เครื่องสำอางค์อะไรเท่าไหร่

แต่พอดีเพื่อนเคยพูดๆมาว่ายี่ห้อนี้ดี

ซึ้่ง ณ ตอนนั้นนิก็เฉยๆนะ ยังไม่ได้คิดอะไร

แล้วอยู่ๆก็มีโปรโมชั่น ซื้อ 3 จ่าย 2 เลยลองกะเค้าซะหน่อย

รอบแรกที่ซื้อก็ลองเอามาใช้ ชักติดใจ เพราะของเค้าดีจริงๆด้วย

แล้วแอบได้ยินมาอีกว่า ลิปสติกสีสวยมากๆ

นิเลยรีบไปสอยมาลองเลยค่ะ แล้วก็ติดใจตอนนี้มี 5 แท่งในระยะเวลาไม่ถึงเดือนเลย ฮ่าๆๆ

อย่ามัวแต่พูดมากเลยเนอะ มาดูกันเลยดีกว่าค่ะ







มาไล่กันทีละสีเลยนะคะ

(จากซ้ายไปขวา)








No.006 Pink Blush




สำหรับใครที่กำลังหาสีชมพูนมๆ ทาแล้วปากดูซีดๆนู๊ดๆ

ขอแนะนำสีนี้เลยค่ะ เพราะสีชมพูแบบนู๊ดมากๆเลย





ทาออกมาแล้วเป็นแบบนี้












No.206 Nude Pink




สำหรับตัวนี้ ชื่อบอกว่า Nude Pink แต่นิว่าทาแล้วออกชมพูอมส้มนิดๆค่ะ

มีวิ๊งๆประกายเงินๆ





สีไม่ชัดมาก ทาแล้วดูใสๆ เหมาะกับวันที่แต่งหน้าไม่จัดจ้าน สบายๆ












No.210 Coral In Gold




ตัวนี้สีส้มมีวิ๊งสีทองค่ะ






ทาแล้วออกมาค่อนข้างหรูๆ เป็นโทนอบอุ่น ไม่ออกส้มจัดจ้านมาก เพราะมีสีทองเบรคอยู่

ส่วนตัวแล้วนิชอบทาปากสีส้มๆค่ะ เพราะสีชมพูจะดูหวานไป นิไม่ใช่คนหวานอ่ะ ^^"











No.250 Birthday Suit




บางคนเห็นสีที่แท่งแล้วอาจจะตกใจ ตอนแรกนิก็คิดอยู่นานค่ะ

ว่าจะซื้อดีมั้ย แต่พอลองใช้เทสเตอร์แล้ว สีมันออกไม่มาก ดูสวยดี เลยซื้อมาค่ะ






เป็นสีที่ดูแล้วค่อนข้างผู้ใหญ่หน่อย แต่นิว่าก็ดูโกลว หรูดีเหมือนกันนะคะ

เหมาะกับการแต่งหน้าโทนน้ำตาลซอฟท์ๆ










No.170 Alarm




สีแดงสดค่ะ ช่วงนี้สาวๆในลอนดอนชอบปากสีแดงสด

เห็นหลายคนทาแล้วดูเริดๆเชิดๆดี เลยอยากลองบ้างค่ะ






พอทาแล้วสีไม่ได้แดงแป๊ดจนน่ากลัว

นิว่าสีกำลังดีเลยค่ะ ไม่ดูเหมือนเพิ่งกินลาบเลือดมา ฮะๆ






ถ้าจำไม่ผิดราคาน่าจะประมาณ 4 ปอนด์นิดๆนะคะ เป็นเงินไทยก็ตกไม่เกิน 230 บาท

แต่ซื้อมาในช่วงที่ซื้อ 3 ชิ้น จ่าย 2 ชิ้น ซึ่งคละของได้ด้วย ราคาเลยถูกลงอีก ถือว่าคุ้มค่าเลยค่ะ

ติดค่อนข้างทนเลยสำหรับนิ แล้วกลิ่นก็หอมดีด้วยค่ะ ตอนนี้อยากได้ทุกสีเลยเนี่ยะ ฮ่าๆ








