โชคดีที่ได้บวชวัดธาตุทอง
ย้อนเวลาหาอดีต 2493-2563


ตอนที่3

คนเราได้เจอกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ต้องเคยทำบุญร่วมกันมาก่อน หลวงปู่พระครูปลัดช่วง วัดธาตุทอง ท่านบอกกับแม่เมื่อครั้งแม่บอกว่าจะบวชลูกชาย ท่านรับเป็นเจ้าภาพจัดอุปกรณ์เครื่องบวชและของถวายพระ ทั้งเตรียมศาลาจัดงานด้านหลังกุฎิ งานนี้แม่ดูอิ่มบุญ ให้ชวนเพื่อนๆ รุ่นเดียวกันที่พัฒนาคอมเมิร์ช และเพาะช่าง มาร่วมงาน ในวันบวชเพื่อนรักนักกล้ามรับอาสาแบกนาคเวียนรอบพระอุโบสถ หางขบวนเพื่อนผู้หญิงพร้อมใจกันแต่งชุดไทย 



โชคและโอกาสเกิดได้เสมอ เมื่อเราเตรียมตัวเตรียมใจรับสิ่งใหม่ๆ ด้วยความยินดี บวชแล้วหลวงปู่พาไปฝากตัวกับท่านเจ้าคุณฯ เป็นโชคดีอย่างยิ่ง เพราะท่านเจ้าคุณเป็นพระนักพัฒนา ท่านได้วางพื้นฐานการศึกษา การสาธารณะสุข ให้กับชุมชน และตั้งมูลนิธิวัดธาตุทอง เพื่อเป็นทุนการศึกษา ตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถม มัธยม และสาธารณสุขวัดธาตทอง นอกเหนือจากพระอุโบสถขนาดใหญ่ พระวิหาร โรงเรียนปริยัติธรรม ศาลาการเปรียญ ศาลาลเอนกประสงค์ กุฎิและหอพักขนาดใหญ่สำหรับพระเณรที่บวชเรียนสืบต่อพระพุทธศาสนา
 
ท่านจะสอนพระนวกะ นำลงทำวัตรสวดมนต์เช้า-เย็น และเทศน์ ช่วงกลางวันมีเรียนนักธรรมตรี โท เอก ส่วนแผนกพระบาลีท่านจะสอนพระเณรด้วยตัวท่านเอง ช่วงบ่ายๆ ท่านจะเดินตรวจงานก่อสร้าง และความเรียนร้อย ให้วัดได้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง


ท่านมอบหมายงานผ่านหลวงปู่ ให้เราเป็นผู้ประสานงานกับหลวงพี่ป้อม สวัสดี ที่ควบคุมการปรับปรุงทาสีศาลา อาคารเรียนใหม่ ทำให้เราได้มีโอกาสเรียนรู้เทคนิค ขั้นตอน งานทาสี ตั้งแต่การเตรียมแปรง ผูกนั่งร้าน และเก็บรายละเอียดก่อนส่งงาน และได้เรียนรู้ระบบไฟฟ้า จากท่านหวี ที่รับผิดชอบระบบงานไฟฟ้าของวัด
 
หลวงปู่สอนให้เข้าใจในกิจของสงฆ์ อะไรควร ไม่ควร อะไรเป็นเอกลาภ ที่ได้ใช้ได้ อะไรเป็นของสงฆ์ ที่ต้องเก็บไว้เป็นส่วนกลาง ไว้ทำบุญ ให้ทาน ทุกปีของที่ได้มาจะรวมไว้ในคลังชั้นบน ออกพรรษาแล้วเราจะเช่ารถบัส จัดผ้าป่านำไปถวายวัดที่ลพบุรี บ้านเกิดของลูกศิษย์หลวงปู่ ชื่อบุญส่ง บัวหอม และจัดงานสอยดาว หาเงินบำรุงวัดต่อเนื่องทุกปี เมื่อเราสึก ท่านบุญส่งได้บวช และอยู่รับใช้ท่านเจ้าคุณฯ จนได้เป็นพระครูฯ และมรณภาพหลังท่านเจ้าคุณ



