บรรยากาศและสถานที่ต่างๆภายในสถานธรรม
ไม่แปลกเลยหากจะได้รับฉายาว่านี่คือสวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย
สถานธรรมแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆไม่ห่างจากชุมชนมากนัก มีชุมชนเล็กๆอยู่ด้านหน้าของสถานธรรม เป็นบ้านเรือนที่ปลูกอยู่ห่างๆกัน แต่ก็เงียบสงบดีเป็นส่วนตัว เพราะพื้นที่กว้างใหญ่มาก ประมาณ 200 กว่าไร่ ช่วงเวลาเช้า-เย็นจะได้ยินเสียงตามสายจากชุมชน ลอยมากับลมแผ่วๆ...บ้างนิดหน่อย ซึ่งไม่รบกวนมากนักถือว่าผ่าน จุดประสงค์หลักของที่นี่คือมุ่งเน้นผู้ปฏิบัติธรรมกลุ่มใหญ่ ที่เจาะจงมาเป็นหมู่คณะ เช่น พระสงฆ์หมู่ใหญ่ บริษัทห้างร้าน ข้าราชการทหาร-ตำรวจ ข้าราชการฝ่ายปกครอง คณาจารย์ นักเรียน-นักศึกษาจากสถาบันการศึกษาต่างๆ คณะศรัทธาญาติโยม และสาธุชนทั่วไป
นี่คือชุมชนที่อยู่ด้านหน้าทิศตะวันออกของสถานธรรม เป็นชุมชนเล็กๆเป็นบ้านเรือนที่ปลูกอยู่ห่างกัน อยู่บนเนินเขาคนละลูกกับสถานธรรม ไม่แออัดเหมือนในเมือง ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านหลังที่สองของผู้มีอันจะกิน จาก กทม.
ศาลาบุญ ชั้นบนสำหรับ ทำวัตรเช้า - เย็น ปฏิบัตรธรรม ประกอบศาสนกิจอื่นๆ บนชั้นสองของศาลา เงียบ สงบกว้างใหญ่ โอ่โถงมาก ในช่วงเวลาที่ไม่มีคอร์สปฏิบัติฯกลุ่มใหญ่ บรรยากาศจะเกื้อกูลมากสำหรับผูบวชเนกขัมมะรายย่อยกลุ่มเล็ก 20-30 คนโดยประมาณ เพราะในแต่ละวันจะมีผู้มาขออนุญาติบวชเนกขัมมะปะปราย ตอนบ่ายเข้า-ตอนเช้าออก จะเยอะหน่อยก็ช่วงวันศุกร์-เสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ต่อเนื่องกันหลายวัน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของทุกสถานธรรมเวลาบวชคือ 17.30 น. ลาสึกเช้า เวลา 05.45 น.ของทุกวัน ควรขึ้นศาลา ก่อนถึงเวลาปฏิบัติ 30 นาที ชั้นล่างด้านทิศตะวันตกของอาคารเป็นที่พักของผู้ปฏิบัติกลุ่มย่อย รวมทั้งแม่ชีที่พำนักประจำอยู่ที่สถานธรรมแห่งนี่ด้วย ที่นี่จะมีเครื่องนอนให้ยืมใช้ได้ตามอัธยาศัย เช่น เสื่อ หมอน ผ้าห่ม มุ้งกันยุง หรือใครจะเอาเต้นท์ส่วนตัวมาเองก็ได้ ส่วนด้านทิศตะวันออกชั้นล่างของอาคาร จัดไว้รองรับสำหรับผู้ปฏิบัติฯกลุ่มใหญ่ บรรยากาศของช่วงวันหยุดนักขัตฤกษ์ และมีคอร์สปฏิบัติกลุ่มใหญ่ ต่างคนต่างมาแต่จุดประสงค์เดียวกัน และใช้พื้นที่ร่วมกัน ผู้บวช-ปฏิบัติ รายย่อยจะช่วยจัดเตรียมสถานที่รองรับ ผู้ปฏิบัติกลุ่มใหญ่ที่กำลังจะเดินทางมาตามกำหนด รวมทั้งที่หลับนอน เช่น ปูอาสนะ เสื่อ ผ้าห่ม หมอน ผู้อุทิศแรงกายเพื่อส่วนรวมถือว่าเป็นการสะสมทานบารมี ข้อหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10 ประการคือ เวเยยวัชจมัย มีอานิสงฆ์เหมือนกับเราทำบุญใส่บาตร-ถวายทานอื่นๆที่เป็นอามีสบูชาทั้งหลาย ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัตรปฏิบัติของผู้บวชเนกขัมมะ ช่วยจัดเตรียมแก้วน้ำสำหรับดื่มน้ำปานะให้ผู้ปฏิบัติกลุ่มใหญ่ จัดเตรียมที่สำหรับล้างแก้วให้ด้วย ส่วนงานในครัวไม่ต้องยุ่งมีมืออาชีพจัดการให้หมดทุกอย่าง เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประทับใจสถานที่แห่งนี้ที่สุดๆ
