ฮาไคเดอร์ (1973)
 
ชื่อ : ฮาไคเดอร์ (ハカイダー)
ปรากฏตัวครั้งแรกในตัวอย่างตอนต่อไปของตอนที่ 35 เป็นไซบอร์กต่อสู้ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์เดียวคือ “ทำลายคิไคเดอร์” เช่นเดียวกับในฉบับมังงะ ร่างมนุษย์ของเขาคือ “ซาบุโร่” อย่างไรก็ตาม เวอร์ชันนี้ไม่มีการกล่าวถึงว่าได้รับอิทธิพลจากสมองของ ดร.โคเมย์จิ แต่กลับมีการตั้งสมมติฐานว่าจำเป็นต้องมีการถ่ายเปลี่ยนเลือดแทน
แม้จะอยู่ในฝ่ายดาร์ค แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของกิลหรือแผนการของดาร์คเสมอไป เขาเคลื่อนไหวด้วยเจตจำนงของตนเอง
ฮาไคเดอร์เป็นหุ่นยนต์ที่ทรงพลังที่สุดของดาร์ค ถูกสร้างโดยการล้างสมอง ดร.โคเมย์จิ ให้เป็นผู้ผลิต ขณะที่ดีไซน์ภายนอกเป็นสีดำล้วน และมีลวดลายสายฟ้าสีเหลืองพาดผ่านตามร่าง
เพื่อเป็นมาตรการรับมือกับคิไคเดอร์ สมองของดร.โคเมย์จิได้ถูกย้ายไปไว้ในหัวของฮาไคเดอร์ ทำให้สมองกลายเป็นชิ้นส่วนสำคัญ และยังถูกใช้เป็นตัวประกันที่คอยสกัดการเคลื่อนไหวของคิไคเดอร์ แต่ก็เป็นจุดอ่อนด้วย เพราะหากไม่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายเลือดตามเวลา สมองจะตายลง ทำให้พลังการต่อสู้ลดลงอย่างมาก
ในเนื้อเรื่อง ยังมีฉากที่ฮาไคเดอร์ใกล้จะโค่นคิไคเดอร์ได้อยู่แล้ว แต่จำเป็นต้องถอนตัวเพราะต้องรีบไปเปลี่ยนเลือด
ฮาไคเดอร์มี “วงจรปีศาจ (Devil Circuit)” ซึ่งตรงกันข้ามกับวงจรมโนธรรมของคิไคเดอร์ ทำให้มีพลังต่อสู้เหนือกว่าอย่างมาก ไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ยังมีด้านที่เจ้าเล่ห์ เช่น การใช้ “มาซารุ” ซึ่งเข้าใจผิดว่าคิไคเดอร์ฆ่าพ่อของเขา มาเป็นเครื่องมือ
แม้จะเป็นศัตรู ฮาไคเดอร์ก็มีเกียรติ ไม่ชอบใช้วิธีสกปรก เขาขัดขวางหุ่นยนต์ในกองกำลังทำลายที่พยายามจับ “มิตสึโกะ” และ “มาซารุ” เป็นตัวประกัน 
วัตถุประสงค์ในการดำรงอยู่ของเขาคือการทำลายคิไคเดอร์ และถึงขั้นมีความหมกมุ่นว่า “ต้องเป็นเขาเท่านั้นที่ทำลายได้”
เพลงแทรก “เพลงของฮาไคเดอร์” มีเนื้อร้องว่า “ด้วยปืนในมือขวา...” แต่ในซีรีส์ ฮาไคเดอร์ใช้มือซ้าย เพราะนักแสดงที่รับบทเป็นซาบุโร่คือ “โจจิ มายามะ” ถนัดซ้าย จึงมีการเปลี่ยนบทบาทให้สอดคล้องกัน
แม้จะหมกมุ่นกับการทำลายคิไคเดอร์ แต่ในที่สุดก็เริ่มแสดงพฤติกรรมขัดคำสั่งของกิล (แม้เจ้าตัวจะไม่รู้ตัว) จนเริ่มถูกกิลมองว่าเป็นปัญหา
สุดท้ายเมื่อหุ่นยนต์ “อาคาไจไรกามะ” ทำลายคิไคเดอร์แทน ฮาไคเดอร์ก็เกิดอาการ “เกสตัลท์พังทลาย” (Gestalt Collapse – ภาวะตัวตนพังทลาย) เพราะเขาเชื่อว่า “มีเพียงเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์ทำลายคิไคเดอร์”
