Iceicy Blog Dhamma หน้าแรก หลักธรรม ปรัชญา ท่องเที่ยวธรรม เก็บตกธรรม บทสวดมนต์ บทเพลงธรรม เว็บบอร์ด iceicy ไอที ไดอารี่
Link to us:
Group Blog
 
All blogs
 
ตายกลางอากาศชดใช้กรรม












ตายกลางอากาศชดใช้กรรม



ตายกลางอากาศชดใช้กรรม

ยามรุ่งอรุณนกกาก็ส่งเสียงร้องตอบรับกันเพื่อออกไปหากิน ส่วนผู้คนต่างก็เตรียมตัวเพื่อจะออกไปทำมาหากินเช่นเดียวกัน
บ้างก็ตื่นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง เพื่อจะเตรียมอาหารไปใส่บาตรพระ
ที่อยู่ยังวิหารต่างๆใกล้บ้านมีภิกษุกลุ่มหนึ่งซึ่งทราบว่าพระพุทธเจ้า
มาประทับอยู่ที่เชตวันมหาวิหาร จึงได้เดินทางมาเพื่อจะไปเฝ้า
พระภิกษุทั้งหลายเหล่านี้ได้เข้าไปบิณฑบาตยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แต่ในขณะนั้นอาหารบางส่วนยังปรุงไม่เสร็จ
ชาวบ้านจึงได้นิมนต์พระภิกษุทั้งหลายเข้าไปนั่งที่โรงฉันอาหาร
จากนั้นได้นำข้าวยาคู(ทำจากน้ำนมข้าวอ่อน นำมาบีบเอาเพียงน้ำนมข้าวแล้วกรองให้สะอาดนำมาตั้งไฟเพื่อให้สุก
และเติมน้ำตาลลงนิดหน่อย) มาถวาย พร้อมทั้งของขบฉันอีกเล็กน้อย
ในเวลานั้น หญิงสาวคนหนึ่งกำลังปรุงอาหารอย่างขะมักเขม้น อยู่ในบ้านของตน
เธอกำลังหุงข้าว ทำแกงและอาหารอื่นๆอยู่หน้าเตาไฟที่มีเปลวไฟพวยพุ่ง ทันใดนั้นเปลวไฟก็ได้พุ่งไปติดที่ชายคา และไปติดเสวียนหญ้า
(หญ้าแห้งหรือฟางข้าวแห้ง ที่นำมามัดรวมกันเป็นวงกลม เพื่อใช้เป็นฐาน
วางหม้อข้าวที่ทำจากดินเผา ไม่ให้หม้อข้าวหกแตก)
อันหนึ่งที่อยู่ตรงชายคานั้น เสวียนหญ้าจึงปลิวขึ้นจากชายคาลอยขึ้นไปสู่อากาศ
ขณะนั้นเองอีกาตัวหนึ่งบินผ่านมาพอดีกับที่เสวียนหญ้ากำลังไหม้อยู่ จังหวะนั้นเองเสวียนหญ้าก็สอดเข้าไปที่คอของอีกาทันที
อีกาพยายามดิ้นรนสะบัดตัวออกจากเสวียนหญ้า ด้วยความร้อนสุดประมาณ
แต่ก็หาพ้นไม่ มันส่งเสียงร้อง
“กา..กา..กา..กา..า..า..าาาาา” ตลอดเวลาด้วยความเจ็บปวด
ในที่สุดเกลียวหญ้าอันเพลิงลุกไหม้ท่วมอยู่นั้นก็พันคออีกาจนมันสิ้นใจตาย และตกลงมาที่กลางลานบ้าน

