εїз ต้นธรรม εїз เติบโตงดงามด้วยคุณธรรม
แหงนหน้ามองขึ้นใปจากโคนต้น เห็นรูปทรงแผ่ระย้ากิ่งสาขา จากร่มเงาแต่ละใบที่ได้มา เกิดจากว่าผู้มีใจไฝ่ในบุญ
Group Blog
 
All blogs
 
อริยทรัพย์ ๗ ประการ 491021

เรามาเริ่มกันเสนอหัวข้อสำหรับเสาร์หน้าในวันที่ 21 ต.ค. นี้กันเลยดีกว่า
กติกาเหมือนเดิม ตั้งคำถามลงในคอมเม้นท์กันได้เลย

คราวนี้ ช่วยกันโหวตเยอะๆ นะคะ
ใครได้มากกว่า เอาไปเลย (เอาให้พระท่านไปตอบเลย)


แต่สำหรับหัวข้อไหนที่ยังไม่ได้ตอบจากครั้งที่แล้ว
จะตื้อมาลงในครั้งนี้อีกก็ได้นะ

ใครที่ไปตั้งคำถามในห้องสนทนา
จะยกให้ไปชิงโชคครั้งต่อไป

การสนทนาครั้งที่ผ่านๆ มา จะลงทะยอยลงให้อ่านกันเล่นๆ ต่อไปค่ะ



Chatธรรมวันเสาร์ เรื่องอริยทรัพย์ ๗ ประการ
(เมื่อวันที่ ๒๑ ต.ค. ๒๕๔๙)

Kiak.. There is no phychiatrist in the world like a puppy licking says:
สวัสดีครับ นมัสการครับ

รู้จัก, เชื่อ, บังคับ, พอใจ, เคารพ says:
กราบนมัสการครับ พระอาจารย์ , ท่านฐานจาโร สวัสดีครับ เพื่อน ๆ ทุกท่าน

เทิด says:
นมัสการพระอาจารย์ปิฯ และพระฐานจาโร และทุกท่านครับ
ถ้าคิดผิดทาง การวางตัวต่อกันก็จะผิด says:
กราบนมัสนการท่านปิยะลักษณ์และท่านเอกชัยเจ้าค่ะ หวัดดีทุกๆคนค่ะ
วันนี้ตามเคย ยังสรุปเรื่องที่จะคุยกันไม่ได้

ไม่เป็นไรครับ
ให้พระอาจารย์เลือกเลยครับ
1. How to reduce "ego" or "self-delusion"
2. ทรัพย์ใดหรือที่ทำให้เรานั้นมีความมั่นคงได้อย่างแท้จริง
3. ความรักแบบใด ในโลกปัจจุบันนี้ ที่ทำให้ผู้ให้และผู้รับปราศจากความทุกข์
(รู้สึกว่าท่านปิเคยตอบไปแล้ว)
4. ตามรอยพระอรหันต์ เพื่อเป็นแบบอย่างและประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต
5. วิญญาณ ผี เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายมีจริงหรือไม่
ครั้งนี้ให้ท่านปิเลือกดีกว่านะ (พวกเรานะ)
รออีกหน่อยก็ได้ครับ ระหว่างนี้เราอาจจะคุยเรื่องอะไรก่อนก็ได้
LET GOooooooo ! says:
namasikara ka Phra Khun Chao and howdy everyone.

Ego คือ มานะ Self-Delusion คือ จิตคิดปรุงแต่ง
Self delusion is conceit, conceit is MANA too.
self delusion in English is also Egoism
self-delusion is a word, Self-delusion is conceit

Delusion = to mislead the mind or judgment
Self = one's self
K.Terd. Self-delusion is a word. Delusion is another word.
Self-delusion (Self`-de*lu"sion) (?), n.
The act of deluding one's self, or the state of being thus deluded.
act of deluding one's self = is egoism.
พระปิยะลักษณ์ ปญฺญาวโร says:
พระพุทธเจ้าอยู่ในทุกหนแห่ง เพียงแต่ใครจะมีดวงตาแห่งปัญญาปรากฏขึ้นเท่านั้น
ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระองค์
เราพร้อมจะเริ่มกันหรือยัง

