มาดามฟราย...ชีวิตที่เลือกเอง กับ ฝันที่เป็นจริง
 
ตอนที่ 17 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (โลกใหม่-ชีวิตใหม่)

ตอนที่ 17 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (โลกใหม่-ชีวิตใหม่)

และแล้วการเดินทาง 6,532 miles จาก Incheon- Seoul Airport ถึง O'Hare- Chicago Airport ก็กำลังจะสิ้นสุดลง.... มาดามเปิดหน้าต่างเพื่อสำรวจภูมิอากาศข้างนอก...ท้องฟ้าในยามเที่ยงกว่าๆ ที่ระดับความสูงเหนือ ทะเลเมฆ มีแต่ปุกปุยสีขาว ๆ ดูสว่างเรืองรองเหมือนกำลังอยู่อีกโลกเพียงแต่ไม่เห็นเทวดา เทวดี หรือนางฟ้านางสวรรค์ออกมานั่งเล่นบนก้อนเมฆเหมือนที่มาดามเคยเห็นในภาพเขียน...เพราะเป็นฤดูหนาวอากาศบนนี้คงเย็นมาก เมื่อเครื่องบินฝ่าเข้าไปในปุยเมฆก็จะมีเกร็ดน้ำแข็งคล้ายเกร็ดหิมะเกาะติดที่หน้าต่าง...ครั้นพอเครื่องไต่ระดับลดเพดานบินลงครั้งละหนึ่งพันฟุต (เท่าที่สังเกตที่มอนิเตอร์) จนกระทั่งลงมาบินต่ำกว่าทะเลเมฆขาว ๆ นั่นประมาณน่าจะสองหมื่นฟุตต้นๆ มาดามจึงได้เห็นแจ้งกับคำพูดที่มีคนชอบเปรียบเปรยว่า แตกต่างกันราว ฟ้า-ดิน ก็นาทีนี้นี่เอง...


ท้องฟ้าใต้ทะเลเมฆขาว ๆ นั้น ช่างดูมืดมัวสลัวขุ่น เพราะแสงแดดไม่อาจส่องทะลุเมฆที่มีความหนาหลายสิบกิโลเมตร...เมฆข้างล่างนี้เป็นเมฆที่ก่อตัวเป็นก้อนทะมึนเพื่อสร้างฝนลมฟ้าอากาศในระดับความสูงขนาดนี้มักจะแปรปรวนได้ง่าย (จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมต้องบินเหนือเมฆ ที่ระดับสามหมื่นกว่าฟุต) และตอนนี้กำลังฝนตกปรอย ๆ...ภาพผืนพิภพใหม่กำลังค่อยๆ เด่นชัดขึ้นที่ด้านล่างนั่นแล้ว...