ขอบคุณที่ติดตามค่ะ มีอะไรติชมได้นะคะ

และเหมือนเดิม

หากใครต้องการจะนำรูปของนิไปแปะที่เว็บอื่นๆ กรุณาขออนุญาติก่อนด้วยนะคะ

และต้องได้รับการอนุญาติก่อนด้วยเช่นกัน

ไม่อยากมีปัญหาค่ะ เข้าใจกันด้วยนะคะ

กรุณาอย่าละเมิดสิทธิกันและกันเนอะ ^^







Ps. ถ้าสาวๆคนไหนแอด Facebook นิมา

อยากให้ช่วยส่งข้อความมาบอกใน Facebook ด้วยนะคะ

ว่าแอดมาจากจีบัน

เพราะปกตินิจะไม่รับแอดคนที่ไม่รู้จักค่ะ





Free TextEditor




 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2553 8:49:02 น.
Counter : 3342 Pageviews.  

Beauty ♥ How To I Love My Curl Hair


หลังจากทำ How To Contest (Sweet Candy)

และ How To กรีด Eye Liner มา

มีสาวๆรีเควสมาเยอะเรื่องทรงผมที่นิทำ

(แต่นิอยากจะเน้นแต่งหน้าแต่งตานะ ทำไมมองผมกันละ อ่ะฮือๆ T^T)

อย่ากระนั้นเลย วันนี้เลยมาทำ How To การดัดผมที่ทุกๆคนขอมาค่ะ






สภาพเส้นผมของนิจะเป็นคนผมเส้นใหญ่ และผมหนามากๆ

ตอนนี้ยาวลงมาประมาณกลางหลังแล้ว

ผมค่อนข้างชี้ฟู ไม่ค่อยเป็นทรง

ผ่านการยืดและทำสี(ดำ)มาได้ประมาณครึ่งปีค่ะ








ก่อนที่จะทำการรีดผม หรือดัดผมด้วยความร้อน

เราจะต้องปกป้องเส้นผมของเราไม่ให้โดนความร้อนโดยตรง

โดยใช้ Heat Defence ค่ะ นิเลือก TRESemme' Heat Defence Smooth

ตัวนี้ถือว่าปกป้องได้ดีพอสมควร และกลิ่นหอมมากๆเลย




หลังจากฉีด Heat Defence แล้วนิจะชอบขยำๆผมด้วย

เพื่อช่วยให้ตัว Heat Defence กระจายให้ทั่วเส้นผม (อันนี้คิดเอาเองว่ามันคงจะเป็นแบบนั้น)







มาต่อกันที่ตัวที่จะฟิกซ์ให้ผมเราอยู่ทรงกันนะคะ

นิเลือกใช้มูสของ Pantene Pro-V Style Volume&Body Magnifying Mousse

(Ultra Strong Hold) ชื่อย๊าวยาว เหอๆ




ใช้ดีมากๆ อยู่ทรงมากๆ แต่ไม่แข็ง ไม่เหนียว ดูเป็นธรรมชาิติมากๆ








แบ่งผมเป็นสองข้าง แล้วใช้มูสประมาณเท่าลูกเทนนิส (ต่อผมหนึ่งข้างนะคะ)




