มาดามฟราย...ชีวิตที่เลือกเอง กับ ฝันที่เป็นจริง
 
ตอนที่ 16 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (บินลัดฟ้า ข้ามมหาสมุทร)

ตอนที่ 16 กว่าจะมาเป็น มาดามฟราย (บินลัดฟ้า ข้ามมหาสมุทร)

สองวันก่อนออกเดินทางตามสามีไปอเมริกา มาดามต้องไปหาซื้อของและรับภาพถ่ายพรีเว็ดดิ้งส่วนที่เหลือทั้งหมดจากสตูดิโอ และรับซีดีภาพงานวิวาห์จากตากล้องน้องเอกพร้อมชำระค่าเสียหาย  แล้วก็ถือโอกาสหาซื้อรองเท้ากันหนาวและพวกเครื่องสำอางที่ขาดไม่ได้...หมดไปหนึ่งวัน ยังไม่ครบหรอก..ต่อวันหลังอีกแต่ไปคนเดียว ทิ้งคีธไว้ที่บ้าน วันสุดท้ายนี่ต้องไปทำเรื่อง ขอเปิดใช้บริการ i-Banking และทำเรื่องขอหักบัญชีเพื่อชำระบัตรเครดิต (ปกติมาดามชำระเงินสดที่เค้าน์เตอร์ค่ะ)

พอกลับมาก็เริ่มแพ็คกระเป๋าเดินทางสีชมพูสแลนแป๋น 1 ใบที่เพิ่งจะไปถอยมาสด ๆ ร้อน ๆ จากห้างบิ๊กซีใกล้บ้าน โดยอัดเสื้อผ้าเครื่องกันหนาวของตัวเองที่แอบซื้อเผื่อไว้ตั้งแต่หลายปีก่อนเพราะคิดว่าต้องไปเที่ยวเมืองสักครั้งก่อนชีวาจะหาไม่....ยังได้ชุดที่คริสโล๊ะแล้วอีกหลายตัวและไม่ลืมสกินนี่ยีนส์ที่เพิ่งถอยมายกกระบิ ยังมีเครื่องสำอางที่ซื้อไปเผื่อไว้ใช้ประมาณ 3 เดือน รวมชั่งน้ำหนักได้ 21 กิโลกรัมนิดๆ แต่ใส่ไว้แค่นั้นก่อนเผื่อเครื่องชั่งของมาดามอาจเพี้ยน และที่สำคัญกระเป๋ารับน้ำหนักมากเกินมันยกไม่ไหว (น้ำหนักสูงสุดที่ Korean Air ยอม คือ 23 กก/ใบ ยอมให้นำไปได้คนละ 2 ใบ) ... ใบที่ 2 เป็นเป้ของตัวเองเพิ่งใช้งานครั้งเดียวตอนไปเที่ยวลาวในนี้บรรทุกของใช้ส่วนตัวและเครื่องสำอางกิฟฟารีนไซส์เป้ง ๆ อีกชุดที่เพิ่งซื้อมาหมาดๆ รวม 12 กิโลกรัม และใบที่ 3 เป็นกระเป๋าสะพายติดตัว 1 ใบ ๆ นี่ก็รับน้ำหนักประมาณ 5 กก.ไม่รู้ว่าอัดอะไรเข้าไปนักหนา จำไม่ได้แล้วรู้แต่ว่าเป็นของที่จำเป็นต้องควักเข้าควักออกตลอดเวลาน่ะแหละ...คีธเอา wireless keyboard ของมาดามยัดเข้าไปในเป้ของตัวเอง รวมไว้กับ Notebook 2 เครื่อง แต่มาดามหยิบออกเกรงว่าจะเกะกะเกินไป...เขามีแค่เป้ใบเดียวจริงๆ และปฏิเสธที่จะถือสองใบ ทำให้มาดามจัดกระเป๋าเพิ่มไม่ได้