เขาพยายามจะฆ่ากิล ซึ่งเขาเข้าใจว่าเป็นผู้สร้างของตน แต่กลับถูกหุ่นยนต์สุดท้ายของดาร์ค “ชิโรฮเนะมุซาซาบิ” ฉวยโอกาสและโจมตีจนพ่ายแพ้
ท้ายที่สุด ฮาไคเดอร์ได้จากไปอย่างสงบ โดยมี “จิโร่” มองดูในช่วงวาระสุดท้าย และ “มิตสึโกะ” นำสมองของเขากลับไปใส่ในร่างของดร.โคเมย์จิ
ในภาคต่อ “คิไคเดอร์ 01” ฮาไคเดอร์ยังคงปรากฏตัวอีกครั้ง แต่เวอร์ชันในเรื่องนี้และ “กิลฮาไคเดอร์” ในภาค 01 นั้นถือว่าเป็น “คนละตัว” อย่างสมบูรณ์
ซาบุโร่ (サブロー) รับบทโดย เคนจิ มายาม่า
ปรากฏตัวตั้งแต่ตอนที่ 38 เป็นร่างมนุษย์ของ ฮาไคเดอร์
เขาสวมชุดไรเดอร์สูทสีดำล้วนทั้งตัว พร้อมผ้าพันคอสีเหลือง และมีแว่นโกเกิลวางอยู่บนศีรษะ เดิมทีตั้งใจจะให้ใส่แว่นกันแดด แต่สุดท้ายมีการเปลี่ยนให้ใส่หมวกกันน็อกและแว่นโกเกิล แล้วจึงกลายเป็นวางแว่นบนหัวในแบบที่เห็นจริง
เขามักปรากฏตัวโดยเป่าปากเป็นทำนอง และอ้างตัวว่าเป็นน้องชายของจิโร่ (คิไคเดอร์) พร้อมใช้มาซารุ ซึ่งกำลังสงสัยในตัวจิโร่ เป็นเครื่องมือในการกดดันจิโร่
นอกจากนี้ เขายังมอบ "เดสฮวีสเซิล" ให้กับมาซารุ ซึ่งเป็นนกหวีดที่ใช้เรียกซาบุโร่ และยังสามารถยิงแสงพิเศษที่ทำให้เครื่องจักรทุกชนิดหยุดทำงานได้
ในหนังสือบางเล่ม มีการระบุว่าซาบุโร่ถือเป็น “น้องชายของจิโร่” ด้วยเช่นกัน
ฮาไคเดอร์ (ハカイダー)
★อาวุธประจำกาย ปืนฮาไคเดอร์ช๊อต (ハカイダーショット) เมื่อไม่ได้ใช้งาน มันจะถูกเก็บไว้ใน รองเท้าบู๊ต ด้านซ้าย เมื่อใช้งาน เขาจะยืนยิงในท่าที่เป็นเอกลักษณ์ โดยเอาแขนขวาไว้ใต้มือซ้ายเพื่อความมั่นคง
ดาบทำลายล้าง (破壊剣) ทำจากโลหะผสมพิเศษที่บรรจุอยู่ในรองเท้าบูทข้างซ้ายของเขานอกจากนี้ยังเป็นอุปกรณ์ที่ซาบุโร่ใช้ในการแปลงร่างเป็นฮาไคเดอร์ โดยเขาเปลี่ยนมันโดยการยกดาบขึ้นประจันหน้า
-ลูกเตะบินกลางจันทร์ (月面飛行蹴り) ท่าเตะในขณะบินโดยใช้ "แอร์คราฟต์" แล้วหมุนตัวกลางอากาศก่อนจะเตะด้วยแรงเหวี่ยง
-ห้าสเต็ปนรก (地獄五段返し) ท่าจับศัตรูแล้วเหวี่ยงขึ้นกลางอากาศติดต่อกัน 4 ครั้ง และครั้งที่ 5 ฟาดลงกับพื้นอย่างแร
-ล็อกคอแล้วทุ่ม (ギロチン落とし) ท่าที่ล็อกศีรษะของศัตรูไว้ระหว่างขาทั้งสอง แล้วเหวี่ยงฟาดลงกับพื้น
★พาหนะประจำกาย รถชิโร่การาสุ หรือ อีกาขาว (白いカラス) ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์นิวเคลียร์และมีความเร็วสูงสุด 600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตัวถังรถเคลือบสีเงิน รวมถึงเบาะนั่ง ถังน้ำมันและมาตรวัดด้านซ้ายและขวามีเครื่องหมายของฮาไกเดอร์ (เครื่องหมายกากบาท) และโช้คหน้าติดตั้งหม้อซาตานสำหรับยิงจรวด นอกจากนี้ยังสามารถบินในอากาศได้อีกด้วย คำว่า "อีกาขาว" หมายถึงคนนอกกฎหมายในหมู่อีกา รุ่นพื้นฐานคือ Kawasaki Mach III/750-SS H2 (Mach IV)



