เราเป็นตัวเรานั่นดีที่สุด
Group Blog
 
All blogs
 
ฤ รัก บทที่ 7

ฤ รัก บทที่ 7 แตกยอดอ่อน


เมื่อมาถึงด่านข้ามแดนคนขับเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่แล้วกลับมาขึ้นรถขับเข้าไปจอดฝั่งพม่า ทั้งหมดก้าวลงจากรถ ที่นี่มีร้านค้ามากมายแบ่งเป็นซอยมีตั้งแผงหน้าร้านค้า มีแผงตรงกลางซอย ร้านขายของที่มาจากจีนทั้งเสื้อหนาว อุปกรณ์ไฟฟ้าราคาถูก ยังมีร้านที่ขายหนังเสือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ป่าแต่ปัจจุบันนี้มีการควบคุมจึงเหลือน้อยร้านเต็มที ก่อนจะแยกไปพาสได้เตือนในการซื้อของว่าต้องตรวจดูให้ดีก่อนซื้อ ซื้อผลไม้หรือของที่ต้องชั่งกิโลให้ชั่งกิโลไทย จากนั้นทุกคนก็เดินตามกันไปแวะดูร้านนั้นร้านนี้ตลอดทุกซอย พาสพาณุเข้าร้านผ้าปักลายที่มาจากจีนกับของพื้นที่ร้านหนึ่ง


“คึดว่าหนุ่มตี่ไหนหลงมาตางนี้” แม่ค้าวัยสี่สิบเศษออกมาทักทาย เธอเป็นสาวฝั่งไทยมาได้สามีเป็นชาวไทยใหญ่ จึงทำการค้าที่ฝั่งพม่าแล้วกลับไปบ้านทางฝั่งไทยก่อนด่านปิด


“ก็ว่าจะเข้ามาถามทางนี่ละฮะ” พาสแหย่แม่ค้า


“อู้จะอี้ป๋ะจำหนาน้องพาส มีผู้บ่าวตามมาตวย สวัสดีเจ้า” แม่ค้าสาวใหญ่ยิ้มให้ณุ


“สวัสดีครับ” ณุทักตอบ


“คราวนี้มีผ้าไหมปักเนื้อดีเข้ามาบ้างไหมฮะ” พาสถาม


“มีเจ้า ตางนี้เลยเจ้า”


“เอ่อ..คือว่า ” พาสมองแม่ค้าแล้วชำเลืองไปทางณุ


“พี่เข้าใจค่ะ มาค่ะ..ทางนี้” แม่ค้าจูงพาสเข้าไปด้านใน


“มีมาหลายชิ้นมีทั้งที่เป็นผ้าไหมและผ้าแพรลองเลือกดู” แกขมีขมันเลือกคัดออกมาให้ดูเป็นการใหญ่


“ตามสบายนะคะ อยากได้อะไรเพิ่มเรียกได้ตลอดเวลา” แกกลับออกไปเรียกลูกค้าต่อที่หน้าร้าน


“พี่ณุช่วยเลือกหน่อยสิฮะ... ชอบแบบไหน” เธอหยิบมาทาบให้ดู


“พี่ชอบนี่” เขาชี้ไปที่ตัวหญิงสาว


“จริงจังหน่อยฮะ เดี่ยวเหอะ” พาสดุ


ณุลงมานั่งข้างๆ หยิบจับพูดคุยต่อล้อต่อเถียงกันอยู่สักพักก็เลือกมาได้สองกองใหญ่ พาสเรียกแม่ค้าให้มาคิดเงิน พาสไม่จำเป็นต้องต่อราคากับสาวใหญ่รายนี้เพราะเธอรู้อยู่ว่าได้ราคาพิเศษเสมอ พอจ่ายเงินแม่ค้าก็ส่งถุงให้ณุที่รีบเสนอตัวเข้าไปรับ


“มาฮะช่วยถือ” เธอเข้าไปจะช่วยถือ


“ไม่ต้องครับ พี่ถือได้” ณุเอามือหลบ


“บ่ดีลืมแวะมาแหมนะเจ้า” แม่ค้ากล่าวลา


“ฮะ ขอบคุณนะฮะ” พาสโบกมือลา


พาสเดินมาหยุดที่ร้านจำหน่ายมุกน้ำจืด เธอต่อรองราคากับแม่ค้าอยู่นานมาก กว่าจะได้มุกมาประมาณยี่สิบเส้นหลากสีมีทั้งขาวนวล ขาวเหลือบชมพู ชมพู แบล็คเพิร์ลอมเทาเข้ม พาสซื้อสร้อยมุกมาสองชุดใส่กล่องกำมะหยี่อย่างดี ณุก็ไม่ได้สนใจจะถามเขาไม่อยากละลาบละล้วงเธอเกินจำเป็น เธอพาเขาเดินไปเรื่อยๆ กลุ่มสาวๆ ที่เดินสวนผ่านไปมาต่างพากันเหลียวกลับมามองณุกับพาสตลอดทาง