หันมาเตรียมเอกสารสำหรับการเดินทางทุกอย่าง...เช็คแล้วเช็คอีก....ตอนนี้พร้อมแล้วไม่ว่าจะเป็น Passport/visa, ID card, e-ticket และไม่ลืมที่จะเอาชุดทะเบียนสมรสที่ได้จากอำเภอติดไปด้วยเพื่อใช้สำหรับยื่นขอวีซ่าถาวรที่โน่น


7 ธันวาคม 2014 วันที่ต้องบิน ลัดฟ้าไปซีกโลกตะวันตกดินแดนที่มาดามเคยคิดฝันว่า คงมีสักวันที่จะบินให้ไกล ไปให้ถึง...มันมาเร็วเกินกว่าที่คาดหมายจริงๆ...มาดามขนสมบัติใส่ในรถ และขับไปที่บ้านพี่สาวเพื่อจอดรถทิ้งไว้ที่นั่น...พวกเราพูดคุยกันประมาณยี่สิบนาทีและต้องล่ำลากัน (มีแอบเลี้ยงเบียร์น้องเขยไปขวดด้วย)...คริสตามไปส่งพวกเราที่สนามบินเรานั่งแท็กซี่ไป (คริสไม่กล้าขับรถแม้ว่าได้ใบขับขี่มาชาตินึงแล้วก็ตาม...แต่มาดามก็เอารถมาทิ้งไว้ให้เธอขับกลับ โดยหวังว่าถึงเวลาที่เธอควรจะกล้าซะที)

เรามาถึงสนามบินตอนสองทุ่ม มีเวลาเช็คอินแบบเหลือเฟือเพราะเครื่องออก 10:45 PM เรากำลังจะบินไปกับ Boeing 777 Jet, Korean Air, Bangkok to Seoul, Flight Number: KE652, Class:Coach และเราได้ที่นั่งติดกันแม้จะจองของมาดามทีหลัง ห่างกันเกือบสามเดือน....เมื่อไปถึงก็ไม่รอช้าหาช่องเช็คอิน คีธยื่นเอกสารของเค้า e-ticket พร้อม Passport และมาดามก็ยื่นตามพร้อมบัตรประชาชนแล้ววางกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่จะเก็บที่ใต้ท้องเครื่องบนสายพานที่เจ้าหน้าที่อีกคนบอก...เมื่อเจ้าหน้าที่เช็คข้อมูลที่ระบบคอมพิวเตอร์เขาก็ทำหน้าประหลาดใจ แล้วหันมาพูดว่ากับคีธ “คุณได้ถูกเลื่อนเที่ยวบินไปเป็นวันพรุ่งนี้แล้ว” มาดามหูฝาดไปหรือเปล่านี่? คีธก็ตกใจร้องบอก “ผมไม่รู้เรื่องนั้นผมจองเที่ยวบินนี้ตั้งแต่เดือนกันยายน และ Expedia มีการแจ้งเลื่อนเวลาทางอีเมล์แค่สองครั้งเท่านั้น” แล้วคีธก็กร่นด่า Expedia ให้คริสฟังอย่างสาดเสียเทเสีย และคำรามว่าจะฟ้อง...มาดามบอกให้เค้าหยุดไร้ประโยชน์ที่จะด่าทอตอนนี้ มาช่วยกันหาทางแก้ไขดีกว่า...มาดามถามเจ้าหน้าที่ว่าของมาดามล่ะเป็นไง เค้าก็บอกว่าโอเคไม่มีอะไรเปลี่ยน บินได้มาดามก็ถามเค้าต่อว่าช่วยหาทางอื่นให้เราได้เดินทางพร้อมกันได้มั๊ยเพราะว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มาดามจะเดินทางไกลไม่สามารถไปคนเดียวได้จริง ๆ...คีธก็ได้สติเข้ามาช่วยคุย

