rough the movie



เผอิญไปเจอข่าวการ์ตูน rough ของอาดาจิ มิซึรุ จะออกมาเป็นหนัง
รู้สึกตื่นเต้น เพราะเป็นการ์ตูนที่เราชอบมาก อาจจะเท่าๆกับ touch หรือมากกว่า

ความจริงไม่ได้เป็นแฟนหนังญี่ปุ่นเท่าไหร่ เพราะเท่าที่ดูมาหนังส่วนใหญ่จะมีความเงียบ และความนิ่ง จนบางครั้งรู้สึกอึดอัด หนังเกาหลีบางเรื่องก็เงียบเหมือนกัน แต่รู้สึกเหมือน
เข้าถึงได้มากกว่าอย่างเรื่อง One Fine Spring Day ที่เคยเขียนไปแล้ว ถ้าเป็นหนังญี่ปุ่น
เรื่องที่ลงทุนซื้อ dvd special edition เลยคือ Crying Out for Love, in the
Center of the World

บางทีอาจจะเป็นเพราะเป็นหนังโรแมนติค...

rough นำแสดงโดย มาซามิ นากาซาว่า ที่เล่น Crying Out มาก่อน กับ ฮายามิ
โมโกมิชิ จาก Brother Beat ซีรีส์ทางไอทีวี (ดูหน้าตาแล้วก็ใช้ได้นะ) กำกับโดยผู้กำกับ
คนเดียวกับที่กำกับ Nana (เรื่องนี้วันก่อนนั่งดูแล้วรู้สึกเฉยๆ อาจจะเป็นที่เสียงพากย์กับ
บทแปล พี่สาวที่ฟังญี่ปู่นออกบอกว่าบทพูดของนานะคนเปรี้ยวจะโหดกว่าที่แปลมา) เขียนบทโดยคนที่เขียนบท Densha Otoko ...มีแต่คนดังๆทั้งนั้นเลยแฮะ

อยากดูจัง...




 

Create Date : 23 กันยายน 2549    
Last Update : 23 กันยายน 2549 18:55:38 น.
Counter : 930 Pageviews.  

a good web: peter callesen



ไม่มีเวลาเขียน แต่อุตส่าห์แวบไปดูเวบสวยๆ เสริมแรง
บันดาลใจ เข้าไปดูงานของคุณคนนี้เต็มๆได้ที่
Peter Callesen

ความงามมาพร้อมกับความอุตสาหะจริงๆ
.....




 

Create Date : 14 กันยายน 2549    
Last Update : 14 กันยายน 2549 14:38:26 น.
Counter : 419 Pageviews.  

design lecture: ดีไซน์คือทรัพย์สิน

ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่บ่ายสองโมงวันอาทิตย์ เรากับ
พี่สาวจะต้องไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อ ณ ห้องเอดิทอเรี่ยมที่ tcdc
คราวนี้หัวข้อ design lecture คือ Discovering the Potential of
Design โดย ทากุ ซาโตะ กราฟฟิคดีไซน์เนอร์มือรางวัล

ทากุ ซาโตะคือใคร สิ่งที่จะอ้างถึงได้ชัดที่สุดคือเขาออกแบบบรรจุภัณฑ์
หมากฝรั่ง lotte coolmint



ฟังดูแล้วธรรมดาใช่ไหม แต่ลองมาฟังเบื้องหลังการทำงานของเขา
ดีกว่า แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมเขาจึงประสบความสำเร็จขนาดได้รับเชิญ
ไปบรรยายทั่วโลก

ซาโตะเริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า ดีไซน์คือทรัพย์สิน เป็นทรัพย์สิน
อย่างไร เราขอสรุปแยกเป็นสองข้อตามความเข้าใจ:

• ทรัพย์สินที่เกิดจากสิ่งที่ได้พบเห็น ประสบการณ์ที่ผ่าน นำมา
ประมวลเป็นข้อมูลรากฐาน และพัฒนาเป็นไอเดีย