เดินมาถึงร้านของเก่าร้านหนึ่งตรงหัวมุมพาสเดินมองของอยู่หน้าร้าน ร้านนี้มีตุ๊กตาหุ่นเชิดแต่งตัวแบบพม่ามีทั้งหญิงชาย มีของตกแต่งมากมายมีเครื่องประดับผม ไม้แกะสลัก ดูจัดของไม่เป็นระเบียบนัก


“พี่ณุนั่งพักตรงนี้ก่อนนะฮะ พาสขอเข้าไปเลือกของหน่อย”


“พี่เข้าไปด้วยอยากเห็นของพื้นเมืองบ้าง” ณุอ้างทั้งที่แท้จริงเขาไม่อยากคลาดสายตาจากพาสมากกว่า


“อย่าเลยฮะ พี่ณุถือของเยอะในร้านก็แคบ พาสเข้าไปครู่เดียว” พาสบอกเหตุผล


เธอให้ณุนั่งรอที่แคร่ไม้ไผ่หน้าร้านส่วนตัวเองเดินหายเข้าไปพักใหญ่กลับออกมาพร้อมตุ๊กตาพม่าชายหญิงหนึ่งคู่ขนาดตั้งโชว์ พานขนาดกลางและเล็กด้านข้างแต่งด้วยกระเบื้องหลากสีสวยงาม ตู้ไม้ขนาดหนึ่งฟุตสามารถเปิดปิดได้มีชั้นใส่ของทำเลียนแบบตู้ขนาดใหญ่ทาเคลือบเงาอย่างดีอีกหนึ่งชิ้น


“ร้อนน่าดู” พาสออกมาจากร้านด้วยสภาพที่มีเหงื่อชุ่มกาย


“ผ้าเช็ดหน้าจ้ะ” ณุส่งผ้าเช็ดหน้าให้


“ขอบคุณฮะ” เธอรับไปเช็ดแต่โดยดี


จากนั้นจึงพากันเดินกลับมาเก็บของที่รถ แต่ด้วยยังไม่มีใครกลับมาที่รถสักคน ณุชวนพาสไปหาที่นั่งพัก


“พี่ว่าเราไปนั่งตรงนั้นกันก่อนดีกว่า” ณุหันซ้ายหันขวาก่อนก้าวนำหญิงสาวไปตรงม้าหินใต้ต้นไม้เขาใช้มือปัดฝุ่นให้แล้วหันมาผายมือ


“ขอบคุณฮะ” พาสลงนั่งเอาหลังมือซับเหงื่อ


“เดี๋ยวพี่มานะ” ณุเดินหายไปสักพัก พอเดินกลับมาก็นำน้ำมายื่นให้


พาสจะรับน้ำมาดื่ม แต่ชายหนุ่มปฏิเสธเขาอยากป้อนให้ เขาจับหลอดดูดยื่นส่งให้


“ไม่ต้องฮะ... พาสถือเองได้” พาสแย่งจะจับหลอดเอง ณุเบี่ยงถุงน้ำหนีมือหญิงสาว


“พี่จับให้ได้...นะครับ..” ณุยื่นส่งให้อีกครั้ง


“...........” พาสจำยอมดื่มน้ำจากหลอดที่ณุยื่นส่งให้ ชายหนุ่มยิ้มอย่างอารมณ์ดี


คนที่เหลือต่างทยอยกันกลับมา นาฏใช้กีกิถือของจนแทบจะเอาปากคาบถ้าทำได้ ส่วนสี่คนที่เหลือต่างช่วยกันหิ้วของกันคนละไม้ละมือ พาสกับณุจึงพากันมาสมทบกับกลุ่ม


“นาฏแขนขาไปโดนอะไรมา” พาสถามน้องเมื่อเห็นแผลถลอก


“ตกหลุมครับ” กีกิตอบแทน


“ยุ่ง” นาฏค้อนควับ


“ไปตกหลุมที่ไหนมา” พาสยังคงถามต่อ


“พื้นถนนนั่นละค่ะ” นาฏหน้างอ


“ประจำนะเรา... ไปพี่เตรียมยาไว้ให้ในเป้แล้ว” พาสเข้าพยุงน้องพาไปที่รถ


โอ๋หันมาถามคนอื่นที่เหลือ “หิวกันหรือยังคะ มีข้าวเหนียวหมูเค็ม เนื้อแดดเดียว เรานั่งทานกันไปในรถก็ได้”


พาสเปิดกระเป๋าหยิบยาใส่แผลกับพลาสเตอร์ออกมาวางเตรียมไว้ที่ข้างตัว


"ศศิขอทำแผลให้นาฎนะคะพาส” ศศิเข้ามาหยิบอุปกรณ์ทำแผล


“ฮะ... ฝากศศิด้วยนะ” พาสยิ้มให้ศศิ


“ค่ะ...” ศศิยิ้มตอบพาส


“มานาฎศศิทำให้เอง...” สาวเปรี้ยวนั่งลงข้างๆ นาฎ


นาฎมองหน้าศศิยิ้มแหยๆ “คงไม่ได้คิดแก้แค้นใช่เปล่า”