12:45 PM ของวันที่ 8 ธันวาคม 2014  เครื่องแตะรันเวย์อย่างนุ่มนวล...(เนื่องจาก Time Zone ทำให้วันที่และห้วงเวลายังเป็นวันเดียวกับที่เกาหลี) คนเกาหลีเดินทางมาเต็มลำและดูเหมือนพวกเขาจะมาเป็นกลุ่มๆ ส่งเสียงคุยกันบ๊งเบ๊ง ส่งสัยจังว่าพวกเขากำลังจะไปไหนกัน...ด่านแรกต้องผ่านเครื่องสแกนกระเป๋าที่ติดตัวมาทีละคน วางสมบัติส่วนตัวลงในตะกร้ามันก็จะเลื่อนไปตาสายพานผ่านอุโมงค์สแกนแล้วก็โผล่ออกมาอีกฝั่ง...ส่วนเจ้าของต้องไปยืนที่จุดตรวจแยกขา ยกแขน (แบบยอมแพ้) ให้เจ้าหน้าที่ใช้ เครื่อง Detector สแกนร่างกาย....คีธผ่านไปรออีกฟาก ถึงตอนมาดามบ้าง เครื่องมันฟ้อง เจ้าหน้าที่จึงให้มาดามถอดบูทใส่ตะกร้าแล้วปล่อยผ่านอุโมงค์นั่นตรวจด้วย และตัวมาดามต้องมาเดินยืนกางแขนขาตรวจใหม่ เครื่องมันก็ส่งสัญญาณอีกว่าพบอะไรบางอย่างที่ไม่อาจปล่อยผ่านอีก...หัวหน้าทีม Security หญิงผู้มีมาดนิ่งแต่เฉียบขาดที่ยืนคอยกำกับการทำงานของลูกน้องร้องสั่งให้มาดามถอดเสื้อแจ็คเก็ตออก แล้วสั่งลูกน้องให้เอามาดามไปยืนแช่ที่เครื่องตรวจรูปร่างเหมือนตู้มาดามเข้าไปยืนในนั้น ผู้คนก็มองกันเหรอหรา...ชีค่อนข้างซีเรียสจนน่ากลัว (นี่เลยทำให้มาดามนึกถึงอดีตตอนที่ทำงานเวลาเดินเข้าไปตรวจโรงงาน แค่เพียงเดินเข้าประตูหน้าแต่ว่าพนักงานที่ทำงานอยู่ท้ายไลน์ ระยะ 150เมตรที่ประตูหลังก็รู้แล้วว่าใครกำลังมา เพราะมีคนส่งสัญญาณว่า “รังสีอำมหิตกำลังแผ่มาแล้ว”)....คีธยืนมองเมีย แบบว่าลุ้นอะไรอีกวะ?!...ตู้เครื่องตรวจแบบพิเศษนี่รู้สึกมันจะเป็นมิตรกับหญิงไทยแบบมาดามมากกว่าเพราะมันเอาแต่เงียบ เลยผ่านมาได้ (บริภาษในใจ..ไอ้เครื่องมือถือห่วยนั่น เสือกแกล้ง (ตู) ใจแป้วเลย)

ด่านที่สอง ต้องผ่าน Immigration จะมีเจ้าหน้าที่หญิงคอยดูแล แยกแยะว่าเป็นคนเข้าเมืองประเภทไหนเธอก็จะสอบถามและแนะนำว่าควรเข้าไปที่ช่องไหน....คีธแยกตัวไปที่ช่อง American Citizen ทิ้งมาดามยืนต่อท้าย พลเมืองเกาหลี...สักครู่ใหญ่ ๆ เมื่อคีธแจ้ง ตม. ว่าหนีบภรรยาต่างชาติมาด้วย ตม. ก็บอกเจ้าหน้าที่ผู้หญิงนั่นให้มานิมนต์มาดามไปเข้ารับการตรวจผ่านที่ช่องเดียวกับคีธ...เจ้าหน้าที่ชายประจำเคาน์เตอร์ดูเคร่งขรึมไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส นั่งคับเคาน์เตอร์ (เกรงว่าถ้าเขาไม่ยอมควบน้ำหนักตัวเองละก็มีหวังเสียบตัวเองเข้ามานั่งในนั้นไม่ได้แน่) เมื่อมาดามยื่นเอกสารให้แล้ว เขาก็ดู ๆ แล้วก็ถามว่า จะมาทำอะไรที่เมกามาดามก็ตอบไปว่า “เราเพิ่งแต่งงานกันและต้องการมาเที่ยวฉลองคริสต์มาสและใช้เวลาอยู่ด้วยกันและถือโอกาสเยี่ยมเยียนทำความรู้จักกับพ่อแม่และญาติพี่น้องของสามี” เขาก็เอาตรายางประทับปั้ง!! แล้วส่งพาสพอร์ตคืนให้....อะฮ้า!มาดามได้รับอนุญาตให้พำนักยาว 6 เดือน เต็มพิกัด นี่เกินความคาดหมายจริงๆ เพราะลูกสาวบอกว่า 3 เดือน มาดามก็เลยคิดว่าได้แค่นั้น จึงไม่เคยตรวจสอบข้อมูลไรเลย...

