"หน้าฝนมาแล้ว...ว"
Group Blog
 
All blogs
 

การ์ตูน...ไม่ใช่แค่ให้ความบันเทิง..

อย่างที่เคยเกริ่นไว้ว่าตอนลูกเล็กๆ แม่แจ่มใสเคยรับเคเบิ้ลทีวี แต่แจ่มใสไม่ให้ลูกรู้ว่ามี cartoon network... แม่แจ่มใสไม่ได้คิดว่าการ์ตูนไม่มีประโยชน์ แต่แม่แจ่มใสไม่ต้องการให้ลูกติดทีวี...ติดจนไม่ทำอะไร ควบคุมไม่ได้....

แม่แจ่มใสเช่าการ์ตูน หรือไม่ก็ซื้อเป็นเรื่องๆไป เราเลือกได้ว่าเรื่องไหนควรดูเรื่องไหนไม่ควรดู..

จากประสพการณ์....แม่แจ่มใสได้รับประโยชน์อย่างใหญ่หลวงจากการให้ลูกดูการ์ตูนค่ะ

แม่แจ่มใสไม่ให้ลูกดูการ์ตูนภาคไทยค่ะเหตุผลจริงน่ะไม่ใช่ว่าอยากจะให้ลูกพูดภาษาอังกฤษนะคะ แต่มันมาจากว่าแม่แจ่มใสว่าดูหนังเสียงในฟิล์มได้อารมณ์กว่ามาก เพลงเพราะกว่า เสียงดีกว่า

แล้วลูกดูรู้เรื่องไหม?... การ์ตูนน่ะเป็นสื่อที่ทำไว้สื่อสารกับเด็กค่ะ.. แม่แจ่มใสจะนั่งดูการ์ตูนกับลูก สำหรับรอบแรกของหนังที่ซื้อมาใหม่ แม่แจ่มใสจะอธิบายบางตอน หรือเล่าเพิ่มเติมไปด้วย ลูกๆดูหนังเรื่องหนึ่งเป็นสิบรอบ ต่อไปเขาจะเข้าใจเนื้อเรื่องเองค่ะ เพลงเพราะๆก็ติดหู ทีนี้ร้องตามได้เลย

ผลพลอยได้ในช่วงแรกคือ ลูกจะได้ประโยคง่ายๆบางประโยคเป็นภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะถ้าเรื่องไหนใช้ภาษาง่ายๆ น่ารักๆ

อย่างเรื่อง land before time น่ารักมาก ถ้าจำไม่ผิดมี 3 ภาค มีคติสอนให้เด็กรักเพื่อน สามัคคี เชื่อฟังผู้ใหญ่ ภาษาที่ใช้ในเรื่องนี้ชัดเจน ประโยคไม่ซับซ้อน



ส่วนการ์ตูนของ วอลดีสนีย์ ก็เป็นที่รู้กันว่า การ์ตูนน่ารักๆ เพลงเพราะๆ เยอะแยะไปหมด





แต่การ์ตูนของดีสนีย์ ใช้ภาษายากกว่า และเสียงพากย์บางเสียงฟังยากค่ะ ไม่ต้องอะไรหรอก เสียงมิกกี้เมาส์ กับโดนัลดักน่ะ ฟังเท่าไหร่แม่แจ่มใสก็ฟังไม่ค่อยจะออกเลย

ทอมกับเจอร์รี่ ก็สนุกสนานไปอีกแบบ แต่เวลาดูแม่แจ่มใสจะสอนไปด้วยว่าการแกล้งกันอย่างนี้ในคนเรามันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ แต่การ์ตูนต้องการสื่อว่าธรรมชาติของแมวกับหนูเป็นศัตรูกันอยู่แล้ว



มีอีกเยอะค่ะ ทุกวันนี้ นานๆทีลูกๆยังเอามาดูกันอยู่คะ ในขณะที่บางบ้านอาจจะไม่มีเครื่องเล่น VDO แล้ว




ประโยชน์พื้นๆที่เราได้จากการเลือกการ์ตูนให้ลูก ก็คือความบันเทิงในครอบครัว ความสดใส ความสุขจากโลกจินตนาการ แต่เชื่อไหมค่ะ ว่ายังมีบางอย่างที่ลูกๆแม่แจ่มใสได้มาจากการดูการ์ตูน ซึ่งแม่แจ่มใสก็ไม่ได้คาดคิดมาก่อน


ลูกอ่านหนังสือได้เก่งและเร็วกว่าเด็กทั่วๆไปค่ะ สืบเนื่องมาจากการที่ให้ลูกดูการ์ตูน sound track พอลูกเข้าเรียนอนุบาล ลูกๆเริ่มรู้จักอ่านหนังสือได้ ทีนี้เวลาดูอยากรู้เรื่องมากขึ้นก้อจะพยายามอ่านค่ะ ทำไปทำมา ลูกอ่านหนังสือเป็นเร็วขึ้น และกลายเป็นเด็กที่อ่านหนังสือได้เร็ว

ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่ลูกๆจับได้ว่าหนังมันมีแบบพากย์ไทยนี่นา เพราะเวลาพาไปร้านเช่า VDO ลูกจะเริ่มเลือกหนังเอง อ่านชื่อเรื่องเอง ก็พบว่า มีพากย์ไทย แรกๆลูกก็ขอดูพากย์ไทย เพราะขี้เกียจอ่าน ปรากฎว่าความที่เคยชินกับเสียงเพราะๆ เพลงเพราะๆของ sound track เลยกลับมาดูแบบ sound track เหมือนเดิมค่ะ

พี่เก้ากับน้องสิบเรียนโรงเรียนสองภาษาตั้งแต่เล็ก การดูหนัง sound track ทำให้ทั้งสองคนได้ทักษะทางภาษาทั้งสองภาษา..