พร้อมครับ พระอาจารย์ เตรียมตัวรับการสอนสั่งครับ
อาตมาคิดถึง ทัชมาฮาล สถานที่ซึ่งได้ชื่อว่า อนุสรณ์แห่งความรัก ซึ่งพระราชานามว่า ชาจาฮาล ทรงสร้างเพื่อมเหสีของพระองค์ ซึ่งมีชื่อว่า มุมตัส ซึ่งเสียชีวิตไปก่อนด้วยโรคร้าย พระองค์ทรงสร้างด้วยทรัพย์ในท้องพระคลังจนเกือบหมดสิ้น เป็นเหตุให้ภายหลังพระองค์ทรงถูกพระราชโอรสของพระองค์ปลดจากตำแหน่งและสั่งจำขัง พระองค์กรรแสงเพราะการจากไปของพระมเหสีเป็นเวลากว่า ๑๐ ปี ทรงเพ่งมองอนุสรณ์แห่งความรักของพระองค์ที่มีต่อพระมเหสีซึ่งรักดังดวงใจด้วยความอาลัยรัก ดวงพระเนตรเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ตลอดระยะเวลากว่า ๑๐ ปีเต็ม จนพระเนตรบอดสนิทเพราะการกรรแสงนั้น พระพุทธองค์ตรัสว่า "ที่ใดมีรัก ที่นั่นย่อมมีทุกข์" นั่นย่อมเป็นความจริงตลอดกาล
ท่านปิ.....
เปล่าหรอกนะ มิได้จะยกขึ้นเป็นหัวข้อสนทนาหรอก เผอิญเมื่อสักครู่ คุณเป้ถามว่าภาพถ่าย DISPLAY PICTURE นี้ถ่ายมาจากที่ไหน ก็เลยถือโอกาสเล่าให้ฟังคั่นเวลาน่ะ
เอาล่ะ เริ่มกันได้แล้วกระมัง

ปราถนาอยากไปอินเดียจังครับ
ตอนที่ชาจาฮาลคิดถึงรัก เขาคิดอะไรบ้างน้อ คงเต็มไปด้วยตัวตน
สำหรับคำถาม ทั้ง ๕ ข้อ เราจะเริ่มที่ข้อไหนกันดีล่ะ
ท่านปิเห็นว่าข้อไหนเหมาะสมที่สุดเจ้าคะ
คำถามที่ ๒.ทรัพย์ใดหรือที่ทำให้เรานั้นมีความมั่นคงได้อย่างแท้จริง ?
พระพุทธองค์ตรัสถึงทรัพย์ว่า มี ๒ ประเภท คือ
๑. ทรัพย์ภายใน และ
๒. ทรัพย์ภายนอก

ข้อนั้น เป้ตั้งเอง
ทรัพย์ภายนอก ยิ่งใช้ยิ่งหมด, ส่วนทรัพย์ภายใน ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่มขึ้น พระพุทธองค์ตรัสถึงทรัพย์ว่า บุคคลทั้งหลายย่อมแสวงหาอยู่ซึ่งทรัพย์ภายนอก ซึ่งนั่นไม่ประเสริฐเลย ตรัสเรียกว่า “อนริยปริเยสนา”
คนเราตอนนี้ใครๆก็แสวงหาทรัพย์ไว้มากๆ เพราะคิดว่าชีวิตจะได้มีความมั่นคง แต่ทรัพย์ใดหรือที่ทำให้เรานั้นมีความมั่นคงได้อย่างแท้จริง แม้ว่าจะอีกกี่ชาติภพที่เหลือก็ตาม
อนริยปริเยสนา คือ การแสวงหาที่ไม่ประเสริฐ ได้แก่ การแสวงหาทรัพย์สินต่างๆ ซึ่งทั้งผู้แสวงหาและสิ่งที่ถูกแสวงหาได้มา ก็ล้วนแต่มีความแก่
เจ็บ ตาย เสื่อมสิ้นสลายไปเป็นธรรมดา

