มาดามฟราย...ชีวิตที่เลือกเอง กับ ฝันที่เป็นจริง
 
Life in USA-20 กว่าจะได้งานทำในอเมริกา








Life in USA-20 กว่าจะได้งานทำในอเมริกา

เมื่อได้กรีนการ์ดมาครอบครองเป็นที่เรียบร้อยแล้วคีธก็พาไปที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่เพื่อยื่นขอมีหมายเลขประกันสังคม...วันนั้นเตรียมหลักฐานเพียงแค่กรีนการ์ด กับ พาสปอร์ต คิดว่าน่าจะพอ แต่ว่าเจ้าหน้าที่บอกขอดู Marriage registered ด้วย ก็เลยต้องถอยหลังกลับทันควัน แล้วมายื่นใหม่ในวันถัดไป...เจ้าหน้าที่ดูเอกสารทั้งหมดใช้เวลาเพียงแค่ห้านาทีก็ออกเอกสารแจ้งว่าได้รับคำขอฯ ไว้แล้วและบัตรประกันสังคมจะส่งตรงไปหัวบันไดบ้านภายใน 10 วัน...ท่านผู้ชมการขึ้นทะเบียนประกันสังคมของอเมริกัน แตกต่างจากบ้านเราโดยสิ้นเชิงเลยนะนี่...ไว้มาดามจะเขียนเล่าเรื่องนี้ทีหลังนะจ๊ะ

อันดับถัดไป จำเป็นต้องมีใบขับขี่...แต่ว่ามาดามไม่เคยขับรถเลยตั้งแต่มาอยู่ที่เคปเจอราโด ถนนหนทางก็ไม่รู้จัก แม้จะนั่งรถไปกับคีธบ่อย ๆแต่ก็จำทางไม่ได้สักครั้ง กฎจราจรก็ไม่รู้เป็นไงเหมือนเมืองไทยหรือเปล่า...ไม่รู้จริง ๆ แล้วทางการจะออกใบขับขี่ให้มั๊ยเนี่ย??? มาดามขอให้คีธช่วยพาออกไปฝึกขับรถแต่ก็แค่ฝึกครั้งเดียวพอให้รู้ว่ารถของเค้าขับยังไง...คีธพามาดามไปที่ Cape Girardeau License & Vehicle Registration Office.....แจ้งความประสงค์ว่าจะขอมีใบขับขี่ชนิด Non-Driver Identification แปลว่าทุกคนสามารถมีใบขับขี่เป็นของตัวเองแม้ว่าจะขับรถไม่เป็นเลยแต่ถึงแม้ว่าจะขับรถเป็น ใบขับขี่ชนิดนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้เพื่อการขับขี่แต่มีไว้เพื่อ ใช้เป็นบัตรประจำตัว เพื่อแสดงตัวตนเช่น ในการออกเสียงเลือกตั้ง....แต่ทว่าในการนี้เจ้าหน้าที่ต้องการหลักฐานที่ระบุที่อยู่ของมาดาม เช่น บิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่า โทรศัพท์/อินเตอร์เน็ท ซึ่งจริง ๆ ยังไม่มีชื่อมาดามเลยสักอย่างที่ว่ามาทั้งหมด..คีธก็เลยยอมแพ้ไม่คิดจะทำไรต่อ เพราะเค้าบอกว่าการเพิ่มชื่อมาดามในบิลนั้นไม่สามารถทำได้...มาดามจะเชื่อเหรอ??? เฮอะ!ไม่หร้อก…จนกว่าจะพิสูจน์ด้วยตัวเอง!!!

