มาดามฟราย...ชีวิตที่เลือกเอง กับ ฝันที่เป็นจริง
 
Life In USA-9 ตอน ผักสวนครัวมาดามฟราย

Life In USA-9 ตอน ผักสวนครัวมาดามฟราย

จะเป็นเพราะความที่มี ดีเอ็นเอของเกษตรกรมาแต่กำเนิดหรือว่า เพราะความ งก ตอนนี้ยากที่จะแยกแยะแล้วละท่านผู้ชม...เมื่อฤดูใบไม้ผลิผ่านเข้ามามาดามนอกจากหาดอกไม้สวย ๆ มาปลูก แล้ว ก็ได้ความคิดที่จะปลูกพืชผักหลายอย่าง แต่ว่ากว่าจะคิดได้ก็ปาไปกลางฤดูซะแล้ว...ช่วงที่คีธพามาดามไปที่ Sikeston ได้เห็นการทำการเกษตรเป็นล่ำเป็นสันที่นั่น...ในหัวสมองก็เลยหมกมุ่นครุ่นคิดอยากจะปลูกนี่นั่นไปซะหมดเมื่อปรารภ ว่าเราควรปลูกข้าวโพด เพราะข้าวโพดสด ๆ ที่ซื้อจากวอลมาร์ทนั้นหวานอร่อยมากมายจริงๆ คีธก็เลยสนองตัณหาโดยการซื้อเมล็ดมาให้ซองนึง มี 50 เมล็ด ข้างซองระบุอัตราการงอก 30% มาดามลงแรงถากหญ้าติด ๆ กับพาทิโอออก แล้วพรวนดิน หยอดข้าวโพดลงไปชุดแรก 10 เมล็ด

เพียงแค่ 4 วัน ข้าวโพดต้นแรกก็ชูใบขึ้นมาสองสามวันต้นอื่นก็ทยอยโผล่ขึ้นมา และมันก็โตไวมาก อัตราการงอก 60% เพราะงอกมา 6 ต้น จาก 10…ดีใจฝุดๆ  เริ่มพรวนดินปลูกเฟสสองห่างออกไปสิบเมตร ตรงนั้นไม่มีหญ้าขึ้น เพราะเป็นดินทรายแห้งแล้ง (ขนาดหญ้ายังไม่อยากจะขึ้น) มันดีตรงไม่ต้องถากหญ้าให้เมื่อยไงแต่ไม่ดีตรงที่มันไม่อุ้มน้ำ แดดเผาตลอดวัน...เฟสสองปลูกไปทั้งหมดที่เหลือมันขึ้นมารวมกันทั้งหมด 20 ต้น จาก 50 เมล็ด....ไม่นานมันก็ออกดอก ต้นสูงประมาณ 12 นิ้วเอง

แต่แล้ว มาดามก็เจอเข้ากับ ตั๊กแตนเมกัน มันทำตัวเป็นศัตรูกับมาดาม บังอาจมาดูดน้ำเลี้ยงจากช่อดอกจนดอกร่วงไปเกือบหมด...พักนั้นศีลข้อแรกขาดสะบั้นเลย เพราะทำปาณาติบาตทุกวัน...ที่สาหัสกว่านั้นในเพลาต่อมาก็เกิดสภาพแปรปรวน คือ ร้อนจัดกลางวัน เย็นจัดกลางคืนขนาด น้ำค้างแข็งหรือ Frost...เล่นเอาข้าวโพดหวานของมาดามมีอาการร่อแร่...ใบล่างเหลือง แห้งไปทีละใบ ๆทีละต้น...สุดท้ายยืนตายแห้ง...เรียบ....มาดามได้เห็นเพียงต้นเดียวที่มันติดฝักขนาดเท่าหัวแม่มือต้นสูงแค่ 12 นิ้ว มันไม่รอดเพราะว่าโดนพายุพัดคืนนึงล้มรากลอยขึ้นมาจากดินไปกว่าครึ่ง กู้ชีพไม่ทันเลยจริง ๆ....สรุป เรื่องของเรื่อง มาดามปลูกช้ากว่าเกษตรกรตัวจริงไปเกือบสองเดือนพอเจอสภาพอากาศแบบนี้มันเลยทนไม่ไหว เพราะมันยังเด็กเกินไป....นี่แหละ บทเรียนบทที่ 1