อย่าง ทัชมาฮาล
ส่วนการแสวงหาทรัพย์ที่ประเสริฐนั้น เรียกว่า “อริยปริเยสนา” ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรแสวงหา เพราะสิ่งนั้นๆ ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ต้อง แก่ เจ็บ ตายไป ตามเราไปด้วย และไม่เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา เช่นกับทรัพย์อื่นๆ
แสดงว่าเราต้องแสวงหาทรัพย์ที่ไม่มีความแก่ เจ็บ ตาย หรือเสื่อมสลายเข้ามาเกี่ยวข้อง แล้วสิ่งนั้นคืออะไร
ท่านว่า "เรามีความแก่ เจ็บ ตายไป เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ยังแสวงหาสิ่งอันมีความแก่ เจ็บ ตายไป เป็นธรรมดาเช่นกัน เข้ามาเป็นทรัพย์ของตนอีก" ดั่ง "คนเตี้ยอุ้มคนคร่อม" ซึ่งเป็นภาระหนักที่ต้องแบกถือไป
คือไม่มีทางรอด
เท่าที่ทราบ ทรัพย์ภานใน ก็คือ วิชาความรู้ ยิ่งใช้ยิ่งจะงอกงาม ยิ่งให้มาก ก็ยิ่งได้กลับมามาก
ส่วนธรรมอันไม่มีความแก่ เจ็บ ตายไปนั้น ได้แก่คุณงามความดีทั้งหลาย อันเราสามารถสร้างสมไว้เพื่อเป็นทุนแก่เราในขณะที่เรายังคงต้องก้าวเข้าสู่สังสารวัฏอันไม่มีวันจบสิ้นนี้ต่อไป จนกว่าจะบรรลุถึงอมตนฤพาน
อันเวลาอันนับไม่ได้ที่เราหมักหมมมานานแสนนานแล้วนั้น ถ้าเราไม่เริ่มรู้(ตัว)เราก็ไม่เริ่มตัด ถ้าไม่ตัดก็ไม่เห็นปลาย และเวลาอันนับไม่ได้นั้นก็เป็นปลายที่ยังอยู่
เข้าใจในจุดนี้ แต่น่าจะมีวิธีที่ทำให้เราทำคุณงามความดีพร้อมทั้งมีทรัพย์ภายนอกเพิ่มขึ้นด้วย แล้วทรัพย์ภายนอกที่เป็น อริยทรัพย์ มีบ้างไหมครับ
พระพุทธเจ้าได้ให้แนวทางไว้หรือเปล่าครับ ถ้าหากเราไม่แสวงหาทรัพย์(ภายนอก)แล้วเราจะดำรงชีวิตอย่างไร
ไม่ต้องกลัวนะ หากบุคคลมีทรัพย์ภายในเสียแล้ว ทรัพย์ภายนอกเมื่อยังไม่มี ก็สามารถหาและรักษาไว้ได้ แต่ถ้าบุคคลไม่มีทรัพย์ภายในเสียแล้ว แม้จะมีทรัพย์ภายนอกมากเพียงใด ก็อาจใช้หมดสิ้นไปเพราะไม่รู้จักรักษาไว้ได้ด้วยปัญญา พระพุทธองค์ทรงแสดงถึงทรัพย์ภายในว่า มีอยู่ ๗ ประภาร ซึ่งตรัสเรียกว่า “อริยทรัพย์ ๗ ประการ”
มีอะไรบ้างครับ ? ทรัพย์ภายในมีอะไรบ้างก่อนก็ได้ครับ ใช่ ศรัทธา วิริยะ หิริโอตตัปปะ กตัญญูกตเวที สติ สมาธิ และ ปัญญา หรือเปล่า
อริยทรัพย์ มี ๗ ประการ ได้แก่
๑. ศรัทธา ๒. ศีล
๓. หิริ ๔. โอตตัปปะ
๕. พาหุสัจจะ ๖. จาคะ
๗. ปัญญา

ขอแต่ละข้อย่อยด้วยเจ้าค่ะ
อะไรคือ พาหุสัจจะ ครับ
พาหุสัจจะ คือ การเป็นผู้ได้สั่งสมความรู้ความเข้าใจไว้มาก
ฝึกให้เป็นพาหุสูตร เข้าใจแล้ว
เราควรศรัทธาในอะไร
คำว่า ศรัทธา ท่านว่าได้แก่ ศรัทธาในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เรียกชื่อว่า "ตถาคตโพธิสัทธา" ศรัทธาในข้อนี้ ได้แก่ การเชื่อในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธองค์ ว่าสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสแสดงไว้นั้น เป็นความจริงและเป็นสัจธรรมทุกประการ, บางครั้งก็ตรัสว่า ได้แก่ การมีศรัทธาในพระรัตนตรัย, หรือบางคราวก็ตรัสว่า ได้แก่ การมีศรัทธาในธรรม ๔ ประการ ที่พระองค์ทรงรู้แจ้งเห็นจริง คือ
๑. กรรมศรัทธา
๒. วิปากศรัทธา
๓. กัมมัสสกตาศรัทธา
๔. ตถาคตโพธิศรัทธา

โห อธิบายด่วนเจ้าค่ะ
วิปาก และ กัมมัสสกตา คืออะไรครับ เข้าใจแต่กรรม และที่เพิ่งอธิยายไปคือ ตถาคต
๑. กรรมศรัทธา คือ การมีความเชื่อในเรื่องของกรรมว่า บุคคลทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว
๒. วิปากศรัทธา คือ การมีความเชื่อในเรื่องวิบากแห่งกรรมที่ปรากฏในปัจจุบันว่า สิ่งที่ปรากฏขึ้นในปัจจุบันแก่ชีวิตของเรานั้น ล้วนแต่เป็นไปเพราะกรรม คือ การกระทำที่เราได้กระทำไว้ทั้งสิ้น

