มาดามฟราย...ชีวิตที่เลือกเอง กับ ฝันที่เป็นจริง
 
ตอนที่ 13 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (Honeymoon แอบขม)

ตอนที่13 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (Honeymoon แอบขม)

ฮันนีมูนที่เกาะช้าง 25-27 พฤศจิกายน 2014

เช้าวันที่ 25 พฤศจิกายน เราออกจากบ้านตอนเก้าโมงเช้าเรียกแท็กซี่ไปสนามบินสุวรรณภูมิ คีธมีเป้หนึ่งใบใส่โน้ตบุ้คและของใช้ส่วนตัวของเค้า ส่วนมาดามมี 3 เพราะว่าผู้หญิงสมบัติเยอะกว่า ได้แก่กระเป๋าถือ/สะพาย กระเป๋ากล้อง และกระเป๋าแบบหิ้วใบใหญ่มีเสื้อผ้าของเราสองคนและอย่างอื่นไม่ว่าจะเป็น รองเท้าเดินชายหาด ชุดว่ายน้ำ เครื่องสำอางครีมกันแดด....เราสวมเสื้อยืดคู่รัก สีขาว พิมพ์สกรีนด้วยผ้าสักหลาด ตัวของคีธ Will you marry me? ส่วนของมาดาม Yes, I will เสื้อคู่นี้มาดามสั่งทำแล้วยืนรอรับในงานประจำปีพระสมุทรเจดีย์


แท็กซี่พาเรามาถึงสนามบินฯพยามหาที่จอดที่ใกล้ทางเข้า Bangkok Airway แต่แถว ๆ นั้นมาดามไม่คุ้นเคยคีธแย้งว่า “ไม่...มันไม่ใช่ที่นี่แพท” อ้าวแล้วกันแล้วมันจะเป็นที่ไหนล่ะ      “มันเป็นอีกที่หนึ่ง...มีสนามบินอีกแห่งหนึ่ง” มาดามพยามมองหาป้ายสายการบินที่ติดโชว์ละลานตา แต่นาทีนั้นหาไม่พบต้องลงรถแล้วค่อยหา...พาเราลงจากรถจ่ายเงินแท็กซี่ในใจก็ยังงง ๆ ว่าทำไมเค้าคิดว่ามันไม่ใช่สุวรรณภูมิ มาดามจำได้ตอนเข้าไปในเว็บของสายการบินฯ ยังแปลกใจว่าทำไม Bangkok Airway บินจากสุวรรณภูมิ  (ไม่เหมือนสายการบินในประเทศอื่น ๆ) ยังแอบดีใจว่าไม่ต้องถ่อสังขารไปดอนเมือง แล้วนี่คีธมาทำให้สับสน....และโวยวายไม่เลิกบอกว่าเราต้องไปที่โน่น ๆ...

เราเริ่มขัดแย้งกัน และมาดามรู้สึกโกรธขึ้นมาแล้ว...เค้าก็เสียงแข็งยืนยันนั่งยัน และแทบจะลงไปนอนยันว่าไม่ใช่ที่นี่....แต่มาดามต้องเข้าไปพิสูจน์ช้าไม่ได้ มองหารถเข็นได้มาคันนึงใส่สัมภาระลงไปแล้วให้เค้าเข็นตาม...ถามทางเจ้าหน้าที่ๆ ชี้ทางให้ เราเดินไปไกลพอสมควร (ถ้าจอดรถหลังจากเลี้ยวเข้ามาใต้ชายคาอาคารปั๊บก็จะอยู่ใกล้ทางเข้าพอดี) เห็นประตูทางเข้าแล้ว...เราผ่านเข้าไป...หยุดสำรวจครู่หนึ่ง ก็ไม่เห็นป้ายสายการบินอีก...เลยถามเจ้าหน้าที่เธอก็ชี้ไปทางขวา บอกว่าอยู่ตรงล็อค F (ไม่แน่ใจนะ) เดินมาได้นิดก็ถึงพอคีธเห็นป้าย Bangkok Airway เค้าก็ขอโทษแต่มาดามยังเคืองเค้าอยู่นะ (คิดว่าคนอะไรหัวดื้อชะมัด...จำไว้นะที่หลังอย่าพยายามเถียงเมีย)