กรีนอันเนี่ยน นางเอกประจำครัว

โอ้ว! ลืมเรื่องสำคัญไปได้ไงเนี่ย....กรีนอันเนี่ยนท่านผู้ชม มาดามปลูก มันตั้งแต่อยู่ในหน้าหนาว ปลูกไว้ในแกลลอนนม ดินก็ดินนอกบ้านไม่ใช่ดินสำหรับเพาะต้นกล้าไรเลย ปลูกมันในบ้าน อุณหภูมิ 74 องศาฟาเรนไฮน์....เพราะความที่ชอบใส่กรีนอันเนี่ยนในอาหารทุกจานและมาดามสังเกตว่า ที่โคนมันมีรากอ้วน ๆ ติดมาเป็นกระจุก มาดามเลยคิดจะลองจิ้มลงดินดูว่ามันจะงอกขึ้นใบมั๊ย...เลยตัดความยาว1 นิ้วเหนือราก ตอนแรกใส่ตลับไว้ในตู้เย็นก่อนรอจังหวะว่าเมื่อไหร่คีธจะไปหาดินดี ๆ นอกบ้านมาให้ตอนนั้นหิมะยังไม่ตก...แต่ว่าแค่ 6-7 วันมาดามก็เห็นมันมีใบเขียว ๆ งอกออกมาทุกต้นเลย เชื่อทันทีว่ามาดามต้องได้กินต้นหอมที่ปลูกเองแน่ จึงเร่งคีธไปเอาดิน


ปลูกไป 10 ต้นมันก็งอกงามดีสูงไว...แต่ไม่นานนักก็เห็นมีราขาว ๆ เกาะที่ดิน...โอว..ไม่ได้การมาดามกลัวเชื้อราจะแพร่กระจายในบ้านจึงย้ายพวกมันออกไปไว้ที่ลานหลังบ้าน...จะรอจนกว่าจะผ่านฤดูหนาวถึงจะย้ายลงดิน...แต่ปรากฏว่ามันไม่รอด ปลายใบมันเหลือง แห้ง ๆๆๆ มาดามเลิกหมดหวัง ไม่รดน้ำให้เปลืองอีกต่อไปเป็นหลาย ๆ วันเลยละ แต่พอออกไปดูอีกที มันตายแห้งไปเกือบหมดมีแค่ต้นเดียวที่ยังไม่ตายแต่ก็เลี้ยงไม่โต..มาดามก็กะจะทิ้งเลยไม่คิดจะรดน้ำมันอีก..ต่อมาจะเคลียร์พื้นที่เพื่อปลูกอย่างอื่น ก็ป๊ะเข้ากับเจ้าต้นหอมจอมอึด ต้นนั้น มันยังอยู่รอดปลอดภัยท่านผู้ชม...ตอนแรกคิดจะกำจัดแต่แล้วก็เปลี่ยนใจไหน ๆ มันก็รอดราวมีปาฏิหาริย์ เลยขุดหลุมให้มันอยู่ ใกล้ ๆประตูหลังบ้านเลย...เหลือเชื่อจริง ๆ มันดี๊ด๊าโตวันโตคืน อ้วนท้วนสมบูรณ์ และยาวใหญ่จนกระทั่งได้เวลาตัดใบเอาไปบริโภค..น่าสงสารมันแต่ถ้าไม่ตัดมันก็จะแก่แล้วก็เหลืองแล้วก็แห้งตายไปทีละใบเลยละ

ได้เวลาที่ต้นหอมเฟส 2 จะลงดินเพราะทุกครั้งที่ทำอาหารมาดามตัดโคนมันเก็บใส่ไว้ในตู้เย็นทั้งรากและใบเขียวก็งอกยาว ทำท่าอยากจะลงดินเต็มแก่...รอดทุกต้นท่านผู้ชม ต้นหอมเมกัน ปลูกง่ายซะไม่มี แล้วยังโตไวทันอกทันใจไร้กังวล...แค่ให้ผ่านหน้าหนาวไปให้ได้รอดหมด...มาดามปลูกเฟสสามต่อเนื่องเพื่อจะได้มีกินตลอดไม่ขาดตอน...ตั้งแต่เดือน มิถุนายนเป็นต้นมาถึงตอนเขียนบล็อกอยู่นี่ มาดามยังตัดมากินตลอดแต่ว่าใบที่งอกใหม่มันเริ่มผอมและ สั้นลง...บางช่วงจะมีหนอน และหอยอะไรไม่รู้มากินใบ และเจาะเข้าไปข้างใน....