เราต้องรออีกสองชั่วโมงกว่า ๆ (Layoff) ที่สนามบิน O'Hare-Chicago รัฐอิลลินอยด์ เพื่อต่อเครื่องของAmerican Airline ไปที่ St. Louis Airport รัฐมิสซูรี่... คีธจองไว้และก็โชคดีที่ได้ที่นั่งติดกัน เวลานี้เราก็หิวมองหาร้านอาหารก็เห็นมีอยู่ระหว่างทางที่จะผ่านไปที่ Gate เราก็เข้าไปนั่งกินไม่รู้มันเรียกว่าอะไร ของมาดามขนาดจานก็ธรรมดาแต่ว่ากุ๊กมันใส่อาหารมาพูนสูงเป็นภูเขาไท้ซัน และมันก็ช่างไร้ความอร่อยไม่เคยกินไรที่รสชาติแย่ขนาดนี้มาก่อน กินไม่กี่คำก็หยุด คนเก็บโต๊ะคงเรียนรู้ว่ามนุษย์ต่างด้าวแบบมาดาม กระเดือกอาหารเมกันไม่เข้า...


เมื่อได้เวลา เราก็ย้ายก้นไปขึ้นเครื่องที่ Gate K2 กระเป๋าเดินทางของมาดามถูก Transfer จากKorean Air ไปที่ American Airlineเรียบร้อยแล้ว...เครื่องที่บินภายในประเทศ หรือ Domestic จะเป็น Aircraft… เมริกันชน จำเป็นต้องเดินทางไกลด้วยการบินเพราะประเทศนี้มันมีตั้ง 52 รัฐ...เราได้ที่นั่งเกือบท้ายสุด แม้จะใช้เวลาบินแค่หนึ่งชั่วโมงสิบห้านาทีแต่ก็มีเครื่องดื่มเสิร์ฟเลือกได้ด้วย...แอร์โฮสเตสเกาหลีสวยซึ้งกว่าสาวเมกันเยอะเลย


15:50 PM เรามาถึงจุดหมายปลายทางที่ Lambert Airport-St.Louis ในรัฐมิสซูรี่...ที่นี่เราไม่ต้องผ่านการตรวจตราใด ๆ อีกแล้วถือว่าทุกอย่างดำเนินการจาก Immigration ที่ O’Hare แล้วก็จบ แค่มารอรับกระเป๋า ซึ่งก็ใช้เวลาไม่นานกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีชมพูสแลนแป๋นก็หมุนเลื่อนขึ้นมาจากชั้นล่างมาดามก็มาดักรอสอยเอา....แต่แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง...มันใช่กระเป๋าของเราหรือนี่ทำไมมันมอมแมม มะล่อกมะแล่ก ดูโสโครกได้ขนาดนั้น ซ้ำร้ายตัวโลโก้ยี่ห้อที่ฝังติดแน่นด้านหน้ากระเป๋าก็หลุดหายไปเหลือแต่รูสองรูไว้ให้ดูต่างหน้า...ตอนนี้ได้คิดเลยคุณผู้ชมสีสวย ๆ มันจะสวยสดไม่นานแค่ลากไปทึ้งมาแค่ทริปเดียวก็เจ้งกะบ๊ง...กระเป๋าผ้าจะหนาแค่ไหนแต่พอมันเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ก็ยากที่จะทำความสะอาดให้ดูดีและใหม่เหมือนเดิม ด้วยความที่มาดามไม่ค่อยชอบกระเป๋าพลาสติก(อาจเรียกผิด) ถ้าไม่ใช่สินค้าแบรนด์ มันจะแตกง่าย อุตส่าห์ยอมจ่ายไป 3,800เพราะหวังว่าจะทนทาน (รู้งี้ซื้อราคา 2,500ที่ขายในเฟสให้รู้แล้วรู้รอด)