Create Date : 11 กรกฎาคม 2568
Last Update : 11 กรกฎาคม 2568 23:08:52 น.
Counter : 18 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
คิไคเดอร์ / มนุษย์คอมพิวเตอร์ (1972)
ชื่อ : แอนดรอยด์ คิไคเดอร์ / คิไคเดอร์ มนุษย์จักรกล (人造人間キカイダー, Jinzō Ningen Kikaidā )
ชือไทย : มนุษย์คอมพิวเตอร์ (ฉายทางช่อง 3 เดือนพฤศจิกายน 2516 ทุกวันจันทร์ 1800 น. แต่ฉายไม่จบและย้ายไปฉาย ช่อง 9 อสมท.)
งานต้นฉบับของ อิชิโมริ โชทาโร่ เป็นผลงานละครโทรทัศน์ที่สร้างขึ้นโดย TOEI ซึ่งอาศัยกระแส "ความนิยมในฮีโร่แปลงร่าง" อย่างล้นหลามในยุคนั้น และความสำเร็จของละครฮีโร่แปลงร่างแนวสเปเชียลเอฟเฟกต์เรื่อง มาสค์ไรเดอร์ (ที่ออกอากาศทางสถานี Mainichi Broadcasting System) เป็นแรงผลักดัน โดยมีผู้แต่งต้นฉบับและบริษัทผู้ผลิตเดียวกันกับ มาสค์ไรเดอร์ แต่ตั้งใจสร้างให้มีความแตกต่างจาก มาสค์ไรเดอร์ และออกอากาศร่วมกับสถานี NET ช่วงเวลาออกอากาศ: 8 กรกฎาคม 1972 – 5 พฤษภาคม 1973
เนื่อเรื่อง - STORY
องค์กร ดาร์ค (DDC) หรือชื่อญี่ปุ่นคือ ดาคุ ฮาไค บูไต (DAAKU HAKAI BUTAI) ที่นำโดย โปรเฟสเซอร์กิลล์ (プロフェッサー・ギル) ผู้หมายจะยึดครองโลกได้จับตัว ดร.โนบุฮิโกะ โคเมียวจิ (DR.KOMYOJI NOBUHIKO) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องวิศวกรรม หุ่นยนต์และลูกสาวไปกักขังเอาไว้เพื่อที่จะบังคับให้สร้างหุ่นยนต์แอนดรอยด์ขึ้นมาเพื่อใช้เป็นกำลังในการครองโลก แต่ ดร.โคเมียวจิได้ คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าถึงแผนการของโปรเฟสเซอร์กิลล์ไว้แล้ว จึงได้แอบสร้างหุ่นยนต์เอาไว้เพื่อต่อกรกับองค์กรดาร์ค โดยหุ่นแอนดรอยด์ตัว นี้มีชื่อว่า จิโร่ (JIRO) ซึ่งมีเอกลักษณ์ประจำตัวคือจะต้องสะพายกีต้าร์สีแดงติดตัวอยู่ตลอดเวลา แถมยังเล่นได้ไพเราะซะด้วย นอกจากจะถูกสร้างขึ้นมาเพื่อต่อกรกับพวกดาร์คแล้วยังมีหน้าที่คอยปกป้องลูกทั้งสองคนของ ดร.โคเมียวจิอีกด้วยนั้นก็คือ มิซึโกะ (光明寺 ミツ子) และ มาซารุ (光明寺 マサル) (ที่จริงแล้ว ดร.โคเมียวจิมีลูกชายคนโตอีกคนชื่อ ทาโร่ แต่ถูกพวกดาร์คฆ่าตาย) ด้วยการที่ ดร.โคเมียวจิแอบสร้างจิโร่ขึ้นมาจึงทำให้ยังไม่สมบูรณ์ดีนัก และแผนการนี้ได้ถูกโปรเฟสเซอร์กิลล์ทราบถึงซะก่อนจึงได้รีบมาทำการขัดขวาง ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ ดร.โคเมียวจิได้หายตัวไปอย่างลึกลับ แต่โชคยังดีที่มิซึโกะยังสืบทอดเจตนารมณ์ของ พ่อต่อไปได้ โดยการคอยช่วยเหลือและซ่อมแซมจิโร่เวลาร่างกายเสียหายจากการปะทะกับพวกปีศาจตัวแกร่งๆที่องค์กรดาร์คส่งมาอยู่เสมอ ด้วยความที่แผงวงจรสติรู้ผิดชอบชั่วดียังไม่สมบูรณ์ ทำให้เจ้าโปรเฟสเซอร์กิลล์ได้สร้างความทรมานให้กับจิโร่ โดยการเป่าขลุ่ยปีกค้างคาวเพื่อทำให้ เกิดเสียงสะกดจิตให้หุ่นแอนดรอยด์ทุกตัวมาเป็นข้ารับใช้องค์กรดาร์คนั้นเอง เสียงของขลุ่ยนั้น จะเพิ่มความบ้าคลังให้กับหุ่นยนต์มากขึ้นกว่าเดิม สุดแต่เมื่อใดที่แปลงร่างเป็นคิไคเดอร์แล้วล่ะก็เสียง ขลุ่ยนี้ก็จะทำอะไรเขาไม่ได้เลย
ในตอนจบ มิทสึโกะและมาซารุได้พบกับพ่อของตน ดร.โคเมย์จิ อีกครั้ง และทั้งสามตัดสินใจจะออกเดินทางออกจากญี่ปุ่น มิทสึโกะหวังว่าจิโร่จะเดินทางไปด้วยกัน แต่จิโร่เลือกที่จะอยู่ในญี่ปุ่น และจากไปโดยไม่บอกใคร เมื่อมิทสึโกะรู้เรื่อง เธอก็เศร้าเสียใจอย่างยิ่ง และเรื่องราวก็ปิดฉากลง
จิโร่ (ジロー) รับบทโดย บัน ไดสุเกะ (伴大介)
เป็นร่างมนุษย์ของ คิไคเดอร์ และเป็นชายหนุ่มที่พกกีตาร์ติดตัวอยู่เสมอ และรูปลักษณ์ของจิโร่ก็ถูกออกแบบตามแบบของทาโร่เช่นกัน
จิโร่มี “วงจรมโนธรรม” ที่ยังไม่สมบูรณ์ ทำให้เมื่อได้ยินเสียงขลุ่ยของ ศาสตราจารย์กิล จะเกิดความขัดแย้งในตัวเองระหว่าง “มโนธรรม” กับ “คำสั่งควบคุม” และเริ่มทรมานอย่างหนัก เขาเคยไม่สามารถต้านทานเสียงขลุ่ยได้ และถูกกิลควบคุม