ในช่วงเดียวกันนี้มีบางอย่างแปลก ๆ เกิดขึ้นกับคีธ จู่ ๆ เค้าก็หลง และ ลืม เช่น หลงวัน คือ พยายามจะเทรดหุ้นในวันอาทิตย์ แล้วบอกว่ามันเป็นวันอังคาร...ทุกวันพฤหัสฯ เป็นวันที่สำคัญที่สุดสำหรับเค้า แต่เค้ากลับ ลืม!...ยังมีอีก...เริ่มตื่นกลางดึกออกมาเดินแกรกๆ จนมาดามนอนไม่หลับ ทำให้มาดามเป็นกังวล คิดไปไกลถึงว่าถ้าเผื่อเช้าวันหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วสามีจำมาดามไม่ได้ หรืออาจจำ Username/Password สำหรับบัญชีธนาคาร บัญชีหุ้น และบัตรเครดิตไม่ได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น??? มาดามไม่รอช้า คิดแล้วต้องทำเลยก่อนจะสาย โดยขอให้เค้าเขียน Username, Password ทุกอย่างให้มาดาม...และดูเหมือนว่าคีธจะรู้ตัวอยู่เหมือนกันก็หมั่นปลอบมาดามไม่ให้กังวล...เค้าพามาดามไปที่สำนักงาน Scott Trade เพื่อเพิ่มชื่อมาดามในบัญชีหุ้นทั้ง 10 บริษัทที่เค้าถืออยู่และรับเงินปันผลทุก ๆ ไตรมาส แล้วก็พาไปเปิดบัญชีที่ US Bank แบบ Join Account แต่ก็แห้ว เพราะแบงค์ต้องการเอกสารอย่างเดียวกับที่จะใช้ทำใบขับขี่...อาทิตย์ต่อมาก็พาไปร้านจูเวลรี่เพื่อแก้แหวนหมั้นกับแหวนแต่งงานให้พอดีนิ้ว ทางร้านมองแหวนอย่างหนักใจ แต่ก็รับไว้ว่าจะพยายามหาทางทำให้ดีที่สุดนัดว่าจะรับคืนได้ก่อน คริสมาสต์ แปลว่าใช้เวลาเดือนกว่า ๆ เลยเชียวละ!!!

เมื่อคีธนอนไม่หลับ จากสองชั่วโมง กลายเป็นในบางคืนไม่นอนเลยทั้งคืนได้แต่ดื่มกาแฟดำ สูบบุหรี่ แล้วก็ซดเบียร์ จากปกติ 6 ขวด กลายเป็น 8-9 ขวด หนักขึ้น ๆ ตอนกลางวันก็ไม่หลับไม่นอนจนเบ้าตาดำเป็นแพนด้า แล้วพูดว่า“ที่รักไม่ต้องเป็นห่วงผมจะไม่เป็นไร” มาดามไม่เชื่อ นี่ คนนะไม่ใช่ โรบอท...ในที่สุดมาดามต้องใช้มาตรการซ่อน บุหรี่ กาแฟ เบียร์ ในตอนกลางคืน แต่ว่าคีธก็ยังมีทางเลือกอื่นคือขับรถออกไปหลังเที่ยงคืนเพื่อซื้อบุหรี่มาสูบ...มาดามไม่ยอมแพ้ ซ่อนกุญแจรถอีกแต่ก็ได้แค่ครั้งเดียว เพราะวันถัดไปคีธซุกมันไว้ใต้หมอน ยากที่ฉกเอามาเก็บไว้เอง

มาดามตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ของเค้า มัมถามว่า “ยูแน่ใจว่าคีธกินยาประจำหรือเปล่า” ยาที่ว่าหมายถึงยาที่ทำให้นอนหลับซึ่งเค้ากินมาสองสามปีมัมว่าถ้าเขาขาดยาเมื่อไหร่จะเป็นเรื่องทันที...มาดามเลยต้องมาตรวจสอบขวดยาสามอย่างก็เลยพบว่าเค้าไม่ได้กินยามาหนึ่งสัปดาห์ (นับจำนวนยาที่เหลือกับวันที่ยาต้องถูกกินหมด) นั่นแหละ มาดามก็เลยต้องมากำกับการกินยาด้วยตัวเอง...พอยาหมดก็ไปหาหมอให้เค้าออกใบสั่งให้ใหม่และเล่าอาการให้หมอฟังเพื่อขอให้เพิ่ม Dose จาก 10 mg เป็น 25 mg กะว่าเอาให้อยู่หมัด แต่กินมาเป็นอาทิตย์คีธก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลับได้เหมือนแต่ก่อน อาการใหม่ ๆ เริ่มปรากฏ...จากคนไม่พูด ชอบแต่ฟังมาดามจ้อแล้วก็ยิ้มกับหัวเราะ เค้ากลับกลายเป็นคนช่างพูด...มือนึงถือถ้วยกาแฟอีกมือคีบบุหรี่ในนิ้ว เดินไปเดินมา พูด ๆ ๆ มาดามเข้าห้องน้ำ เข้าครัวก็ตามไปพูดแบบไม่ให้ขาดตอน พูดตั้งแต่เช้า ยันมืด จนกว่ามาดามจะเข้านอนนั่นเลย...ที่สุดเค้ากลายเป็นคนไม่ฟังเสียง และเกรี้ยวกราด ในบางขณะ