มะเขือเทศยักษ์

ตอนที่ไปเดินชมตลาด Farmer Market เจอต้นมะเขือเทศ ราคาเหรียญเดียว คว้ามาอย่างไวเลย ต้นสูงประมาณ 5-6 นิ้ว มาดามเอามันลงดิน รดน้ำ เช้า ไม่เคยขาด มันก็โตไวได้ใจจริง ๆ ต้นทั้งสูงทั้งอ้วน เกินฟุต ออกดอกไม่น้อย มาดามก็คอยออกไปชมว่าเมื่อไหร่จะได้เห็นลูก...แต่ไม่รู้เป็นไงจู่ ๆ ใบมันก็เหลืองจากกิ่งล่าง ๆ ส่วนยอดยังคงงอกงามดี แต่ว่าดอกมันค่อย ๆ ร่วงโรยไป ไม่มีลูกโผล่ งอกมาเลย...ในที่สุดต้นมันก็เริ่มแห้ง ๆ จากล่างไล่ไปบน ๆ....ตายสนิท (จนถึงบัดเดี๋ยวนี้มาดามก็ยังไม่รู้สาเหตุว่าทำไมมันถึงตาย)

ความที่ต้องมีมะเขือเทศติดครัวตลอดเพราะต้องทำพิซซ่า คราวนี้คิดใหม่ทำใหม่...เมล็ดที่เคยทิ้งลงซิ้งค์ก็ลองเก็บไปตากแดดพอแห้งดี ก็ทิ้งไว้หลายวัน แล้วก็เอาไปหยอดใส่ถ้วยโยเกิร์ตประมาณ 10 เมล็ด...

ไม่อยากเชื่อท่านผู้ชมแค่ วันมาดามก็เห็นมันงอกขึ้นมา มันโตเร็วมาก ๆ แต่ละวันสูงราว ครึ่งนิ้วแหละแต่ในใจก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า มันจะรอดจริงอ๊ะป่าว? ยังไงก็ตามพอต้นสูงประมาณ 2 นิ้วมาดามก็แยกต้นจากถ้วยโยเกิร์ต ไปกระถางเพาะเล็ก ๆ ที่เก็บไว้ตอนย้ายพวกดอกไม้ลงดิน พอมันโตประมาณ 5-6 นิ้ว ก็ย้ายอีก เอามาลงกระป๋องพลาสติกกาแฟซึ่งใหญ่ขึ้น แล้วจัดให้มันอยู่ด้วยกันกับต้นโหระพา ใต้ชายคาได้แดดครึ่งวัน ร่มครึ่งวัน...อีกสัปดาห์นึงมันก็สูงจนคิดว่าควรลงดิน หาไม้ค้ำยันกันลมพัด...ก็เลยลงดินไป..ใจเต้นตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เกรงว่าจะตายแบบต้นแรกที่ซื้อมานั่น

เพราะมันไกลตา บางวันก็ลืมรดน้ำมันก็เหี่ยว ๆ เฉา ๆ บ้าง แต่พอได้น้ำก็เหมือน กระดี๋ สุดท้ายก็ต้องพามันไปลงดิน เพื่อให้รากมันเรียนรู้ที่จะหากินเองบ้าง....เลยห่างๆ มันไป ไม่ได้ดูแลทุกวัน แต่แล้วกลับไปดูที่ดอกอีก ก็เห็นต้นที่โตสุดมันออกผลมาสองผลโว้วๆ...มะเขือเทศพันธุ์นี้ มันจะออกดอกมาเป็นช่อ มีประมาณ 5-6 ดอกและจะติดผลทั้งหมดเกษตรกรจะตัดขั้วมันมาขายยกพวงเลย...แต่ของมาดามต้นใหญ่สุด ดอกเยอะก็จริงแต่ติดลูกแค่สองผลเองลูกก็ไม่ใหญ่ยักษ์