ครับ
วิบากจิตใดๆ ที่ได้รับอยู่ ย่อมเกิดจากที่เราเคยทำมาก่อนแน่นอน
๓. กัมมัสสกตาศรัทธา คือ การมีความเชื่อในเรื่องของการให้ผลของกรรมว่า บุคคลจะได้รับผลที่ดีหรือไม่ดีในชีวิตของเรา ล้วนแต่เป็นสิ่งที่แต่ละคนได้ทำเอาไว้เองทั้งสิ้น ทำให้กันไม่ได้ ทำแทนกันไม่ได้ เช่นว่า เมื่อต้องการให้เกิดวิบากที่ดีแก่ชีวิตของเรา ก็ต้องขวนขวายทำกรรมนั้นด้วยตนเอง เรียกง่ายๆ ว่า ทุกคนย่อมมีกรรมเป็นของๆ ตน มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เป็นทายาท เป็นที่พึ่งพิงอาศัย บุคคลกระทำกรรมใดไว้ ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ย่อมต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้นด้วยตนเอง และเมื่อปรารถนาสิ่งใดในชีวิต ก็พึงกระทำกรรมดีนั้นด้วยตนเอง
เจ้าค่ะ
กรรมศรัทธา คือ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว วิปากศรัทธา คือ ทุกคนมีกรรมเก่า กัมมัสสกตาศรัทธา คือ กรรมของใครก็เป็นกรรมของคนนั้น
พิ้งP^ i +n *K He is a Hero says:
นมัสการพระคุณเจ้า และสวัสดีเพื่อนๆทุกท่านค่ะ พอดีไปข้างนอกมาพึ่งกลับมาค่ะ มาสายประจำ
เชิญสนทนากันต่อนะคะ ขออนุญาตอ่านก่อนค่ะ

ตถาคตโพธิศรัทธาล่ะเจ้าคะ
ส่วน ตถาคตโพธิศรัทธา ได้กล่าวไปแล้วว่า ได้แก่ การเชื่อในปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้านั่นเอง อันนี้ข้อศรัทธานะ ซึ่งถ้าจะกล่าวโดยเคร่งครัดนั้นยังสามารถสรุปลงมาได้อีกประการหนึ่ง โดยพระพุทธองค์ตรัสไว้ถึงศรัทธาของอุบาสก-อุบาสิกาว่า หากจะเป็นศรัทธาที่ดีงาม ถูกต้องแท้จริงนั้น จะต้องมีความมั่นคงในพระรัตนตรัยอย่างเข้มแข็ง ไม่คลอนแคลน ที่เรียกว่า “อจลศรัทธา” เลยทีเดียว ไหนใครมี “อจลศรัทธา” บ้าง ยกมือขึ้น?
ด้วยคนครับ
PaNopอาสารับบริจาคของเล่นมือ 2 จ้า says:
กราบมนัสการ ทั้ง 2 ท่าน เจ้าค่ะ

คำว่า “อจลศรัทธา” นั้น หมายถึง
๑. จะไม่กล่าวคำ ขอผู้อื่นว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
๒. จะไม่ถือที่พึ่งอื่น เว้นแต่พระรัตนตรัย
๓. จะไม่เปลี่ยนศาสนาตลอดชั่วชีวิต ไม่ใช่ง่ายนะ คิดให้ดีก่อน

ต้องข้อ ๑ ต้องอธิบาย หมายถึง ไม่ขอความช่วยเหลือจากใครเลยหรือเปล่า
๑. จะไม่กล่าวคำ ขอผู้อื่นว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึก เช่น กล่าวขอให้เทพยดาทั้งหลาย
จงช่วยอำนวยโชค ทรัพย์ อำนาจแก่เรา หรือ จะไม่กล่าวว่า “ขอพระเจ้าจงคุ้มครอง ขอพระพรหม
ขอพระอัลเลาะห์ ขอเทวดาจงคุ้มครอง” เป็นต้น

สรุปคือ ยึดพระรัตนตรัยก็จบ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่ นั้นคือ พูดให้เข้าใจง่ายๆ แบบคุณ สนธิ ก็ต้อง ถือ ธรรมเป็นใหญ่ใช่ไหมครับ
ไหนอีกทีซิ ใครทำได้ ยกมือขึ้น ในข้อที่ ๑
คนแรก
๒. จะไม่ถือที่พึงอื่น เว้นแต่พระรัตนตรัย เช่นว่า เราจะไม่กราบไหว้อ้อนวอน นอบน้อมต่อผู้ใดเว้นไว้แต่ผู้ที่เป็นคนดี ผู้ที่มีคุณต่อเรา และพระรัตนตรัย
ยกมือทุกข้อครับ
ไหนอีกทีซิ ใครทำได้ ยกมือขึ้น ในข้อที่ ๒
ทำได้ค้ะ
แล้วข้ออื่นมีแยกไหมครับ
อย่าคิดว่าง่ายนะ คิดให้ดีๆ ก่อนตอบนะ เช่นว่า ตั้งแต่นี้ไป เลิกไหว้พระพรหม เลิกไหว้ศาลพระภูมิ บ้านเก่าๆ ไหว้เจ้า ผีสางนางไม้ นะ แน่ใจหรือ ส่วนข้อที่ ๓ จะไม่เปลี่ยนศาสนาตลอดชั่วชีวิต ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสว่า การเปลี่ยนศาสนาจากศาสนาพุทธ ไปเป็นศาสนาอื่นนั้น เป็น “อภิฐานะ” คือ การกระทำอันหนัก ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมอันหนักหกประการ
เลิกไหว้พระพรหม เลิกไหว้ศาลพระภูมิ ? แต่บ้านเก่าๆ ไหว้เจ้า ผีสางนางไม้ ผมไม่ไหว้แน่นอนครับ?
ข้อนี้ทำได้ค่ะ
อภิฐานะ (ฐานะอันหนักหรือกรรมอันหนัก) นั้น มี ๖ ประการ คือ
๑. ฆ่ามารดา (มาตุฆาต)
๒. ฆ่าบิดา (ปิตุฆาต)
๓. ฆ่าพระอรหันต์ (อรหันตฆาต)
๔. ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อเลือด (โลหิตตุปบาท)
๕. ทำพระสงฆ์แตกแยก (สังฆเภทกรรม)
๖. เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น (อัญญสัตถุทเทส)