พอยาหมด คีธก็ไม่ยอมกลับไปรับยาอีก เค้าบอกว่ายาพวกนั้นจะฆ่าเค้า...คีธเริ่มกินอาหารน้อยลง ที่เคยกินเกลี้ยงจานทุกครั้งก็กลายเป็นเหลือ เริ่มจากเหลือนิดหน่อย กลายเป็นเหลือครึ่งจาน...แม่เค้าบอกว่าการอดนอน หรือ Sleepless นาน ๆ อาจทำให้ถึงตาย!นี่ยิ่งน่ากลัว...มาดามกลัวว่าเช้าวันหนึ่งคีธอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกก็เป็นได้มาดามจึงชวนเค้าไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คอัพทุกอย่าง แต่เค้าปฏิเสธ ยังคงบอกว่า “ไม่เป็นไรมันต้องใช้เวลา” แต่ด้วยความร่วมมือของมัม (แม่คีธ) และด็อกเตอร์แม็คคูลในที่สุด 1 ธันวาคม 2015 คีธก็ไปอยู่โรงพยาบาล…ไม่มีใครบอกได้ว่า นานแค่ไหนที่ต้องอยู่ที่นั่น...มัมพูดมาคำนึงว่า “อาจเป็นปี”

ในระหว่างที่คีธอยู่โรงพยาบาล มาดามก็ตกที่นั่งลำบาก...มากเพราะไปไหนไม่ได้ ไม่มีใบขับขี่ ไม่เคยขับรถเข้าเมือง ไม่รู้ว่าจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟค่าโทรศัพท์ อินเตอร์เน็ท ตอนไหน ยังไง...ที่ทำได้ คือพยายามล็อคอินเข้าดูบัญชีของคีธก็พบว่ามีการจ่าย ค่าไฟ กับ บัตรเครดิต ตัดจากบัญชี แต่ไม่รู้ว่าทำไงอีก!!

เพื่อให้ชีวิตรอด อย่างแรก ต้องมีใบขับขี่ก่อน แต่ทำไม่ได้ถ้าไม่มีชื่อตัวเองในบิลพวกนั้น...มาดามดิ้นรนเพื่อที่จะให้มีชื่อตัวเองในบิลค่าน้ำจึงหาเบอร์แล้วโทรไปสอบถามเจ้าหน้าที่บอกต้องไปติดต่อด้วยตัวเองพร้อมบิลน้ำ...นี่ก็เป็นปัญหาอีกแหละเพราะไปไหนไม่ได้น่ะซิ...เดือดร้อนไปถึงพ่อแม่สามีต้องมาดูแลลูกสะใภ้...ขับรถมารับพาไปซื้ออาหารการกินอาทิตย์ละครั้ง

...ในระหว่างที่รอหลานสาวของคีธจะพามาดามไปที่ประปานั้นมาดามก็พยายามติดต่อ Ameren ผู้ให้บริการไฟฟ้า ซึ่งคีธจ่ายค่าไฟผ่านแบงค์แต่มาดามล็อกอินเข้าบัญชีผู้ใช้ไฟไม่ได้ เลยต้องเสี่ยง ๆส่งอีเมล์ไปเล่าขานเรื่องราวความเดือดร้อนให้ Customer service ฟังเพื่อขอความช่วยเหลือ เริ่มแรกเขาก็ช่วยให้มาดาม Join Account ก่อน คือใช้ Account เดียวกับคีธแต่ต่างคนต่างล็อกอินด้วยพาสเวิร์ดของตัวเอง...จากนั้น มาดามก็คิดได้ว่าควรจะขอให้มีชื่อตัวเองในบิลค่าไฟฟ้าด้วยม้วนเดียวจบไม่ต้องวิ่งไปขอที่ประปาก็เลยโทรไปคุย Customer service อีกเขาก็ช่วยจนเพิ่มชื่อมาดามเข้าไปในระบบแต่ว่ายังออกบิลใหม่ที่มีชื่อมาดามไม่ได้จนกว่าจะถึงรอบบิลใหม่นะท่านผู้ชมเขาแค่ Print screen หน้าจอคอมฯ ที่ใส่ชื่อมาดาม แล้วส่งอีเมล์มา...แต่เจ้ากรรมการบอกชื่อทางโทรศัพท์บางครั้งมันก็ฟังกันไม่ชัดเขาก็พิมพ์ชื่อมาดามผิดไปตั้งแต่ตัวแรกเลยจึงต้องส่งอีเมล์ไปขอเปลี่ยนเป็นอันที่ถูกอีก และขอว่าให้ทำเป็นเอกสารที่ดูน่าเชื่อถือกว่าแบบแรกทีเถอะ...ทุลักทุเลพอสมควร...สุดท้ายเขาก็เลยทำ Letter Of Credit ส่งทางอีเมล์มาให้หนึ่งฉบับ...เรื่องจริงรันทดกว่าที่เล่านะ..ตั้งแต่มาอยู่เมกาครบปีก็เพิ่งจะได้ติดต่อพูดคุยกับผู้คนแบบเอาจริงเอาจังก็ตอนที่คีธไปนอนโรงพยาบาลนี่แหละเพราะมันมีสารพัดบิลที่จะต้องจ่ายช่วงปลายเดือน-ต้นเดือนไงมาดามไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้มาก่อน...

เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว...มัมก็พาไปสอบทำใบขับขี่ซึ่งมาดามได้เล่าให้ฟังไปแล้ว (ถ้าใครยังไม่ได้อ่าน ก็คลิกไปอ่าน Lifein USA-16 สอบขอขับใบขี่ในอเมริกาหมูในอวย หรือ หมูหิน ได้เลย เล่าไว้สองตอนนะจ๊ะ 16 กับ 17) ในระหว่างที่มาดามกำลังหัดขับขี่กับ Instructor อยู่นั้นมาดามก็มองหางานในอินเตอร์เน็ทว่ามีไรพอจะทำได้บ้างมัมก็มีแนะนำมาว่าให้ไปสมัครที่ Drury Hotel ค่าจ้างดีกว่าที่อื่นมาดามค้นในเน็ทไม่มีตำแหน่งว่างในโรงแรมนั้น...มาดามคิดว่า งานแคชเชียร์ตัวเองน่าจะพอทำได้ ไม่ต้องใช้ภาษาเยอะ (คิดเอาเอง เพราะตอนเราไปซื้อของ จ่ายเงินเรากับแคชเชียร์ไม่เคยพูดจากันเลย)...มาดามก็สมัครออนไลน์ไปที่ Walmart ร้านอาหาร 2 แห่ง และ Nursing Home…

การสมัครงานที่อเมริกา ที่สังเกตได้ทุกบริษัทต้องการให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรฯหมายเลขคู่ดูโอ้ คือ เลขประกันสังคมหรือ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี แล้วก็เลขกรีนการ์ด ถ้าไม่กรอกสองหมายเลขนี้ก็อย่าได้หวังว่าจะได้สมัครออนไลน์นะท่านผู้ชมนี่แหละที่มาดามพูดว่า กรีนการ์ดทำอะไรให้เราได้บ้าง) พอกรอกหมายเลขพวกนั้นเสร็จ ก็จะพาเราไปที่หน้าถัดไปเพื่อให้เรากรอกต่อ เช่น งานที่เคยทำ 3-5 แห่ง ว่าไปตั้งแต่ ชื่อบริษัท ที่อยู่ เบอร์โทรฯวันเดือนปีที่เริ่มจนถึงวันที่ออก ค่าจ้าง/เงินเดือน ตำแหน่ง ความรับผิดชอบชื่อหัวหน้างาน พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อ... และให้แนบ Resume แต่บางแห่งไม่ต้องการ...นี่อย่างน้อยนะจากนั้นเขาก็จะให้เราทำบททดสอบเยอะแยะมากมายก่ายกอง เพื่อประเมินว่า มนุษย์พันธุ์ไหนที่เราเป็น ถ้าไม่ใช่พันธุ์ที่เขาต้องการเขาก็จะอีเมล์มาบอกว่า ขอบคุณที่สนใจสมัครงานไปแต่ว่าเรามีคนอื่นที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกว่า...อันนี้มาดามว่าดีนะ จะได้ไม่ต้องรอคอยด้วยความสงสัย...แต่บางแห่งเช่น วอลมาร์ท มันตีลูกเงียบอย่างเดียว ดูท่า Human Resources ไม่เวิร์กเท่าไหร่...องค์กรใหญ่ก็งี้แหละ เทอะทะ อุ้ยอ้าย อืดอาด ยืดยาด...เฮอะ ไม่อยากจะนินทา!!!