อีกหนึ่งผลพลอยได้คือ จินตนาการที่ไม่สิ้นสุดของพี่เก้าค่ะ เธอชอบการ์ตูนและเพลงมากๆ วาดแต่การ์ตูนตั้งแต่ยังไม่เข้าอนุบาลจนตอนนี้อยู่มัธยมปลาย อยากเป็นนักเขียนการ์ตูน ตอนนี้ตั้งเป้าแล้วค่ะว่าเรียนมหาวิทยาลัยทางนี้แน่นอน อยากเรียนแบบ 2D ด้วย เขาว่ามัน classic กว่า

ดูหนังกี่เรื่องกี่เรื่อง พอจบเธอก็จำเพลงในหนังได้ ขนาดหนังบางเรื่อง อย่าง blood diamond เป็นเรื่องแย่งชิงเพชรกันในประเทศอัฟริกา โอ้ย..ยิงกันตูมตาม พอดูจบ แม่แจ่มใสว่าสนุกดี แต่ลูกสาวบอกเพลงเพราะ.. มันมีเพลงตอนไหน แม่แจ่มใสไม่เห็นรู้เลย เขาว่าเพลง back ground ในเรื่อง โอ้แม่เจ้า .... ตาก็ดูหนัง..หูก็ละเมียดฟังเพลงได้..พี่เก้าฝันอยากมีโอกาสทำหนังการ์ตูนและแต่งเพลง sound track เองค่ะ...ฝันซะไกล..แม่แจ่มใสก็มีหน้าที่สนับสนุนให้ได้มากที่สุดที่จะทำได้......สาธุ...

เห็นไหม ใครว่าการ์ตูนเป็นเรื่องฆ่าเวลาของเด็กๆเท่านั้น....

สำหรับคนที่มีลูกเล็กๆ...ดูการ์ตูนกับลูกนะคะ....จะได้คุยภาษาเดียวกัน....
ทุกวันนี้แม่แจ่มใสยังนั่งดูโดเรมอนกับลูกอยู่เลย..

ส่วนคนที่ลูกโตแล้ว และติดทีวี แม่แจ่มใสม่มีคำแนะนำจริงๆ แม่แจ่มใสไม่รู้เหมือนกันว่าจะแก้ยังไง ถ้าลูกๆเป็น แม่แจ่มใสรู้แต่ว่าจะพยายามทำอย่างไรไม่ให้มันเกิดขึ้น ก็เลยเอาประสพการณ์มาแบ่งปันกันค่ะ




 

Create Date : 01 เมษายน 2552    
Last Update : 1 เมษายน 2552 10:34:17 น.
Counter : 914 Pageviews.  

หนูเป็นเด็ก...จะคิดแบบผู้ใหญ่ได้ไง....

แม่แจ่มใสจั่วหัวไว้ว่า "หนูเป็นเด็ก จะคิดแบบผู้ใหญ่ได้ไง" เป็นประโยคที่แม่แจ่มใสใช้บอกตัวเองเสมอ สำหรับการเลี้ยงดูลูกๆค่ะ มันมีประโยชน์ตรงที่ช่วยให้เราไม่เอาความคิดแบบผู้ใหญ่ไปยัดเยียดให้เด็กมากเกินไป และเป็นการลดช่องว่างระหว่างแม่แจ่มใสกับพี่เก้าและน้องสิบค่ะ แต่มันจะมีข้อเสียถ้าเราใช้ไม่ถูกต้องก็คือ อาจจะทำให้เราตามใจลูกมากเกินไป เพราะฉนั้นต้องปรับและหาจุกเหมาะสมค่ะ

ถ้าจะใข้ใจง่ายก็คงต้องยกตัวอย่างเป็นเรื่องๆไปนะคะ เช่น

เด็กๆชอบเล่นน้ำ
เคยเล่นน้ำฝนไหมค่ะตอนเด็กๆน่ะ แม่แจ่มใสเป็นเด็กกรุงเทพที่ได้เล่นน้ำฝนนะ ตอนเด็กๆเวลาฝนตก แม่แจ่มใสจะวิ่งเล่นรอบบ้านกับพี่ชาย พอหนาวๆก็ไปหลบในห้องน้ำหลังบ้าน พอหายหนาวก็ออกมาเล่นต่อ มันส์จริงๆ พอแม่แจ่มใสมีลูก แม่แจ่มใสเห้ลูกเล่นน้ำฝนค่ะ หรือบางครั้งเวลาน้ำท่วมถนนหน้าบ้าน (หลังจากฝนตกหนักแล้วระบายน้ำไม่ทันน่ะ) แม่แจ่มใสก็ให้ลูกๆใส่เสื้อกันฝนพร้อมรองเท้าบู๊ตยาง ขี่จักรยานลุยน้ำเล่นค่ะ ความจริงรองเท้ากันน้ำไม่อยู่หรอกค่ะ แต่กันไม่ให้ลูกไปโดนอะไรตำเท้ามากกว่า พี่เก้ากับน้องสิบสนุกมาก การเล่นอะไรพื้นๆแบบนี้ก็ช่วยสร้างภูมต้านทานนะคะ แต่ที่สำคัญอย่าปล่อยนานเกินไป และหลังจากนั้นต้องอาบน้ำสระผมให้สะอาด และใส่เสื้อผ้าที่อุ่นๆค่ะ