“ทำไมรู้ล่ะ...” ศศิยิ้มเจ้าเล่ห์


“พี่พาส....” นาฎร้องเรียกพี่สาวเสียงหลง


“ศศิเค้าไม่เหมือนเราหรอกเจ้านาฎ...... แต่พี่ว่าโดนซะบ้างก็ดีนะกวนดีนัก” พาสแหย่น้องสาวพร้อมกับยิ้มพยักหน้ากับศศิ พาสหันมาคุยกับผู้ร่วมทางคนอื่น


“ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้วเราแวะพระธาตุดอยตุงด้วยดีไหมฮะ” พาสถามความเห็นของทุกคน


ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นดีด้วยรถจึงบ่ายหน้าสู่ดอยตุง เมื่อมาถึงพระธาตุทุกคนได้ยินเสียงเคาะระฆังดังทั่วไปอย่างต่อเนื่อง บริเวณโดยรอบช่างสงบ อากาศสดชื่น ดูผ่อนคลายจากความวุ่นวายทั้งหลาย แลไปทางไหนก็สะอาดตา บนนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้ตั้งแผงขายอาหารหรือพวกของที่ชาวบ้านนำมาขาย และไม่มีห้องน้ำด้วย ภายในพระธาตุบรรจุพระรากขวัญเบื้องซ้ายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธาตุนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1454 เป็นสถานที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย ลาว พม่า ให้ความเคารพ


ณุรีบจูงมือพาสไปกราบพระธาตุด้วยกัน “ไปครับเร็ว แล้วเดี๋ยวเราไปเคาะระฆังกันนะครับ”


“พาสเดินไปเองได้” หญิงสาวพูดแต่จำต้องก้าวไปตามแรงดึงของณุ เธอสังเกตุว่าวันนี้ดูเขาช่างสดใสเสียเหลือเกิน เธอเองเสียอีกที่ทั้งเขินทั้งอายกับการกระทำของชายหนุ่มที่ไม่คิดจะปกปิดความใดเลยสักนิด เธอเหลียวหลังมองคนอื่นทุกคนต่างโบกไม้โบกมือให้


“พาสอธิฐานอะไรครับ” ณุที่เดินคู่กับพาสถามเมื่อไหว้พระเสร็จ


“บอกไม่ได้ฮะ... เดี๋ยวไม่สัมฤทธิ์ผล” พาสตอบ


“เรื่องพี่หรือเปล่า” ณุยื่นหน้าลงมาใกล้


“ทำไมต้องเป็นเรื่องพี่ณุด้วยละฮะ....” พาสหลุบตาหลบสายตาหวาน


“ก็แบบว่าขอให้รักเรา...” ณุยังพูดไม่ทันจบก็ถูก


พาสกระทุ้งเข้าที่เอว “อูย.......”


“พูดแบบนี้ที่นี่ไม่ดี... สถานที่ศักดิ์สิทธิ์.... ไม่ควร...” พาสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“พี่ขอโทษ.....” ณุพยายามยิ้มเอาใจสาวห้าว ทั้งสองพากันเดินไปทางที่จุดเคาะระฆัง


ทางเบนเองก็ดูแลทั้งศศิ โอ๋และพี คอยจุดธูปจุดเทียนให้ เขาเป็นคนที่เอาใจใส่ทุกคนเป็นอย่างดี ผิดจากมาดขรึมๆ ในเวลาทำงาน แม้จะไม่ใช่คนที่จะยิ้มให้เห็นบ่อยนัก พิคอยชำเลืองมองหนุ่มเข้มตลอดเธอเห็นสายตาเขาที่มองไปทางณุกับพาสมันฉายแววเศร้า มันทำให้เธอแปลบลึกในหัวใจ


“เมื่อไหร่คะ..... เบนเมื่อไหร่ที่คุณจะทำใจได้” พิรำพันเบาๆ


พอเบนหันกลับมาทางเธอ พิก็ยิ้มให้เขาทั้งที่ข้างในช่างเจ็บช้ำเหลือเกิน ทั้งที่ได้อยู่ใกล้คนที่ตัวเองรักกลับต้องมาเห็นเขาเป็นทุกข์ที่รักคนอื่น


นาฎเองก็มีกีกิคอยพยุงอยู่ไม่ห่างแต่ยังคงยียวนกวนประสาทกันได้ตลอด แล้วยิ่งนาฎที่เดินหนีไปไหนได้ไม่ถนัดด้วยแล้ว จึงเป็นที่สนุกสนานสำหรับหนุ่มตี๋เป็นอย่างมาก


ทุกคนกลับมาสมทบกันที่รถและตกลงกันว่าจะเดินทางกลับ และคงไม่แวะโครงการแม่ฟ้าหลวงเพราะกลัวจะกลับเชียงใหม่ค่ำเกินไป ตอนลงดอยก็มีของขายตามเนินเขาแต่ทุกคนต่างลงมติว่าไม่แวะดีกว่า


