เชิญรู้จักผู้อยู่เบื้องหลัง...Street Kings การสร้างภาพยนตร์เรื่องหนึ่งมิได้มีเพียงแค่ดาราและเนื้อเรื่อง ขั้นตอนมากมายทำให้ต้องมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง Street Kingsก็เช่นกัน และเนื่องจากความสนใจอันจำกัดของท่านผู้อ่านบล็อก แองจีจึงขอแนะนำให้ท่านรู้จักเสาหลักสองต้นของหนังเรื่องนี้ นั่นคือโปรดิวเซอร์ Erwin Stoff และผู้กำกับ David Ayer Erwin Stoff : คุณสตอฟฟเกิดที่โรมาเนีย เข้ามาทำงานวงการบันเทิงอเมริกาโดยเริ่มจากตำแหน่งผู้ช่วยของ Paul Aaron(ผู้กำกับละครและพ่อเลี้ยงชาวนิวยอร์กของคีอานู)ก่อนจะแยกตัวไปทำงานด้านนี้ที่ลอสแองเจลิส หลายปีหลังจากนั้น,สตอฟฟก็ได้รับการติดต่อจากแอรอนให้ช่วยดูแล(อดีต)ลูกเลี้ยงวัย16ปีที่กำลังหางานด้านการแสดงในฮอลลีวูด และ, นับจากวันนั้นเออร์วิน สตอฟฟก็รับหน้าที่ดูแลคีอานู รีฟส์มาตลอด โดยส่วนตัว เออร์วินเป็นแฟนผลงานของ เจมส์ เอลรอย นิยายเรื่องThe Nighwatchmanของเอลรอยจึงเป็นงานในฝันที่เออร์วินอยากสร้าง และแน่นอนที่เขาอยากให้นักแสดงที่เขารักเหมือนหลานแท้ๆ, คีอานู รีฟส์เป็นผู้รับบทนำของภาพยนตร์เรื่องนี้ คีอานูเล่าว่า เขาอ่านบทนี้ตั้งแต่สี่ปีที่แล้วและไม่นึกอยากเล่นสักเท่าไร แต่ด้วยการหว่านล้อมและผลักดันของเออร์วิน ในที่สุดเขาก็เห็นความน่าสนใจของ นักสืบทอม ลัดโลว์ เออร์วินกล่าวว่า"ลัดโลว์คือชายที่เสียสละตัวเองป้องกันพวกเรา เขารู้ทุกอย่างที่พวกเราไม่อยากรับรู้แล้วป้องกันเราไว้จากปีศาจในความมืด" สตอฟฟ์บรรยาย"เขาทำสิ่งที่เราทำไม่ได้หรือไม่อยากทำเพื่อให้เราอยู่อย่างสงบและปลอดภัย" David Ayer : เดวิด เอเยอร์เกิดและโตที่ลอสแองเจลิส อาจกล่าวได้ว่าเขาหมกมุ่นกับเมืองนี้และหน่วยตำรวจLAPDเป็นอันมาก ผลงานที่แล้วมาของเขาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงและฉ้อฉลที่เกิดขึ้นที่นั่น อาทิเช่นTraining Day (2001),S.W.A.T. (2003),Harsh Times (2005) และ Street Kings (2008) บางคนถึงกับยกย่องว่าเขาคือมาร์ติน สกอเซซีของฝั่งตะวันตก เดวิด,โดดใส่โปรเจ็กท์นี้-ทันทีที่ได้รับการติดต่อ เขารู้ว่าเขามีทุกสิ่งที่Street Kingsต้องการ และนึกอยากจับคีอานูมาเปลี่ยนบุคลิกเป็นฮีโรพันธ์โหด เขาเล่าว่า "ในทัศนะผม หนังเรื่องนี้โดดเด่นกว่าพวกเดียวกันเพราะรายละเอียดของมัน เอลรอยรู้จักLAPDและวิธีคดโกงของหน่วยนี้ดีมาก มันสมจริงและเป็นปัจจุบันจนเรียกว่า