เวลาผ่านไป 1 เดือน คีธก็เหมือนจะดีขึ้นและอาจจากโรงพยาบาลกลับมาอยู่บ้านช่วงที่มาดามกำลังหัดขับรถนั่นแหละพอสอบทำใบขับขี่ผ่าน มาดามก็มองหางานอีก เจองานโรงแรมในเครือ Midamerica Hotels Corp. ก็สมัครไปในวันที่ 2 มกราคม 2016 พอวันที่ 6 ก็ได้รับโทรศัพท์จากโรงแรม Hampton Inn & Suites นิมนต์ให้ไปรับการสัมภาษณ์ในวันที่ 7 คีธก็ขับรถพามาดามไป...วันนั้น Trina ตำแหน่ง Supervisor ออกมารับมาดามและเอาใบสมัครมาให้กรอก เสร็จแล้วเธอก็ไปเชิญ Jess ซึ่งเป็น Supervisor อีกคนมาร่วมสัมภาษณ์...Jess นั้นพูดสำเนียงชัดเจน ฟังง่ายกว่า...ทุกครั้งที่ Trina ตั้งคำถาม มาดามจะฟังไม่ค่อยเข้าใจ Jess จะคอยทำหน้าที่ถามซ้ำอีกทีมาดามถึงจะรู้เรื่อง ก็เลยกลายเป็นเรื่องสนุกขำ ๆ กันไป...Jess ถามว่าขับรถได้หรือเปล่า มาดามก็ตอบว่า“เพิ่งได้รับใบขับขี่เมื่อวานนี้เอง...สอบผ่านได้คะแนน 98 เชียวนะ” แน่ะถือโอกาสคุยฟุ้งเลย...Jess ร้อง “ว๊าว!! สุดยอด หลานของฉันสอบตั้งสามครั้งแน่ะ” มาดามงี้หน้าบานแฉ่งไม่อยากจะหุบ...พวกเราพูดคุยถูกคอกันดี แต่ว่าพวกเธอคงยังไม่มั่นใจว่าจะรับต่างด้าวอย่างมาดามดีหรือเปล่าเธอก็เลยไปนิมนต์ Matt ผู้จัดการโรงแรมมาดูตัวมาดามและพูดคุยทักทาย ถามคำถามกันนิดหน่อย เขาถามว่า มาดามเคยทำงานโรงแรมหรือเปล่ามาดามตอบ “ไม่เค้ย ไม่เคย ฉันแค่จบเมเจอร์โฮเทลนะจะบอกให้”


…ชีวิตมาดามฟรายเริ่มก้าวย่างเข้าสู่วงจรลูกจ้างอีกครั้งในวันที่ 12 มกราคม 2016 แต่ต่างดินแดน ต่างภาษา ต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรม ต่างกฎกติกามารยาท ที่สำคัญเป็นงานที่ต่างจากสิ่งที่มาดามเคยทำมาตลอดชีวิตอย่างสิ้นเชิง...

จริง ๆ มาดามไม่อยากจะเชื่อตัวเองนะว่าจะมีบริษัทไหนจ้างคนต่างด้าว เหลาเหย่ (แปลว่า แก่ Smileyให้ทำงาน...แค่คิดว่าไม่อยากนั่งอยู่คนเดียวในบ้านทั้งวี่ทั้งวัน และถ้ามีใครจ้าง ไม่ว่ามันจะเป็นงานอะไรก็จะทำ ถ้าไม่ได้ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ในการสมัครงาน...คิดแค่นั้น...แล้วเพียงแค่สองสัปดาห์ก็ได้งานทำ

มาดามเห็นความดีของประเทศนี้ก็ตรงที่ มี กฎหมายสิทธิมนุษยชน และ The Employment Non-Discrimination Act (ENDA) รวม ๆ ความแล้วประมาณว่า ห้ามการเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน ไม่ว่าจะเป็นเพศ (Sex) อัตลักษณ์ทางเพศ (Gender Identity) วัย (Age) ชาติกำเนิด(National Origin) เชื้อชาติ (Race) ศาสนา (Religion) สีผิว (Color) สถานะสมรส (Marital Status) ความไร้สามารถ(disability) ฯลฯ