หลังจากเช็คอินที่เค้าน์เตอร์ เราลงมานั่งรอที่ห้องผู้โดยสารในประเทศขาออกคีธชวนคุยนี่นั่น มาดามก็ไม่มีอะไรจะทำ ก็ยอมพูดด้วย แล้วก็ถ่ายวีดีโอฆ่าเวลา...จนได้เวลาขึ้นรถส่งผู้โดยสารไปขึ้นเครื่องบิน...เครื่องบินภายในประเทศเครื่องมันเล็กกระจิ๊ดริ๊ดเอง (ดูแล้วเล็กว่าลำที่มาดามเคยบินไปเชียงรายแต่อ้อ..น่าจะเท่ากับเครื่องที่บินไปแม่ฮ่องสอนแหละ)...เที่ยวบินนี้มีคนไทยเพียงคนเดียวคือมาดามไม่รวมลูกเรือ เครื่องใช้เวลาบินชั่วโมงเดียวก็ถึงสนามบินตราด...คีธแวะเข้าไปซื้อตั๋วสำหรับรถตู้รับ-ส่ง สำหรับเราสองคน 900 บาท แพงโคตร ๆมาดามนึก....รถตู้พาเราไปลงเรือข้ามฝั่งไปยังเกาะช้าง ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที (ไม่แน่ใจ) เราออกจากรถ ขึ้นมานั่งรับลม ชมวิว บนชั้นสองของเรือคีธดื่มกาแฟดำ สูบบุหรี่ ครบเครื่อง...เราข้ามมาที่ท่าเรืออ่าวสับปะรดซึ่งอยู่บริเวณหัวเกาะ รถตู้ต้องไปส่งเราที่รีสอร์ทซึ่งตั้งอยู่บริเวณกลางเกาะต้องใช้เวลาเดินทางอีกประมาณครึ่งชั่วโมง...


ถึงแล้วค่า... Sea View Resort & Spa - Koh Chang บน หาดไก่แบ้ มาดามเลือกที่นี่จากทั้งหมดทั้งมวลในเกาะช้างลงตัวทั้งวันที่ต้องการ สถานที่ ห้องพัก สิ่งอำนวยความสะดวกความเป็นส่วนตัว ที่สำคัญได้ราคาพิเศษสุด ๆ ในช่วงนั้น 50%....แต่มีเรื่องไม่คาดฝัน...

เราหิ้วสัมภาระเข้าไปเช็คอิน...ได้กุญแจห้องและคำแนะนำสองสามเรื่องจากพนักงานต้อนรับ แล้วรถไฟฟ้าก็พาเราไปส่งที่ห้องมาดามรู้สึกเหมือนหลงเข้ามาในป่ายังไงยังงั้นที่นี่ยังคงความเป็นป่าธรรมชาติทั้งหมด รถไฟฟ้าพาเราแล่นสูงขึ้นไป และก็สูงขึ้นไปแล้วมาหยุดที่อาคารหลังที่อยู่สูงที่สุด (Top hill) ว้าว!


ขนของเข้าห้อง GRANDDELUXE SEA VIEW ภายในกว้างขวางดูสะดวกสบายแบ่งพื้นที่ลงตัว เมื่อเปิดประตูเข้าไป ตรงกลางเป็นทางเดิน....ฝั่งซ้ายมือเป็นตู้เสื้อผ้า...ห้องน้ำ....ห้องนอน....แล้วก็ห้องนั่งเล่นซึ่งมีโซฟาตัวยาวพร้อมหมอนอิงสองสามใบ...ฝั่งขวามือเป็นแคนทีน...ตู้/ลิ้นชักเก็บของที่ทำเป็นม้านั่งสำหรับสองคน...ห้องอาบน้ำฝักบัว....แล้วก็เค้านเตอร์ยาวขนานไปตามผนังห้องพร้อมกระจกบานใหญ่และยาวเท่าเค้าน์เตอร์ เรียกว่าที่เหลือเฟือสำหรับการนั่งทำงานและวางสรรพสิ่งของเราสองคน...หลังสุดเป็นกระจกบานเต็ม เปิดออกไปสู่ระเบียงชมทะเล