ผมท้าได้เลยว่าคนดูจะสัมผัสสิ่งนั้นได้" เกี่ยวกับตัวเอกของเรื่อง เอเยอร์เล่าว่า"ลัดโลว์มีหน้าที่จัดการคนที่ไม่ควรอยู่ให้หายไปจากระบบ เขามีความตั้งใจดีที่จะช่วยสังคมแต่เขาดันไปอยู่ผิดด้านและไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเป็นเครื่องมือของใคร กว่าจะคิดได้แล้วเริ่มแก้ไข ทุกอย่างก็ชักลำบากขึ้นเรื่อยๆ" Street Kings of Erwin Stoff And David Ayer "สิ่งที่ทำให้ผมปิ๊งเรื่องนี้ก็เพราะตัวละครทุกตัวมันใกล้เคียงความจริงที่ว่า, คนทุกคนล้วนเป็นสีเทา"เดวิด เอเยอร์กล่าว "มันเป็นหนังอาชญากรรมประจำเมืองที่ใครๆในเรื่องต่างก็มีมีส่วนผิดเล็กๆน้อยๆด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งผมว่ามันใช่เลย ไม่มีใครในเรื่องนี้จะตื่นขึ้นกลางดึกแล้วคิดว่าตัวเองเลว สำหรับพวกเขาแล้ว, ในสถานการณ์แบบนั้นมันก็ต้องทำอย่างนั้น ทุกคนพบสิ่งที่ตนไม่เข้าใจแล้วปรับตัวเข้าหามัน ในที่สุดพวกเขาต่างโตขึ้นและรู้จักเอาตัวรอด" อย่างไรก็ดี เดวิดกล่าวว่าหนังมีความรู้สึกของการไถ่บาปเกิดขึ้นด้วย"ตอนแรกหนังจะเหมือนโศกนาฏกรรมอะไรสักอย่าง เราจะเห็นทอม ลัดโลว์ซึมเศร้ากับการจากไปของเมียเขา วันๆนั่งจมข้างขวดเหล้า เมื่อถึงกลางคืนก็ออกไปปลดปล่อยความเครียดด้วยการระบายอารมณ์ใส่เหล่าร้ายข้างถนนเพียงลำพัง จากนั้นหนังจะเริ่มเผยความจริงที่ซ่อนไว้ มันจะเริ่มหักมุมไปมา แต่ที่น่าทึ่งที่สุดคือความรู้สึกโล่งอกตอนไคลแม็กซ์ ความรู้สึกของการแก้ไขและไถ่บาป เป็นสัจธรรมที่ทุกคนต้องยอมรับในเรื่องกรรมดี-ชั่ว อะไรแบบนั้น" สตอฟฟ์กล่าวว่า"ไม่ว่าเมื่อไรที่พูดถึงเรื่องราวที่เกิดจากคนซึ่งสัมผัสได้ว่ามีตัวตนอยู่จริง มันจะมีแง่มุมของวีรบุรุษ ความโหดร้าย อุดมคติเกินจริง การฉ้อฉล การทรยศและความรัก ที่กล่าวมานั้น ผมเชื่อว่าเราพบได้ทุกที่ในโลก" "แต่เราคงไม่อยากฟังเรื่องโหดร้ายที่ไม่มีแง่มุมงดงามหรือไม่ชี้ทางออกให้เราหรอก" สตอฟฟยิ้มอย่างมั่นใจว่าผลงานเรื่องนี้จะทำให้ผู้ชมมีความสุขด้วยการย้ำว่า "ผมเชื่อมั่นว่าในทุกสถานการณ์เลวร้าย เราจะพบฮีโร" Credit & Referents : ข้อมูลบางอย่าง>>imdb.com : เรื่อง>>angyดัดแปลงจากคอลัมน์Street Kings with David Ayer อ่านต้นฉบับคลิก : ภาพ>>crop fr movieweb ชมคลิปสัมภาษณ์ cast&crew คลิก   Create Date : 02 เมษายน 2551     Last Update : 2 เมษายน 2551 15:23:05 น. Counter : 1502 Pageviews.   16 comment Share Tweet