ฝ่ายพระภิกษุที่นั่งรออยู่ในโรงฉัน เห็นเหตุการณ์ดังนั้น จึงคิดว่า
“โอ... นี่คงเป็นกรรมหนักของกา มีพระศาสดาผู้เดียวเท่านั้นที่จะรู้กรรม
ที่กานี้ทำแล้ว พวกเราจักทูลถามพระศาสดาถึงกรรมของกานั้น”
หลังจากที่ชาวบ้านได้ถวายภัตตาหารแก่ภิกษุทั้งหลายแล้ว พระภิกษุเหล่านั้นได้พิจารณาอาหารและฉันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ได้อนุโมทนา ก่อนที่จะออกเดินทางไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ เชตวันมหาวิหาร
เมื่อพระภิกษุทั้งหลายไปถึงที่เชตวันมหาวิหารได้ทำประทักษิณ ๓ รอบแล้ว
เข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเมื่อนั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงได้กราบทูลถามพระพุทธเจ้าถึง เรื่องเหตุการณ์ตอนเช้าที่โรงอาหารของชาวบ้าน
ว่ากาตัวหนึ่งถูกเสวียนพันคอตกลงมาตาย พระพุทธองค์ได้บอกภิกษุทั้งหลายว่า กานั้นได้เสวยกรรมที่ตนทำแล้วโดยแท้
จากนั้นจึงทรงเล่าถึงบุพกรรมหรือกรรมครั้งเก่าก่อนของกาว่า
ในอดีตกาล มีชาวนาผู้หนึ่งได้ฝึกโคเพื่อใช้ไถนา แต่เจ้าโคตัวนั้นไม่สามารถฝึกได้ ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
อยู่มาวันหนึ่งขณะที่เขากำลังฝึกโคเหมือนเช่นเดิม เจ้าโคตัวนี้ยอมเดินไปได้ไม่กี่ก้าว มันก็ล้มตัวลงนอน ไม่ยอมเดิน
เขาจึงเฆี่ยนตีเพื่อให้มันลุกเดินต่อไป เจ้าโคลุกขึ้นมาเดินไปได้อีกหน่อย
ก็ล้มตัวลงนอนเหมือนเดิมแม้ว่าชาวนาผู้นั้นจะเฆี่ยนตีสักเท่าไร
โคตัวนั้นก็ไม่ยอมลุกขึ้นอีกเลย มันยังคงนอนนิ่งอยู่อย่างนั้น

ชาวนารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก จึงได้พูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ... ถ้าเจ้าต้องการนอนจะอยู่อย่างนี้ก็ได้ เราจะให้เจ้านอนอย่างสบายอยู่ตรงนี้และเดี๋ยวนี้จนตลอดไป!!”
เมื่อชาวนาพูดจบ จึงนำฟางข้าวและหญ้าแห้งมาพันรอบคอของโคตัวนั้น
เสร็จแล้วก็จุดไฟที่ฟางข้าว ไฟลุกโชนแดงฉาน คลอกเจ้าโคตายอยู่ตรงนั้นเอง!!
ด้วยกรรมอันนี้ชาวนาผู้นั้นได้ตกนรกหมกไหม้อยู่สิ้นกาลนาน และเพราะกรรมเป็นวิบากนั้น
เขาได้เกิดเป็นกาถึง ๗ ครั้ง และถูกไฟไหม้อยู่ในอากาศทุกครั้ง พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า
คนทำกรรมชั่วไว้ หนีไปแล้วในอากาศก็ตาม ไม่พึงพ้นจากความชั่ว
หนีไปแล้วในมหาสมุทรก็ตามไม่พึงพ้นจากความชั่ว หนีเข้าไปซอกแห่งภูเขา ก็ไม่พึงพ้นจากความชั่ว..”คนเราทุกวันนี้มักจะมองไม่เห็นกรรมชั่วที่ตัวเองก่อไว้ รวมทั้งยังพยายามปกปิดกรรมชั่วที่ตัวทำไว้อีกด้วย
กระนั้นก็ดีแม้ว่าจะมีผู้ใดเห็นหรือไม่ก็ตาม แต่เขาผู้กระทำนั้นย่อมรู้อยู่แก่ใจ และก็ไม่สามารถที่จะหนีกรรมชั่วที่ตัวทำได้เลย
เพราะไม่ช้าก็เร็ว กรรมเหล่านั้นต้องส่งผลอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะหนีไปอยู่แห่งหนตำบลใด
กรรมเหล่านั้นก็จะติดตามไปทุกหนทุกแห่ง ดังที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ข้างต้นนั่นแล
ทางที่ดีเมื่อชาตินี้โชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็ควร ประกอบแต่กุศลกรรม
คือกรรมอันดีงามไว้มากๆทั้งเรื่องทาน ศีล ภาวนา หมั่นสร้างหมั่นรักษา อย่าให้ขาด
เพราะกรรมดีนั้นย่อมจะส่งผลดีแก่ผู้กระทำ น้อมนำไปสู่ชีวิตที่ดีงามเสมอ