เจ้าหน้าที่ยกหูโทรศัพท์คุยพักนึง แล้วก็วางชี้บอกให้เราไปติดต่อที่เค้าน์เตอร์แรก ซึ่งเป็น Customer service ตรงนี้มีเจ้าหน้าที่คนไทยประจำหนึ่งคน...พอเค้าเช็คระบบแล้วก็ขอเอกสารนี่นั่น...แล้วก็โทรศัพท์คุยกับสำนักงานที่เกาหลีคุยกันอยู่พัก แล้วเค้าก็บอกว่า เช็คเที่ยวบินที่จองแล้ว เต็มหมดทุกที่นั่ง และก็ไม่มีการ Cancel จากผู้โดยสารเลย...มาดามถามเค้าว่าเที่ยวถัดไปกี่โมง เค้าบอก เกือบเที่ยงคืน ซึ่งมาดามคิดว่ารอได้ มาดามไม่อยากลากกระเป๋ากลับ ให้เค้าเช็คว่ามีที่นั่งหรือเปล่า ไม่จำเป็นต้องนั่งติดกันก็ได้....หลังเช็คแล้วคำตอบคือ เต็มทั้งหมด อีก.....

          พวกเราตกอยู่ในความเงียบงัน ดูเหมือนว่ามาดามต้องแบกกระเป๋ากลับจริง ๆ หรือนี่ การที่ต้องเลื่อนเที่ยวบินตัวเอง มันมีค่าใช้จ่ายไม่น้อย...มาดามร้องขอเค้าอีกครั้ง“ช่วยเช็คใหม่อีกครั้ง เราจำเป็นต้องบินคืนนี้ให้ได้เพราะเราจองเที่ยวบินทั้งหมดไว้แล้วทั้งที่อเมริกา...เราไม่ได้รับอีเมล์แจ้งจาก Expedia จริงๆ เราไม่รู้ว่าเกิดปัญหาอะไร แม้แต่เที่ยวขามาเมื่อเดือนที่แล้วสามีก็พลาดเที่ยวบินของคุณ ทำให้เดินทางเดินทางล่าช้าไปหนึ่งวันโดยขาดการติดต่อ นั่นแทบจะทำให้ชีวิตเราพัง...ยังมีอีก แม้แต่กระเป๋าของเขาก็หายไป เขามีเพียงชุดที่สวมใส่มาเข้าพิธีแต่งงาน” เจ้าหน้าที่ฟังแล้วต้องช่วยคิดหาวิธีให้สองผัวเมียบินไปพร้อมกันให้ได้...มาดามคาดเดา เพราะฟังแล้ว น่าสงสาร!!!

          เขาก็ให้เรารอ ต่อมาก็บอกให้พวกเรากลับไปที่ช่องเดิมมาดามลากกระเป๋าไปมา ระหว่างสองช่องนี้อยู่สามสี่ครั้ง จริง ๆ ไม่รู้ว่าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้น...ครั้งสุดท้ายก็มาที่ Customer service อีก เรารอให้เจ้าหน้าที่ทำงาน...มาดามตาไม่กระพริบ เจ้าหน้าที่ผู้นั้นทำงานหนักเดี๋ยวโทรศัพท์ แล้วเช็คระบบทำวนไปมา...แบบตัวเค้าเองก็ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าคู่นี้จะจบยังไง..และแล้วเขาก็หันมา“ตอนนี้ได้เที่ยวบินสามทุ่มสี่สิบผมดำเนินการเปลี่ยนเที่ยวบินให้แล้วทั้งสองท่านรบกวนชำระเงินค่าธรรมเนียมเปลี่ยนแปลง......” มาดามอยากกรี๊ดดัง ๆ...แต่ว่าตอนนี้มันสามทุ่มครึ่งแล้ว...เหลือเวลาแค่สิบนาทีเอง....เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำว่าคราวต่อไปอย่าจองไฟล์ทแบบนี้อีก ซึ่งมันจะทำให้เกิดปัญหาได้อีก....คีธรูดเครดิตเสร็จเจ้าหน้าที่ให้เราเอากระเป๋าใบใหญ่กลับที่ช่องเดิมเพื่อผ่านการชั่งน้ำหนักและสแกนก่อนโหลดขึ้นเครื่อง....เจ้าหน้าที่ฉีกแท็กกระเป๋าให้แล้วบอกให้เราออกไปอีกทาง....คราวนี้เดินแบบจ้ำอ้าวกันเลย...แต่แล้ว Customer service ก็เรียกให้กลับไปอีก...โอย อะไรอีกหนอ..ยิ่งรีบๆ....ปรากฎว่าเค้าเรียกกลับไปเอาเงินคืน เพราะคำนวณเงินเกิน เท่ากับว่าเราจ่ายเงินเพิ่มจริงๆ แค่ พันสองร้อยกว่าบาท...มีเจ้าหน้าที่อีกคนมายืนคอยพาพวกเราไปยังจุดตรวจ เขาอาเป้มาดามใส่ Cart แล้วเข็นนำไป...