Keanu's Kiss Research ในวัฒนธรรมไทย "จูบ" เป็นพฤติกรรมที่เราไม่เข้าใจนัก โดยทั่วไป เมื่อเห็นใครจูบกัน คนไทยจะคิดแต่เรื่องSex หากคุณติดตามภาพข่าวของMr.Keanu Reevesที่บล็อกนี้บ่อยๆ คุณจะเห็นว่า คีอานูก่อพฤติกรรมสะเทือนขวัญพวกเราบ่อยครั้งด้วยการจูบ(สาวๆ) แองจีจึงอยากรู้เกี่ยวกับพฤติกรรม"จูบ" ที่รวบรวมไว้ในสารานุกรมออนไลน์อย่าง วิกิพีเดีย และคัดมาเสนอดังนี้ The Kiss by Francesco Hayez, 19th century. โดยนิยาม "จูบ" คือการสัมผัสริมฝีปากกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ใช้เมื่อต้องการแสดงความรัก หรือความนับถือ และใช้ในการทักทายหรืออวยพรในการจากลา นอกจากนั้น"จูบ"ยังใช้แสดงความรักหรือความปรารถนาทางเพศ ซึ่งเป็นวิธีทั่วไปที่ได้ผลดีมาก วัฒนธรรมการจูบมีความหมายแตกต่างกันตามพื้นที่ และผู้คนส่วนใหญ่บนโลกไม่ได้จูบกัน อาทิเช่นในอินเดียและบางพื้นที่ของอังกฤษที่เคร่งประเพณีของยุควิคทอเรียน ในตะวันออกกลาง การจูบเป็นการแสดงความรักต่อเด็กๆไม่เคยใช้ในเรื่องsex ส่วนในอัฟริกาและโพลินีเชียไม่เคยรู้จักการจูบมาก่อนการไหลบ่าของวัฒนธรรมตะวันตก ในยุโรปตะวันออกการจูบเป็นสิ่งสามัญ เราอาจพบผู้ชายเอาปากชนกันเพื่อทักทายหรือกล่าวลา(เช่นเดียวกับการเชคแฮนด์) ในหมู่คนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี จูบใช้เป็นวิธีปกติที่จะทักทายหรือกล่าวลา โดยปกติมักสัมผัสริมฝีปากที่แก้ม หรือสัมผัสกันแบบ air kiss การแสดงความต้องการความรักใคร่แบบโรแมนติก คนสองคนจะประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่นและเนิ่นนาน บางคู่จะดูดปากฝ่ายตรงข้ามและตวัดลิ้นไปมาดังที่เรียกว่าFrench kiss โดยสรุป การจูบลาเพื่อนไม่ใช่เรื่องแปลกในวัฒนธรรมยุโรป.... ยิ่งสำหรับ คุณคีอานู รีฟส์ ยิ่งไม่ใช่เรื่องแปลกเข้าไปใหญ่ เพราะการบอกลาของเขาไม่ได้มีแค่การจูบ แต่ยังมีการกอดดด...........อย่างแนบแน่น และไม่ได้มีไว้เฉพาะเพื่อนหญิงคนสนิท..ที่เคยมี"อะไรๆ"กันมาก่อน แต่เขาจูบลาเพื่อนทุกคน ที่เสนอตัวจะจูบ ไม่เว้น แม้รีเบคคาผู้เป็นแฟนสาวของร็อบเพื่อนรัก หรือแม้แต่เพื่อนหญิงที่เพิ่งพบกันใหม่ น้องHalle Meyersที่เพิ่งเดทในนิวยอร์ค สรุปแล้ว คีอานูไม่ใช่คนกลัวความใกล้ชิดหรือระยะห่างของบุคคล แต่ที่น่าสงสัย คือ ทำไม้ ทำไม .... เขาช่างทิ้งระยะห่างกับแฟนๆไว้ มากเหลือเกิน ..แบบ..เนียะ..เค้าเรียกว่า.."เลือกปฏิบัติ"..นะคะ..คุณคี๊นู๋.. Credit: -//en.wikipedia.org/wiki/Kiss -//en.wikipedia.org/wiki/Cheek_kissing -//en.wikipedia.org/wiki/French_kiss -//en.wikipedia.org/wiki/Kissing_traditions   Create Date : 13 มีนาคม 2551     Last Update : 13 มีนาคม 2551 13:37:25 น. Counter : 1882 Pageviews.   24 comment Share Tweet