...แม้ว่าจะเพาะเมล็ดพร้อมกัน งอกไล่เลี่ยกัน แต่จะโต ออยกดอก ออกผล ไม่พร้อมกันท่านผู้ชม ต้นนี้เป็นต้นน้องเล็ก ที่ว่าเล็กเพราะมันโตช้ากว่าต้นอื่น ๆ อีก 4-5 ต้นแต่ว่ามันออกลูกก่อน ดูซิ ช่อนี้ได้มา 4 ผล ฮ่าฮ่า!! ปลื้มฝุด ๆ ภาวนาขออย่าให้เจอภัยพิบัติไรเล้ย...เพี้ยง!!!! แม่สามีโทรมาบอกลูกชายว่า “บอกแพทด้วย คืนวันศุกร์-อาทิตย์ จะเกิด Frostต้องหาอะไรคลุมมะเขือเทศไว้นะ” มาดามก็เอาถุงก๊อบแกร๊บคลุมหมดทุกอย่างบรรดามี...ปรากฏว่า คืนแรก โหระพา ของมาดามใบดำเลย พอคืนที่สองคลุมอีก คราวนี้ มะนาวใบห่องุ้มลงไป ไม่สดใสเหมือนเคย...ไม่ได้การไม่ห่อดีกว่า...โหระพา ดูท่าจะไม่ฟื้นคืนชีพ ใบมันทนความเย็นนาน ๆ ไม่ไหว...พออาทิตย์นั้นผ่านไปปรากฏว่า ใบมะเขือเทศของมาดาม โดนน้ำค้างแข็งกัดซะไหม้เลย...น่าสงสารแต่ว่ามันยังดีอยู่ท่านผู้ชม แม่ผัวบอกว่า พันธุ์นี้กินดิบ ๆ ได้นะ...อืม!! มาดามกะ ถ้าต้นมันจะตายเพราะน้ำค้างแข็งจริง ๆ ละก็ มาดามจะขอยอมกินมะเขือเทศดิบๆ ที่เมกานี่แหละ  ให้ตายเถอะโรบิ้น...

ต้นเล็กสุดนี่ ติด 4 ผล ดี..ทน+อึด เกินคาด

มะนาว...จอมอึด

มาดามไม่ค่อยได้ใช้มะนาวสดๆ ปรุงอาหารเท่าไหร่ แต่ก็มีติด ๆ ไว้ในตู้เย็นสำหรับ ทำยำ และต้มยำสูตรประยุกต์มาดามก็เลยเก็บเมล็ดมันไปเพาะลงในแกลลอนนม ลองดูแค่ 2 เมล็ดและมันก็ขึ้นด้วย ใบเป็นมันวาวสวยงาม ย้ายมันไปลงดินใกล้ ๆ แปลงกรีนอันเนี่ยนแต่ไม่นาน ก็ย้ายมันไปอีกฝั่งให้มันไปอยู่รวมกับต้นโหระพาโน่น...ยังไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะมีชีวิตอยู่ในหน้าหนาวยังไง...ต้นไม้อื่นมันจะแตกใบใหม่ในฤดูใบไม้ผลิ เจ้ามะนาวสองพี่น้องของมาดามนี่ต้องรอลุ้นว่า จะตายสนิทแบบกู่ไม่กลับ หรือว่าจะแตกใบใหม่เหมือนต้นไปใบหญ้าอื่น ๆ...ลุ้น ๆๆ

โดนน้ำค้างแข็ง ใบห่อเลย


โหระพา...ดาวประจำครัว อีกดวง

มาดามเห็นโหระพาที่วอลมาร์มปลูกไว้ในกระถางเพาะเล็กๆ นอกจากโหระพา ยังมี ผักชี โรสแมรี่ ไทม์คือพวกเครื่องเทศปรุงรสนานาชาตินี่แหละ...แต่ว่ามาดามไม่คิดจะซื้อ กลัวมันจะไม่รอด แต่แล้ววันหนึ่งก็คิดทบทวนใหม่ว่า แค่ซื้อมันไปผัดกระเพากินสักมื้อ ราคา $2.89 วันนั้นเลยหยิบมากระถางนึงมีคำแนะนำไว้ข้างถุงว่าให้หล่อน้ำที่ก้นกระถางวางไว้ในที่มีแดดส่องถึง...มาดามทำตามอย่างคนหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย...