• ทรัพย์สินที่เกิดจากดีไซน์ที่มีอยู่แล้ว นำมาเชื่อมโยง พัฒนา
ให้เกิดสิ่งใหม่

แบบที่สองนี่เป็นวิธีการที่เรียกว่า redesign ซึ่งในที่นี้ตัวอย่างที่ยก
มาก็คือหมากฝรั่ง coolmint นี่แหละ รูปข้างบนคือ package ที่
redesign แล้ว ดีไซน์เดิม(น่าเสียดายที่หารูปไม่ได้)ที่ Lotte วาง
ขายมากว่า 35 ปีมีลักษณะ layout แบบเก่า คือ มีรูปเพนกวิน
อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมพร้อมโลโก้ coolmint อยู่ข้างๆ ดูแล้วค่อน
ข้างเชย งานของซาโตะก็คือออกแบบใหม่ให้ดูทันสมัยเข้ากับยุค

สิ่งที่น่าสนใจคือ ซาโตะ ไม่ได้คิดจะหาสิ่งใหม่มาแทนที่ เขาเห็นว่า
เพนกวินกับโลโก้ coolmint เป็น ภาพถาวรที่มีอยู่ในหัวคนซื้อ
แล้ว เรียกว่าคนที่ซื้อประจำ มองตามแผงผ่านๆก็สามารถคว้ามา
จ่ายเงินได้เลยโดนไม่ต้องมานั่งดูรายละเอียด ซาโตะจึงอาศัย
"ทรัพย์สิน" ของดีไซน์เดิมมาใช้ใหม่ เพียงแค่ปรับแต่ง layout ง่ายๆ
แต่ออกมาดูดี และทันสมัยเท่านั้น

ในเมื่อมีดีไซน์ใหม่แล้ว ก็ไม่ควรให้มันหยุดอยู่แค่นั้น มันไม่สนุก
หรอก ลองดูกระดาษห่อ coolmint ข้างล่างสักนิด



เห็นอะไรแปลกๆ ไหมเอ่ย....

เห็นแล้วใช่ไหม...เพนกวินตัวที่สองจากขวา...มันยกมือฮับ
จริงๆ ดีไซน์เดิมนั้น เพนกวินเป็นเพนกวินธรรมดาไม่ได้ยกมือยกไม้
อะไรหรอก ทีนี้ตาซาโตะแกตาไวไปเห็นว่า background กระดาษ
ห่ออันเก่ามีปลาวาฬกำลังพ่นน้ำอยู่ แถมเพ่งละเอียดขนาดว่า น้ำที่
พ่นมามันพ่นไปทางขวา คุณพี่ก็เลยปิ๊งไอเดียว่า package ใหม่น่าจะ
มีอะไรที่เชื่อมโยงกัน ก็เลยกลายมาเป็นเพนกวินยกมือนี่แหละ

ผ่านไปแปดปี ซาโตะเริ่มคิดอะไรแผลงๆอีก เขากระซิบมาว่าใน
บรรดาห่อหมากฝรั่งเพนกวินห้าตัวนี่ จะมีเวอร์ชั่นแปลกๆแทรกอยู่
อย่างในรูป



นอกจากนี้ ห่อที่วางขายตามสถานีรถไฟสาย JR ก็จะเป็นเพนกวิน
โหนรถไฟ เรียกว่าระหว่างการบรรยายช่วงนี้เรียกเสียงฮาได้ตลอด
ซาโตะยังบอกด้วยว่า อะไรแปลกๆเล็กๆน้อยๆนี่แหละ จะทำให้เกิด
ปรากฎการณ์ ปากต่อปาก เป็นคุณ ถ้าเผอิญไปเจอว่าหนึ่งในเพนกวิน
ห้าตัวบนห่อหมากฝรั่งยี่ห้อหนึ่ง มันหันไปทางซ้าย ในขณะที่ตัวอื่น
หันไปทางขวา คุณจะบอกเพื่อนคุณไหม หรือถ้าหมากฝรั่งที่มีลาย
ต้นสนยืนเรียงกันเฉยๆ ที่คุณซื้อได้ทั่วไป วันหนึ่งเผอิญไปซื้อที่สถานี
รถไฟแล้วสังเกตเห็นว่า ต้นสนมันไม่ได้ยืนเฉยๆแล้ว มันกำลังถูกขน
ไปที่ใดที่หนึ่งบนรถคันยาว คุณจะไม่เรียกคนข้างๆคุณมาดูเชียวหรือ