พอถึงบ้านเหมือนสวรรค์โปรดทุกคนต่างแยกกันไปหามุมพัก พาสยึดตั่งตัวเดิมเป็นที่หมายพอเข้ามาเห็นป้านั่งอยู่ก็ถลาเข้าไปนอนหนุนตัก


“เฮ้อ... คิดถึงจัง”


ป้าละมือจากผ้าที่กำลังปักอยู่ หยิบผ้าเย็นที่เตรียมรอไว้มาเช็ดหน้าให้หลานสาว แกเงยหน้าเมื่อเห็นณุตามเข้ามา


“ไปแอ่วตี่ไหนมาพ่อง........... อิดก่อ”


“.......” ณุพยายามแปลความ


“ป้าถามว่าไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง เหนื่อยไหม” พาสแปลให้แล้วลุกขึ้นมามองป้า


“ทำไมไม่พูดภาษากลางละคะ หนูจะได้ไม่ต้องแปล” พาสเหลือบตามองผู้สูงวัย


“ก็เผื่อจะมาเป็นเขยจาวเหนือก็ต้องอู้กำเมืองฮื้อพ่อง”


“ครับ ผมจะพยายาม”


“.......” พาสทำปากขมุบขมิบ


“ตกลงไปไหนมาละ” ป้าย้ำถาม


“พาสเขาพาไปเดินด่านแม่สายมาครับ แล้วก็แวะพระธาตุดอยตุงด้วยครับ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันครับ”


“พักผ่อนกันก่อนกะได้ ค่ำนี้มีขนมจีนน้ำเงี้ยวกับข้าวซอยน่องไก่” ป้าส่งผ้าเย็นอีกผืนให้


ณุรับและขยับเข้าไปนั่งข้างๆ พาส หญิงสาวเขยิบออกนิดหนึ่ง ป้าส่งหมอนให้ณุหนุนนอนส่วนพาสหันหลังให้ณุเธอนอนหนุนตักป้า ด้วยความเพลียทำให้หญิงสาวหลับไปอย่างง่ายดาย


ป้าคำปุนค่อยๆ ยกศรีษะพาสวางลงบนหมอนที่แกใช้เด็กไปหยิบมาให้ จากนั้นแกก็เอาผ้าแพรมาคลุมพาสเสร็จแล้วจึงลุกขึ้นเดินเข้าครัวเพื่อคุมเด็กจัดเตรียมมื้อค่ำให้กับทุกคน


พอคล้อยหลังผู้สูงวัยณุก็ลืมตาขึ้น เขาค่อยๆ พลิกตัวหญิงสาวให้มาหนุนแขนตนเอง เขานอนนิ่งเมื่อพาสขยับตัวหน้าของเธอซบกับอกอุ่น ณุก้มจูบหน้าผากของหญิงสาวพร้อมกระชับอ้อมแขนเพียงไม่นานก็หลับตามไป ใกล้ถึงเวลามื้อค่ำพิลงมาจากห้องเป็นคนแรก มองลงมาที่ตั่งเธอหยุดยืนนิ่ง อีกสามสาวที่ตามมาไล่ๆ กัน เอ่ยปาก


“ทำไมไม่เดินต่อละคะพี่พ....” นาฏยังพูดไม่ทันจบ


พิส่งสัญญาณให้เงียบเธอชี้ไปที่สองคนที่นอนอยู่ ทั้งสี่สาวมองหน้ากันต่างพากันยิ้มเขิน พิเหลือบไปเห็นเบนเดินมาแต่ไกลจึงผละจากกลุ่มไปดักหน้า


“เบนมาพอดีเลยค่ะ.. พิอยากไปเดินเล่นที่สวนกุหลาบไปเป็นเพื่อนพิหน่อยสิคะ” พิไม่รอให้เขาได้ตัดสินใจ เธอควงแขนเขาพาเดินออกไปทางสวนดอกไม้


สามสาวยังยืนค้างกันอยู่ที่ขั้นพัก นาฏเห็นพี่สาวเริ่มขยับตัวจึงรีบดันอีกสองคนให้ถอยกลับขึ้นไป แล้วพากันชะโงกหน้าลงมามอง


ณุตื่นตั้งแต่ตอนที่พาสเริ่มขยับตัวหยุกหยิก แต่ยังคงหลับตากอดพาสไว้แน่น เขาอยากรู้ว่าหญิงสาวจะมีปฏิกิริยาอย่างไรตอนที่ตื่นมา


พาสรู้สึกตัวตื่นพบว่าตกอยู่ในอ้อมกอดของณุก็ตกใจ “เฮ้ย... พี่ณุ... นี่พี่ณุ” พาสดิ้นหาทางให้พ้นจากพันธนาการของณุ


“หือ........” ณุขยับตัวนิดหน่อย


“ตื่นสิ....” พาสพยายามดันแผงอกกว้าง


“อืม.....” แทนที่จะปล่อยชายหนุ่มกลับยิ่งรัดแน่นขื้น


“นี่แน่ะ ไม่ตื่นใช่ไหม” พาสเงยหน้ากัดเข้าที่คางของณุ


“โอ๊ยย.............. แมวกัด..........” ณุปล่อยพาสเป็นอิสระ เขาลุกขึ้นนั่งลูบคางป้อย