คริสเดินตามมาส่งพวกเรา ไม่มีการพูดคุยใด ๆ จ้ำอ้าวกันไป....จนกระทั่งถึงประตูทางออก ซึ่งมันไกลลลลลล จากจุดเช็คอินมากมายเหลือคณา...แม่ลูกก็หยุดร่ำลากันแต่คีธเดินไม่เหลียวหลังห่างไปสิบกว่าเมตร มาดามเลยไม่เรียก...เรามาถึงช่องตรวจขาออกเจ้าหน้าที่เช็คกระเป๋าทุกใบ เทออกมา....อะไรที่เป็นของเหลวเกิน 100 มล โดนยึดหมด ชียึดของมาดามไป 2 รายการ ยังไม่ได้เปิดใช้เลยแต่จริง ๆ เธอถามก่อนว่า “คุณจะเอาไปใส่ไว้ในกระเป๋าใต้เครื่องมั๊ยคะ” มาดามตอบไปว่า “ไม่ทราบกระเป๋าไปถึงไหนแล้วค่ะ..รบกวนคุณช่วยหาคนใช้ของพวกนี้ด้วยก็แล้วกันอย่าเอาไปทิ้งนะเสียดาย” จริง ๆ ไอ้ที่โดยยึดมันเป็นครีมล้างหน้ากับโลชั่นทาตัวมาดามไม่คิดว่ามันเป็นของเหลวนะ เพราะตอนเทแล้วมันไม่ (เหลว) ไหลไงเลยใส่ไว้ในเป้...โง่มาก่อนฉลาดตลอด!)

เจ้าหน้าที่คนเดิมก็เข็น Cart นำหน้าต่อไปเพื่อจะไปขึ้นเครื่อง...แล้วเขาก็เริ่มวิ่งเหยาะๆ มาดามก็ต้องเหยาะตาม ไม่งั้นไม่ทันกัน...คีธตัวสูง แค่ก้าวยาว ๆ ก็ได้ระยะทางเท่ากับมาดามวิ่งสามก้าวละมั้ง...จนกระทั่งมาถึงจุดที่เจ้าหน้าที่บริการผู้นั้นไม่สามารถผ่านเข้าไปได้เขาส่งเป้ให้มาดาม แล้วบอกว่าให้เดิน (วิ่ง) ตรงไปจนถึงประตู มาดามก็ขอบคุณรับเป้มาคล้องไหล่อีกข้าง...มันหนักมาก ตอนนี้รวมสองใบ 12+5 =17 กก. คราวนี้เราสองคนวิ่งเลย ไม่เหยาะไม่แหยะแล้ว..มาดามปวดไหลมากลดเป้มาคล้องที่แขวนซ้ายแล้วกระเตงไป นึกด่าตัวเองใจใน ว่าทำไม (ตู) งกนักเอามาทำไมนักหนา....ตอนนั้น ทั้งหอบ...ทั้งเหนื่อย...นี่มันกี่ร้อยเมตรที่วิ่งมา ทางเข้าเครื่องอยู่ไหน...ป่านนี้พวกเค้าคงคอยเราสองคน ...มันดีเลย์แล้ว...ถ้าโผล่หัวเข้าไปในเครื่องพวกผู้โดยสารจะแอบด่าเราสองคนที่ทำให้เครื่องดีเลย์หรือเปล่า...คิดตลอดทางที่วิ่งไปมันไกลเหลือเกิน เมื่อไหร่จะเห็นเป้าหมายซะทีล่ะ....และแล้วภาพเจ้าหน้าที่สองคนก็ปรากฏให้เห็นแต่ไกล...คงเป็นตรงนั้นขอให้ใช่เถอะ เพราะเรี่ยวแรงกำลังจะหมดแล้ว....