ทฤษฎีการสื่อสารจากสินค้าไปสู่ผู้บริโภค จากผู้บริโภคไปสู่ผู้บริโภค
เป็นกลยุทธทางการตลาด ที่ลงทุนแค่ไอเดียเล็กๆ เล่นๆแต่จำแม่น
นี่แหละ

การนำสิ่งเล็กๆน้อยๆมาเชื่อมโยง เล่าเรื่องราว ทำให้สินค้าที่ดู
เหมือนเป็นตัวแทนระบบทุนนิยม การเงิน แปลงร่างมาเป็นศิลปะ
ทางไอเดียเล็กๆที่น่าสะสมไปได้หน้าตาเฉย ไม่แปลกที่คุณคนนี้
แกจะดัง

นอกจากนี้ ถ้าดูจากผลงานในเวบไซต์ tsdo.jp จะเห็นว่างานจะ
ไม่มีความวิลิศมาหราอะไรมาก แต่กลับมีความสำคัญในตัวมันเอง
อย่างเช่น



ดูออกไหมว่า มันคือขวดเหล้า ซาโตะอธิบายมาว่าเขาอยากได้
ขวดเหล้าที่สามารถเข้ากับสิ่งแวดล้อมใดๆก็ได้ และสามารถให้
มันกลายมาเป็น "ทรัพย์สิน" เมื่อดื่มหมดด้วย นั่นก็คือ การ reuse
นั่นเอง



เท่าที่ฟังการบรรยายมาหลายคน สิ่งหนึ่งที่ทุกคนพูดตรงกันก็คือ
นักออกแบบที่ดีจะต้องมีสำนึกในเรื่องของสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่อง
ธรรมดาที่เมื่อสร้างสินค้าใดๆขึ้นมา เมื่อหมดหน้าที่มันก็จะกลาย
เป็นขยะ หน้าที่ของนักออกแบบคือ ออกแบบสิ่งที่สามารถอยู่ได้
นาน และมีโอกาสเป็นขยะให้น้อยที่สุด อย่าสักแต่ว่าออกแบบให้
สวย แต่ไม่มีคุณค่า นั่นไม่เรียกว่าดีไซน์ที่ดี...

ผลงานการออกแบบของซาโตะแม้จะดูเรียบๆ แต่ก็มีอะไรบางอย่าง
ที่มีเสน่ห์ และคิดว่าส่วนหนึ่งมาจากบุคลิกตัวตนของเจ้าตัวเอง
ความเป็นคนมีอารมณ์ขัน พูดเก่ง น่าจะเป็นส่วนที่เขา "ขาย" งาน
ได้ ฉะนั้นงานธรรมดาจึงกลายเป็นไม่ธรรมดาไป

หลังจากจบบรรยาย เราสองคนพี่น้องติดใจเจ้านกเพนกวินจนต้อง
ตามไปดูที่ซุปเปอร์ แต่เจ้านกเพนกวิน coolmint ฉบับไทยนั้น
กลับโดนเนรเทศ แถมถูกบีบจนตัวเล็กไปอยู่ข้างห่อที่มีความสูง
ไม่เกินหนึ่งเซนต์เสียอย่างน้ัน เหตุผลที่พอคิดได้ น่าจะเป็นที่พี่ไทย
เราต้องการเน้นให้มีโลโก้ทั้งสองด้าน เรียกว่าเน้นขายทางตรง
ลูกเดียว ไอเดียขายทางอ้อมเล็กๆ(แต่ได้ผลใหญ่) จึงด้อยด่าใน
เมืองไทยไปอย่างน่าเสียดาย...