...ดังนั้นในใบสมัครจะไม่มีช่องให้เรากรอกอายุ แต่จะมีแค่คำถามว่า คุณมีอายุอย่างน้อย 18 ปี หรือไม่ เราก็ติ๊กว่าใช่หรือไม่ใช่แค่นั้น...และถ้าเรากรอกหมายเลขกรีนการ์ด แปลว่าเราไม่ใช่อเมริกันดังนั้นก็จะมีคำถามว่า อันไหนที่คุณเป็น Caucasian, Asian เป็นต้น...ในเมืองไทยเรานั้นพออายุครบ 60 ขวบปี ก็จะถูกนิมนต์ให้อยู่บ้านเลี้ยงหลาน หรือไม่ก็ให้หลานเลี้ยง...แต่ที่เมกา เกษียณกันตอน 67 ขวบแปลว่ามีเวลาหาเงินได้มากกว่าคนไทยเรา 7 ปี ...พูดแบบให้ฟังดูดีก็ต้องพูดว่า มีโอกาสใช้/แสดงความสามารถได้นานกว่าชาวไทยตั้ง 7 ปี

ความดีของกรีนการ์ด ไม่ได้มีเพียง แค่ใช้ในการทำงานในประเทศสหรัฐอเมริกา เท่านั้นมันยังสามารถใช้ในการผ่านเข้า-ออกประเทศนี้โดยไม่ต้องใช้พาสพอร์ต และมันยังใช้ทำธุรกรรมต่าง ๆ เหมือนเราใช้บัตรประชาชนในเมืองไทยของเราน่ะแหละ...เมื่อมันสำคัญเช่นนี้พวกมิจฉาชีพมันจึงชอบลักหมายเลขกรีนการ์ด และประกันสังคมเอาไปปลอมเป็นตัวเราที่เรียกว่า Identity Theft แล้วก็ขโมยเงินจากบัญชีออนไลน์ หรือบัตรเครดิตของเรา และ/หรือไปหลอกคนอื่นเอาทรัพย์สินเงินทอง...บรรดาแบงค์จึงจำเป็นต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงบัญชีส่วนตัวของเราแบบหลายหลืบหลายชั้นมาก...

ชีวิตการทำงานของมาดามฟรายจะดำเนินไปยัง จะเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้หรือไม่ การสื่อสารจะราบรื่นแค่ไหน หรือจะพบอุปสรรคขวาก และ หนาม อะไรอีก...มาดามจะเขียนตอนต่อไปนะจ๊ะ...ขอบคุณที่แวะมาเยือน...

Smiley





Create Date : 18 มิถุนายน 2559
Last Update : 31 ธันวาคม 2559 5:42:44 น. 5 comments
Counter : 2919 Pageviews.  
 
 
 
 
เป็นเรื่องราวที่น่าตื่นเต้นและมีความรู้มากค่ะ ชอบ ๆ รออ่านตอนต่อไปนะคะมาดามฟราย
 
 

โดย: Jasmine IP: 43.249.70.106 วันที่: 18 มิถุนายน 2559 เวลา:10:20:36 น.  

 
 
 
เข้ามาตามค่ะ ขอบคุณที่ถ่ายทอดเรื่องราวค่ะ
 
 

โดย: สมาชิกหมายเลข 3211267 วันที่: 20 มิถุนายน 2559 เวลา:17:05:44 น.  

 
 
 
ขอบคุณทั้งสองท่านที่แวะมาอ่าน และส่งเสียงมาค่ะ
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 21 มิถุนายน 2559 เวลา:7:32:35 น.  

 
 
 
รออ่านต่อนะค่ะ..เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอบคุณที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้ละเอียดมาก..จะติดตามตอนต่อไปค่ะ
 
 

โดย: jinaka IP: 1.20.66.75 วันที่: 25 มิถุนายน 2559 เวลา:17:30:24 น.  

 
 
 
ขอบคุณค่ะ คุณ jinaka ที่ยังไม่ลืมกัน
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 26 มิถุนายน 2559 เวลา:9:07:05 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

สมาชิกหมายเลข 1963584
 
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาดามฟรายค่ะ...
ข้ามห้วยมาไกล...ขอจอยน์ด้วยคนนะคะ
หากอ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไง
ก็กระซิบกระซาบมาให้ได้ยินได้อ่านบ้าง
หรือเชิญมาดามไปเยี่ยมที่บล็อกของเพื่อนบ้าง
ด้วยความยินดีค่ะ...
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา
และทุก ๆ ท่านที่ติดตามประจำนะค๊า
New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 1963584's blog to your web]

MY VIP Friends


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com