น้ำอัดลม
แม่แจ่มใสให้ทานบ้างค่ะ เวลาไปเที่ยวข้างนอกและร้อนมากๆผู้ใหญ่อย่างเรายังอยากเลยนะ ให้ทานได้แต่ไม่ตามวาระและโอกาส เช่นไปเที่ยวข้างนอก หรือวันที่อากาศร้อนมากๆ อาจซื้อเข้าบ้านบ้าง อย่าไปห้ามลูกมากเกินนะคะ อะไรที่มากเกินพอดีก็มีโทษทั้งนั้นแม้จะเจตนาดีก็ตาม

แม่แจ่มใสมีญาติที่เข้มงวดกับลูกมาก แบบเอาความคิดและเหตุผลแบบผู้ใหญ่มาใช้กับเด็กเลย เขาไม่ให้ลูกทานน้ำอัดลมเลย แม้ว่าเวลาไปเที่ยวด้วยกับแล้วเด็กคนอื่นทานลูกของญาตินี่ไม่ได้แม้แต่อีกเดียว ได้แต่ยืนมองค่ะ พอโตหน่อยก็ให้ผสมน้ำครึ่งนึงแล้วทาน เขาให้เหตุผลว่ามันจะกัดกระเพาะ เด็กบ้านนั้นเลยต้องทานน้ำอัดลมที่รสเหมือนน้ำล้างถ้วยนะคะ ผลเสียที่เกิดขึ้นคือเด็กไม่รู้จักว่าเมื่อไหร่ควรทาน หรือแค่ไหนควรพอ เวลาลับหลังพ่อแม่ เช่นไปเที่ยวกับคนอื่น เด็กบ้านนั้นจะนั่งกอดขวดเลยค่ะ ทานเยอะมากประมาณว่า๙ตินี้อาจจะไม่มีโอกาสอีก กลายเป็นเด็กตะกละไปเลย


อาหารสุขภาพ
ญาติบ้านนี้ไม่ให้ลูกทานเนื้อหมู เนื้อไก่ ทำนองว่าผู้ใหญ่ทานอาหารสุขภาพ ก็จะบังคับให้เด็กๆทานด้วย โดยใช้วิธีฝังหัวเด็กๆว่ากินแล้วจะเป็นมะเร็ง พูดกันตั้งแต่เล็กเลย เด็กยังไม่รู้เลยว่ามะเร็งเป็นยังไง รู้แต่ว่าหมูย่าง ไก่ย่างมันช่างน่าทานจัง.....ครั้งนึงแม่แจ่มใสไปเที่ยวทะเลก็เอาหลานบ้านนี้ไปด้วย โดยพ่อแม่เขาไม่ได้ไปด้วย แม่แจ่มใสชอบทำข้าวเหนียว หมูย่าง ส้มตำแครอททานค่ะ ลูกๆแม่แจ่มใสชอบมาก แต่ลูกๆแม่แจ่มใสทานหมูไม่มาก แม่แจ่มใสสอนลูกให้ทานผักเยอะๆ ทานเนื้อสัตว์น้อยๆ ส่วนพ่อหลานชายซัดหมูย่างอย่างเดียวเหมือนตายอดตายอยากมาเลย มะรงมะเร็งที่พ่อสอนมาลืมหมด แล้วก็ทานแต่น้ำเย็นตลอด เพราะอยู่บ้านไม่มีน้ำเย็นทาน ที่บ้านเขาไม่แช่น้ำในตู้เย็นเลย น้ำแข็งก็ไม่มี เรียกว่ากรอกหูไว้เลยว่าทานน้ำเย็นไม่ดี แต่พอพ่อแม่ไม่อยู่ลูกก็เหมือนเก็บกด ทำทุกอย่างที่โดนห้ามที่บ้าน แม่แจ่มใสไม่โทษเด็ก เป็นเพราะผู่ใหญ่ยัดเยียดมากไป ไม่ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆให้เด็กเรียนรู้ไป และหัดให้เด็กชั่งน้ำหนักถึงข้อดีข้อเสียเอาเอง



ส้มตำแครอทสูตรของครอบครัวนี้ค่ะ แตรอท + มะเขือเทศ + กุ้งแห้ง และโรยด้วยปลาโอแห้งของญี่ปุ่น หอมกลิ่นปลาย่างดีจริงๆ