โหระพา นี่ใบมันใหญ่มากแต่ว่ากลิ่นไม่แรง เหมือนบ้านเรา (อ้อใช่นี่เป็นเหตุผลแรกที่มาดามไม่ซื้อ เพราะว่ามันดมแล้วไม่ได้กลิ่น)...มาดามเด็ดใบบนๆ เอามาทำผัดกระเพาไก่กรีนบีน โอ้ว! มันมีกลิ่นหอมตอนโดนความร้อนนี่เองแหละท่านผู้ชม...นี่เป็นครั้งแรกที่ได้โหระพาสด ๆ มาทำอาหาร

หลังจากเด็ดใบมันมากินแล้ว ใบใหม่ก็จะแตกออกมาเร็วมาก กระถางนี้มีสี่ต้น ความสูงประมาณ 10 นิ้ว...พอเห็นว่ามันมีชีวิตรอดแม้ในกระถางใบเล็ก ๆ มาดามเลยตัดสินใจเปลี่ยนไปลงภาชนะที่ใหญ่กว่า มันคือ กระป๋องพลาสติกใส่กาแฟบดของคีธ มาดามเก็บไว้หลายใบ...และดูท่าว่ามันจะชอบใจเอามาก ๆ งดงามแม้ตากแดดทั้งวันนอกบ้านนั่น...ต่อมาก็ย้ายลงดิน ไปอยู่แปลงเดียวกับมะนาวเลย คราวนี้มาดามแยกมันออกเป็น สองกอ เพื่อให้มันไม่ต้องแย่งสารอาหารกันเอง....และที่สำคัญมาดามสามารถเด็ดใบมันมาทำอาหารได้อาทิตย์ละสองครั้ง ๆ 50-60 ใบเลยทีเดียว


ล้มเหลวกับการปลูก แคนตาลูป

มาดามซื้อแคนตาลูปมากินครั้งนึงอร่อยมากแล้วก็เก็บเมล็ดไปเพาะ มันปลูกขึ้นง๊ายง่าย อัตราการงอก 100%มันไม่สนใจว่าจะเป็นดินแบบไหนในกระถางเพาะเม็ด มันโตเร็วจนน่าตกใจมาดามปลึ้มซะไม่มี...กุลีกุจอ พาพวกมันไปลงหลุม 13 ต้น เลือกบริเวณที่ไม่มีหญ้าของคีธตรงนั้นมันเป็นที่ลาดชันและเป็นดินทรายที่ไม่อุ้มน้ำเมล็ดหญ้ามันเลยไหลไปกับน้ำฝน...

มาดามเกรงว่ามันจะทนแดดไม่ไหวก็เลยเอาพลาสติกสีดำคลุมดินไว้โดยตัดช่องให้ต้นมันโผล่ออกมา...มันก็แตกใบเพิ่มแบบว่าเป็นใบหยัก ๆ แทนใบกลม ๆดีใจคิดว่าต้องได้กินผลสุกช่วงฤดูใบไม้ผลิแน่ ๆ ...แต่ เจ้ากรรมอีกนั่นแหละเจอน้ำค้างแข็งเข้าไปหลายคืน ผสมโรงกับกลางวันแดดจัดขนาดต้มน้ำเดือดได้...อากาศสุดขั้วแบบนี้ทำให้แคนตาลูปน้อยของมาดาม สับสนในชีวิต ว่าควรจะทนอยู่ หรือว่าตายแล้วไปเกิดใหม่...ใบน้อย ๆ เริ่มแห้ง...กรอบ..ไปทีละใบ..คีธบอก “ที่รักนี่มันไม่ใช่ฤดูปลูกแคนตาลูป มันทนอากาศเย็นไม่ไหวหรอก”

ดูดิ หมดน้ำไปหลายคิวบิกฯ...อ้อ แต่เมื่อคิดแบบบวก ๆ มันก็ทำให้มาดามได้ออกกำลังกายหลังอาหารเช้า หรือไม่ก็หลังอาหารค่ำเกือบทุกวันเลยนะ เพราะชอบเดินไปเดินมาตักน้ำรดต้นไม้ที่เพิ่งปลูกช่วงใบไม้ผลิ 25 ต้น และพืชผักสวนครัวของมาดามอีก แม้มีเครื่องทุ่นแรงแต่ไม่อยากใช้นะ วิธีนี้เวิร์ก ไม่ต้องออกกำลังกายหลังตื่นนอนเช้าอีกเลยยยย....