พระพรหมกับศาลพระภูมิ นี้ไม่ใช่ของศาสนาพุทธหรือครับ แต่บ้างครั้งก็ต้องดู สถานการณ์หรือเปล่า ว่าผู้คนส่วนใหญ่ในที่นั้นเป็นอย่างไร เช่น เข้าเมืองที่เขาไหว้พระพรหมกันทั้งเมืองแล้วเราไม่ไหว้ ผมว่าคงออกจากเมืองลำบาก หรืออย่างเช่น ศาลพระภูมิซึ่งชาวบ้านศรัทธา แต่เราบังเอิญมีความจำเป็นไปทำธุระกับเขา แล้วเขาก็ไหว้กันแล้วเราจะนั่งอยู่เฉยๆได้หรือครับ ?
ได้สิ
ถ้าตามที่ท่านพระปิฯ กล่าวแสดงว่า ศาลพระภูมิกับพระพรหมไม่ใช่สิ่งในศาสนาพุทธ
ไม่ใช่จ๊ะ สรุปว่า มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกเท่านั้น
การเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น เป็นกรรมหนักอย่างไรครับ
ท่านว่า เป็นกรรมอันหนัก เป็นความผิดพลาดสถานหนักที่จะทำให้เกิดมิจฉาทิฏฐิขึ้นในภายหลัง และจะเป็นปัจจัยให้ในภพชาติต่อๆ ไป ห่างเหินจากพระพุทธศาสนา มีจิตใจไม่มั่นคง หรือไม่ได้พบพระพุทธศาสนาอีกนานแสนนานเลยก็ได้ นิมนต์ท่านต่อครับ
[c=36]HO Ho HO [/c] says:
สวัสดีคับ กำลังพูดเรื่องอะไรครับเนี่ย

คนไทย-จีนทั่วไปที่เข้าศาลเจ้าและเป็นพุทธด้วย เข้าข่ายหรือเปล่าครับ
การไหว้เจ้าของคนจีน เขาไหว้เทวดานะ ไม่ได้ไหว้พระพุทธเจ้าอย่างเรา ต่อไป อริยทรัพย์ข้อที่ ๒ คือ การมีศีล
การกรอกเอกสารของเขาจะเป็นพุทธ แล้วก็มีเข้าวัดทำกิจกรรมทางพุทธตามโอกาส แล้วก็กราบไหว้เจ้าของเค้าด้วย ถือว่าเป็นกรรมหนักด้วยหรือเปล่าครับ
ไม่ถือเป็นกรรมหนัก เพราะเขาไม่ได้เปลี่ยนศาสนา แต่ว่าถือเป็นการศรัทธาที่ไม่ถูกต้องสิ้นเชิง คือศรัทธาถูกต้องบ้าง ไม่ถูกต้องบ้าง
ครับ กระจ่างครับ
เค้าเรียก อุบาสกจัณฑาล อิอิอิ
ไหว้ วิญญาณ บรรพบุรุษ ด้วยครับ
ไหว้บรรพบุรุษได้ เพราะท่านมีคุณต่อเรา
ผมคิดว่า ความเชื่อนี้เป็นสิ่งที่ต้องละเอียดอ่อนครับ ถ้าเขาศรัทธาในสิ่งที่ดีงามแล้วผมว่าศาสนาไหนก็ได้ครับ เพราะไม่เช่นนั้นคงจะต้องรบกันเหมือนพวกตะวันออกกลาง
ไม่ใช่หรอกนะ คุณเทิด ถ้าศาสนาไหนก็เหมือนกัน พระพุทธเจ้าก็ไม่ต้องประกาศพระศาสนา เพราะศาสนาอื่นในโลกก็มีมากมายที่สอนให้คนเป็นคนดี
ผม ถือโอกาสถามเลยแล้วกันครับ แบบนี้ศาสนาอื่นที่สอนว่าไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด ก็ไม่ถูกต้องสิครับ
ใช่ พระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็น มิจฉาทิฏฐิ เรียกว่า อุจเฉททิฏฐิ, คำว่า อุจเฉททิฏฐิ นั้น คือ การเชื่อว่าไม่มีชาตินี้ชาติหน้า หรือไม่มีการเวียนว่ายตายเกิด
นั่นเอง