พวกเค้ายืนมองคล้ายรอคอยการมาถึงของเรา...เมื่อใกล้เข้าไปอีก “เร็วหน่อยค่ะ” โอ...เรี่ยวแรงกลับมานิด....ยื่นเอกสารให้ตรวจเสร็จ แล้ววิ่งผลุบหายเข้าไปในประตูที่มีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับ และพาเราไปขึ้นไปที่ชั้นบน ซึ่งเป็นที่นั่งคู่...อันใหญ่มหึมา...มาดามวางเป้ลงกับพื้นทิ้งตัวลงบนที่นั่ง หอบแฮ่ก ๆ แขนสั่นระริก ใจเต้นรัวและเริ่มปวดที่บริเวณหน้าอกซ้ายช่วงข้างรักแร้....คล้ายมีอะไรบางอย่างอัดอยู่ตรงนั้น...มาดามหลับตาไม่สนใจใยดีว่าอะไรจะเป็นยังไง ใครจะประกาศอะไร แนะนำไร ไม่ฟัง...หนึ่งชั่วโมงผ่านไปหัวใจยังเต้นเร็วไม่เลิกและยังเจ็บหน้าอกตลอดเวลา

เมื่อได้เวลากิน...ก็เริ่มขยับ....ตอนนี้เพิ่งจะสังเกตที่นั่งซ้ายมือมีชายหนึ่งคนนั่งสบายใจเป็นศิลปินเดี่ยว นอนเหยียดแข้งเหยียดขาออกไปเต็มที่เหมือนนอนดูโฮมเธียร์เตอร์ที่บ้านไงงั้น อ้อใช่ซิเขากำลังหาความบันเทิงกับจอ AVOD...คีธกับมาดามนั่งฝั่งขวาสองที่นั่งติดกันด้านหน้าโล่ง นอนตีลังกาได้ห้าสิบตลบ....ไอ้เก้าอี้นี่มันใหญ่ดีแท้ มีปุ่มสารพัดที่สำคัญปรับให้นอนได้เกือบราบและปรับที่วางเท้ายืดออกไปได้ แล้วจะเอาที่วางถาดอาหารออกมาจากตรงไหนหว่า....สังเกตคนซ้ายมือมันทำก็ทำตามมันละกัน (ไม่ได้สังเกตที่สามีตัวเองทำ คือว่าอยากมองชายคนอื่นง่ะ)...มันซ่อนอยู่ระหว่างที่นั่งนี่เอง...พื้นที่ช่วงนี้มีแค่3 คน ซ้ายหนึ่ง และเราสอง...ดูแล้วเหมือนไฟล์ทนี้มีแค่สามคนบินไป???

มาดามเอาแต่หลับตลอดทาง สลับกับลุกไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งก็ใกล้ ๆ ทางเดินกว้าง โล่งไม่มีพนักเก้าอี้ไว้คอยให้ไขว่คว้า....มาดามมารู้เอาทีหลังว่า จริง ๆ แล้วเราสองคนนั่งมาในชั้น FirstClass ก็ตอนที่เมื่อถึงเมกาแล้วมาค้นในเน็ท Korean Air Seat Maps-Airbus A330-300....คุณผู้ชม จาก Coach กลายเป็น First Class (มีเพียง 6 ที่นั่ง) โดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มแม้แต่เพนนี..ที่จ่ายๆ ไปพันสองกว่า ๆ นั่นแค่ค่าธรรมเนียมเปลี่ยนไฟล์เอง รัก Korean Air เลย