BodyLanguage เคยได้ยินว่า ภาพเดียวแทนพันคำ แต่เมื่อแองจีเห็น, ภาพด้านล่างนี้ คำเดียว ก็ พูดไม่ออก อะ มันจะตื้นๆ ตื้อๆ ไงไม่รุ.... ...แปะไว้ดูเล่นละกัน โนะ   Create Date : 06 มีนาคม 2551     Last Update : 6 มีนาคม 2551 11:52:30 น. Counter : 1281 Pageviews.   44 comment Share Tweet

To Stand Still...for a second วันที่โลกหยุดนิ่ง(The Day The Earth Stood Still)ไม่ได้เป็นเพียงชื่อผลงานใหม่ของคีอานู รีฟส์ เพราะโลกของคีอานูเคยหยุดหมุนมาแล้ว ในช่วงปี2005 ถึง2007 หลังจบงานThe Lake Houseในเดือนมิถุนายน 2005 คีอานูหยุดรับงานทั้งหมดเพราะความไม่ลงตัวหลายอย่าง ทำให้เขามีเวลาว่างมากพอที่จะคิดถึงชีวิตที่ผ่านมาของตนเอง และด้วยความที่เขาสนใจในปรัชญา ศาสนาและแนวคิดด้านจิตวิทยา เขาจึงใช้เวลานี้ทบทวนตนเองด้วยการเข้าไปคุยกับนักบำบัดทางจิต คีอานูเล่าว่า ช่วงเวลาที่ก้าวเข้าสู่วัย 40 เขาพบความรู้สึกแปลกๆหลายอย่าง และความคิดที่ว่า...เวลาของเขากำลังจะหมดลงก็เข้ามาคุกคามจิตใจอย่างยิ่ง ทั้งๆที่เขารู้ว่าตัวเองคือใครและจะต้องทำอะไร แต่ก็มีเหตุบางอย่างที่ทำให้เขาทำสิ่งที่หวังไว้ไม่สำเร็จสักที ดังนั้นช่วงเวลาที่ว่างงานคือช่วงที่เขาขอ-หยุด-ตัวเองเพื่อค้นหาคำตอบนั้น ในช่วงที่เวลาของคีอานูหยุดนิ่งลง เขาพบอะไรบ้าง แองจีไม่อาจรู้ได้ รู้แค่เพียงว่า เมื่อเห็นเขากลับมาถ่ายทำ Night Watch( or The Night Watchman) เมื่อกลางปี2007ที่ผ่านมา แองจี รู้สึก โล่งอก---มาก ในที่สุด คีอานูก็ยังไม่หนีแองจีไป ไม่ว่าเขาพบความจริงอะไรของตัวเอง ความจริงอย่างหนึ่งก็คือ เขาเป็น-แรงบันดาลใจ-ของคนหลายคนบนโลกนี้ (ไม่เฉพาะข้าพเจ้า) สำหรับตัวจี้เอง วันหยุดสุดสัปดาห์เป็น"ช่วงหยุดนิ่ง"เพื่อสำรวจตัวเอง และหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ หากใครมาที่นี่บ่อยๆ จะรู้ว่า ยัยแองจีมีอารมณ์สวิงสวายไปมาไม่หยุดหย่อน ....................การสร้างอะไรสักอย่างให้น่าสนใจ เป็นเรื่องที่บีบคั้นไม่น้อย ทั้งๆที่แองจีก็ไม่คาดหวังอะไรจากคนอ่านบล็อก.................................. แต่ความรู้สึกของตัวเองนั่นแหละที่ทำร้ายเจ้าของบล็อก เวลาที่"คั้น"อะไรออกมาเสนอให้มัน"ล้ำๆ เจ๋งๆ เหนือๆ"ไม่ได้ โชคดี ที่จี้ไม่เคยคิดจะ Stand Still เหมือนคีอานู เพราะจี้เป็นคนช่างคิด ที่แสนจะขี้บ่น พวกคุณจึงโชคร้ายที่มาพบแองจี-พิมพ์ไป,บ่นไป-อย่างไร้สาระ...เช่นนี้ ปล. อัพทำไมเนี่ย ปล.อีกที สงสัยจะหวังว่า..บ่นไปนานๆ แล้วจะได้เป็น นายกฯ กะเค้ามั่ง   Create Date : 30 มกราคม 2551     Last Update : 30 มกราคม 2551 16:45:33 น. Counter : 1343 Pageviews.   45 comment Share Tweet

~รักไม่รู้ดับ """"""รักKeanuไม่รู้ดับ";-) ถึงจะสิ้น วิญญาณกี่ครั้ง : ฉันก็ยัง รักเธอฝังใจ : แม้จะสิ้นไฉไล : ไม่เป็นไร เพราะยังมีเธอ : : ฟ้าจะมืด จะมัว ช่างฟ้า : ขอให้มี สายตาหวานละเมอ : ถึงจะสิ้น แผ่นดินนะเธอ : ให้ได้เจอ ยิ้มเธอชื่นใจ ไม่ได้ชิด ก็ขอเพียงได้ชม : ไม่ได้สม ไม่เห็นแคร์อะไร : ขอให้ได้รัก รักเธอเข้าไว้ : ไม่เช่นนั้น......... ใจฉัน ใจฉันนนน........... คงหลุดลอย.....................!.! . ! : ถึงโลกแตก แหลกราญครั้ง : : ฉันก็ยัง หวังใจรอคอย...... : : แม้นจะสิ้น วิญญาณเลื่อนลอย : : ก็จะคอย พบเธอชาติอื่นเอย :   Create Date : 28 มกราคม 2551     Last Update : 28 มกราคม 2551 11:52:50 น. Counter : 1274 Pageviews.   63 comment Share Tweet

• ไร้ระเบียบ
• ข่าว
• บทความ
• งาน
• คลิป
• ไม่เกี่ยวกับเขา

• Webmaster - BlogGang

• BlogGang.com