นอกจากนี้ จิโร่ยังให้ความสำคัญกับตัวตนของตนเองมาก และไม่ต้องการกลายเป็นเครื่องจักรที่สมบูรณ์แบบ เขาจึง “ไม่ปรารถนาให้วงจรมโนธรรมของตนสมบูรณ์แบบ ในตอนที่ 43 จิโร่ตัดสินใจออกเดินทางฝึกฝนทั่วญี่ปุ่น เพื่อเสริมสร้างจิตใจให้แข็งแกร่งพอจะเอาชนะวงจรมโนธรรมที่ไม่สมบูรณ์ของตนได้
เมื่อจิโร่ต้องการที่จะแปลงร่างลาก็จะทำการเปิดสวิตซ์ที่ไหล่ทั้งสองข้างโดยการจุขึ้นมาสามนิ้วแล้วพูดว่า "CHANGE SWITCH ON 1-2-3"
คิไคเดอร์ (キカイダー) คือร่างต่อสู้ของจิโร่ คือหุ่นยนต์รุ่นที่ 2 ที่ถูกสร้างขึ้นโดยดร.โคเมย์จิ ซึ่งติดตั้ง "วงจรมโนธรรมที่ยังไม่สมบูรณ์" เอาไว้ในตัวโดยด้านซ้ายของศีรษะจะเผยให้เห็นกลไกภายในผ่านแผ่นปิดใส การออกแบบที่ไม่สมมาตรนี้ แสดงถึงความไม่สมบูรณ์ของวงจรมโนธรรม
ความสามารถในการต่อสู้ของคิไคเดอร์เหนือกว่าแอนดรอยด์ของหน่วยทำลายล้างแห่งดาร์คอย่างชัดเจน ในร่างคิไคเดอร์ วงจรมโนธรรมจะทำงานอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น “เสียงขลุ่ยของปีศาจจากกิล” จึงโดยพื้นฐานแล้วไม่สามารถส่งผลกับเขาได้ ในสมองอิเล็กทรอนิกส์ของเขายังบันทึกแบบแปลนโครงสร้างของตนเองไว้ด้วย ทำให้สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ในระดับพื้นฐาน เช่น ในการต่อสู้กับ “อาคา จิไร กามะ” ที่ร่างของเขาถูกทำลายกระจายกลางอากาศ เขาก็สามารถสั่งให้มิทสึโกะช่วยประกอบร่างกลับคืนได้โดยใช้คำสั่งจากการวางสายไฟตามแปลน 
★ส่วนสูง: 190 เซนติเมตร
★น้ำหนัก: 80 กิโลกรัม
กายวิภาคศาสตร์ - ANATOMY
★สมองอิเล็กทรอนิกส์ (電子頭脳):เชื่อมต่อโดยตรงกับวงจรแห่งความดี รับคลื่นเสียงคำสั่งจากกิลล์ และเข้าสู่สถานการณ์วิกฤติเพื่อปกป้องโคโตะ
★มิราเคิลอาย (ミラクル・アイ):สามารถมองเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางคืนด้วยอุปกรณ์อินฟราเรด
★วงจรเสียง (音声回路):สามารถพูดได้ทุกภาษาของทุกประเทศ และสามารถพูดภาษาของสัตว์ได้ทุกชนิด
★เจมินิ (良心回路) (วงจรแห่งความดี):เทียบได้กับหัวใจของมนุษย์ สามารถตัดสินใจแยกแยะความดีและความชั่วได้ หุ่นยนต์ดาร์กไม่มีวงจรนี้
★เครื่องปฏิกรณ์ปรมาณู (原子炉):เป็นแหล่งผลิตพลังงานสำหรับพลังงานมหาศาล
★เข็มขัดแม่เหล็กไฟฟ้า (電磁ベルト):อยู่ที่คอและข้อมือเป็นที่มาของท่าไม้ตายสุดท้ายของคิไคเดอร์ คือ เด็นจิเอนด์
★คอลเบลท์ (コールベルト) : อยู่ที่เอวสามารถเรียกไซด์แมชชีนได้ด้วย การควบคุมระยะไกล
★แขนแม่เหล็กไฟฟ้า (電磁アーム):สามารถสร้างหมัดคิไคเดอร์ที่มีพลังเท่ากับแรงบีบของมนุษย์ 50 คน
★แอร์คราฟต์ (エアクラフト) :อยู่ที่เท้าแต่แอร์คราฟต์สามารถบินขึ้นไปได้สูงถึง 50 เมตร เมื่อใช้การพ่นแรงดันสูงสุด โดยปกติจะบินได้ที่ระดับความสูงประมาณ 30 เมตร
★ผิวหนังเทียมของมนุษย์จักรกล (人造ヒフ)
เดนจิเอนด์ (電磁エンド) ท่าไม้ตายประจำตัวของคิไคเดอร์ เป็นการ ฟันด้วยมือแบบคาราเต้ที่อัดพลังแม่เหล็กไฟฟ้า สามารถฟันหุ่นยนต์ออกเป็นสองซีก และทำให้วงจรภายในช็อตจนใช้การไม่ได้ ★ดับเบิ้ลช็อป (ダブルチョップ) ท่าคาราเต้ที่ใช้ ฟันสองมือพร้อมกัน มีพลังมากพอที่จะ ตัดอวัยวะของศัตรู ได้
★ไจแอนท์สวิงโทสะ (大車輪投げ) คิไคเดอร์ จับศัตรูยกขึ้นพาดไหล่ หมุนกลางอากาศหลายรอบ แล้ว ฟาดลงพื้นอย่างแรง ★สปินนิ่งแอทแทค (回転アタック) คิไคเดอร์ กระโดดขึ้นไปบนตัวศัตรู หลังจากล้มลง แล้ว อัดซ้ำรัว ๆ
ท่าไม้ตายและความสามารถทั้งหมด ★คิไคเดอร์ท็อปสปิน ( キカイダー独楽回し) คิไคเดอร์ จับท่อนไม้แล้วหมุน สร้างแรงหมุนแบบ วอร์เท็กซ์สุญญากาศ รอบตัว สามารถ สะท้อนอาวุธโจมตี เช่นดาวกระจายกลับไปได้ ★เอสเคปสกรูว์ (脱出スクリュー) คิไคเดอร์ รวมพลังทั้งหมดเพื่อหลุดพ้น จากการถูกมัดหรือพันธนาการ ★ซูเปอร์คลีน ( スーパークリーン) ท่าน้ำ คิไคเดอร์ หมุนตัวอยู่ในน้ำ เพื่อทำความสะอาดน้ำรอบข้าง
★เรดบีม (赤色光線) ลำแสงสีแดงที่ ยิงออกจากดวงตา ใช้ตรวจสอบว่าเป้าหมาย ปลอมตัวหรือไม่ ★คิไคเดอร์สปาร์ค (キカイダースパーク) อาจเป็นท่าที่รุนแรงที่สุดของคิไคเดอร์ เขา ไขว้แขนแล้วยิงลำแสงพลังสูง จากมือทั้งสองไปยังศัตรู
★เฟเธอร์รีเทิร์น (フェザー返し) ท่าที่ใช้ สะท้อนอาวุธที่ถูกยิงใส่ กลับไปยังฝ่ายตรงข้าม