เรามีนัดว่าจะต้องไปติดต่อขอรับกระเป๋าเดินทางของคีธที่นี่เค้าเข้าไปติดต่อในห้องสำนักงาน แต่เจ้าหน้าที่ชายผู้นั้นบอกว่า ไม่มีกระเป๋าที่ว่า....คีธเดินกลับออกมาบอกอย่างนั้นเอาแล้วซิ...คีธชวนกลับบ้านกันเลยมาดามยังไม่ยอมตามเค้าไป นี่มันเป็นวันเดียวที่เรายืนอยู่ที่นี่เพื่อที่จะตามเอากระเป๋าแล้วทำไมคีธดูไม่ไยดีกับสมบัติของตัวเอง แค่เจ้าคนนั้นบอกไม่มี เค้าก็ยอมรับง่าย ๆว่าไม่มีก็ไม่มี โดยไม่คิดทำอย่างอื่นเพื่อกดดันให้ไอ้คนนั้นมันตรวจสอบเลยหรือ...มาดามบอกเค้ารอเดี๋ยวขอเปิดอีเมล์ที่ได้รับจาก Korean Air เพื่อที่จะเอาไปให้ไอ้ จนท.คนนั้นมันถ่างตาดู...แต่เจ้ากรรมแม้ว่ามือถือมาดามจะ connect wifi ได้ แต่สัญญาณมันก็อ่อนเกินกว่าที่ซิ้งน์และโหลดข้อมูลเมล์นั้นขึ้นมาและคีธก็ทำท่าปวดหัวกับเมียตัวเอง เขาฮึดฮัด มาดามก็โมโหเพราะเสียแรงทุ่มเทตามหากระเป๋าบ้านี่จนได้เบาะแสแต่เจ้าของกระเป๋ามันก็อยากจะสูบแต่บุหรี่...มาดามก็ปล่อยมันไปหาที่สูบบุหรี่...คิด (อีกแล้ว) แม่งเอ๊ย ทำไมมาแต่งงานกับคนเฮงซวยขนาดนี้วะ...นี่ขนาดยังไม่ทันได้ถึงบ้านก็ยังคิดอยากบอกเลิกไปเลยเหมือนความอดทนมันถึงขีดสุด....ผู้ชายคนนี้ดื้อร้นอย่างหาตัวจับยากส่วนมาดามก็เป็นมนุษย์ที่ความดันทุรังสูง...มันไปกันไม่รอดหรอกคุณผู้ชม...แต่ด้วยเพราะก่อนที่จะตัดสินใจมองหาผู้ชายมาแต่งงานด้วยมาดามได้ทำสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะ ลดละเลิก คือ ลด สเปคผู้ชาย+ละ อัตตาตัวเอง+เลิก คิดที่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่เขาคนนั้นเป็น หันมายอมรับสิ่งที่เคยปฏิเสธและอย่างเดียวที่เป็นเป้าหมายคือ ทำชีวิตให้มีความสุขทุกวันเพราะไม่รู้จะตายเมื่อไหร่....มาดามจึงต้องเงียบและเดินตามเค้าไป


เค้าไปที่เค้าน์เตอร์เพื่อเช่ารถมันถูกกว่าไปรถแวนเหมาสำหรับสองที่นั่ง โชคดีที่มีที่ให้เอารถไปคืนในเมือง Cape Girardeau (เคปเจอราโด) เราได้ เชปโรเลตรุ่นใหม่ ระยะทางจาก St Louis ถึง บ้านใน Cape Girardeau นั้น 198 ไมล์ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง (มาดามมารู้ทีหลังว่า จริงๆ มี Airport ที่ Cape Girardeau ด้วยเมื่อถามว่าตอนไปเมืองไทยทำไมเค้าไม่ตีตั๋วเครื่องบินตรงจากที่นี่ (แวะที่ StLouis ก่อน) ไปที่ ชิคาโก้ เลย เค้าบอก “ผมไม่รู้” นี่แหละคีธ...คุณผู้ชมมาดามเช็คราคาแล้วมันถูกกว่าตีตั๋วจาก St. Louis Airport ไป O'Hare-Chicago เกือบร้อยเหรียญเลยละ)

ระหว่างทางที่ขับรถลงมาทางใต้ ใช้ Rout 55 ภูมิประเทศของรัฐมิสซูรี่ดูแปลกตา เป็นเนินเขาหินปูนเตี้ย ๆต้นไม้สลัดใบทิ้งหมดแล้ว เหลือแต่ลำต้นกับกิ่งก้านมีเพียงต้นสนที่ยังคงความเขียวท่ามกลางความหนาว แต่ว่ามีจำนวนไม่มากนักแม้ว่าบรรยากาศในฤดูหนาวจะดูแห้งแล้งแต่มาดามก็รู้สึกหลงใหลทิวไม้แห้ง ๆไร้ใบพวกนั้น โดยเฉพาะเมื่อตะวันกำลังจะลับขอบฟ้า เหนือทิวไม้นั่นมันสวยงามดั่งในภาพวาดสีน้ำที่มาดามชื่นชอบ...