การเก็บกวาดใบไม้ก็ถือว่าเป็นวัตรปฏิบัติตามตารางข้อหนึ่งของผู้บวชเนกขัมมะ แต่งานที่นี่ไม่มีอะไรให้ต้องทำเยอะ เพราะมีคนงานทำประจำอยู่แล้ว แต่จะช่วยแบ่งเบาภาระนิดหน่อยเท่านั้นเอง หอฉันท์ค่ะ สำหรับกลุ่มใหญ่ ส่วนกลุ่มเล็กใช้พื้นที่ข้างนอก แต่ประกอบศาสนพิธีร่วมกัน นั่งฟังธรรม ใส่บาตร ถวายทาน แต่เวลาทานอาหารต้องแยกกลุ่ม ด้านนอกก็คืออาคารนี้ค่ะ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน และสำหรับฉันท์มื้อเพลด้วย (ทานก่อนเที่ยง)สำหรับกลุ่มย่อย ส่วนที่มองเห็นถัดไปด้านในเป็นโรงครัวค่ะ หลวงปู่ขาวหรือหลวงพ่อทันใจ ส่วนชื่อที่สองดิฉันตั้งให้เองค่ะ ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถหลังเล็ก ทุกท่านที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่จะมากราบสักการะเพื่อความเป็นศิริมงคลและตั้งจิตอธิฐานขอพร ซึ่งดิฉันได้พิสูจน์แล้วว่าเห็นผลทันใจจริงๆ ต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองค่ะ ครั้งแรกที่แม่ชีบอกยังรู้สึกขำๆอยู่เลย แต่พิสูจน์ได้แล้วว่าเป็นความจริงทุกประการ สาธุ สาธุ เวลาที่มีคอร์สปฏิบัติธรรมกลุ่มใหญ่ใช้พื้นที่บนศาลาบุญ กลุ่มย่อยบางส่วนจะใช้ที่นี่เป็นสถานที่ปลีกวิเวก นั่งสมาธิ-เดินจงกลม เงียบสงบดีมากๆค่ะ ถ้าอยู่รวมกับกลุ่มใหญ่แล้วจะถูกรบกวนมากไม่ไหว เสียงดังควบคุมยาก จอแจตลอดเวลาเลย ถ้าเป็นนักเรียน-นักศึกษา ส่วนมากจะเน้นทำกิจกรรม วัตรปฏิบัติจะสวนทางกัน ทำใจได้เลย มุมมองจากที่พักมองผ่านกระจกออกมาทางทิศเหนือ เป็นสวนป่าปลูกเขียวขจีมาก บรรยากาศร่มรื่นเงียบสงบ เย็นสบายทั้งวัน เป็นฤดูฝนในช่วงเข้าพรรษาฝนชุก ตกทุกวัน เป็นอากาศแบบสามฤดูในหนึ่งวัน ยืนยันด้วยภาพค่ะ
ตอนเช้าหมอกลงจัด มีน้ำค้างด้วยค่ะ อากาศเย็นมาก ต้องใส่หมวก-เสื้อกันหนาว ช่วงที่มาปฏิบัติธรรมที่นี่ ไม่รู้สภาพอากาศ จึงไม่ได้เตรียมเครื่องกันหนาวมา แต่มีผ้าคลุมมาด้วยผืนหนึ่ง พอลุ้นแก้ขัดได้บ้าง
กลางวันอากาศแจ่มใสมากค่ะ มีแดดจัดทั้งวันแต่ก็ไม่ร้อน เย็นสบายกำลังดี
ช่วง 4 โมงเย็น ฝนตกเกือบทุกวัน บางวันก็ตกหลัง 6 โมงเย็นไปแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับที่นี่ ร่มกันฝนต้องมีติดตัวไว้ทุกคนค่ะ ได้ใชแน่นอน
อากาศเช้าตรู่ของที่นี่ค่ะ ในวันที่ฝนไม่ตก เช้าๆอากาศสดชื่นมาก เวลาประมาณ 05.45 น. ความจริงในภาพมืดกว่านี้ แต่อยากให้เห็นวิวาสวยๆจึงใส่แสงเข้าไปนิดหน่อยค่ะ
กิจวัตรอีกอย่างหนึ่งสำหรับที่นี่ไม่ว่าจะขึ้น-ลงศาลาสักกี่ครั้ง สิ่งที่ทุกคนจะต้องทำในทุกๆวันคือยืนชมวิว เป็นไปโดยอัตโนมัติ หรือไม่ก็เดินจงกลมรอบศาลา ต่างจากที่อื่นมากๆคือต้องชมวิวไปด้วยทุกครั้งซึ่งตามหลักปฏิบัติแล้วถือว่าผิด เพราะการเดินจงกลมต้องสำรวมอินทรีย์ และกำหนดสติไปด้วย แต่ก็แอบทำผิดบ่อยๆ สำหรับที่นี่ต้องอนุโลม ข้อดีของทีนี่อีกอย่างคือ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างมากมายเลอะเทอะไปหมดเหมือนที่อื่นๆ ทุกอาคารถูกสร้างเป็นระเบียบ เรียบง่าย มีเท่าที่จำเป็นต้องใช้งาน ไม่มีของตกแต่งพลุงพะรัง ง่ายต่อการดูแลรักษาความสะอาด และไม่เป็นภาระของผู้ปฏิบัติฯเกินไป ส่วนแม่ชีที่อยู่ประจำที่นี่ก็ใจดี สงบเย็น นิ่ง เงียบขรึม ไม่ค่อยคุกคลีกันไม่พูดมากไม่จุกจิกนั่นนี่ ค่อนข้างเกรงใจผู้ปฏิบัติธรรมแม้จะเป็นกลุ่มเล็กๆก็ตาม
ข้อมูล ณ วันที่ 4 กันยายน 2556 โดย จุลลา
Create Date : 21 มกราคม 2557 | | |
Last Update : 8 กันยายน 2557 21:22:20 น. |
Counter : 13396 Pageviews. |
| |
|
|
|