อ้างอิง :
กฏแห่งกรรมในพระไตรปิฎก
โดย...พระมหา ดร. ณรงค์ศักดิ์ ฐิติยาโณ วัดใหม่ยายแป้น

ขอบคุณบทความ คุณปรียาพร :สมาชิกใน icEiCy CoMMuNiTy





Create Date : 04 มิถุนายน 2551
Last Update : 4 มิถุนายน 2551 15:55:39 น. 2 comments
Counter : 834 Pageviews.

 
กรรมเป็นเครื่องร้อยรัดที่น่ากลัวมาก


โดย: walkerahead (Walkerahead ) วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:17:24:58 น.  

 
ขอบคุณครับ ที่แวะไปเยี่ยม เอาบุญมาฝากบ้างหรือเปล่าเอย....


โดย: walkerahead IP: 58.10.64.89 วันที่: 5 มิถุนายน 2551 เวลา:10:37:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

lcelcy
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มิถุนายน เดือนดี๊ดี " จุดกำเนิด iceicy's blog Dhamma"
ครบรอบ ๗ ปี แล้วค่ะ"

คนมาจากไหน?
เริ่มจาก เกิด แก่ เจ็บ และก็ตาย
คนก็หายไป !!...แต่ความดีไม่เคยหายไปด้วย..
ทุกคนจำวันเกิดตัวเองได้ไหม... ก็คงจำได้กันหมดอะน่ะ
เคยคิดจะทำอะไรดีดี....
ให้กับตัวเองและคนอื่น..ในวันครบรอบวันเกิดของตัวเองไหมค่ะ?

ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. ๒๕๔๙ (๗ ปีได้ผ่านมาแล้ว)
ฉันได้ทำสิ่งที่ชอบ และชอบในสิ่งที่ฉันได้ทำ
สิ่งนั้น คือ " บล๊อกเกี่ยวกับหลักธรรมข้อคิดต่างๆ "
เริ่มจากทำไม่เป็น ลองผิดลองถูก ทำจนสำเร็จ
ทั้งนี้ ขอขอบพระคุณ " กำลังใจ " คนรอบข้าง
และทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยม iceicy's blog Dhamma น่ะค่ะ
(ซึ้งน่ะซึ้งน่ะเนี่ย!!!!)
<

วัตถุประสงค์ iceicy blog Dhamma
1. เพื่อเผยแพร่และสนับสนุนส่งเสริมพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่กับประเทศไทย
2. เพื่อนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ในทางพระพุทธศาสนา
3. เพื่อแบ่งปันความรู้ทางพระพุทธศาสนา และแลกเปลี่ยนข่าวสารทั่วไป
4. สรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญ ยกย่องบุคคลที่ควรยกย่อง

Google



Link to us:
ท่านสามารถนำ code ของ banner นี้
ไปติดที่เว็บของท่านได้ตามสะดวกน่ะค่ะ
ขอขอบคุณและขออนุโมทนามา ณ ที่นี้ด้วยน่ะค่ะ

Iceicy blog dhamma



New Comments
Friends' blogs
[Add lcelcy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.