 

Create Date : 20 มีนาคม 2549    
Last Update : 20 มีนาคม 2549 19:16:31 น.
Counter : 590 Pageviews.  

design lecture : the thoughts behind my design

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พี่สาวชวนไปฟังเลคเชอร์ที่ tcdc
ที่เอมโพเรี่ยม หัวข้อคือ The Thoughts behind My Design
โดย Fumie Shibata นักออกแบบผลิตภัณฑ์จาก Design Studio S คนที่เคยไปดู DNA of Japanese Design น่าจะจำ Omron Thermometer กับ ของใช้เด็ก combi ได้ ของใช้เรียบๆ สีสัน
สดใส มาดูกันว่าอะไรคือเบื้องหลังการออกแบบงานของเธอ



ไม่พูดพล่ามทำเพลงมาก เธอเปิดประเด็นด้วยงาน Omron
Thermometer ปรอทวัดไข้ ที่ตอนฉันเห็นของจริงก็รู้สึกเฉยๆ
เรียกว่ารูปที่ถ่ายมาโชว์ประกอบคำบรรยายสวยเกินจริงด้วยซ้ำ
แต่พอฟังเหตุผล แรงบันดาลใจ วิธีการรวบรวมความคิดแล้ว ก็ให้
อยากไปดูของจริงอีกรอบ ความรู้สึกประมาณฟังประวัติศาสตร์
เบื้องหลังภาพโมนาลิซ่ายังไงอย่างนั้น

การดีไซน์ทุกอย่าง ต้องมี concept ที่ชัดเจนเป็นแนวทาง
keywords สำหรับงานนี้คือ mother's love

ปรอทที่ใช้ในบ้าน ผู้ที่ใช้ก็น่าจะเป็นแม่ที่มีความเอาใจใส่ดูแลลูก
ชิ้นงานจึงต้องออกมาอ่อนโยนนุ่มนวล ไม่ใช่แข็งกระด้าง
เป็นเครื่องมือแพทย์ที่น่ากลัว พื้นผิวเว้าโค้งทำให้ดูน่าจับต้อง
แทนที่ปรอทที่ใช้กันทั่วไปก่อนหน้านี้ ก็เป็นตัวเลขดิจิตัลอ่านง่าย
การวัดไข้สำหรับคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะให้เด็กหนีบไว้ใต้รักแร้
ตัวปรอทจึงทำให้เรียบแบนไม่หมุนหรือหลุดง่าย ทั้งรูปร่างยังไม่
ทำให้เด็กกลัวด้วย ชิบาตะยังสรุปด้วยว่ารูปร่างของวัตถุก็มีผลต่อ
อารมณ์ของคน แต่เธอก็ยังย้ำว่า การออกแบบนั้นสิ่งแรกที่ต้อง
คิดคือ ความหมายและการใช้ประโยชน์ แล้วจึงค่อยปรับให้ออก
มาเป็นรูปร่าง ไม่ใช่คิดแต่เพียงว่าจะให้ออกมาสวย มีสไตล์อย่าง
ไรก่อน (ไม่งั้นจะทำให้เรามัวแต่จำกัดความคิดในกรอบรูปร่าง
ที่เราตั้งไว้>>คนเขียนคิดนะ)



งานอีกชิ้นที่น่าสนใจคือ Shiseido Prepare มีดโกนสำหรับสตรี
ที่ดูเผินๆแล้วอาจจะธรรมดา เพียงสวยเท่านั้น แต่คนออกแบบบอก
ว่าใช้เวลาคิดนานมาก นั่งดูวีดีโอการโกนเป็นชั่วโมงๆ เพื่อหาวิธีการออกแบบสินค้าที่ช่วยเสริมการโกนที่ถูกวิธี เธอพบว่าการโกนขนที่ดี
นั้นจะต้องโกนลงตามเส้นขน ไม่ใช่โกนย้อนโคนขน จึงมาลงตัวที่
Prepare โดยมีจุดเด่นที่ด้ามจับที่บังคับคนใช้ให้โกนลงโดนอัตโนมัติ
เพราะตัวด้ามจะทำให้จับไม่ถนัดหากโกนขึ้น