อ้อ ขนมถุง....อันนี้คงเป็นปัญหากันทุกบ้านนะคะ แม่แจ่มใสให้ทานบ้างค่ะ แต่แม่แจ่มใสจะไม่ซื้อตุนไว้ในบ้าน เวลาไปรับพี่เก้ากับน้องสิบที่โรงเรียนแม่แจ่มใสก็ซื้อใส่รถไป 1 ถุง ขนาดประมาณถุงละ 20 บาท ไม่ทุกวันค่ะ บางวันก็เปลี่ยนขนมชั้น ขนมครกบ้าง แซนวิชบ้าง เอแคลร์บ้าง ให้ทานแต่ในขณะเดียวกันก็ค่อยๆคุยกันถึงโทษของเกลือที่มากไป หรือให้ลูกโรยการโทรทัศน์ที่มีหมอมาพูดบ้าง แล้วพอโตขึ้นลูกก็เข้าใจและลดปริมาณลงไปเองค่ะ ทุกวันนี้ลูกๆแม่แจ่มใสก็เลี่ยงของทอดด้วยตัวเอง ทานผักทุกมื้อ ทานขนมถุงบางครั้งถุงนึงทาน 3 วัน

ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ห้ามด้วยการบังคับ แต่ก็ไม่ตามใจ พยายามพูด ให้เหตุผล ชี้ชวนไปเรื่อยๆ
อย่าสับสนกับความคิดที่ว่า "ลูกยังเด็ก ปล่อยๆไปก่อน อีกหน่อยก็...." นะคะ อีแบบนี้จะสายเกินแก้ค่ะ






 

Create Date : 13 มีนาคม 2552    
Last Update : 16 มีนาคม 2552 11:47:39 น.
Counter : 335 Pageviews.  

เกมส์คอมพิวเตอร์.........หนูก็อยากเล่นนะ.........

ใครมีลูกเล็กๆ แล้วกำลังคิดว่าจะให้ลูกเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ดีไหม..... กลัวลูกติดเกมส์จังเลย.....แต่ก็กลัวลูกไม่มีความสามารถเหมือนคนอื่น......เอ้าลองมาคุยกันค่ะ แม่แจ่มใสเอาวิธีการมาแบ่งปันกัน ปรับใช้กันไปนะคะ เป็นพ่อเป็นแม่ย่อมต้องเข้าใจ(ควรจะเข้าใจ)ลูกตังเองได้ดีที่สุด

พี่เก้ากับน้องสิบของแม่แจ่มใสก็ชอบเล่นเกมส์ค่ะ ชอบมาก...ไม่ชอบก็แปลกล่ะ แม่แจ่มใสเองยังเล่นเลย โอ๊ะๆๆๆ อย่าว่าแต่แม่แจ่มใสเลย คุณตาของพี่เก้ากับน้องสิบยังเล่นเลย บางทีพี่กับน้องต้องรอคิวเพราะคุณตาเล่นนาน....น

พี่เก้าและน้องสิบเริ่มเล่นเกมส์ช่วงอนุบาลค่ะ ก่อนหน้านี้แม่แจ่มใสให้เล่นแต่ของเล่น พอเข้าโรงเรียนก็ตามระเบียบ เกือบทุกโรงเรียนมีชั่วโมงคอมฯ เด็กๆได้จับเมาส์บ้างนิดหน่อยก็ยังดี ก็ไอ้นิดหน่อยนี่แหละมันทำให้พี่เก้าและน้องสิบอยากกลับมาเล่นต่อที่บ้าน ได้ค่ะ...แม่แจ่มใสจัดให้...แต่...โอแม่เจ้า มีแต่อีกแหละ ใช่แล้ว แม่แจ่มใสถือคติว่าจะบันเทิงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีกติกา ต้องมีประโยขน์สอดแทรก มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

แม่แจ่มใสให้เล่นเกมส์ตามวัยค่ะ เลือกเกมส์ที่เหมาะกับวัยของลูก อย่างตัวอย่างนี่ค่ะ



อันนี้สำหรับเด็กเล็กๆค่ะ จะมีช่วงอายุบอก เกมส์จะคล้ายในรายการทีวี (สมัยนั้นพี่เก้ากับน้องสิบเล็กๆค่ะ)





นี้เป็นพวกสอนการอ่านภาษาอังกฤษ ชุดนี้มีคณิตศาสตร์ด้วยค่ะ เกมส์บวกเลขง่ายๆ แบบต้องขี่แมลงปอไปหาคำตอบ เด็กชอบและได้ความรู้ค่ะ





อันนี้เป็นความบันเทิงสนุกๆจากตัวการ์ตูนที่เด็กๆชอบ เพลินดีค่ะ





อันนี้แนวผ่านด่านต่างๆ เหมาะกับทุกคนค่ะ ตัวการ์ตูนน่ารักดี




ที่หน้าเกมส์จะมีช่วงอายุบอก แม่แจ่มใสจะหาเกมส์ให้เหมาะกับวัยค่ะ ไม่มีตีรันฟันแทง ความจริงพอโตแล้วก็เริ่มมีค่ะ แต่แม่แจ่มใสจะปลูกฝังให้เล่นเพื่อบันเทิง ไม่ใช่เล่นซีเรียส อาจจะเป็นเกมส์ต่อสู้กันแบบใช้ดาบ หรือถ้าเป็นปืนก็เป็นแนวผจญภัย ไม่ใช่เป็นโจรผู้ร้าย และที่สำคัญไม่ปลูกฝังให้เล่นเกมส์ที่ภาพเหมือนจริงเกินไป ประเภทยิงกับหัวกระจาย เลือดทะลัก ไม่มีค่ะ ปลูกฝังให้เล่นภาพออกแนวการ์ตูนเข้าไว้ ให้เล่นด้วยความรู้สึกสนุก เล่นไปหัวเราะไป ไม่ใช่เล่นด้วยความสะใจ เคร่งเครียด