“สม... พักนี้ได้ทีชักเอาใหญ่นะ ” พาสหนีมายืนห่าง


เสียงรถที่ดังมาจากหน้าบ้านเรียกความสนใจของพาสให้หันไปมอง พอเห็นคนที่ก้าวลงจากรถหญิงสาวรีบวิ่งไปหาทันที


“พี่พงศ์... มาได้ไงฮะ”


“ระวังพะเริดเน้อ” พงศ์หนุ่มใหญ่ชาวเชียงใหม่ลูกชายคนเดียวของป้าคำปุนเป็นคนผิวสองสี รูปร่างสูงใหญ่ผิดชาวเหนือทั่วไปเตือนน้องสาวกลัวเธอลื่นล้มเสียก่อน เขาตั้งท่ารับน้องสาวที่กระโดดกอดคอเขา “ทำไมหนักจะอี้”


“โห.. พูดงี้กับผู้หญิงได้ไง” พาสทำหน้าบึ้ง เธอตบบ่าของพี่ชายให้เขาวางเธอลง


“ง่อมหาขนาด”


“เหมือนกัน...ไม่เห็นแวะไปหาบ้าง.. นี่วางพาสได้แล้ว” หญิงสาวร้องบอกพี่ชายที่ยังล็อคตัวเธออยู่


“หวา.... พี่พงศ์” พาสร้องเสียงหลง เมื่อพงศ์จับเธอพาดบ่าพาเข้าบ้านอย่างอารมณ์ดีผิดกับคนที่อยู่บนบ่า


“พี่พงศ์ปล่อยพาสลง” พาสดิ้นดุกดิกอยู่บนบ่าพี่ชาย


“ฮึฮึ....” ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอ


เขาแบกพาสมาจนถึงประตูบ้านก็เจอกับณุที่ยืนเป็นจะเข้ขวางคลองอยู่ พงศ์จึงวางน้องลงแต่ยังโอบไหล่เอาไว้


“สวัสดีครับ...ผมพงศ์ คุณคงเป็นเพื่อนพาสที่มาจากกรุงเทพ” พงศ์ยื่นมือให้ณุ


ณุมองพาสทำหน้าเหมือนอยากจะถามให้รู้ชัดว่าไอ้หนุ่มที่แบกเธอมานี่เป็นใครกัน ดูสนิทสนมกันมากเกินธรรมดา


“พี่พงศ์เป็นลูกชายของป้าคำปุนฮะ” พาสเบี่ยงตัวหลุดจากการโอบของพงศ์ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องแคร์ความรู้สึกของคนตรงหน้า ถ้าเป็นคนอื่นเธอคงไม่อธิบาย


ณุจับมือกับพงศ์ “สวัสดีครับ... ณุครับ”


โอ๋นาฏกับศศิตามออกมาที่หน้าบ้าน “อ้ายพงศ์ สวัสดีเจ้า” โอ๋ทักทาย สองสาวยกมือไหว้


“หวัดดี” พงศ์มองไปที่ศศิสาวแปลกหน้า


“นี่คุณศศิเป็นเพื่อนพี่พาสเจ้า”


“สวัสดีค่ะ” ศศิไหว้


“อืม.... สวัสดีครับ” พงศ์พยักหน้า เขาเคยได้ยินเรื่องศศิมาบ้าง


“เป็นไงครับที่นี่.... พอจะพักกันได้ไหม” พงศ์มองหน้าทุกคน


“สบายครับ... อากาศสดชื่นกำลังเย็นสบาย” ณุตอบ


“ต้องขึ้นบนดอยครับอากาศเย็นตลอดปี... นี่ถ้ามาช่วงหน้าหนาวจะได้เห็นแม่คะนิงเกาะตามใบไม้สะท้อนแสงสวยทีเดียวครับ” พงศ์ว่า


“ครับ.... ไว้มีโอกาสคงได้มาเยือนอีกครั้ง” ณุยิ้มหวานมองพาส


พงศ์เห็นเบนเดินมากับสาวหวานจึงส่งเสียงทัก “เฮ้ย.. พานางไม้ที่ไหนมาด้วยน่ะ”


“เอ่อ... พามาจากกรุงเทพครับพี่พงศ์” เบนกับพงศ์ต่างตบมือทักทายกัน


“คุณพิครับนี่พี่พงศ์ลูกป้าคำปุนครับ”


“สวัสดีครับ/ค่ะ”


เด็กเดินออกมาตามทุกคน “ป้าเชิญทุกคนทานอาหารได้แล้วค่ะ”


“ป่ะ”พงศ์จูงมือพาสเข้าบ้าน


ณุมองสองคนที่เดินนำเข้าบ้านไปตาไม่กระพริบ เขาปล่อยให้คนอื่นเดินตามกันเข้าบ้านไปส่วนตัวเองยังคงนิ่งอยู่กับที่