งานสุดท้ายที่ฉันสนใจคือ Muji Flexible Sofa Muji หรือ Mujirushi Ryohin หรือ ของดีไม่มียี่ห้อ แบรนด์สินค้าครอบจักรวาลที่เน้น
ประโยชน์ใช้สอย กับดีไซน์เรียบง่าย



ดูรูปแล้วก็คงสงสัยว่าเป็น sofa ยังไง ดูๆก็เป็นหมอนธรรมดาเท่านั้น
งานนี้มี target ที่คนรุ่นใหม่ที่โยกย้ายนิวาสถานบ่อย การออกแบบ
จึงให้เคลื่อนย้ายง่าย รูปร่างหน้าตาเรียบๆเข้ากับสไตล์การแต่งห้องง่าย
ที่น่าสนใจคือวัสดุที่ใช้บุในแต่ละด้านจะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน
อย่างเช่น ด้านหนึ่งจะเป็น canvas ที่ไม่ยุบตัว รองรับน้ำหนักได้
โดยรูปร่างไม่เสีย สามารถนั่งเป็นเก้าอี้ธรรมดา อีกด้านเป็นส่วนที่
ยืดหยุ่น นั่งแล้วยุบตัว หมอนสี่เหลี่ยมก็กลายเป็น sofa อย่างที่เห็น
ในภาพ



ความจริงยังมีงานที่น่าสนใจอีกหลายชิ้น เช่น Combi Baby label
เข้าไปดูที่เวบเธอได้

มีสองความคิดจากเธอที่ฉันติดใจคือ
"สังคมที่มี design ที่ออกแบบมาจากแนวคิดความห่วงใยกันและกัน
จะเป็นสังคมที่มีความสุข" กรณีนี้ครอบคลุมไปถึง การออกแบบผลิต
ภัณฑ์ที่ใช้ได้นาน หรือมีโอกาสเป็นขยะให้น้อยที่สุด

อีกอย่างที่โดนใจอย่างแรงคือ เธอบอกว่าเธอพึ่งมาไทยเป็นครั้งแรก
และอิจฉาที่ไทยมี energy สูง ตามความคิดของเรา น่าจะหมายถึง
คนไทยมีศักยภาพที่จะผลักดันการออกแบบให้ก้าวหน้าไปไกลได้
ไม่ว่าจะเป็นในแง่วัฒนธรรม ประเพณี ความหลากหลายทางสังคม
หรือวัสดุ ทรัพยากรที่เรามี (แต่เราใช้มันอย่างถูกต้องและเต็มที่แล้ว
หรือยัง ฉันยังสงสัย)

การบรรยายนี้น่าสนใจ เคลียร์ เข้าใจง่าย ไม่เยิ่นเย้อ ถึงคนไม่ได้
เรียนหรือไม่ได้ทำงานด้านนี้ก้น่าจะสนุกและเรียนรู้จากการพูดครั้ง
นี้เพราะเป็นสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว การรู้เหตุผลความเป็นไป ทำให้เรามอง
ทุกสิ่งรอบตัวเราอย่างพิจารณามากขึ้น เพราะทุกสิ่งมีเหตุผลใน
ตัวมันเอง

อาทตย์หน้า 26 กุมภา จะมีการบรรยายของ Luca Buttafava
จาก Domus Academy สถาบันออกแบบในยุโรป หัวข้อ the
Importance of Research for designers, the Scope and
the Reason "ทำไมงานออกแบบของอิตาเลียนจึงลงตัวทั้งในแง่
การดีไซน์และการใช้งาน และที่สำคัญ ขายได้"