จริงๆแล้วบางคนอาจจะชอบใส่มูสเยอะๆ เพื่อความอยู่ทรง

แต่นิเคยลองแล้ว นิรู้สึกว่า มันทำให้ผมดูเยิ้มเกินไปค่ะ ไม่ค่อยธรรมชาิติเท่าไหร่








ขยำมูสให้ทั่วเส้นผม นิเริ่มข้างซ้ายมือของนิก่อนนะคะ




พยายามลูบให้ทั่วถึง และถ้ารู้สึกว่ามูสไม่พอ ค่อยมาเพิ่มมูสตอนนี้ก็ได้ค่ะ








โรลม้วนผมที่นิใช้เป็นของ LeSasha ค่ะ แต่ไม่ใช่ตัว 7 วัน 7 ทรงนะ

สำหรับไซส์ของโรล นิจำไม่ได้แล้ว แต่ไซส์จะขนาดพอๆกับขนาดปกติที่เราเห็นทั่วไปค่ะ

เคยคิดอยากจะซื้อไซส์ใหญ่กว่านี้เหมือนกัน

แต่มีหลายคนบอกมาว่า ใช้ไซส์ใหญ่แล้วลอนคลายเร็ว ไซส์ปกติกำลังดีแล้ว

และยี่ห้อนี้ดีจริงๆค่ะ ทนทานมาก นิใช้มาหลายปีแล้ว

แถมดัดผมค่อนข้างบ่อย ไม่เคยงอแงเลย

ร้อนก็กำลังดี แต่ร้อนเร็วปานกลาง ไม่ได้เร็วมากค่ะ










เริ่มม้วนทีละช่อ




เอาจริงๆ นิไม่เคยนั่งแบ่งช่อผมแบบเป็นกิจลักษณะเลยค่ะ

คือจับได้ตรงไหนก็เอามาม้วนๆเลย ไม่ได้เน้นมาก ณ ส่วนนี้

นิเริ่มจากผมช่วงบนก่อน แล้วค่อยๆม้วนไปถึงผมช่วงข้างใน และด้านหลังค่ะ










ใช้โรลไฟฟ้าหนีบช่วงกึ่งกลางของความยาวของผมเรา

จะช่วยให้ตัวโรล หนีบผมเราได้แน่นกว่าหนีบตรงปลายผมเลยนะคะ

นิใช้มือขวาในการม้วนผมด้านซ้่าย และใช้มือซ้ายม้วนผมด้านขวาค่ะ

ให้โรลเฉียงทำมุมประมาณ 45 องศา กำลังดีนะคะ










ดึงโรลไฟฟ้าลงมาช่วงปลายผม ระวังอย่าให้ลงมาปลายผมมากเกินไป

เพราะช่วงปลายผมของคนเราจะบางกว่าช่วงโคนผมค่ะ โรลจะหลุดง่าย

ทิ้งปลายผมไว้ประมาณ 1" หรือ 1.5" กำลังดีค่ะ










ม้วนผมโดยหมุนเข้าหาตัวเอง ใช้มือซ้ายช่วยจับ จะง่ายขึ้นค่ะ











นิมักจะม้วนผมจนถึงโคนผมเลย เพราะมันจะดูพองสวยกำลังดี

แต่ถ้าบางคนชอบให้หยิกแค่ช่วงปลายๆผม ก็ไม่ต้องม้วนถึงโคนผมก็ได้นะคะ

ลองจับดูแล้วรู้สึกว่า ผมบนโรลเริ่มอุ่นๆก็เอาโรลออกได้เลยค่ะ











ลอนที่ได้จะเป็นม้วนๆเด้งๆเหมือนตุ๊กตาแบบนี้นะคะ

พยายามอย่าเพิ่งจับ หรือจัดทรงกับลอนผมตอนนี้นะคะ

ปล่อยให้ผมเย็นตัวก่อน ค่อยจัดทรง

เพราะถ้าเราจัดทรงขณะที่ผมยังร้อนอยู่ ลอนจะเสียทรงได้ง่ายค่ะ








ทำให้ครบซีกซ้าย ก็จะได้ออกมาแบบนี้




ไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องการแบ่งผมมาก

แค่พยายามดัดให้ครบก็พอค่ะ








หลังจากที่ดัดครบทั้งสองข้างแล้ว ก็จะออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ




ตอนนี้ลอนผมเราจะกอดๆกัน ไม่พองเท่าไหร่









แล้วเราก็มาเริ่มวิธีทำผมให้พองกันดีกว่า




กะผมออกเป็นสองส่วนแบบนี้นะคะ เราจะทำการม้วนผมแบบยกโคนผมกัน











จับผมช่อที่ 1 ขึ้นมา แล้วม้วนจากด้านบน

ม้วนแค่ครึ่งหนึ่ง(ช่วงโคนผม)ของความยาวของผมเราก็พอค่ะ

เพราะช่วงปลายผมเราม้วนจนมันหยิกแล้ว












ม้วนโดยหมุนข้อมือไปด้านหลัง แล้วพักไว้ซักครู่ค่ะ












พอเอาโรลออกแล้ว ผมจะพองขึ้น












แล้วเราก็ม้วนช่อที่ 2 ช่วงด้านหลังด้วย

สังเกตุว่าช่วงช่อแรกที่เราทำ นอกจากจะช่วยให้ผมดูพองขึ้นแล้ว

ยังช่วยให้ผมช่วงด้านบนหยิกขึ้นด้วยค่ะ











นี่คือผลที่เราใช้โรลม้วนช่วงผมด้านบน เพื่อจะยกโคนผมให้ดูพองขึ้น

เปรียบเทียบดูแล้ว ผมดูพองขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย










ยังไม่เสร็จค่ะ




หลังจากเราม้วนผมเสร็จแล้ว เราก็มาสางผมกัน

เพื่อไม่ให้ลอนผมดูเป็นหลอดๆแบบจงใจเกินไป

และยังช่วยให้ลอนผมคลายตัวเล็กน้อย ดูลอนใหญ่ขึ้นค่ะ












และถ้าใครอยากให้ผมดูพองกว่านี้อีก ก็ใช้วิธียีผมช่วยค่ะ

จะช่วยให้ผมดูพอง ฟู และหนามากขึ้น












หลังจากทำผมเสร็จแ้ล้ว

อย่าลืมฉีดสเปรย์เพื่อทำให้ผมอยู่ทรงยาวนานขึ้นด้วยนะคะ

นิใช้ Pantene Pro-V Style Volume&Body Spray&Sway

(Flexible Hold)

กลิ่นหอมมากๆ เหมือนกลิ่นแชมพูแพนทีนเลยค่ะ นิเลือกแบบไม่แข็งมาก จะได้ดูเป็นธรรมชาิติที่สุด












เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ วิธีการดัดผมให้พองฟู

พองสมใจเลยมั้ย ^^













จริงๆนิทำ How To ที้งไว้หลายวันแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาเอามาลงซักที

พอดีวันนั้นเพื่อนมาขอให้เป็นแบบถ่ายภาพ Theme Wanna Be A Doll ค่ะ

เพื่อนเค้าต้องการจะสื่อถึงวัยรุ่นในประเทศเค้า(ญี่ปุ่น)ชอบที่จะแต่งหน้าทำผมเหมือนตุ๊กตาค่ะ

หลังจากทำผมเสร็จ นิก็เลยแต่งหน้าใหม่หมด เพื่อให้เข้ากับ Theme ที่เพื่อนขอมา

มาดูกันเลย














เมคอัพสำหรับลุ๊คตุ๊กตา














เหมือนตุ๊กตาบ้างมั้ยเนี่ยะ













ผมพองๆ อิอิ















พยายามทำหน้าแข็งๆแบบตุ๊กตา















เปลี่ยนชุดติดหูแมว เพื่อนอยากได้ภาพอารมณ์คอสเพลย์ด้วยค่ะ ^^"















แอ๊บแบ๊วสุดๆ ฮ่าๆๆ
















ปิดท้ายด้วยภาพนี้ละกันนะคะ แอบชอบเป็นการส่วนตัว ฮี่ๆ













ขออภัยหากภาพบางภาพเบลอเกินไป

และหน้านิก็หลอนเกินไปไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ^^"





ขอบคุณที่ติดตามค่ะ มีอะไรติชมได้นะคะ

และเหมือนเดิม

หากใครต้องการจะนำรูปของนิไปแปะที่เว็บอื่นๆ กรุณาขออนุญาติก่อนด้วยนะคะ

และต้องได้รับการอนุญาติก่อนด้วยเช่นกัน

ไม่อยากมีปัญหาค่ะ เข้าใจกันด้วยนะคะ

กรุณาอย่าละเมิดสิทธิกันและกันเนอะ ^^










 

Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2553 17:48:16 น.
Counter : 6353 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  

miNipanda-z
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 236 คน [?]





Twitter




email


Twitter


Instagram






Main Page


Kute Club




Group Blog
  • Blog Arts
  • Blog Arts
  • Blog Update
  • Blog Chill
  • Blog Diary
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add miNipanda-z's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.