ทุกคนต่างพากันเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหาร พาสไม่เห็นณุตามเข้ามาจึงลุกออกไปตาม เธอเห็นเขาแหงนคอมองฟ้าก็ตรงเข้าไปหา


“พี่ณุ.. ทำไมไม่เข้าบ้านละฮะ” พาสเดินมาใกล้


“ที่นี่เห็นดาวชัดจังนะคะ” เขาพูดทั้งที่ยังอยู่ท่าเดิม


“ฮะ.. แต่ตอนนี้พาสหิวแล้วไปกินข้าวกันเถอะ” พาสแตะแขนเขา


ณุจับมือเธอไว้แล้วหันมาจ้องหญิงสาว สายตาที่ส่งให้เธอช่างเว้าวอนเหลือเกิน เขาไม่กล้าถามทั้งๆ ที่ใจอยากรู้แต่กลัวคำตอบที่จะได้รับ


“มีอะไรถามได้นะฮะ” พาสยิ้มให้ณุ


“ถ้าพี่ถามจะไม่โกรธพี่ใช่ไหมครับ” ณุทำเสียงอ้อน


“ฮะ”


“คุณพงศ์กับพาส เอ่อ” ณุพูดไม่ออก


“ถึงเราจะเป็นญาติห่างๆ แต่เราก็รักกันมากเราพี่น้องมีกันไม่มากจึงสนิทกันอย่างนี้ละฮะ ไม่มีอะไรในกอไผ่หรอกฮะ”


“จริงๆ นะครับ” ณุย้ำถาม


“ฮะ.... แต่ตอนนี้พาสหิวแล้ว” พาสลูบท้องตัวเอง


“งั้น... เข้าบ้านกัน” ณุจูงมือพาส


พาสพยายามดึงมือออก “พี่ณุ พาสเดินเองได้ ทำไมชอบจูงจังไม่ใช่เด็กนะ”


“ไม่รู้... ทีพี่พงศ์ของพาสยังจูงได้เลย” ณุพูดหน้าตาเฉย เขาหันมาหลิ่วตาให้พาส


“ก็นั่นพี่ชายพาสนี่” พาสแย้ง


“............” ณุไม่พูด เขายังคงจับมือเธอไว้แน่น


“เฮ้อ.. เหนื่อยใจ” พาสถอนใจอย่างเซ็งๆ แต่ก็ปล่อยให้เขาจูงเข้าบ้าน สองคนเดินเข้ามาที่ห้องอาหาร


“มาแล้ว... มาเจ้าพาสนั่งนี่” พงศ์ลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้น้องสาว


“พาสนั่งกับพี่นะ.... นะครับ” ณุรั้งไว้แล้วพาเธอไปนั่งอีกด้าน


พาสมองหน้าพี่ชายยิ้มๆ เธอลงนั่งเก้าอี้ที่ณุเลื่อนให้ พงศ์มองการกระทำของณุแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเขานั่งลงกินข้าวตามเดิม


พาสถามน้องที่กินตุ้ยๆ อย่างเอร็ดอร่อย “เป็นไงนาฏฝีมือต้นตำรับ”


“อร่อยค่ะ.. จริงๆ นะคะป้า” นาฏหันไปชมป้าแต่พอหันกลับมาหัวไปชนกับจานเครื่องเคียงที่เด็กกำลังจะวางเปลี่ยนแทนของเก่า “โอ๊ะ....”


“จนได้” เกือบทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน พากันหัวเราะเห็นขำ


“หัวเราะกันล่ะ... เจ็บนะนี่” นาฏเริ่มงอน น้องสาวลุกขึ้นเดินหลบเด็กที่เก็บกวาดของที่ตกไปหาพี่สาว “เนี่ยดูสิ”


พาสเสยผมนาฏขึ้นเห็นรอยแดงที่หน้าผาก “อืมนิดหน่อย ไม่มากหรอก” พูดจบก็ขยี้ผมน้อง


“พาส.. กินเสร็จแล้วไปคุยกับพี่ที่หน้าบ้านหน่อยนะ” พงศ์บอกพาส


แล้วหันไปดุนาฏ “เจ้านาฏกลับไปนั่งกินให้หมดซะ”


นาฏทำหน้าง้ำเดินกลับมานั่งที่มองค้อนพงศ์ “พี่พงศ์กับพี่เบนเหมือนกันเลย ทีกับพี่พาสไม่เห็นกล้าเลย” กินไปบ่นไป


“อ้าว.... พี่เกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย” เบนทำหน้าเหวอ


“จริงป่ะล่ะ” นาฏค้อน


“ทั้งสามคน กินให้เสร็จเร็วๆ สงสารคนทำงานบ้างเขาจะได้ไปพักผ่อน” พาสเตือน


“จ้ะ / ค่ะ” ทั้งสามรับคำ


“ว่าแต่เขา..ก็เหมือนกันละว้า” พงศ์ย้อนคืน


“ชิ...” นาฎค้อนควับ


พอทานกันเสร็จต่างพากันมานั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่น พาสเดินไปหน้าบ้านกับพงศ์ ส่วนป้าคำปุนกลับไปพักผ่อนที่ห้องพัก ที่ห้องนั่งเล่นแต่ละคนหากิจกรรมทำกัน นาฏ ศศิและโอ๋นั่งเล่นโดมิโนกัน มีนายกีกิดีดกีต้าร์อยู่ข้างๆ นาฏ เบนวาดภาพระบายสีน้ำมันลงบนผืนผ้าใบโดยพินั่งมองและคอยติชมผลงาน