หลวงปู่ เป็นพระเก่าแก่ที่สุดของวัด ท่านคุมการย้ายวัดเดิม คือวัดหน้าพระธาตุ และวัดทองล่าง มาสร้างเป็นวัดธาตุทอง ตั้งแต่เป็นทุ่งนาและคุมงานก่อสร้างเรื่อยมา ท่านเล่าให้ฟังว่าตอนย้ายมาใหม่ๆ จะแต่งตั้งท่านเป็นสมภาร แต่ท่านไม่เอา ขอเป็นรักษาการ ทางกรมการศาสนาจึงส่งพระมหานพ จากวัดปทุมวนาราม มาดำรงตำแหน่ง และเป็นแม่งานสร้างพระอุโบสถ
 
ความที่หลวงปู่ คุมงานก่อสร้างมาแต่ต้น จึงเมตตาให้อาหารกลางวันแก่พวกช่าง คนงาน และลูกหลาน นอกจากลูกศิษย์ที่พ่อแม่นำมาฝากให้อาศัยเรียน หลวงปู่ท่านจะ ให้อาหาร ขนม แฟ๊บ สบู่ ยาสีฟัน แก่คนเหล่านั้น เมื่อเราบวชจึงรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยหลวงปู่ บิณฑบาต รับสังฑทานก็จะเก็บอาหารสดไว้เลี้ยงช่างก่อสร้างและเด็กวัด ลูกศิษย์ที่จำได้ มีโอ๊ก และน้อย เรียนจบแล้วเป็นตำรวจ ชัย เป็นผู้จัดการวิศวกร ปื๊ดน้องชายเป็นผู้จัดการสโตร์ ได้ดีหมดทุกคน

ตอนครบพรรษา ท่านเจ้าคุณบอกโยมแม่ให้อยู่ต่อเป็นเพื่อนหลวงปู่ และช่วยงานวัดก่อน ครบเบญจเพสแล้วค่อยสึก ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องต่างๆ จากท่านเจ้าคุณฯ และหลวงปู่มากมาย ถ้าเป็นฆราวาสคงไม่มีโอกาส ได้เข้าวังฯ ได้รู้จักบุคคลสำคัญๆ และสถานการณ์บ้านเมือง และเรื่องราวต่างๆ ในสมัยที่ประเทศกำลังเปลี่ยนแปลง
 
ความทรงจำดีดีที่ท่านเจ้าคุณฯ ให้โอกาสได้เรียนรู้จากการติดตามท่านไปที่ต่างๆ เช่น งานแต่งลูกสาวคุณเจิม ภูมิจิตร งานแต่งคุณมีชัย วีระไวทยะ งานบุณบ้าน ดร.อำนวย วีรวรรณ ตอนนั้นคุณสมรศรี กำลังท้องคุณบอย เห็นตู้หนังสือขนาดใหญ่ที่ท่านอ่านระหว่างตั้งครรภ์ ไม่น่าแปลกใจทำไมคุณบอยจึงเก่ง
 
หลายสิ่งหลายอย่างที่ได้จากการติดตามท่านเจ้าคุณฯ ทำให้เราหูตาสว่าง เป็นการเรียนรู้ชีวิตผ่านประสบการณ์จากบุคคลสำคัญ ของประเทศที่เคารพศรัทธาในคุณความดีของท่าน เข้ามากราบไหว้ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดและถนุบำรุงวัด ครั้งนึง คุณชมพู อรรถจินดา ถามท่านว่าจะเลี้ยงกุ้งดีไหม ท่านก็บอกว่าบาปกรรม ทำอย่างอื่นดีกว่า จากการสนทนา ท่านเล่าว่าฝรั่งสำรวจพบน้ำมันในอ่าวไทย จะทำให้ประเทศไทยเจริญในอนาคต หรือช่วงนั้นหนังสือพิมพ์ Bangkok Post มีปัญหาในการเสนอช่าว พรรคพวกจึงได้เรี่ยรายกันคนละหมื่น จัดทำหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ The Nation เป็นต้น โดนเฉพาะคุณถาวร พรประภา ทุกครั้งที่มาทำบุญ หลวงพ่อท่านแนะนำอะไร ก็จะหันไปบอกให้เรขาจดลงสมุดตลอด