จริงๆแล้วอยากถามต่อ แต่เดี๋ยวออกนอกเรื่อง ทรัพย์ เกินไป
เอาล่ะนะ กลับเข้ามาสุ่อริยทรัพย์ข้อที่ ๒ คือ ศีล ได้แก่ การถือศีล ๕ ข้อเป็นอย่างน้อย ในเรื่องของศีล ๕ นี่เป็นเรื่องที่เรารู้จักกันดี ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสว่า สำหรับชาวพุทธแล้ว จะต้องถือปฏิบัติให้ครบบริบูรณ์ จึงจะได้ชื่อว่า เป็นอุบาสก-อุบาสิกาที่ดี ที่เรียกว่า อุบาสก-อุบาสิการัตนะ พระพุทธองค์ตรัสว่า พระอริยบุคคลย่อมมีศีล ๕
บริบูรณ์พร้อม ใครอยากเป็นอริยบุคคล ก็ต้องพยายามฝึกมีศีล ๕ ด้วยนะ

ค่ะ
ข้อที่ ๓ หิริ ความละอายต่อการกระทำความชั่วเสียหาย อุปมาเหมือนบุคคลรังเกียจสิ่งของที่สกปรก ไม่ปรารถนาจะแตะต้อง ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง
มีคำถามคำหนึ่ง อย่างดื่มเพื่อสังคม 1-2 แก้วนี้ได้ไหมครับ
ไม่ได้จ๊ะ สุราไม่ควรดื่มเลย
ถ้างั้นอาจบอกว่า ไม่ดื่มเพราะไม่ชอบดีไหมครับ หรือว่า ขอเป็นดื่มอย่างอื่นแทน เช่น โซดาหรือน้ำเปล่า บอกว่าปัญหาสุขภาพ เพราะไม่ชอบอาจจะทำให้เราโกหกก็ได้มั๊ง อิอิ
ปัญหาสุขภาพ ก็โกหกเหมือนกัน คิดว่า ขอไม่ดื่มดีกว่าเพราะต้องทำงานพรุ่งนี้หรือไม่ก็มีธุระสำคัญต้องทำเช่น สนทนาธรรม
ข้อที่ ๔ โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อความชั่วเสียหาย ซึ่งหมายถึง เกรงว่าตนเองจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดี อุปมาเหมือนกับไฟ ซึ่งเราไม่ปรารถนาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย กลัวจะไหม้ตัวเรา
วันนี้ คุณเป้ (พิธีกรประจำรายการ) ไม่อยู่ คุณเป้บอกว่า ไฟที่บ้านดับจ๊ะ
เดี๋ยวผมส่งข้อความเก่า ๆ ให้อ่านครับ
บางครั้งก็ต้องพูดปิยะวาจาครับเพราะระดับสติปัญญาของคนไม่เหมือนกัน ถ้าเราบอกว่าเป็นของสกปรกสำหรับบัวขั้น 2 ขึ้นไปผมว่าเราเข้าใจกัน แต่ถ้าเราพูดกับบัวใต้ตรมอาจจะนำภัยมาสู่เราได้
ข้อที่ ๕ พาหุสัจจะ ได้แก่ การศึกษาเรียนรู้ ได้สะสมความรู้ความเข้าใจไว้มาก , พาหุสัจจะ นี่เป็นส่วนของการมีข้อมูลข่าวสารมาก เรียกว่า มีประสบการณ์มากก็ได้นะ
ข้อที่ ๖ จาคะ ได้แก่ การมีน้ำใจ เสียสละ เผื่อแผ่แบ่งปันต่อบุคคลอื่นอยู่เสมอ ซึ่งผู้ที่มีจาคะมาก ย่อมเป็นที่รักของบุคคลทั้งหลาย และข้อสุดท้าย
ข้อที่ ๗ ปัญญา การมีปัญญา สามารถวินิจฉันเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรู้เท่าทันความเป็นจริง จนถึงขั้นมีปัญญาเข้าใจโลกและชีวิตอย่างถูกต้อง สามารถไถ่ถอนความยึดติดถือมั่นได้ในที่สุด