ณุยืนมองออกไปนอกหน้าต่างบานกว้าง เขาเห็นทั้งสองคนพูดคุยกัน ในสมองเขาตอนนี้คิดถึงแต่คำพูดของพาสที่บอกไว้เมื่อค่ำว่าเป็นพี่น้องกัน สักพักเขาเห็นทั้งคู่เดินกลับมาจึงรีบผละจากหน้าต่างมานั่งที่โซฟา


พงศ์กับพาสเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น พาสลงนั่งที่โซฟาส่วนพงศ์ยังคงยืนอยู่หน้าห้อง “ทุกคนครับ.พี่ขอตัวไปพักก่อน พรุ่งนี้เช้าพี่จะมารับไปเที่ยวสถานีเกษตรหลวงกับไปดูหมู่บ้านนอแลและค้างบนดอยอ่างขางสักคืนนะครับ” พงศ์บอกโปรแกรมของพรุ่งนี้กับทุกคน


“ครับ/ค่ะ” ผู้มาเยือนดูกระตือรือร้นเป็นอย่างดี


“ขอตัวนะครับ” พงศ์ลาอีกครั้ง


“ครับ/ค่ะ”


“พี่พาสมาเร็วจะเริ่มตาใหม่แล้ว” โอ๋กวักมือเรียก


“เร็วสิคะพาส ศศิโดนสองคนนี้รุมตลอดเลย ยังไม่ชนะสักครั้ง” ศศิอ้อนเสียงอ่อนเสียงหวาน


“ไหนคนไหนฮะ ที่แกล้งศศิ” พาสมานั่งลงข้างๆ ศศิ


ศศิกอดแขนและซบหน้ากับไหล่ของพาส “ทั้งสองคนเลยค่ะ”


“ได้เลย... ตานี้เราต้องชนะ... มะ” พาสเริ่มวางตัวโดมิโน


ณุนั่งมองสี่สาวที่ดูจะสรวจเสเฮฮาอย่างมีความสุข ตลอดเวลาเขาตั้งใจคอยสังเกตสีหน้าของพาส ทุกครั้งที่พาสเผลอเธอจะเหม่อใจลอยดวงตาเศร้า ซึ่งโอ๋เองก็คอยสะกิดพี่อยู่เรื่อยๆ ชายหนุ่มไม่อยากเห็นคนที่ตนรักมีอาการนี้ แต่ก็ยังหาหนทางไม่ได้ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เขานอนที่โซฟากะไว้ว่าถ้าพาสจะกลับกระท่อมจะได้ตามไปส่ง


ดึกมากแล้วทั้งสี่เริ่มง่วงหาวให้เห็น พาสจึงให้เลิกเล่นและไล่น้องๆ ไปนอน คนอื่นนอกเหนือจากพวกเธอขึ้นนอนกันหมดแล้วยกเว้นคนเดียวที่หลับอยู่ที่โซฟา


“โอ๋พี่ขอผ้าห่มพี่ผืนหนึ่งสิ”


โอ๋พยักหน้าเดินออกจากห้องไป สักครู่ก็กลับมาพร้อมผ้านวม “ได้แล้วพี่พาส ” โอ๋ส่งผ้าให้พาส


“เออว่าแต่คืนนี้พี่พาสนอนที่บ้านใหญ่ไม่ดีกว่าเหรอ ยิ่งกลัวความมืดอยู่ให้โอ๋ไปส่งไหม”


“ไม่ต้องส่งหรอก...... พี่อยากไปนอนที่กระท่อมมากกว่า.....”


“จริงๆ พาสนอนกับศศิก็ได้นะคะเตียงใหญ่ออก” ศศิเข้ามาเกาะแขน


“นั่นสินอนกับนาฏก็ได้” นาฏชินกับการยื้อแย่งพาสกับศศิ


“นาฏนะ...” ศศิตั้งท่าจะโวยแต่พอเห็นสายตาปรามของพาสก็หยุด


“เจ้านาฏ ไม่แกล้งศศิสักวันจะขาดใจรึไง” พาสดุเสียงเบาทำมือจุ๊ปากไม่ให้เสียงดัง


“ไป... ไปนอนกันได้แล้ว.. พี่ดูแลทางนี้เสร็จก็จะไปนอนเหมือนกัน” พาสทั้งผลักทั้งดันสามสาว


“หลับฝันดีนะคะพี่พาส” นาฏยิ้มกวนๆ ให้พี่สาว


“ฝันดีค่ะพาส” ศศิเข้ามาหอมแก้มก่อนเดินตามสองสาวขึ้นบ้าน


เมื่อทั้งสามเดินหายขึ้นชั้นบนไปแล้ว พาสจึงหันกลับมามองชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ เธอคลี่ผ้ามาห่มให้ชายหนุ่มอย่างเบามือ