ลูกติดเกมส์
พี่เก้ากับน้องสิบก็ติดค่ะ บางช่วงนั่งคุยกันแต่เรื่องเกมส์ ฟังจนรำคาญ..ไม่สนใจเรื่องอื่นกันบ้างเลยหรือไงนะ... แต่แม่แจ่มใสมีลิมิตเรื่องเวลาในการเล่น ทำเสียตั้งแต่ลูกยังเล็ก ทำเสียตั้งแต่เริ่มให้ลูกเล่นเกมส์ อย่าปล่อยจนเห็นปัญหานะคะ เพราะจะยิ่งแก้ยาก ช่วงที่ลูกยังไม่เข้าโรงเรียน แม่แจ่มใสถือว่าการเล่นเป็นหน้าที่ของเด็ก อ้าว..เด็กไม่เล่นแล้วพัฒนาได้ไง..แต่ต้องจัดเวลาค่ะ พี่เก้ากับน้องสิบจะได้เล่นเกมส์ครั้งละ 30นาที ช่วงเช้า หนึ่งครั้ง ช่วงเย็นหนึ่งครั้ง ให้หตุผลกับลูกเรื่องสายตาค่ะ การใช้คอมฯนานๆจะทำให้สายตาเสีย ทีนีเราจะคุยลูกเรื่องเวลายังไงดี ก็ใช้นาฬิกาที่มีเข็มค่ะ ตั้งไว้เลย เริ่มเล่นเมื่อเข็มชี้ตรงนี้ จะเล่นได้ถึงเมื่อไหร่ ก็เลขที่อยู่ตรงกันข้าม ลูกก็จะเรียนรู้ว่านี่คือครึ่งชั่วโมงนะ
พอลูกเข้าโรงเรียน แม่แจ่มใสให้เล่นรอบเดียวในวันธรรมดา แต่วันหยุดเพิ่มรอบพิเศษให้ค่ะ ทีนี่เรื่องเวลาเราก็จะพูดกับลูกเป็นตัวเลขได้แล้ว ว่าลูกจะเล่นได้ถึงนาฬิกาเลขอะไร เพราะลูกเริ่มรู้จักตัวเลขแล้ว

ที่สำคัญอย่าละทิ้งกิจกรรมอื่นนะคะ เช่นอ่านหนังสือ วิ่งเล่น ขี่จักรยาน ดูการ์ตูน เล่นของเล่น เพราะถ้าเราละเลย ลูกๆก็จะให้ความสำคัญอยู่แต่เกมส์ค่ะ

หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วพี่เก้ากับน้องสิบเล่นเกมส์ทีละครึ่งชั่วโมงจนโตหรือไง โอ้ย ไม่มีทางหรอกค่ะ ทุกอย่างเปลี่ยนตามอายุ พอโตขึ้นเขาก็เล่นเกมส์ซับซ้อนขึ้น ติดพันมากขึ้น หันมาเล่นเกมส์ play station ทีนีก็เล่นเกมส์ที่เล่นได้สองคน ก็เอาเวลามารวมกันเลยได้เล่นหนึ่งชั่วโมงรวด แต่แม่แจ่มก็มีกติกาที่ต้องพัฒนาตามอายุลูกเหมือนกันค่ะ คือต้องซ้อมเปียโนก่อนเล่นเกมส์ ซ้อมครึ่งชั่วโมง เล่นเกมส์ครึ่งชั่วโมง พอโตอีกหน่อยพี่เก้าก็เริ่มบ่นว่าเพื่อนๆได้เล่นเกมส์กันนานๆทั้งนั้นเลย เกมส์มันๆเล่นแค่ครึ่งชั่วโมงไม่อิ่มเลย บ่นๆมาแม่แจ่มใสเข้าใจค่ะ แหมถ้าเราเป็นเด็กก็ต้องคิดแบบนี่แหละ ลูกไม่ได้ผิดปกติสักหน่อย จัดให้ค่ะ แต่...(อีกแล้ว) ลูกต้องซ้อมเปียโนเท่ากับเวลาที่เล่นเกมส์นะ อยากเล่นหนึ่งชั่วโมงก็ซ้อมหนึ่งชั่วโมง น้องสิบถามทันที..ถ้าซ้อมเปียโน 24 ชั่วโมงล่ะ? แม่แจ่มใสใจนักเลงตอบทันควัน ลูกก็จะได้เล่นเกมส์ 24 ชั่วโมงแบบไม่มีเงื่อนไข 555...เอากะแม่สิ....
ทุกวันนี้แม่แจ่มใสไม่ต้องเคี่ยวเข็นเรื่องซ้อมเปียโน เพราะเมื่อไรที่ได้ยินเสียงเปียโน ก็เป็นอันรู้ว่าเสียงเกมส์จะตามมา ลูกๆเคยถามว่าทำไมต้องให้ซ้อมเปียโนแลกกับเกมส์ แม่แจ่มใสให้เหตุผลว่า เกมส์เป็นเรื่องบันเทิงล้วนๆ แต่เปียโนเป็นประโยชน์ เป็นความสามารถพิเศษที่ติดตัวลูกไปจนตาย เมื่อลูกเสียเวลาไปกับเกมส์ได้ลูกก็ควรจะให้เวลากับเปียโนได้ ถ้าลูกอยากเลิกเรียนเปียโน ลูกก็ต้องพร้อมที่จะเลิกเล่นเกมส์ (แม่แจ่มใสใจนักเลงหยั่งเงี่ยค่ะ) เป็นอันเข้าใจค่ะ ทุกวันนี้น้องสิบไม่เรียนเปียโนแล้ว เพราะค้นพบว่าตัวเองไม่ได้ถนัดนัก แต่หันไปเอาดีทางแซกโซโฟนแทน เป่ามา 5ปีแล้วค่ะ ส่วนพี่เก้ายังเรียนอยู่ แต่ชอบแนวป๊อปแจ็ส ชอบแกะเพลงเอง บางทีก็แต่งเพลงเอง มีความสุขกับเปียโน บางทีก็ทั้งเล่นทั้งร้อง เอาไว้จะคุยเรื่องการเรียนเปียโนให้วันหลังค่ะ