คีธได้ต้นไม้ชนิดที่ออกดอกและไม้พุ่มชนิดออกดอกจากเพื่อนบ้านให้มา 25 ต้น ตอนแรกเค้าจะไม่เอาแต่มาดามบอกว่าให้เอามา เราต้องมีต้นไม้เป็นของเราเอง...มันเป็นเพียงต้นไม้แห้ง ๆ เหมือนไม่มีราก และไร้ใบ สูงประมาณ 30-50 cm. ได้มาแล้วก็ทิ้งไว้หลังบ้านไม่เอาไปปลูก พอมาดามไปเจอ ต้องรีบเอาน้ำเทใส่ถุงลงไป แล้วเอาไปเก็บในโรงจอดรถอยู่เป็นอาทิตย์ จนแตกใบอ่อน...นั่นแหละถึงได้ฤกษ์หามยามดีพาไปลงดิน...

หลังจากเค้าปลูกลงดินแล้วก็ไม่เคยใจใยดีดูแลรดน้ำเลย พอมาดามไปเดินดู เห็นมันเดี้ยง ๆ และตายไป 4-5 ต้นก็เลยต้องรับหน้าที่เป็นคนรดน้ำต้นไม้ มาไว้ในอ้อมกอด หวังว่ามันจะเจริญงอกงามดี...พอมันได้น้ำสม่ำเสมอก็แตกใบใหญ่ ๆ น่าปลื้มยิ่งนัก...มาดามจะออกไปรดน้ำต้นไม้ทุกเย็นหลังอาหารเป็นการออกกำลังกายไปในตัวถ้าวันไหนฝนตกก็ดีไป


เพียงหวังว่าไม่กี่ปีข้างหน้า จะมีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาเขียวขจีในฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงฤดูร้อนและเปลี่ยนสีสุก สดใส สว่างไสว รอบ ๆ บ้าน บางทีจะได้ไม่ต้องวิ่งเข้าป่าไปชื่นชมต้นไม้สีสวยทุกปี....หลังจากสวมวิญญาณ Farmer จับพลั่วอันเป้ง ๆ ทั้งขุด ทั้งพรวนดินเป็นบ้าเป็นหลัง ผลพลอยเสีย ที่ได้รับคือ หัวไหล่ขวาเหมือนชำรุด เส้นเอ็นยึด แข็ง เจ็บและปวด ยังไม่หายเลย รัศมีการเอื้อมแขนไปหลังสุด-ซ้ายสุดแคบลง ชีวิตลำบากเลย เพราะถอดเสื้อออกทางหัวเองยากส์อ่ะ... รอกลับไปนวดที่เมืองไทยต้นปีหน้าละกัน...

ขอบคุณที่แวะมานะค๊า

หากมีเวลาเหลือพอละก็ 

อ่านบล็อกอื่น ๆ ของมาดามฟราย ได้ที่นี่ค่ะ 

อ่าน Life In USA-10 ตอน คุ้กกี้มาดามฟราย







Create Date : 07 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2558 3:43:41 น. 2 comments
Counter : 1467 Pageviews.  
 
 
 
 
มาลุ้นด้วยคนค่ะ เราก็ปลูกผักไม่ค่อยงามค่ะตอนนี้ที่บ้านหอยทากเยอะมากมากินซะหมดเลย
 
 

โดย: แม่น้องกะบูน วันที่: 7 พฤศจิกายน 2558 เวลา:21:52:45 น.  

 
 
 
หอยทากเมกา มันกินผักยังไม่พอ มันยังปีนป่ายไปอยู่บนฝาบ้านเต็มไปหมดค่ะ รวมทั้งตัวทากยึกยือสีดำ ๆ มัน ๆ หนีด ๆ นั่นด้วย หยึยยยย..

ขอบคุณแม่น้องกะบูนที่แวะมาเยี่ยมค่ะ...ดูท่าว่าเราจะ คอเดียวกัน
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 7 พฤศจิกายน 2558 เวลา:22:39:49 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

สมาชิกหมายเลข 1963584
 
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาดามฟรายค่ะ...
ข้ามห้วยมาไกล...ขอจอยน์ด้วยคนนะคะ
หากอ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไง
ก็กระซิบกระซาบมาให้ได้ยินได้อ่านบ้าง
หรือเชิญมาดามไปเยี่ยมที่บล็อกของเพื่อนบ้าง
ด้วยความยินดีค่ะ...
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา
และทุก ๆ ท่านที่ติดตามประจำนะค๊า
New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 1963584's blog to your web]

MY VIP Friends


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com