“หลับให้สบายนะฮะ” พาสก้มลงพูดเสียงเบาตรงหน้าเขา แล้วเดินไปปิดผ่านดูความเรียบร้อยตามจุดต่างๆ ของห้อง พอจะก้าวออกจากห้องเธอหันมาดูชายหนุ่มนิดหนึ่งก่อนปิดไฟ


เธอเดินมาตามทางที่คุ้นเคยแต่ยามนี้พาสที่เป็นคนกลัวความมืด เธอไม่เคยกลับดึกขนาดนี้ปกติจะมีพี่พงศ์มาเป็นเพื่อนเสมอตอนที่อยู่ที่นี่ หรือไม่ก็เบน วันนี้แม้ท้องฟ้าจะเปิดมีแสงจันทร์นำทางแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เสียงจั๊กจั่นเรไรร้องระงมทำเอาพาสหันรีหันขวางไปตลอดทาง


“แก๊ก........” จู่ๆ ก็มีเสียงไม้หักดังขึ้น พาสถึงกับสะดุ้งสุดตัวเธอหันหลังกลับมาทางต้นเสียงเมื่อเห็นเต็มสองตาหญิงสาวก็ถอนใจ


“... พี่ณุทีหลังอย่าทำอย่างนี้อีกนะฮะ พาสยิ่งกลัวๆ อยู่” เธอเอามือทาบอก


“กลัวอะไรครับ... คนเก่ง” ณุแหย่


“ไม่ต้องมารู้หรอกว่ากลัวอะไร” พาสหันกลับเดินไปทางเดิม


“ไม่บอกก็ไม่เป็นไร พี่พอจะเดาออก” ณุตามติด


“เชอะ...” พาสยักไหล่ หญิงสาวนึกอะไรขึ้นได้จึงเอียงหน้ามองคนข้างตัว “เอ๊ะ.. ก็เมื่อกี้พี่ณุหลับไปแล้วนี่”


“พี่ตื่นตั้งแต่ตอนที่ทั้งสี่คนคุยกันหน้าห้องแล้วล่ะ” ณุตอบแต่ทำตาหวานให้พาส


“อ้าว... แล้วทำไม....” พาสพูดไม่ทันจบณุก็สวนขึ้น


“ไม่งั้นจะมีคนมาห่มผ้าให้เหรอครับ” ณุยิ้มกวนๆ


“ฮืม...” พาสทำเสียงในคอเธอไม่อยากต่อคำกับณุ หญิงสาวเดินเร็วขึ้นเพื่อให้ถึงกระท่อมเร็วๆ


“ระวังนะ จ้ำไม่มองทางเดี๋ยวสะดุดหัวใจของพี่ที่ทำตกไว้แถวนี้เข้า” ณุปล่อยมุข


พาสหยุดเดินทำท่าก้มลงมองซ้ายทีขวาที สักครู่ก็ยืดตัวตรงเตะลมอย่างแรงแล้วป้องหน้ามองตามทิศที่เตะ “โน่น... ไปโน่นแล้วฮะหัวใจพี่ณุ”


“โห... ใจร้ายนะนี่” ณุทำท่ากุมหัวใจ


“แล้วใครใช้ให้มาทำตกไว้แถวนี้ละฮะ” พูดจบพาสอดไม่ได้ที่จะหัวเราะขำณุ


ณุยิ้มเมื่อเห็นพาสอารมณ์ดีเขารีบเดินตามหญิงสาวจนทัน ทั้งคู่เดินคุยกันไปจนกระทั่งถึงกระท่อมแสงไฟจากหน้าห้องส่องให้เห็นทั่วที่พัก


“ขอบคุณที่มาส่งเจอกันตอนเช้านะฮะ” พาสหันมายิ้มให้ณุ


“ราตรีสวัสดิ์หลับฝันดีนะครับ” ณุส่งจูบให้


“ฮะ... ราตรีสวัสดิ์” พาสยิ้มน้อยๆ เธอเดินเข้าห้องนอน


ณุยืนพิงต้นไม้ที่อยู่ข้างห้องพาสรอจนไฟในห้องดับลง ชายหนุ่มค่อยๆ ถอยหลังหันกลับเดินฮัมเพลงไปตามทาง









Create Date : 27 กรกฎาคม 2549
Last Update : 27 กรกฎาคม 2549 13:33:48 น. 0 comments
Counter : 338 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jd_spn
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




-ความรักเป็นสิ่งสวยงามแต่มิใช่จะเกิดได้ง่ายดาย เมื่อได้มาก็จงเก็บรักษาไว้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง
-อยากมอบสิ่งดีๆ ให้กับทุกคน และมอบความรักให้กับคนอันเป็นที่รักทุกคน
คุยกันหลังไมค่กดที่ตุ๊กตาเด็กเล่นน้ำนะคะ
cursor
Friends' blogs
[Add jd_spn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.