จัดเสื้อผ้าเข้าตู้...ภายในตู้มีของใช้เตรียมไว้ให้เราสองคนมี ชุดคลุมสีขาวสะอาด 2 ชุด รองเท้าเดินในห้อง 2 คู่ ร่ม 2 คัน และตู้นิรภัยสำหรับเก็บสมบัติล้ำค่า...คริ...ไม่มีอะไรล้ำเลอค่าเท่าสามีอีกแล้วตอนนี้...สำรวจห้องน้ำ...อ้อ!ตู้เสื้อผ้าสามารถเปิดด้านหลังจากห้องน้ำได้ด้วย ดีจัง..ในห้องน้ำมีตะกร้าชายหาดพร้อมผ้าเช็ดตัวคนละผืนไว้ปูนอน...ยังมีเซ็ทเครื่องอาบน้ำแพ็คเกจหรูตั้งเรียงรายสี/กลิ่นเดียวกันทั้งหมด ขวดบิ๊กบึ้มเลย...ไดร์เป่าผม อ่างอาบน้ำ (ถ้าอยากอาบน้ำไปพลางคุยกับที่รักที่อยู่ในห้องนอนไปพลาง...ก็สามารถเลื่อนบานหน้าต่างเปิดออกได้เห็นหน้ากันตลอดเวลาที่อาบน้ำ คิก ๆ)... แต่ถ้าไม่อยากนอนแช่ในอ่างก็ยังมีห้องกระจกสำหรับยืนอาบน้ำจากฝักบัวขนาดใหญ่ ที่โปรยจากเพดานลงบนหัวเราเลย...ห้องนี้แยกจากกันอย่างสิ้นเชิงเพราะอยู่คนละฟากมีทางเดินคั่น....มาถึงห้องแคนทีน...ดูเป็นมินิคิชเช่นนะ....

ห้องนี้แม้จะไม่ใช่ห้อง Suite แต่ก็ดีมากมายสำหรับมาดามแล้วละ...ที่ระเบียงข้างนอกนั่นกว้างขวางขนาดตีลังกาได้แปดสิบตลบ...แล้วค่อยบรรจงนั่ง ๆ นอนๆ ชมวิวทะเลก็ยังได้ มีเกาะเล็กเกาะน้อยที่อยู่ไม่ไกลดูแล้วไม่รู้สึกเวิ้งว้างว่างเปล่า...มองลงไปข้างล่างก็มีแต่ต้นไม้สูงใหญ่เต็มไปหมดจั๊กจั่นกรีดเสียงตลอดเวลา...


เราพักผ่อนอยู่ภายในห้องเปิดวีดีโอที่คริสถ่ายงานแต่งดูกัน...เจ้าคริสไม่เคยถ่ายวีดีโอด้วย Nikon ตัวนี้มาก่อนเธอไม่ได้ปรับ Focus ภาพจึงออกจะเบลอ ๆ และก็เคลื่อนวูบวาบตลอดเวลา (มือไม่นิ่งพอ) จนใกล้ค่ำก็หาทางลงไปเดินเล่นที่ชายหาด....เราต้องใช้บริการกระเช้าสำหรับขึ้น-ลงที่ชายหาดมีห้องอาหารให้บริการด้วย บรรยากาศดีทีเดียวเราเดินเล่นไปตามชายหาดและถ่ายรูปกันสักพักก็เริ่มหิว จึงกลับขึ้นไปที่พักซึ่งบนนั้นก็มีห้องอาหารอยู่ชั้นบนสุดสามารถมองวิวได้กว้างไกล...เรากินมื้อค่ำที่นี่ มีเพียงเราสองคนจริง ๆ....คีธซดไฮเนเก้น ระหว่างรออาหาร