         เพราะว่าเราบินเร็วกว่ากำหนด 1 ชั่วโมงทำให้ถึงสนามบิน Inchon-Korea ตอนตีสี่เศษ ๆ...มันเงียบเหงาวังเวงตอนนี้ต้องให้สามีเป็นช้างเท้าหน้า...เพราะเค้าผ่านที่นี่มาก่อนแล้วหนึ่งครั้ง...แต่ก็พลาดอีกน่ะแหละ...เมื่อมาถึงสี่แยกผู้คนก็ต่างคนต่างไปในทางของตัวเอง แทนที่คีธจะหยุดยืนดูก่อนว่าไอ้ช่องที่เราจะไปรอเปลี่ยนเครื่องมันอยู่ฝั่งไหนเพราะมีป้ายตัวเท่าตึกบอกอยู่... เค้าก็พามาดามแยกไปทางขวา...เริ่มต้นจาก ประตู 27…..มีแค่เราสองคนเดินแบกเป้คุยกันไป เพราะมาดามไม่ได้ดูตั๋วว่าเขียนบอกประตูเท่าไหร่...ก็เดินตามกันไป ไกลออกไป ๆ ๆ จนถึงประตู 41 หมดทางไป ไม่มีทางแยกไปไหนได้อีก....คีธก็พาเดินกลับ แวะเข้าห้องน้ำ สูบบุหรี่...เดินกลับมาถึงสี่แยกเดิม มาดามถามเราจะไปไหน เค้าบอก ประตู 10 ...แล้วค่อยเห็นป้ายชี้บอกว่า ประตู 10 ไปทางซ้าย!!!!นี่ถ้าไม่ใช่รอเครื่อง 6 ชั่วโมงมีหวังตกเครื่องชัวร์...


          พอใกล้รุ่ง ก็เริ่มมีผู้คนพลุกพล่าน เดินขวักไขว่ เราหิวก็ไปนั่งกินอาหารใกล้ ๆ แล้วก็มาถ่ายรูปหิมะตกข้างนอกนั่น รูปเราสองคนแล้วโพสต์ไลน์...พวกที่ไม่ได้ไปร่วมงานแต่งก็จะไม่รู้เรื่องว่ามาดามจะบินไปพร้อมกับสามีต่างก็แปลกใจไปตาม ๆ กัน....แล้วคีธก็ใช้โน้ตบุคของมาดามเข้าไปเช็คอีเมล์ของตัวเองนั่นแหละถึงได้พบว่า จริง ๆ แล้ว Expedia ส่งอีเมล์แจ้งการเลื่อนไฟล์ท...ปกติเค้าจะใช้เครื่องของมาดามเช็คหุ้นและ log in เข้าใช้เฟสบุคทุกวัน และก็ยังเห็นเค้าเคยเช็คเมล์และปริ้นท์เมล์ที่อัพเดทข้อมูลทางการเงินเก็บไว้ในเครื่องของมาดามด้วย 3-4 ฉบับ ก็เลยคิดว่าเค้าเช็คเมล์ทุกวัน แต่จริง ๆ แล้วช่วงหลังๆ เค้าไม่ได้เช็คเลย....นี่แหละความสะเพร่าอย่างใหญ่หลวง

8 ธันวาคม 2014 Seoul-Chicago, Dep. time: 11:40 AM Flight Number: KE037 Non-stop Boeing 777-300ER ของ Korean Air เราพร้อมขึ้นเครื่องเข้าเช็คเอกสารที่เค้าน์เตอร์ Gate 10....กระเป๋าเดินทางของมาดามถูกถ่ายโอนไปขึ้นเครื่องเรียบร้อยแล้ว...ไฟล์ทนี้ใช้เวลาบินข้ามหาสมุทรไปยังทวีปอเมริกา 13 ชั่วโมงเศษ ๆ...เราได้ที่นั่งแบบสามคนมาดามนั่งติดหน้าต่าง คีธนั่งกลางและมีผู้หญิงเกาหลีนั่งริมทางเดิน...นี่เรื่องยากที่จะต้องลุกไปเข้าห้องน้ำเลยละ...แต่เดชะบุญที่ผู้หญิงเกาหลีเธอช่างเป็นคนมีน้ำใจแสนประเสริฐเธอคงรู้รสชาติของการนั่งด้านในมาก่อน เธอจึงย้ายตัวเองไปนั่งที่เก้าอี้ตัวอื่นซึ่งอยู่แถว ๆ หน้าห้องน้ำ...ตอนไปเข้าห้องน้ำเธอก็ทักทายและช่วยบอกว่าห้องว่างอยู่นะ...น่ารักจริง ๆ ไม่เสียแรงที่มาดามเป็นสาวกซีรีย์เกาหลีเกือบ 70 เรื่อง