★อัลตร้าคิก (ウルトラキック) ท่ากระโดดเตะด้วยขาทั้งสองข้างพร้อมกัน ใส่ศัตรูอย่างรุนแรง

 
★ส่วนเท้า แอร์คราฟต์ มีติดตั้งไอพ่นให้บินบนท้องฟ้าได้สะดวก

★และยังติดแม่เหล็กที่สามารถเดินไต่เพดานได้อีกด้วย
★กิงงะเฮอริเคน (銀河ハリケーン) ท่าหมุนรอบศัตรูขณะบิน แล้วเข้าโจมตีอย่างต่อเนื่อง เป็นท่าที่ทรงพลังอีกท่าหนึ่ง ★คิไคเดอร์โนะนาเกะ (キカイダー投げ) ท่าเหวี่ยงศัตรู ที่รุนแรงกว่าท่า Giant Swing โดย จับเหวี่ยงกระแทกลงพื้นอย่างแรง
ไซด์แมชชีน (サイドマシン)
สำหรับพาหนะของจิโร่นั้นเดิมทีจะเป็นรถมอเตอร์ไซค์ไซด์คาร์ปกติแต่ พาหนะของจิไร่นั้นเมื่อใดที่แปลงร่างเป็นคิไคเดอร์แล้วละก็รถไซด์คาร์คั้นนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นพาหนะสุดเท่นาม ไซด์แมชชีน (SIDE MACHINE) ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 500 ก.ม./ช.ม.สามารถบินบนฟ้าหรือวิ่งในน้ำได้ด้วย ส่วนผู้โดยสารขาประจำที่มีบุญ ได้นั่งรถคันนี้พร้อมทั้งมีคิไคเดอร์ขับเป็นสารถีให้ก็คือเจ้าหนูมาซารุนั้นเอง ทะเบียน ของรถคันนี้ระบุตัวเลขไว้คือ 0010 ความหมายของเลขนี้ก็คือมันเป็นเลขฐาน ของคอมพิวเตอร์ที่เขาใช้กันนั้นเอง จุดนี้ก็แสดงถึงความเป็นอัจฉริยะของ อ.อิชิ โนโมริ โชทาโร่ ได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อสามสิบกว่าปีที่แล้วความรู้เรื่อง คอมพิวเตอร์คงยังไม่แพร่หลายเช่นวันนี้แน่นอน รถไซด์คาร์ปกติของจิโร่นั้น ก็ไม่ใช่รถธรรมดา เพราะมีระบบออโต้ให้จิโร่เรียกใช้เมื่อยามคับขันเพียงจิโร่ ผิวปากเท่านั้นก็จะรีบพุ่งมาหาในทันที (เป็นต้นแบบรีโมทล็อครถในปัจจุบัน)