อ้อ มีเคล็ดลับเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขอีกข้อนะคะ....เวลาที่ลูกเล่นเกมส์ หรือทำอะไรก็แล้วแต่แล้วเราเห็นว่าเขาควรจะไปทำอย่างอื่นก่อน เช่น ทานข้าว อาบน้ำ อะไรก็แล้วแต่ อย่าใช้คำว่าเดี๋ยวนี้นะคะ ใช้วิธีถามว่าจะไปทำตอนกี่โมง หรืออีกกี่นาที ถ้าเด็กๆดูนาฬิกายังไม่เป็นก็ถามว่าเข็มยาวชี้เลขอะไรจะไปทำ ให้ลูกเป็นคนตั้งเงื่อนไขของเวลาเอง แล้วพอถึงเวลาถ้าลูกลืมเราก็เตือน อันนี้ลูกจะรู้สึกว่าไม่ได้โดนบังคับ และลูกจะต้องรักษาคำพูดค่ะ เทคนิคนี้ใช้ได้ค่ะ ทำแบบนี้ตั้งแต่เล็กๆ ที่สำคัญพ่อแม่ต้องไม่ละเลยนะคะ ถ้าทำมั้งไม่ทำมั่งก็ไม่เกิดประโยชน์ค่ะ และถ้าปล่อยจนโตแล้วแก้ยากมาก




 

Create Date : 12 มีนาคม 2552    
Last Update : 12 มีนาคม 2552 10:59:56 น.
Counter : 959 Pageviews.  

มาลงเล่นน้ำกันเถอะ

เมื่อคราวที่แล้วแม่แจ่มใสได้คุยถึงการเริ่มต้นให้ลูกๆคุ้นเคยกับน้ำแล้วนะคะ ที่นี่พอลูกๆคุ้นเคยกันน้ำแล้ว เราก็จะเริ่มให้เจ้าตัวเล็กหัดที่จะเคลื่อนไหวตัวในน้ำกันค่ะ

ดูอุปกรณ์เสริมที่แม่แจ่มใสจัดให้พี่เก้าใช้สิค่ะ



เห็นไหมค่ะ แบบเนี่ยยังไงก็ไม่จมแน่นอน แม่แจ่มใสจะไม่ให้ลูกใช้ห่วงอย่างค่ะ พี่เก้ากับน้องสิบไม่เคยมีห่วงยาง ปลอกแขนแบบนี้มีขายตามขนาดตัวเด็กๆค่ะ เอาให้พอดี อย่าหลวมเด็ดขาด ข้อดีของการใช้ปลอกแขนคือ เด็กจะเคลื่อนไหวได้เสมือนว่ายน้ำจริง น้ำจะอยู่ระดับใกล้คางมากกว่าการใช้ห่วงอย่าง เพราะฉนั้นเด็กจะชินกับการที่หน้าลงไปในน้ำบ้างเป็นครั้งคราว และเวลาเล่นน้ำเด็กๆจะไม่ต้องมาคอยถอดๆ ใส่ๆห่วงยาง ห่วงยางนี่จริงๆแล้วอันตรายนะคะ ยิ่งกับเด็กเล็กๆ มีโอกาสหลุดล่วงได้ถ้าเผลอ หรืออาจควำคะมำได้ .......





เห็นไหมค่ะ การเล่นน้ำของพี่เก้ากับน้องสิบจะคล่องตัวกว่าเยอะเมื่อเทียบกับเด็กๆที่ใช้ห่วงยาง แล้วแม่แจ่มใสก็ไม่ต้องห่วงมากนัก เพราะยังไงก็ไม่หลุดค่ะ

เอาค่ะ มาดูวิธีการสอนลูกๆว่ายน้ำกันต่อ

มั่นใจว่าไม่จม :
แรกๆแม่แจ่มใสจะให้ใส่เต็มชุด แล้วพาเขาลงน้ำ กฎเหล็กคืออย่าพาลูกลงสระเด็กเด็ดขาด พาลงสระผู้ใหญ่เลยค่ะ ให้เขาชินกับการที่เท้าไม่แตะพื้นสระ แรกๆก็กอดลูกก่อนพาว่ายไปมา สักพักก็ค่อยเปลี่ยนเป็นจับมือกัน หรือให้ลูกเกาะแขน พูดง่ายๆคือให้เขาเรียนรู้ว่าไม่จมแน่นอน

เคลื่อนที่ได้ :
ทีนี้พอไม่จมแล้ว เราจะสอนให้เขาเคลื่อนตัวในน้ำโดยธรรมชาติค่ะ โดยเอาของเล่นมาล่อค่ะ ลูกบอลเล็กๆ หรือ เป็ดยางที่เราให้เขาเล่นเวลาอาบน้ำนะค่ะ วางห่างตัวลูกหน่อย แล้วทำทีเป็นแข่งกันไปเอา ลูกจะไปเองตามธรรมชาติโดยการถีบเท้า เอื้อมมือกับแขนไปข้างหน้า เท่านี่เดียวก็ไปได้ค่ะ ไม่ต้องไปสอนให้เตะขานะคะ คนเราว่ายน้ำแบบลอยตัวต้องใช้การถีบเท้าค่ะ ไม่ใช่เตะขา เคยเห็นหมาว่ายน้ำไหมค่ะ ยังงั้นเลยค้า....ที่เขาเรียกท่าลูกหมาตกน้ำไงค่ะ

เนี่ยค่ะง่ายๆ อย่าใจร้อนนะคะ แม่แจ่มใสให้ลูกเล่นน้ำในสระแบบเนี่ยนานเป็นปีค่ะ ลูกๆสนุกมาก เขาเคลื่อนไหวไปได้ทุกที่ทั่วสระเลย แม้ว่าเท้าจะไม่ถึง แถมวิ่งขึ้นวิ่งลง หยิบของเล่นก็ถนัดไม่ต้องคอยถอดๆใส่ๆห่วงยาง อย่างเด็กคนอื่น

ทีนี้ทีเคล็ดลับค่ะ พอนานๆไปแม่แจ่มใสก็จะเป่าลมที่เสื้อน้อยลงเรื่อยๆ แต่ที่แขนต้องเหมือนเดิมนะคะ ทีนีหน้าของลูกก็จะใกล้น้ำมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ จนวันนึง แม่แจ่มหลอกลูกว่าเสื้อรั่ว ลมไม่เข้า เลยใช้ได้แต่ปลอกแขน และให้ลูกลองไม่ต้องใส่เสื้อ แรกๆลูกก็ไม่กล้าค่ะ ค่อยลงโดยแม่แจ่มใสประคองไว้ก่อน แล้วสักพักอาการอยากเล่นน้ำก็จะนำพาให้ลูกออกว่ายไปเหมือนเคยเองค่ะ

ช่วงระยะนี้แม่แจ่มใสจะสอนลูกให้เป่าลมออกจากปาก ก็ให้อมอากาศแล้วเอาปากลงในน้ำแล้วเป่าลมออก นานๆเข้าก็ให้เป่าลมโดยก้มหน้าลงในน้ำเลย ทูกอย่างนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไปนะคะ ใช้เวลาค่ะ อย่าใจร้อน ต้องดูด้วยว่าเขาพร้อมไหม อย่าบังคับนะคะ ใช้ของเล่นมาช่วยกระตุ้น หรือเกมส์ก็ได้ค่ะ พอลูกสามารถจะก้มหน้าลงน้ำได้แล้ว แม่แจ่มใสก็หัดให้ลืมตาในน้ำ โดยเล่นเกม ทายจำนวนนิ้ว หรือเป่ายิงฉุบ ใต้น้ำค่ะ อ้อ...แม่แจ่มใสให้ลูกใช้แว่นว่ายน้ำนะคะ ไม่งั้นจะแสบตา

ทีนีก็สบายแล้วค่ะ เวลาจะลงน้ำก็แค่ปลอกแขน แล้วก็ไปโลด บางครั้งแม่แจ่มใสขี้เกียจลงน้ำด้วย ก็ไม่ต้องห่วงค่ะ ยังไงก็ไม่จม พี่เก้ากับน้องสิบใช้ปลอกแขนจนประมาณ 4 ขวบค่ะ จึงค่อยๆโน้มน้าวให้ลองถอด ตอนถอดก็ให้ใช้วิธีให้โผจากแม่ไปหาพ่อ ระยะใกล้มากๆค่ะ พอทำได้ลูกก็มีกำลังใจ ทีนี้ก็จะไกลขึ้นทีละนิดละนิด จนในที่สุดลูกๆก็ว่ายท่าลูกหมาตกน้ำไปได้ทั่วสระเลย ว่ายไปคุยไปได้อีกต่างหาก แล้วลูกก็เรียนรู้การดำผุดดำว่ายช่วงนี้แหละคะ ตอนประมาณ 5ขวบน่าจะได้ แต่ช่วงนี้อย่าปล่อยให้เล่นตามลำพังนะคะ เราต้องเล่นอยู่ด้วยค่ะ เพราะยังไงเสียถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมาเราจะได้ช่วยทัน เพราะยังไงลูกก็ยังเล็ก เนี่ยค่ะ เป็นมายังงี้แหละค่ะ แล้วสุดท้ายแม่แจ่มก็จับลูกหัดท่ามาตรฐานตอน ประมาณ 6 ขวบ .... สัก ป.1 ได้

ไม่ยากนะ แต่อย่าใจร้อน เมื่อเด็กพร้อมและมั่นใจ เขาจะแสดงออกให้เราเห็นเองค่ะ คนที่มีลูกเล็กๆ ลองดูนะคะ สนุกดี




 

Create Date : 03 มีนาคม 2552    
Last Update : 3 มีนาคม 2552 19:57:19 น.
Counter : 1236 Pageviews.  

เมื่อเจ้าตัวเล็กจะลงน้ำ

มาค่ะ..... เชิญ..... วันนี้มาคุยกันเรื่องการเอาเจ้าตัวเล็กลงน้ำกัน
ก่อนอื่นแนะนำหนังสือก่อนค่ะ แม่แจ่มใสใช้หนังสือเล่มเนี่ยเป็นคู่มือ เป็นหนังสือแปลค่ะ นานมากแล้ว ตอนนั้นราคา 68 บาท ไม่รู้ยังมีขายหรือปล่าว แม่แจ่มใสอ่านแล้วชอบค่ะ เป็นแบบที่ฝรั่งใช้สอนลูกๆค่ะ สังเกตไหมค่ะว่าเด็กฝรั่งว่ายน้ำ หรือเล่นน้ำได้สนุกสนานกว่าเด็กๆของเรา ก็เพราะเขาไม่ได้เริ่มเรียนว่ายน้ำเลย แต่เขาเรียนรู้วิธีการอยู่ในน้ำก่อนค่ะ

หน้าตาหนังสือเป็นแบบนี้




เราไมจำเป็นต้องตามหนังสือเป๊ะค่ะ แต่มีหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ เช่น เกมส์ที่ใช้เล่นในสระกับลูก ทำให้ลูกสนุกกับการหัดเป่าลม หรือลืมตาในน้ำ ไล่ไปจนสอนให้ลูกว่ายน้ำเลย แต่แม่แจ่มใสใช้แค่สวยที่สอนลูกลอยตัว เล่นน้ำค่ะ เพราะว่าแม่แจ่มใสเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ สอนลูกได้อยู่....


เด็กๆมักชอบน้ำอยู่แล้ว การที่จะเอาลูกลงน้ำไม่ให้กลัว ต้องให้ลงตั้งแต่เล็กค่ะ แม่แจ่มใสให้ลูกลงสระตั้งแต่ 6-8 เดือน ลงไม่ต้องนาน แรกๆอย่าให้หน้าเขาจมน้ำนะคะ ไม่อย่างนั้นจะเข็ดและกลัว แค่อุ้มให้เขาไปกับเรา เอาน้ำหยอดลงหัวลูกบ้าง หน้าตาบ้าง แบบกระเด็นๆบ้าง อันนี้เด็กๆคุ้นเคยอยู่แล้วถ้าเราให้เขาเล่นน้ำในอ่างหรือ กะละมัง หรือสระยางที่บ้านบ้าง







เอาลูกลงไปอย่านานนะคะ เด็กโดนแดดโดนลมมากไปก็ไม่ดี ยิ่งลงครั้งแรกๆอย่านาน 10 นาทีก็พอค่ะ อ้อ...ใส่เสื้อกันแดดเผาหน่อยค่ะ แล้วก็ดูสระที่คนไม่มากเกิน และสะอาดค่ะ

เวลาอยู่ที่บ้าน แม่แจ่มใสก็มีสระให้ลูกค่ะ ตอนเล็กๆใช้สระยางไม่ต้องใหญ่ จะได้ไม่เสียเวลาใส่น้ำมาก แต่พอลูกโตขนาดเดินได้แล้ว แม่แจ่มใสก็ใช้แบบขอบตั้ง ใหญ่ขึ้นและมีความลึกมากขึ้น อันนี้เปลืองน้ำ แต่ก็เอาไว้รดน้ำสนามหญ้าค่ะ ข้อสำคัญ ห้ามปล่อยเด็กไว้ลำพังเด็ดขาด แม้แต่วินาทีเดียวค่ะ แม้น้ำจะไม่ลึกแต่ถ้าเด็กล้มลง ก็สำลักน้ำได้ค่ะ




ลองทำแบบนี้นะคะ ให้ลูกชินกับการเล่นน้ำ จะเข้าหน้าเข้าตาบ้าง เขาจะไม่กลัว ไม่โวยวาย ที่สำคัญเวลาแม่ๆ ดูลูกก็ดูเงียบๆหน่อย อย่าโวยวาย ห้ามนั่นห้ามนี่ ระวังจนเกินเหตุ ความกลัวของพ่อ/แม่ สามารถทำให้เด็กรู้สึกได้ว่าไม่ปลอดภัยค่ะ ถ้าลูกจะสำลักบ้าง เราก็ทำเนียนๆกลบเกลือนไปค่ะ


คราวหน้ามาเริ่มสอนกันในสระนะคะ




 

Create Date : 02 มีนาคม 2552    
Last Update : 2 มีนาคม 2552 8:08:57 น.
Counter : 497 Pageviews.  

1  2  

MommyTammy
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นSingle mom มาได้3ปี อาชีพหลักคือ เลี้ยงลูกวัยรุ่น 2 คน ดูแลบ้านช่อง หมาเล็กหมาใหญ่ อาหารการกิน งานอดิเรกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ....... ยังค้นหาตัวเองไม่เจอมั้ง......
Friends' blogs
[Add MommyTammy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.