ผมขอเสริมนิดหนึ่งครับว่า จาคะนี้ต้องเป็นไปโดยที่ไม่ทำให้เราเป็นทุกข์ครับ เช่น มีซองผ้าป่ามา แต่เราไม่มีเงิน ก็ยังใส่ไปนี้ ก็ไม่ควรทำ หรือถ้าจะทำจริงๆ ก็เป็นจำนวนที่เราคิดว่าไม่ทำให้เราเดือดร้อน
จ๊ะ พระพุทธองค์ทรงแนะนำให้เราทำความดีพอเหมาะพอสมแก่อัตตภาพของตนนะ เรียกว่า “อัตตัญญุตา” รู้จักตน และ “มัตตัญญุตา” รู้จักประมาณในการกระทำ
ส่วนข้อ ปัญญานี้ ขอพูดอย่างนี้ได้ไหมครับว่า ปัญญาแบบที่ดูตามเหตุตามปัจจัยและเป็นไปในทางกุศลกรรม โดยตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ได้จ๊ะ
จบแล้ว อริยทรัพย์ ๗ ประการ
เข้าใจแล้วครับทำอะไรให้ยึดหลัก สัปปุริสธรรม นั้นเอง
มีใครมีคำถาม หรือข้อเสนอแนะอะไรบ้างหรือเปล่าจ๊ะ
ท่านค่ะ ขอถามค่ะ เรื่องไหว้พระประจำวันเกิด ไหว้ได้มั๊ยคะ
ไหว้พระน่ะ ไหว้ได้อยู่แล้ว แต่อย่าไปคิดว่าจะต้องไหว้พระประจำวันเกิดของเราก็แล้วกันนะ ไหว้พระองค์ไหนก็เป็นมงคลเหมือนกัน
ค่ะ
Can we have our parents as depend too, other than Triple Gem ( Phra Rattanatri
Yes
จริงแล้ว กตัญญูกตเวทิตา น่าจะถือเป็นทรัพย์ที่สำคัญอีกอันได้ไหมครับ หรือว่าที่ท่านไม่ลงไว้ เพราะว่าเราจะไปกตัญญูในทางที่ผิด
กตัญญูกตเวทิตาธรรม ท่านว่า เป็นคุณธรรมพื้นฐานของคนดี
เข้าใจแล้วครับ
แล้วถ้าผมเกิดถือว่า จะไม่ไหว้รูปปั้นละครับ ผมจะไหว้พระโดยที่ไม่ใช้รูปปั้น จะผิดไหมครับ พระอาจารย์
ชาวพุทธเรามีหลักอยู่อย่างหนึ่ง คือ เราบูชาเฉพาะสิ่งที่เรารู้และเข้าใจในความหมายของสิ่งนั้น ว่าเป็นสิ่งที่ดี มีคุณค่าควรแก่การบูชาอย่างไร
ถ้าอยากเป็นคนดีก็ต้องเป็นคนที่มี ความกตัญญูกตเวที ก่อนเป็นอันดับแรก ดังนั้นถ้าจะแนะนำใครก็แนะนำให้มี ความกตัญญูกตเวที ก่อนเป็นอันดับแรก
ใช่จ๊ะ ความกตัญญูกตเวที เป็นคุณธรรมพื้นฐานของคนดีที่ทุกคนจะต้องมี ท่านว่า “ยสฺมึ กตญฺญุตา นตฺถิ นิรตฺถา ตสฺส เสวนา” ผู้ใดไม่มีความกตัญญูแล้วไซร้ คบบุคคลนั้นไปก็ไม่มีประโยชน์
Can we have JADEE as dependent too
เจดีย์ เป็นตัวแทนในการระลึกถึงพระรัตนตรัย สามารถบูชาได้เพื่อน้อมจิตให้เป็นกุศล, การกราบไหว้พระเจดีย์ ก็เหมือนกับเรามีรูปถ่ายของคุณพ่อ คุณแม่ ปู่ ย่า ตา ยายไว้เคารพสักการะ เพื่อระลึกถึงคุณความดีของท่าน เพื่อให้เกิดกำลังใจ ความอบอุ่นใจ และทำจิตของเราให้เป็นกุศล
ค่ะ
So it is not wrong to always want to go to Buddha Gaya all the time, right
Yes, it is not wrong, but The real Buddha is in the nature in everywhere if you have the eyes.
EYES IS THE VISION, IS IT
The eyes is wisdom
OHHH, ANYWAY, I still love going to Buddhagaya. hhaahah
That is alright, wherever if it can make you happy
yeahhhhhhhh !!!
เมื่อวานไปอ่านเจอคำหนึ่งมาว่า "คนเรานั้นให้ลืมบุญคุณที่ทำให้คนอื่นให้หมด แต่ให้เลือกจำบุญคุณที่คนอื่นได้กระทำไว้ให้เรา"
7 ข้อที่กล่าวมานี้ ถ้าทำได้ไม่ครบ จะเป็นอะไรรึเปล่าครับ ในหัวข้อทรัพย์ เราอาจจะถือว่าเราขาดข้อนี้ แต่ข้อนั้นเราเยอะ ข้อโน้นก็เยอะ ขาดไปข้อนี้ไม่เป็นไร ทรัพย์เยอะอยู่ดี ได้หรือเปล่าครับ
ทำได้เท่าไร ก็ดีเท่านั้นล่ะจ๊ะ, ทำได้๑ ก็ดี๑ ทำได้๒ ก็ดี๒ ทำได้ทั้งหมด ก็ดีที่สุด
ผมว่าแต่ละข้อมันสัมพันธ์กันครับ พูดอีกอย่างคือ มันเป็นเหตุเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน
เผื่อจะได้เน้นๆ ข้อใดข้อหนึ่งมาชดเชยข้อที่เรายังทำไม่ได้ หรือไม่สะดวกทำ ถามดูเล่นๆนะครับ
ถ้าไม่มี ศีล ปัญญาก็ไม่เกิด ถ้ามีปัญญาแล้ว ไม่รักษาศึล ปัญญาก็หายไป ถ้ามีจาคะมาก ปัญญาก็ไหลกับเข้ามามาก ถ้ามีปัญญาแต่ไม่ศรัทธาในปัญญาก็หมดเร็ว
เอาล่ะ วันนี้ อาตมาคงต้องขอตัวก่อนแล้วล่ะ ดึกแล้ว คงต้องไปสวดมนต์ก่อนนอนแล้ว
ครับ กราบลาพระอาจารย์ครับ
ขออนุโมทนากับทุกคนนะ ที่ได้เข้ามาร่วมสนทนาธรรมด้วยกัน ขอนมัสการท่านเอกชัย ฐานจาโร ด้วยครับ
Chao Ka. Namasikara ka both Phra Khun Chao and sawadee ka everyone.
กราบลาครับ
กราบลาค่ะ
พระเอกชัย ฐานจาโร says:
นมัสการพระอาจารย์ครับ
ร่วมไว้อาลัย says:
กราบลาค่ะ