นิยายเรื่อง "KIKAIDER00" เป็นนิยายแนวไดโอรามาที่ใช้ ฟิกเกอร์จากซีรีส์ S.I.C. มาสร้างฉากประกอบเรื่อง แต่งโดยมาซาโตะ ฮายาเสะเป็นผลงานชิ้นแรกในชุด SIC HERO SAGA ตีพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสาร "Monthly Hobby Japan" ตั้งแต่ฉบับเดือนมกราคม 1999 ถึงฉบับเดือนมกราคม 2002 เรื่องราวมุ่งเน้นไปที่คิไคเดอร์คนที่สาม "00" ซึ่งปรากฏใน " Android Kikaider " ฉบับมังงะ โดยพื้นฐานแล้วเขียนขึ้นเพื่อเป็นภาคต่อของภาคTV " Kikaider 01 " แต่ฉากในหลายๆ ส่วนกลับใกล้เคียงกับฉบับมังงะ เรื่องราวเกี่ยวกับ 00 ที่เพิ่งเกิดและไร้ความทรงจำ กำลังต่อสู้กับองค์กรมืด XASHซึ่งสร้างไบโอรอยด์ ศัตรู ตัว ใหม่ เนื่องจากเรื่องราวมีพื้นฐานมาจากธีมเรื่องความดีและความชั่ว ความเกี่ยวข้องของตัวละครจึงเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มีภาพที่น่าขนลุกและน่าขยะแขยงมากมายซึ่งเป็นเรื่องปกติของ SIC และฉากการต่อสู้ก็กินพื้นที่ส่วนใหญ่ของหน้า นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึง ความเชื่อมโยงกับ ผลงานฮีโร่ ของอิชิโนะโมริอื่นๆในตัวผลงานเองและในข้อความอธิบายในนิตยสาร อีกด้วย
"บลัดคิไคเดอร์" (ブラッドキカイダー)
ในบทนำของเรื่อง คิไคเดอร์พ่ายแพ้ต่อบิซินเดอร์ ซึ่งตกอยู่ภายใต้อำนาจของ ฮาไคเดอร์ เขาถูกถอด “วงจรมโนธรรม” ออก และถูกติดตั้ง “วงจรวงจรเชื่อฟังคำสั่ง服従 (服従)” แทน จากนั้นก็กลายเป็นสมุนผู้ซื่อสัตย์ของฮาไคเดอร์ มีร่างกายเป็นสีแดงทั้งตัว และใช้ชื่อว่า บลัดคิไคเดอร์ ซึ่งออกไล่ล่าโจมตี Kikaider 00 แม้จะเชื่อฟังฮาไคเดอร์โดยสมบูรณ์ แต่เขาก็แสดงความ หลงใหลและหมกมุ่นผิดปกติในการทำลายคิไคเดอร์ 00 ด้วยตัวเอง
ถึงขั้น ฆ่า “เกรย์ไซบอร์ก” ซึ่งเป็นนักล่าคนอื่นจากฮาไคเดอร์เหมือนกัน เพียงเพราะคิดว่ามาขัดขวางภารกิจของตน พฤติกรรมเหล่านี้ทำให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางโหดเหี้ยมของเขา และ คล้ายคลึงกับตัวฮาไคเดอร์ในอดีต อย่างเห็นได้ชัด
"พาร์เฟกต์คิไคเดอร์" (パーフェクトキカイダー)
คิไคเดอร์ในร่างบลัดถูกองค์กรลึกลับ XASH รับตัวไป และกลายเป็นศัตรูกับคิไคเดอร์ 01 และคิไคเดอร์ 00 แต่หลังจากที่ได้รับรู้ว่า "ดร.โคเมย์จิ" หยุดการทำงานของหัวใจ และได้รับข้อมูลลับจาก "แมวดำ (黒猫)" ถึงตัวตนที่แท้จริงของ XASH เขาก็ขอ พักการต่อสู้ และในที่สุดก็ ทรยศและถอนตัวจาก XASH หลังจากนั้น เขาได้รับการปลูกฝัง วงจรมโนธรรมที่สมบูรณ์แบบ โดย "บลายเดอร์"「ブライダー」 ทำให้ร่างกายของเขากลายเป็น สีน้ำเงินล้วน และมีลักษณะเกือบ สมมาตรทั้งสองข้าง นี่คือร่างที่เรียกว่า Perfect Kikaider แต่... เพราะวงจรมโนธรรมที่สมบูรณ์นั้นส่งผลให้เขามีจิตใจแห่ง “ความดี” อย่างบริสุทธิ์ เขาจึง ไม่สามารถโจมตี “ฮาไคเดอร์” ที่มีสมองของมนุษย์ได้ ด้วยความลังเล เขาจึงปกป้องฮาคไคเดอร์จากการโจมตีของคิไคเดอร์ 00 แทน ผลคือ วงจรมโนธรรมของเขาได้รับความเสียหาย และเขาก็ สูญเสียความสมบูรณ์แบบ กลับคืนสู่ร่างเดิมอีกครั้ง
 