เรามาถึงบ้านตอนหนึ่งทุ่มลงจากรถแล้วอากาศหนาวมากเลย คีธเปิดไฟในบ้านทิ้งไว้ตลอดหนึ่งเดือนที่อยู่เมืองไทย...เค้าเปิดฮีทเตอร์ก่อนจะเข้าครัวไปทำอาหารฟาสท์ฟูดส์มากินกัน...มันเป็น Hash brown, Potatoes และ Bake bean hotdog ใส่ไมโครเวฟแค่ 30 วินาทีก็กินได้เลย...อิ่มแล้ว ต้องนอนมาดามยึดโซฟาที่ห้องนั่งเล่นเป็นที่นอน คีธเอา หมอนและผ้านวมมรดกตกทอดจากเจ้าคุณยายมาให้....นอนหลับ อบอุ่น ไร้ฝันตลอดคืน...ตื่นหกโมงเช้าเพราะหนวกหูเสียงสามีเดินลากรองเท้าไปมาตั้งแต่ตีสี่โน่น...เขาเดินเข้า-ออกไปสูบหรี่ที่โรงรถและซดกาแฟดำ3 ถ้วยไปพลาง ท่านผู้ชม...ที่โรงรถนั่นมันหนาวววววววมากกกกกกกึกกกกก!!!! ท่ามกลางความโชคไม่ดีแต่ก็ยังมีโชคดีกระเส็นกระสายมาเป็นของมาดามอยู่บ้าง คือไม่มีอาการ Jet lagเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าเจ้าคริส มันนอนไม่หลับเป็นเดือน ๆ หลังจากกลับจากสวีเดนเล่นเอาตาโหลเลยแหละ



อาทิตย์นึงผ่านไป...มาดามไม่ลดละเลิก เรื่องตามกระเป๋า ทั้ง ๆที่ใจนึงบอกตัวเอง ว่า ช่างหัวคีธมันเหอะ แต่อีกใจนึงก็ยังดันทุรังช่างได้ไงกางเกงยีนส์ลีวาย 5 ตัวอยู่ในนั้นชุดว่ายน้ำอีก รองเท้าอีก กระเป๋าเดินทางใบนึงไม่ใช่พันสองพัน...มาดามกลับไปเปิดอีเมล์จาก Korean Air อีกครั้งคิดว่าจะ forward เมล์นั้นไปให้ American Airline และพยายามโฟกัสข้อมูลที่ไม่ได้ใส่ใจ เลยจ๊ะเอ๋กับ เบอร์โทรศัพท์ที่ระบุมาในนั้นซึ่งมาดามเห็นตั้งแต่ครั้งแรกแต่ข้ามๆ...มาดามเลยขอร้องคีธอีกครั้งให้โทรไปเบอร์นั้น แล้วผลจะเป็นยังไงมาดามจะยอมรับและจะเลิกยุ่งกับเรื่องนี้อีก....เค้าก็โอเคโทรไปแจ้งเรื่องราว...ในวันเดียวกันก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งกลับว่า ตอนนี้กระเป๋า(ห่า) นั่น มันไปอยู่ที่สนามบิน Texas โน่นเลย (สงสัยมะ มันจะไปที่โน่นทำไม????)...เจ้าหน้าที่บอกว่าคอยรับอยู่ที่บ้านนั่นแหละเดี๋ยวจะส่งมาให้ถึงประตูเลย.....เป็นไงคะคุณผู้ชม ระหว่าง ผัว กับ เมียใครอึดกว่ากัน!!! 

มาดามต้องยอมเป็นผู้แพ้ตลอดกาลละค่ะ...เพื่อสันติ!



ชีวิตใหม่เพิ่งจะเริ่มต้น ณ ดินแดนโพ้นทะเล จากนี้ ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...จะอยู่ยังไง? จะทนสภาพอากาศหนาวได้แค่ไหน? จะกินได้มั๊ย? จะคิดถึงเมืองไทยหรือเปล่า? 