ใครสนใจไปฟังกัน




 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 20 มีนาคม 2549 19:25:53 น.
Counter : 330 Pageviews.  

a good web: pingmag.jp



จำไม่ได้แล้วว่าไปเจอลิ๊งค์เวบนี้ที่ไหน เห็นเป็นเวบเกี่ยวกับ design มีบทความน่าสนใจหลายอย่างเลย bookmark ไว้ แต่ความที่เป็นภาษาอังกฤษและยาว บางทีก็เลยขี้เกียจอ่าน วันนี้หวนกลับไปดูก็เจอบทความน่าสนใจเลยเอามาแนะนำกันดู

สมัยนี้ใครๆก็มี blog กัน หลายคนรวมทั้งเราด้วยใช้เขียนอะไรสัพเพเหระ แล้วแต่ใจอยากเขียน แต่ก็มีหลายบล๊อกที่มี concept ของเวบชัดเจน และก็เป็นความสนุกของเราที่จะค้นหาเวบที่น่าสนใจ ตามหัวข้อที่อยากอ่าน หัวข้อประจำของเราคือ design กับ illustration

pingmag เป็นหนึ่งในหลาย web magazine ที่สร้างโดยทีมงาน IMG SRC,inc.บริษัทดีไซน์แห่งหนึ่งในโตเกียว ในเมื่ออยู่ในโตเกียวบทความส่วนใหญ่จึงเกี่ยวกับ design technology ของญี่ปุ่น แต่ก็มีหลายบทความที่พูดถึงระดับโลกด้วย

ดีไซน์ของญี่ปุ่นเป็นสไตล์ที่เราชอบโดยเฉพาะ และคิดว่าคนญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีความคิดสร้างสรรค์ (ดูง่ายๆจาก ทีวีแชมเปี้ยน ก็ได้) เราเคยคิดว่าญี่ปุ่นเหมือนกับอเมริกันในแง่ที่ว่าสนใจแต่ตัวเอง พัฒนาแต่ตัวเอง แต่ความรู้โลกภายนอกเท่ากับศูนย์ แต่ตอนนี้อาจจะเปลี่ยนไปนะ

สิ่งที่น่าสนใจในเวบนี้ก็คือบทความที่ถึงแม้จะมีแกนหลักเกี่ยวกับ design แต่ทุกบทความก็แทรกข้อมูลทางวัฒน-ธรรมที่ไม่จำกัดเฉพาะญี่ปู่น แต่รวมทั่วโลกไว้ด้วย ที่สำคํญคือถึงจะเป็นภาษาอังกฤษแต่ก็เข้าใจง่าย อ่านสนุก
บทความล่าสุดที่น่าสนใจ แถมภาพสวย พูดเกี่ยวกับ บุหรี่ในญี่ปุ่น

หรือถ้ายังฟุ้งกับวันวาเลนไทน์ก็ไปอ่าน Valentine Choco นะจ๊ะ

ใครสนใจแนวคิดเกี่ยวกับสังคม ผ่านทางศิลปะ ดีไซน์ น่าจะชอบเวบนี้นะ

design: เรียบ แต่ดูดี
content: เนื้อหาดีมากกก เสริมความรู้ เขียนสนุกด้วย
navigation: ง่ายดีฮับ




 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2549 9:48:56 น.
Counter : 352 Pageviews.  

1  2  

แมวปิลาร์
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นคนที่มีความสนใจในสิ่งต่างๆ
เป็นวาระ บางครั้งอาจบ้าดูหนัง
บางทีก็บ้าเล่นเน็ต อีกหลายๆ ทีก็
็บ้างานศิลปะ แต่ที่บ่อยหน่อยคือ
บ้าหนังสือ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน
กันไป ให้ชีวิตที่แสนเรียบมีสีสัน
เล็กๆก็ยังดี

I'm quoting
reflection on you,
yourself

my web



Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แมวปิลาร์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.