 อิ่มแล้วก็กลับเข้าห้อง...ตอนนี้คีธอยากใช้อินเตอร์เน็ทแต่ไม่มีฟรีวายฟายในห้องพัก...เลยเช็คข้อมูล เขาบอกว่า ต้องซื้อการ์ดมีขายที่ล็อบบี้เช็คอิน...(นี่เป็นข้อเสียของที่นี่) เค้าลงไปนอนเล่นบนเตียงรอมาดามอาบน้ำเสร็จ....มาดามอาบน้ำเสร็จก็มาใช้คอมพิวเตอร์และเกิดอยากจะใช้อินเตอร์เนทขึ้นมาบอกให้เค้าลงไปซื้อ...เค้าหายไปนานมาก...และพอเปิดประตูเข้ามา ก็โยนการ์ดฯ ลงบนเค้าน์เตอร์... “อย่ารบกวนผมอีก” น้ำเสียงนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะมาจากเค้า ไม่พูดเปล่าเค้าชี้หน้ามาดามด้วย อันนี้ซิที่ทำให้มาดามโกรธจนตัวสั่น...ไม่รู้จริง ๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับเค้ากันแน่ทำไมเค้ากลายเป็นแบบนี้...ดูสารรูปซิเปียกซ่กไปทั้งตัว... “รู้มั๊ย ผมเหนื่อยผมหลงทาง ผมไม่รู้จะกลับมาที่นี่ยังไง ข้างนอกนั่นมันมืด ผมไม่ใช่คนแถวนี้” 

โอพระเจ้า...สามีชั้นหลงทางนี่เองแต่ทำไมเค้าไม่ขอให้พนักงานที่เคาน์เตอร์จัดรถมาส่งล่ะ...ถ้าเป็นตัวมาดามเองเป็นคนไปซื้อพอออกไปข้างนอก เห็นว่ามันมืด มาดามคงกลับเข้าห้องแล้วโทรศัพท์หาเค้านเตอร์ขอให้พวกเขาส่งการ์ดมาให้หรือถ้าไม่ได้เพราะต้องรูดบัตรเครดิตก็อาจขอให้เขาส่งรถขึ้นมารับ...เขาย่อมบริการอยู่แล้ว...แต่ทำไมสามีฉันเลือกที่จะทำให้ตัวเองหลงทางแล้วมาชี้หน้าเมียว่าตัวเองที่เพิ่งจะแต่งงานกันได้สองวัน!....บรรยากาศตึงเครียดสาหัส...ไร้อารมณ์จะใช้คอมพิวเตอร์...

มาดามย้ายไปนั่งที่โซฟาพร้อมกับความเงียบไม่ปริปากพูดได้แต่คิด...เอาไงวะตู Honeymoon กลับกลายเป็น Bittermoon ไปเสียแล้ว...สักพักเค้าก็ไปอาบน้ำนั่งแช่ในอ่างอยู่อย่างนั้น...ช่างแม่ง...ขึ้นเตียงนอนดีกว่า...แล้วจะนอนหลับมั๊ยล่ะท่าน...คิด พรุ่งนี้จะทำไงต่อตามโปรแกรมเราต้องออกไปเที่ยวที่น้ำตก...ปางช้าง เค้าอยากขี่ช้างอยากมีรูปที่ตัวเองนั่งบนหลังช้างเอาไปอวดแม่...มีโปรแกรมต้องไปว่ายน้ำในสระแต่เค้าไม่มีกางเกงว่ายน้ำมันติดไปในกระเป๋ารวมทั้งตัวที่เค้าซื้อให้มาดามด้าย...แต่ว่ามาดามซื้อจากเว็บอีเบย์สวยสดใสไว้ชุดนึง ตั้งใจจะใส่ครั้งแรกในชีวิต ตอนอายุ 52 ในวันที่มาฮันนีมูนนี่แหละ...เรายังมีโปรแกรมจะนั่งเรือไปเกาะ ฯลฯ เยอะ! จะกลับเลยก็ไม่ได้ทุกอย่างถูกบุคไว้หมด....

คีธอาบน้ำพอแล้วก็มานอน...เค้าไม่สนเมียตัวเองที่นอนหันหลังให้...เชอะตามใจ (รอด ไปได้อีกคืนแล้ว)....ไม่ถึงสองชั่วโมงเค้าก็หลับไปมาดามรู้เพราะเขาจะถีบขาทุกๆ 30 วินาที หรือเรียกว่า Jerk ซึ่งมันเป็นอาการที่ตัวเค้าเองไม่รู้สึกตัว มันเป็นโรคชนิดหนึ่งมาดามอ่านในเน็ท...เจิร์คแล้วยังไม่พอยังกรนเสียงสนั่นหวั่นไหว...มาดามจะหลับได้ไง สุดท้ายต้องคว้าหมอนมานอนที่โซฟา แล้วเอาผ้าขนหนูในตะกร้าชายหาดมาห่มนอน...ซ้อนสองผืน...คิด...นี่คงเป็นคู่แรกในประวัติศาสตร์โลกที่คู่ฮันนีมูน..ขมได้ขนาดนี้...ฉันมาทำอะไรที่นี่?