ครั้งที่จำได้เป็นพิเศษติดตามท่านไปงานบุญ ที่วังฯ ท่านมุ้ย เจอคุณสรพงษ์ ตัวดำใส่ชุดขาวบริการเสริฟน้ำตอนนั้นเพิ่งเข้าวงการใหม่ๆ ใครจะคิดว่าคุณเอก จะประสพความสำเร็จ เป็นดารายอดนิยมที่คนไทยชื่นชอบในปัจจุบัน
 
ท่านเจ้าคุณ ท่านเป็นคนเรียนง่าย กลางวันจะนั่งอ่านหนังสือที่ศาลาข้างกุฎิ ซึ่งใช้เป็นที่รับแขก ญาติโยม ทุกคนสามารถเข้าพบท่านได้ตลอด นอกจากช่วงเช้าท่านที่ออกรับบาตรหน้าวัด หรือรับนิมนต์ ท่านจึงมีเวลาส่วนตัวน้อยมาก มีครั้งนึงท่านชวนพระครูเตี้ย เรา และลูกศิษย์คนขับรถ เอาของใช้ สมุดหนังสือและผ้าไตร ใส่รถตู้ไปแจกพระเณรระหว่างทางไปต่างจังหวัดใกล้ๆ เพลตรงไหน ก็ให้ลูกศิษย์หาที่พักริมทาง เอาอาหารที่เตรียมมานั่งฉันท์กันง่ายๆ  แจกจนหมดจึงกลับ
 
ความที่ท่านเป็นหมอดูเก่า จึงเลือกใช้คนตามลักษณะงาน ท่านจะนิมนต์พระทำงานมากกว่าพระจำวัด งานไม่ใหญ่จะเขียนชื่อท่าน พระครูเตี้ย พระสุรชัย (ชื่อเก่าของเรา) แล้วเว้นไว้ให้ใส่ชื่อพระที่ทำงานด้วยกัน ซึ่งส่วนหนึ่งจะเป็นพระที่ไม่ชอบลงทำวัตรแต่ทำงาน แสดงใหัรู้ว่าท่านมองเห็นและให้ปรับปรุงตัว
 
เมื่อครั้งท่านพระครูสุวรรณ ผู้จัดการสำนักงานฯ ลาสิขา ไม่มีใครรับหน้าที่ท่านจึงให้พระครูเตี้ยเข้ามาดูแล โดยมีเราเป็นผู้ช่วย ทำอยู่สักพักจึงได้นิมนต์หลวงพี่ป้อม มาดูแลสำนักงานฯ เพราะเราครบกำหนดต้องลาสิขา แต่ก็ยังช่วยงานอยู่พักใหญ่
 
ความเมตตาของหลวงปู่ และท่านเจ้าคุณฯ ที่อบรมสั่งสอนให้เราได้เห็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ผ่านการติดตามท่านไปในสถานที่ต่างๆ การทำงานสนองพระคุณที่ท่านมอบหมาย การได้เรียนนักธรรม จนได้สอบนักธรรมเอก เป็นปริญญาชีวิต ที่นำมาเป็นแนวปฎิบัติในการดำเนินชีวิต มาจนทุกวันนี้
 
ขอขอบคุณพระคู่สวด มหาชุบ (เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน) พระผู้ใหญ่ทุกท่านที่อุทิศตนเพื่อค้ำชูพระพุทธศาสนา ญาติโยมที่อุปการะ ร้านค้าหน้าวัดสมัยนั้น และเจ้าหน้าที่ประจำศาลาทุกท่าน ที่ลืมไม่ได้คือสัปเหร่อ ที่สอนให้เห็นความเป็นอนัตตาของชีวิต ตายแล้วเอาอะไรติดตัวไปไม่ได้ แม้แต่เงินปากผี จะเหลือไว้ก็แต่ความดีที่ทำไว้ตอนมีชีวิต
 
ลุงแดง ใจอาสา
27 พฤษภาคม 2564


#วัดธาตุทอง #หลวงปู่ช่วง #ท่านเจ้าคุณพระธรรมปราโมกข์ #พระครูบุญส่ง #หลวงพี่ป้อม #พระครูเต้ย #พระสุรชัย 



Create Date : 27 พฤษภาคม 2564
Last Update : 8 กรกฎาคม 2565 17:07:38 น.
Counter : 829 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

idea4thai
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]



ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเยาวชนและชุมชมไทย