"To impoverich the rich is not to enrich the poor"
 
บริบทแห่งชีวิต (ความเรียง)

.......................................


ชีวิต....มีจะค่ามีความหมายใด....หากคุณค่าแห่งชีวิตนั้นมีไว้สำหรับเพื่อตนเอง วันวานของแต่ละวันที่ถูกวันแห่งวันนี้กลืนกินไป.....กาลเวลาที่เคลื่อนที่ได้ทั้งช้าเร็วตามความรู้สึกแห่งผู้คน การเฝ้ารอพ้อเพ้อถึงแต่วันพรุ่งจะมีค่ามีความหมายหรือหากเรายังคงต้องเผชิญหน้าอยู่แต่กับวันนี้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด


คนเราเกิดมาเพื่อที่จะต้องตายไป แต่มิใช่ตายจากด้วยลิขิตแห่งฟ้าหรือโชคชะตากำหนด หากแต่ต้องตายเพราะเวลาที่ขับเคลื่อนชีวิตของตัวได้หมดลง กาลเวลาและมิติแห่งจักรวาลที่ห้อมล้อมเหล่าชีวิตและสรรพสิ่งบนโลกแห่งนี้ต่างหากที่ไม่เคลื่อนไหวเลยในความรู้สึกยามเมื่อธุลีชีวิตเล็กๆนั้นได้ดับสูญไป และยังคงเป็นเช่นนี้ เป็นเช่นนี้อยู่ต่อไป...


การเดินทางรอนแรมที่ไร้จุดหมาย..เคลื่อนไหวไปภาคหน้าอย่างคดเคี้ยวและโดดเดี่ยว ติดสอยห้อยตามเยี่ยงทาสแห่งความพึงใจในจุดหมายสดใหม่ไปเรื่อยๆไม่มีที่สิ้นสุด การเดินทางไปตามอนาคตที่นึกฝันนั้น มิใช่การค้นหา และยังไม่แตกต่างจากการเดินทางในความฝันโดยลำพังบนดินแดนที่ไร้พันธนาการแห่งกฎเกณฑ์ใดๆ วนเวียนเสพสมอยู่กับมันจนกระหวัดรัดตัวตนแห่งความจริงให้ดับดิ้นไป


เหล่านี้ล้วนมิใช่การเดินทางขับเคลื่อนชีวิตที่มีความหมายใดๆ การมีชีวิตที่ต้องผูกพันอาศัยอยู่กับวันนี้ หากยังย้ำจำอยู่แต่วันวานที่คาคละไปด้วยทั้งความสมหวังและขมขื่น เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ที่แสนหวานยามกระหาย และเสมือนน้ำกรดกร่อนกินใจให้ตายทั้งที่มีชีวิตอยู่ ชีวิตเฉกนี้ย่อมไม่อาจหลุดพ้นวังวนแห่งความคิดและจิตใจที่เฝ้ามุ่งแต่ตน แสวงหาเพียงแต่สิ่งที่ตนมุ่งหวังหมายเสพคล้ายดั่งเดินติดจั่นหวั่นวนอยู่บนปากเหวแห่งจักรวาลอันไพศาลที่มิอาจพานพบจบขอบสู่ทางออกได้ในชีวิตนี้


ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่สามารถเป็นของเรา..ติดตามเราไปได้ทุกหนแห่งอย่างเที่ยงแท้...เราต่างหากที่เป็นธุลีชีวิตแห่งโลกนี้และโลกเป็นเสี้ยวธุลีแห่งจักรวาลนี้...ดังนั้นแล้ว...การตกตมอยู่แต่ในกรอบเขตแห่งความเพ้อฝันหรือกรงขังในโลกแห่งตนนั้นเป็นการขับเคลื่อนเวลาแห่งชีวิตที่สูญเปล่าและเผาผลาญ......ขณะที่เราดำรงอยู่ในโลกใบนี้ในเวลานี้...เรายังได้ยืนอยู่บนจักรวาลที่โลกอาศัยนี้....และสรรพชีวิตรวมทั้งสรรพสิ่งบนโลกนี้หรือโลกอื่นๆจะมีความหมายใด....อยู่ได้อย่างไร....หากจักรวาลไม่เคลื่อนเดิน..ไม่ทำงาน...ไม่นำพา...ไม่เป็นไปตามครรลองแห่งจักรวาลเอง.....


มวลมนุษย์มีชีวิตที่เป็นอิสระ....แสวงหาคำตอบที่ตนไขว่คว้าและต้องการอย่างไม่หยุดหย่อน...หากแต่การเป็นใครในโลกนี้จะไม่มีความหมายความสำคัญเลย...เมื่อมนุษย์มีเป้าหมายอยู่เพียงแค่ความต้องการส่วนตน..ขยายขอบเขตเป็นกลุ่มที่มีหลายเข็มมุ่งไร้เอกภาพขาดความเมตตาและอยู่ร่วมอย่างกันอย่างพึ่งพายั่งยืน ...ท้ายที่สุดก็ควบกลืนคุมการขับเคลื่อนเดินทางของสรรพชีวิตอื่นๆ...ชีวิตเหล่านั้นจะไม่มีวันเข้าใจในธรรมชาติแห่งชีวิตอื่นๆหรือแม้กระทั่งชีวิตแห่งตนเอง....


ลองแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้าง...หากอยากมองให้ไกลกว่านั้นอีก..เราจะรู้ทันทีว่าเรายังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้พยายามและทุ่มเทเวลาอีกมากเพื่อไปให้ถึงจักรวาลที่มองไม่เห็นและเพื่อหลุดพ้นจากข้อจำกัดแห่งมนุษย์เอง...นั่นย่อมเป็นสิ่งที่ดีมีความหมาย....แต่หากเราลืมไปว่าเรายังสามารถมองเห็นตัวเราและสิ่งรอบตัวเราได้ชัดเจนโดยทันทีและไกลมากกว่าในความหลากหลายแห่งสรรพสิ่งและข้อเท็จจริงแห่งปัจจุบัน.....


นั่นเอง...หากเราเริ่มพิจารณาสิ่งรอบข้างตั้งแต่วันนี้...เริ่มต้นเข้าใจสรรพชีวิตอื่นๆที่รายล้อม...เคารพในความหมายแห่งการเคลือนไหวเหล่านั้นเท่าที่เราเคลื่อนไหวชีวิตแห่งเรา...ถือเป็นการเริ่มต้นเดินทางกลับเข้าเส้นทางแห่งความเป็นจริงของชีวิตที่ดำรงอยู่ภายใต้จักรวาล....การเดินทางเช่นนี้จะไม่โดดเดี่ยวไร้เพื่อนร่วมทาง...นั่นคือการเดินทางใช้ชีวิตในห้วงเวลาที่เป็นอยุ่อย่างมีคุณค่า...อย่างแท้จริง....


........................................



Create Date : 15 ตุลาคม 2548
Last Update : 14 ธันวาคม 2548 13:25:22 น. 1 comments
Counter : 310 Pageviews.  
 
 
 
 
เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านงานเขียนในแนวนี้ค่ะ .... ไม่อ่อนหวานเหมือนบทกวีที่คุณแต่ง แต่มองเห็นภาพและเข้าใจได้ง่ายมากขึ้นกับการใช้ชีวิตเพื่อดำรงอยู่ภายใต้จักรวาลนี้ค่ะ ^____________^ ขอบคุณที่เขียนเรื่องราวดีดีให้อ่านเสมอมาค่ะ
 
 

โดย: plajingko IP: 61.91.22.47 วันที่: 31 ตุลาคม 2548 เวลา:14:19:14 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

ดวงสมร
 
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]








[Add ดวงสมร's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com