Group Blog
 
All Blogs
 

อ่านโคลงหวานผ่านโคลงนิราศ

อ่านโคลงหวานผ่านโคลงนิราศ

แต่ไหนแต่ไรที่จอมยุทธฯ ไม่ค่อยชอบแต่งโคลงในแนวหวาน เคยพยายามลองแต่งถ้าไม่ใช่หวานรันทดก็ออกลิเกไปเลยยกตัวอย่างมาให้ดูสักบทสองบท

๏ สัตย์วาจาร่วมน้อง.................เคยประกาศ
กราบพระพุทธชินราช...............ถิ่นนี้
ร่วมใจร่วมชีวาตม์.....................เคียงคู่ กันแฮ
แต่นุชกลับหลีกลี้.....................ทอดทิ้งเรียมไฉน ๚
จาก โคลงชุดสองแคว หรือ

๏ มองฟ้าครามฟ้าสด................ระหว่างทาง
หมู่เมฆลอยนภางค์...................ลิบโพ้น
ฝากเมฆบอกต่อนาง.................เรียมร่ำ รักนา
กายห่างสุดฟ้าโน้น....................จิตใกล้ใฝ่ถวิล ๚
จาก โคลงชุดสัตยารัก

บทแรกที่ยกมาครูหนอนฯ เคยวิจารณ์ว่าออกลิเกไปหน่อย มาอ่านดูอีกทีก็ลิเกจริงๆ ฮ่า ฮ่า บทที่สองแม้จอมยุทธฯ จะมองว่าดีขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังไม่ดีดั่งใจที่ต้องการเหมือนขาดๆ หรือแปร่งๆ ยังไงก็ไม่รู้

กระทู้นี้เจอ พี่xxx(เฒ่า) ชวนแต่งโคลงแนวหวาน พยายามแต่งเท่าไหร่ก็ไม่ได้ดังใจจริงๆ อย่ากระนั้นเลยลองอ่านโคลงต้นแบบแนวหวานที่เจ๋งๆ ของยอดกวีรุ่นก่อนดีกว่า เพื่อศึกษาลีลาและแนวคิดของรูปแบบการเดินโคลงในแนวหวานเผื่อจะได้ไอเดียมาปรับใช้สำหรับตัวเองบ้าง อ่านแล้วได้อะไรหลายๆอย่าง เลยอยากนำมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆได้รับรู้ด้วย ขอรับ

ต้นแบบโคลงแนวหวานที่น่าศึกษาทีสุด เห็นจะต้องเป็นโคลงจากนิราศต่างๆ ที่กวีกล่าวรำพันถึงนางอันเป็นที่รัก ยามต้องจากไกล

โคลงที่ถือว่าเป็นต้นแบบของวรรณคดีนิราศ คือ โคลงทวาทศมาส ซึ่งเชื่อกันว่าแต่งในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแต่ก็มีนักวรรณคดีบางท่านบอกว่าเก่ากว่านั้น แต่อย่าไปสนใจดีกว่าขอรับ มาดูที่เนื้อหาที่ประกอบด้วยศฤงคารสเป็นเลิศเป็นจินตนาการและประดิษฐการของกวี อันเป็นแบบอย่างแห่งการเขียนนิราศ ที่กวีรุ่นหลังยึดถือเป็นแบบอย่าง กันดีกว่า

โคลงทวาทศมาสแม้จะเป็นโคลงดั้น มีศัพท์ยากสำหรับการอ่านสักหน่อย แต่จอมยุทธฯ ขออ่านเพื่อศึกษาแล้วกันขอรับ เพราะบทที่กล่าวคร่ำครวญนั้น มีหลายบทที่กวียุคต่อมานิยมแต่งเลียนแบบ ขอยกมาเป็นตัวอย่างแล้วกัน

๏ ปางบุตรนคเรศไท้...................ทศรถ
จากสีดาเดียวลี-.........................ลาศแล้ว
ยังคืนสู่เสาวคต..........................ยุพราช
ฤๅอนุชน้องแคล้ว.......................คลาศไกล
๏ ศรีอนิรุทธราศร้าง....................แรมสมร
ศรีอุษาเจียรไคล........................คลาศแคล้ว
เทวานราจร...............................จำจาก
ยังพร่ำน้าวน้องแก้ว.....................คอบคืน
๏ สมุทรโฆเรศร้าง......................แรมพิน-
ทุมดีดาลฝืน..............................ใฝ่เต้า
ปางเจ็บชำงือถวิล........................ลิวโลด
ยังพร่ำน้าวน้องเหน้า.....................ร่วมเรียง
๏ พระศรีเสาวเรขสร้อย.................สุธน
จากมโนหราเคียง.........................คิดน้อง
ยังเสด็จไพรสนฑ์........................สังวาส
สังเวชนงนุชคล้อง........................เคลือกองค์
๏ ปราจิตรเจียรเหน้าหน่อ...............อรพินท์
พระพิราไลยปลง.........................ชีพแล้ว
คืนสมสุดาจิน..............................รสร่วม กันนา
กรรมแบ่งกรรมแก้วแก้ว.................ช่วยกรรม
๏ ปางศิลปปรเมศท้าว....................สุธนู
จากสมเด็จนุชจันทร......................แจ่มเหน้า
เจียรรัปประภาตรู..........................เตราสวาสดิ์
ยังพร่ำน้าวน้องเข้า........................คอบสมร

โคลง ๖ บทนี้กล่าวถึงคู่รัก ๖ คู่ คือ พระรามกับนางสีดา พระอนิรุทธ์กับนางอุษา พระสมุทรโฆษกับนางพินทุมดีพระสุธนกับนางมโนราห์ พระปราจิตกับนางอรพินท์ พระสุธนูกับนางจิรประภา ทั้ง ๖ คู่นี้ต้องพลัดพรากกัน มีความทุกข์ทนหม่นไหม้ แต่ก็ยังกลับคืนมาพบกัน

การใช้คู่รักที่มีในประวัติและนิทานเก่าๆ มาอ้างเปรียบเทียบความรักและความพลัดพรากของกวี ชุดนี้ถือว่าเป็นต้นแบบอย่างไร เดี๋ยวมาอ่านศึกษากันต่อขอรับ




 

Create Date : 29 พฤศจิกายน 2548    
Last Update : 21 กันยายน 2549 14:16:21 น.
Counter : 9617 Pageviews.  


จอมยุทธเมรัย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add จอมยุทธเมรัย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.