รูปแบบก่อนที่จะมาเป็นคิไคเดอร์
มนุษย์จักรกล ซีโร่ ไดร์ฟเวอร์
 (人造人間ゼロダイバー) 
เป็นชื่อก่อนการผลิต Kikaider
คิไคเดอร์โปรโตไทป์
สำหรับคิไคเดอร์ในแบบ โปรโตไทป์ (PROTOTYPE) หรือรุ่นต้นแบบนั้นในตอนแรกจะออกแบบมาให้มีลูกตาสีดำ แต่ภายหลังโปรดิวเซอร์ต้องการให้มีลูกเล่นเปิดไฟที่ตาได้จึงต้องมีการเปลี่ยนเป็นสีส้มอย่างที่เห็นในปัจจุบัน เวอร์ชั่นตาดำนั้นก็มีให้เห็นกันออกมาก่อนช่วงโปรโมท เช่น ปกแผ่นเสียงเป็นต้น เพลงประกอบของเรื่องนี้ขับร้องโดยคุณ ยูคิ ฮิเดะ (YUUKIHIDE) ราชาเพลงการ์ตูนฮีโร่อีกหนึ่งคนผู้ล่วงลับไปแล้วแต่ผลงานเพลงของคิไคด้าทั้งอัลบั้มนี้ถือได้ว่าขึ้นทิ้งระดับมาสเตอร์พีชเลยทีเดียวเพราะได้รับการสร้างสรรค์ดนตรีโดยคุณ วาตานาเบะ มิจิอาคิ (WATANABE MICHIAKI) ผู้สร้างทำนองดนตรีให้กับฮีโร่ของโตเอะมานับไม่ถ้วนและคิไคด้านี้ก็เป็นเรื่องแรกของเขากับทางโตเอะ



Create Date : 11 กรกฎาคม 2568
Last Update : 11 กรกฎาคม 2568 22:46:21 น.
Counter : 53 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
รหัสพิทักษ์โลก 10-4・10-10 (1972)

Kinkyū Shirei Tenpōtenten (緊急指令10-4・10-10) เป็นรายการโทรทัศน์เอฟเฟกต์พิเศษออกอากาศทางNET (Nippon Educational Television)ในปี 1972 และผลิตโดยTsuburaya Productions
เนื้อเรื่องคือ"หน่วยสืบสวนวิทยุพิเศษ"「電波特捜隊」หรือ "ทีมโมริ"「毛利チーム」ก่อตั้งโดยศาสตราจารย์ ฮารุฮิโกะ โมริ โดยทำหน้าที่เป็นองค์กรเอกชนที่อุทิศตนเพื่อสืบสวนและคลี่คลายปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติต่างๆ พวกเขาติดต่อกับผู้ร่วมมือทั่วประเทศผ่านวิทยุ CB เพื่อรวบรวมข้อมูล โดยเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ลึกลับในทุกประเภท รวมถึงสัตว์ประหลาด มนุษย์ต่างดาว และสิ่งมีชีวิตที่กลายพันธุ์ 
"10-4 และ 10-10" เป็นคำศัพท์ที่ใช้ใน วิทยุ CB "10-4" เป็นคำย่อที่มีความหมายว่า “เข้าใจแล้ว” และ “10-10” เป็นคำย่อที่มีความหมายว่า "ขอบคุณ"
สมาชิกทุกคนจะได้รับชุด ยูนิฟอร์มและหมวกกันน็อคที่มีคอยล์สร้างเกราะกันกระสุนเย็บไว้ ที่หน้าอกด้านซ้ายพร้อมเครื่องหมาย โลโก้ "10-4・10-10" เพื่อระบุตัวตนของพวกเขา , วิทยุแบบนาฬิกาข้อมือ และปืน ที่ควบคุม ด้วยวิทยุ 10-4・10-10ซึ่งสามารถยิงกระสุนยาสลบ ระเบิดควัน แก๊สน้ำตา และแก๊สอาเจียนได้โดยการเปลี่ยนตลับกระสุนเครื่องหมายบนชุดจะเรืองแสงสีแดงเมื่อมีภัยเข้าใกล้ รถที่ใช้โดยเฉพาะ คือ Subaru Leone (スバル・レオーネ) สองประตูคูเป้
 
ตัวละครหน่วยสืบสวนวิทยุพิเศษ
ฮารุฮิโกะ โมริ (毛利 春彦) ผู้ก่อตั้งหน่วยสืบสวนวิทยุพิเศษและอาจารย์คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยโจนัน อายุ 30 ปี.
เขามีความรู้ที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับเหตุการณ์ลึกลับและสัตว์ประหลาด และสามารถใช้ความทรงจำของเขาเพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่แม่นยำได้ สมาชิกในทีมเรียกเขาว่า “เซนเซย์”

เท็ตสึโอะ อิวากิ (岩城 哲夫) เขาเป็นหัวหน้าหน่วยสืบสวนวิทยุพิเศษและเป็นนักศึกษา อายุ 23 ปี. ชื่อรหัส CB คือ "หน้ากากเหล็ก"「鉄仮面」
เขาเป็นผู้กล้าหาญและเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านการยิงปืนและศิลปะการต่อสู้ เขาได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่หน่วยสืบสวนวิทยุให้กับสโมสรวิทยุ CB ส่วนตัวที่บ้านของเขา

ฮานากาตะ อิปเป (花形 一平) สมาชิกชุดสืบสวนวิทยุพิเศษ อายุ 21 ปี เขาหลงใหลกับวิทยุ CB และละทิ้งร้านซ่อมรถยนต์ของครอบครัวไป
มีมอเตอร์ไซค์ของตัวเองไว้ขี่

นามิ อิริเอะ (入江 ナミ) สมาชิกหญิงคนเดียวของหน่วยสืบสวนวิทยุพิเศษ อายุ 20 ปี ชื่อรหัส CB คือ "สโนว์ไวท์"「白雪姫」
ทำงานเป็นครูสอนพิเศษส่วนตัวเป็นประจำ มีไหวพริบและมีทักษะในการขว้างมีดเป็นอย่างดี
ในช่วงแรกเครื่องแต่งกายของเธอจะใส่กางเกงแบบเดียวกับที่สมาชิกชายสวมใส่แต่ต่อมาก็เริ่มมีการสวมกระโปรงสั้น