ถ้ายังไม่เบื่อกันละก็ โปรดติดต่อกันไปเรื่อย ๆ นะค๊า

อ่านตอนต่อไปที่นี่ Life In USA-1 ตอน มาดามฟรายสำรวจบ้านฝรั่ง


อ่านเรื่องแนวใหม่ที่นี่ค่ะ

Get Fashion Trends







Create Date : 30 กันยายน 2558
Last Update : 2 มกราคม 2559 4:08:21 น. 6 comments
Counter : 1390 Pageviews.  
 
 
 
 
เป็นบันทึกประสบการณืการเขียนบันทึกไว้ได้ดีเลยนะคะ
อ่านเพลิน สนุกได้ประสบการณ์ในการเดินทางครั้งนี้ด้วยคะ
ขอบคุณคะ
 
 

โดย: Tui Laksi วันที่: 1 ตุลาคม 2558 เวลา:5:43:22 น.  

 
 
 
ขอบคุณ คุณ Tui Laksi มาก ๆ ค่ะ ว่างก็แวะนะคะ
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 1 ตุลาคม 2558 เวลา:7:11:38 น.  

 
 
 
ยินดีที่ได้รู้จักกันผ่านบล๊อกคร้า
อัพบล๊อกใหม่ถ้าเจอกัน ต้องมาทักทายอีกคร้า
ชอบสไตล์การเขียนเล่าเรื่อง น่ารักน่าอ่าน
เป็นไลฟ์สไตล์สนุกสนานดีคร้า
 
 

โดย: Tui Laksi วันที่: 1 ตุลาคม 2558 เวลา:20:57:09 น.  

 
 
 
โอเคค่ะ...
มาดามชื่นชอบฝีมือการถ่ายภาพของคุณตุ้ยมากมายค่ะ มาดามยังไม่เคยฝึกถ่ายภาพอาหารการกินให้ออกมาหน้าตาเหมือนภาพโฆษณาสักทีนะคะ เพราะตอนทำอาหารกลางวัน ก็รีบ ๆ สามีหิว เลยต้องใช้แต่มือถือถ่าย ไวดีค่ะ สีสวยแต่ไม่ละลายฉากหลัง....รกเกิน 55
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 1 ตุลาคม 2558 เวลา:21:34:16 น.  

 
 
 
อ่านแล้วไม่เบื่อค่ะ ชอบมากๆๆๆค่ะชอบวิธีการเขียน ทำให้ติดตามมาตลอดค่ะและ ยังคงติดตามblog ต่อไปอีกนะค่ะ
 
 

โดย: jinaka IP: 182.53.178.253 วันที่: 10 ตุลาคม 2558 เวลา:14:03:10 น.  

 
 
 
โอ้ว คุณ Jinaka มาดามกำลังคิดอยู่ว่าคุณแอบหนีไปที่อื่นรึเปล่า ไม่ส่งเสียงมาเลย มาดามคิดถึงนะคะ ดีใจที่ยังอยู่ค่ะ...เขียนต่อแน่ ๆ แต่ว่าช่วงนี้มาดามทำให้ตัวเอง ยุ่งมากกว่าที่ตั้งใจไว้ เลยต้องแบ่งเวลาไปรับผิดชอบ เรื่องที่ก่อ...เพื่อรอดูผลพวงค่ะ...ขนาดต้องโกงเอาเวลาที่เคยนั่งออเซาะสามีช่วงบ่าย ๆ ไปทำอย่างอื่นค่ะ...

ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันค่า
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 11 ตุลาคม 2558 เวลา:8:55:34 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

สมาชิกหมายเลข 1963584
 
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาดามฟรายค่ะ...
ข้ามห้วยมาไกล...ขอจอยน์ด้วยคนนะคะ
หากอ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไง
ก็กระซิบกระซาบมาให้ได้ยินได้อ่านบ้าง
หรือเชิญมาดามไปเยี่ยมที่บล็อกของเพื่อนบ้าง
ด้วยความยินดีค่ะ...
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา
และทุก ๆ ท่านที่ติดตามประจำนะค๊า
New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 1963584's blog to your web]

MY VIP Friends


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com