เช้าวันใหม่คีธก็มาขอโทษเมียบอกว่าเมื่อคืนสติแตกควบคุมตัวเองไม่ได้เพราะไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นมาก่อน...มาดามได้ทีเลยพูดว่า“ไอรู้ว่ายูโกรธ ก็โอเคแต่ไม่ชอบที่มาชี้หน้า นี่ขนาดเพิ่งแต่งงานกันยูยังทำแบบนี้แล้วถ้าตอนเราอยู่อเมริกาด้วยกัน ไอกลัวว่ายูอาจลงไม้ลงมือ หรือฆ่าไอก็ได้...จำได้หรือเปล่าอะไรที่ยูสัญญากับเจ้านายเก่าของไอเมื่อสองวันก่อน?” “จำได้...ผมขอโทษ ผมสัญญาจะไม่มีครั้งที่สอง” ดูท่าทางสำนึกผิด!

เราขึ้นไปกินอาหารเช้าที่ห้องอาหารชั้นบนซึ่งมีแขกไม่กี่โต๊ะ ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ...อาหารและเครื่องดื่มขนมหวานทั้งไทยเทศ รวมทั้งผลไม้ ถูกจัดแบบอลังฯ มาก เห็นแล้วอยากกินมันทุกอย่างแต่ไม่ไหวแค่จานเดียวใส่ห้าอย่างก็อิ่มแปล้...คีธเอ็นจอยไทยฟูดส์สวาปามมากกว่ามาดามสองเท่า...


บ่าย ๆ เบียร์ในห้องหมดแล้วเราลงไปที่ล็อบบี้ นั่งรอรถของรีสอร์ทไปที่ตลาด...คีธต้องกดเงินบาทจากตู้เอทีเอ็ม (มารู้เอาหลายวันถัดจากนั้นว่าลืมการ์ดคาไว้ที่ตู้นั่น) เราเข้าไปซื้อของกินและเบียร์ใน 7-11 แล้วออกมารอรถ...ใกล้ ๆ มีปางช้าง ติดป้ายว่า 50 เมตรในซอยซึ่งก็สามารถมองเห็นได้ ถามคีธว่าจะไปขึ้นช้างตอนนี้เลยมั๊ย เค้าบอก “ไม่เอาร้อน” โอ้โฮ ฝรั่งร้อนจนแทบไม่อยากเที่ยว...เรากลับมาที่รีสอร์ทเดินเที่ยวภายในบริเวณสักพักก็นั่งกระเช้ากลับขึ้นห้องพัก...นอนเล่นจนได้เวลามื้อเย็นเราก็ขึ้นไปกินที่เดิมแล้วก็กลับมาใช้เน็ท เช็คอีเมล์ และเช็คโซเชียลมีเดีย และโพสต์ภาพของเรา...สรุปว่าโปรแกรมต่าง ๆ กลายเป็นหมันไปหมด...


ได้เวลาอาบน้ำอาบท่ามาดามอาบเสร็จก่อน...แล้วจับที่รักลงอ่างขัดสีฉวีวรรณ...อะฮ้า! ครั้งแรกที่เห็นอะไร อะไร ของผู้ชายคนนี้!!!! 55….คืนนี้...เป็นคืน Honeymoon อย่างแท้จริง ค่ะท่านผู้ชม แต่หลังจากสามีหลับไปแล้วมาดามยังต้องกลับไปนอนที่โซฟาเช่นเดิม...หนวกหูเสียงกรนยังไม่พอ ถีบขาตลอดเวลานี่ซิ นอนไม่หลับเลย...เฮ้อ!