มาซาอากิ ทัตสึตะ (立田 正明)สมาชิกชุดสืบสวนวิทยุพิเศษ อายุ 20 ปี เขาเป็นคนจริงจังและมีความสามารถในการปลอมตัวได้ดี 

ซาบุโร่ มัตสึมิยะ (松宮 三郎) นักเรียนมัธยมปลายอายุ 16 ปีและสมาชิกหน่วยวิทยุสอบสวนพิเศษ
ชื่อรหัส CB คือ "โตเกียว มาตาตาบิ ไรเดอร์"「東京股旅ライダー」
เช่นเดียวกับอิปเปอิ เขามีมอเตอร์ไซค์ของตัวเองไว้ขี่
เก่งเรื่องฟุตบอล ทำหน้าที่เป็นหน้าต่างรับข้อมูลวิทยุจากกลุ่มวัยรุ่น เช่น นักเรียนมัธยมปลาย

โกโระ มัตสึมิยะ (松宮吾郎) น้องชายของซาบุโร่อายุ 12 ปี เป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในทีมสืบสวนวิทยุพิเศษ
ชื่อรหัส CB ของเขาคือ "มาตาตาบิ ไรเดอร์ จูเนียร์"「股旅ライダージュニア」 เป็นจุดรวมข้อมูลวิทยุ CB จากเด็กๆ
ข้อมูลที่น่าสงสัยและการโทรฉุกเฉินทั้งหมดจากเด็กๆ จะถูกส่งไปยังทีมสอบสวนพิเศษทางวิทยุผ่านวิทยุที่บ้านของพี่น้องตระกูลมัตสึมิยะ



Create Date : 12 เมษายน 2568
Last Update : 12 เมษายน 2568 13:18:22 น.
Counter : 349 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
ทริปเปิ้ลไฟเตอร์ (1972)
ชื่อ : ทริปเปิ้ลไฟเตอร์ (トリプルファイター)
ชื่อไทย : ยอดมนุษย์สีรุ้ง
เป็นซีรีส์ที่สร้างโดย สึบุรายะโปรดักชัน ออกอากาศเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 1972
★ร่างมนุษย์ : ฮายาเสะ ยูจิ , ฮายาเสะ เท็ตสึโอะ และ ฮายาเสะ ยูริ
★สถานที่กำเนิด ดาวเคราะห์ M
เมื่อ เรดไฟท์เตอร์ กรีนไฟท์เตอร์ และ ออเรนจ์ไฟท์เตอร์ รวมร่างกันโดยตะโกนพร้อมกันว่า TRIPLE FIGHTER แล้วยืนเป็นวงกลมเพื่อใช้พลัง มิราเคิล ซิกเนิล จากนั้นกระโดดขึ้นอากาศก็แปลงร่างเป็นนักรบผู้แข็งแกร่งนาม ทริปปเปิ้ลไฟเตอร์ 
★ความสูง :1.8ม. ★น้ำหนักตัว : 77กก.
★แผ่นวงกลมขนาดใหญ่บนหน้าอกของพวกเขาซึ่งเรียกว่า มิราเคิล ซิกเนิล มีสีส้มเป็นหลัก แต่เมื่อใดที่หนึ่งใน3คนอ่อนแอหรือถึงขีดจำกัด แผ่นดังกล่าวจะเปลี่ยนเป็นสีส่วนตัวของนักสู้คนนั้น และเมื่อเหลือเวลาแปลงร่างอีก 1 นาที หากเวลานั้นหมดลงการผสมผสานกันจะพังทลายลง มันเป็นจุดอ่อนเพียงจุดเดียว
★ท่าไม้ตาย ทริปปเปิ้ลคิก ทริปปเปิ้ลเน็ค ทริปปเปิ้ลช้อป และ ทริปปเปิ้ลดับเบิลคิก 
★สามารถยิงเปลวไฟ 500,000 องศาออกจากร่างกายของเขาได้



Create Date : 29 มีนาคม 2568
Last Update : 10 เมษายน 2568 22:44:02 น.
Counter : 179 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
ออเรนจ์ไฟท์เตอร์ (1972)
ชื่อ : ออเรนจ์ไฟท์เตอร์ (オレンジファイター)
ปรากฏในเรื่อง ทริปปเปิ้ลไฟเตอร์
★ความสูง : 1.65ม.
★น้ำหนักตัว : 48กก.
★ร่างมนุษย์ : ฮายาเสะ ยูริ อายุ 18 ปี น้องสาวคนเล็กของตระกูลฮายาเสะ สมาชิกหน่วย SAT มีความอ่อนโยนและใจดี แปลงร่างเป็นนักรบไฟเตอร์ด้วยเทคโนโลยีของดาว M ซึ่งมีสีประจำตัวเป็นสีส้ม มีจุดเด่นคือความหยืดหยุ่นของร่างกาย
ท่าไม้ตาย สกูวคิก/สกูวพันซ์



Create Date : 29 มีนาคม 2568
Last Update : 29 มีนาคม 2568 13:30:58 น.
Counter : 155 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

Zorawyt
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ผู้ชื่นชอบในหนังฮีโร่
All Blog