...ชีวิตบนเครื่องไม่มีอะไรน่าอภิรมย์ สำหรับคนวัยทองเลยจริงๆ..นอกจากกิน เข้าห้องน้ำ แล้วก็นอน ๆ ๆ คอหักแล้วหักอีก นาน ๆ ตาก็เหลือบดูจอมอนิเตอร์ที่แปะอยู่ข้างหน้าที่แสดงระยะทางการบิน...มันช่างเชื่องช้าเสียนี่กระไร...ครั้นพอสวิช์ทไปดูนอกเครื่องว่าลมฟ้าอากาศเป็นเช่นไรมันก็มีแต่ความมืด เรากำลังบินไปในห้วงแห่งความมืด..มาดามเคยวางแผน และบอกคีธว่าเมื่อไหร่ที่จะบินไปเมกา จะเอาไหมพรมขึ้นไปถัก รับรองได้เสื้อตัวหนึ่งหรือไม่ก็หมวกใบหนึ่ง เสร็จก่อน Landing แน่...แต่ไม่คิดว่าจะได้บินเร็วเลยยังไม่ได้ไปซื้ออุปกรณ์


โอ...ได้เวลาบรรทมแล้วค่ะ...เดี๋ยวมาเขียนต่อนะคะ....






Create Date : 28 กันยายน 2558
Last Update : 29 กันยายน 2558 8:53:55 น. 2 comments
Counter : 1240 Pageviews.  
 
 
 
 
อ่านไปตื่นเต้นไปด้วยค่ะ คุณพี่มาดามได้บินอย่างปลอดภัยถือว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมมากเลยนะคะ เราไม่เคยเจอประสบการณ์เลี่อนเที่ยวบินแบบไม่บอกให้รู้ล่วงหน้ามาก่อน อ่านแล้วแอบตกใจแทน เพราะถ้าเจอกับตัวคงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันนะคะ สู้ๆค่ะ รออ่านตอนต่อไป อิอิ
 
 

โดย: Max Bulliboo วันที่: 29 กันยายน 2558 เวลา:1:47:54 น.  

 
 
 
สุวรรณภูมิแอร์พอร์ต เป็นดินแดนแห่งความตื่นเต้น บีบคั้นหัวใจสำหรับมาดามจริง ๆ...รอบนี้ยังคิดว่าสงสัย โรคหัวใจแวะมาหาซะแล้ว
ขอบคุณที่ยังตามกันมา และส่งเสียงมาเป็นระยะ ๆ นะคะคุณน้อง...
 
 

โดย: มาดามฟราย (สมาชิกหมายเลข 1963584 ) วันที่: 29 กันยายน 2558 เวลา:4:04:09 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

สมาชิกหมายเลข 1963584
 
Location :
United States

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มาดามฟรายค่ะ...
ข้ามห้วยมาไกล...ขอจอยน์ด้วยคนนะคะ
หากอ่านแล้วมีความคิดเห็นยังไง
ก็กระซิบกระซาบมาให้ได้ยินได้อ่านบ้าง
หรือเชิญมาดามไปเยี่ยมที่บล็อกของเพื่อนบ้าง
ด้วยความยินดีค่ะ...
ขอบคุณทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามา
และทุก ๆ ท่านที่ติดตามประจำนะค๊า
New Comments
[Add สมาชิกหมายเลข 1963584's blog to your web]

MY VIP Friends


 
 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com