เนื่องจากขากลับต้องขึ้นเครื่องตอนสิบโมงเช้าของวันที่ 27 พ.ย. เราจึงไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนอย่างที่ตั้งใจไว้เลย แม้แต่อาหารเช้ามื้อนี้ก็ไม่สามารถนั่งกินที่ห้องอาหารได้ แต่พนักงานได้จัดเตรียมใส่กล่องไว้ให้เราคนละชุด...รถตู้มารับเราตอนหกโมงครึ่ง..รู้สึกขากลับรถมันวิ่งนานกว่าขามายังไงไม่รู้ แถมกว่าจะลงเฟอร์รี่ได้ก็น้าน นาน...ตอนข้ามฝากกลับเข้าฝั่ง...ฝรั่งไม่เคยเห็นเมฆฝนตั้งเค้าปกคลุมยอดเขา เค้าตื่นเต้นใหญ่ "ถ่ายรูปหน่อยแพท ผมจะเอาไปโชว์เพื่อน ๆ"

เรามาถึงสนามบินตราด ยังพอมีเวลาประมาณกว่าครึ่งชั่วโมง...หิว เลยกินเสบียงที่หิ้วมานิดหน่อยที่ห้องผู้โดยสาร แต่ว่าน้ำค่ะ เจ้าหน้าที่ไม่ให้นำเข้าไปเลย ไม่ว่าน้ำหรือน้ำผลไม้ นม เค้าบอกให้กิน ๆ ดื่ม ๆ ให้หมดก่อนผ่านเข้าไป....

ทริปฮันนีมูนนี่ไม่คุ้มค่าเงินเอาซะเลยคุณผู้ชม ...จ่ายเงินไปมากมาย แต่ไม่ได้ใช้เวลาไปทำกิจกรรม หรือว่าเที่ยวชมสถานที่อย่างใจนึก...คีธบอกชอบที่นี่ ต้องกลับไปอีก..หวังว่าครั้งต่อไป จะมีแต่ความ หวานชื่น...และเราจะไม่ปีนขึ้นไปนอน บน Top hill อีกแล้ว...


ตอนต่อไป เป็นการตามล่าหากระเป๋าเดินทางของสามี...ดูซิว่า มันไปเที่ยวที่ไหนกันแน่

ตอนที่ 14 เรื่องวุ่น ๆ กับ Bangkok Airways





Create Date : 20 กันยายน 2558
Last Update : 28 กันยายน 2558 10:19:39 น. 4 comments
Counter : 1440 Pageviews.  
 
 
 
 
อ่านแล้วค่ะ ชอบจังเขียนได้ดีเหลือเกิน อยากอ่านตอนต่อไปค่ะ รออ่านอยู่นะค่ะ
 
 

โดย: jinaka IP: 182.53.161.194 วันที่: 20 กันยายน 2558 เวลา:15:34:04 น.  

 
 
 
มาดามกลับมาอ่านของตัวเองอีกครั้ง เจอพิมพ์ผิดหลายที่ และบางช่วงก็มีเคอร์เซ่อร์กระโดดไปที่อื่น ทำให้อ่านไม่ได้ความเลยค่ะ แต่ได้แก้ไปแล้ว...
ขอบคุณมาก ๆ ค่ะสำหรับ Feedback...รักเลย
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 20 กันยายน 2558 เวลา:21:51:17 น.  

 
 
 
ขำตอนหนวกหูเสียงกรนอ่าาาาา 555 ของเราไม่เป็นเพราะเรากรนดังกว่า ฮ่าๆๆๆๆๆ รออ่านๆๆๆค่ะ
 
 

โดย: Max Bulliboo วันที่: 22 กันยายน 2558 เวลา:16:29:28 น.  

 
 
 
OMG! บางทีมาดามอาจเลียนแบบคุณน้องบ้างนิ...แบบเกทับไปเลยยย 55 เอิ๊ก!!!
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 22 กันยายน 2558 เวลา:20:06:29 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

สมาชิกหมายเลข 1963584
 
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาดามฟรายค่ะ...
ข้ามห้วยมาไกล...ขอจอยน์ด้วยคนนะคะ
หากอ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไง
ก็กระซิบกระซาบมาให้ได้ยินได้อ่านบ้าง
หรือเชิญมาดามไปเยี่ยมที่บล็อกของเพื่อนบ้าง
ด้วยความยินดีค่ะ...
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา
และทุก ๆ ท่านที่ติดตามประจำนะค๊า
New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 1963584's blog to your web]

MY VIP Friends


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com