ขอฝากพุทธภาษิตสำหรับครั้งนี้ไว้ว่า "สทฺธาย ตรติ โอฆํ" คนจะข้ามห้วงน้ำได้ด้วยศรัทธา
กราบขอบพระคุณท่านทั้ง 2 ที่ให้โอกาสในการสนทนาธรรมค่ะ
อืม อาทิตย์ หน้าอยากจะขอเชิญชวน เพื่อน ๆ ทุกท่าน ไปตั้งคำถามได้ที่เว็บ ของคุณเป้ นะครับ
//www.bloggang.com/viewblog.php?id=dhammatree&group=7

ค่ะ



Chatสากัจฉาธรรม เรื่องนิพพานกับการบรรลุธรรม
(๒๑ ตุลาคม ๒๕๔๙)
เทิด says:
เลยอยากถามว่า ผี มีจริงไหม หรือว่าจิตเราคิดปรุงแต่งไปเอง
พระปิยะลักษณ์ ปญฺญาวโร says:
พระพุทธเจ้าตรัสว่ามีจริง

ไม่ทราบว่าผมจะหาอ่านส่วนนี้ได้จากที่ไหนครับ เพื่อให้ตัวเองได้รู้เห็นด้วยตนเอง นะครับ ? คือผมลองคิดทบทวนแล้ว ผี ไม่น่าจะมีจริง จึงเกิดความสงสัยนะครับ ?
มากมาย มีในพระไตรปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เปตวัตถุ
แล้วพระพุทธเจ้ามีวิธีพิสูจน์ไหมครับ หรือว่าเราต้องเจอด้วยตัวเอง เพราะเท่าที่ผมเกิดมาก็ไม่เคยเห็นผีเลย และคนรอบข้างผมก็ไม่เคยมีใครเห็นผีเลย จะมีก็แต่ผีในหนังเท่านั้น
ต้องการพิสูจน์ ก็ต้องเจริญฌานให้สำเร็จ จนเกิดตาทิพย์
เข้าใจแล้วครับ แล้วคำถามมีต่อว่า ถ้าไม่มี ฌาน นี้ จะ นิพพานได้ไหนครับ
การบรรลุธรรม จำเป็นต้องได้ฌานเป็นบาทฐาน อย่างน้อยก็ฌานขั้นที่หนึ่ง ซึ่งจะได้ฌานนั้นเอง ในขณะที่บรรลุธรรม เรียกว่า เจริญวิปัสสนาไป จนถึงขณะที่กำลังจะบรรลุธรรม ฌานจะเกิดขึ้นเอง
บรรลุธรรม กับ นิพพาน นี้อันเดียวกันไหมครับ อย่างพระอานนท์นี้ถือว่า บรรลุธรรมหรือเปล่า
จ๊ะ
แต่พระอานนท์ก็ยังไม่เป็นพระอรหันต์นี่ครับ แล้วถือว่านิพพานได้อย่างไร
การบรรลุธรรมมีหลายระดับ ตั้งแต่ การบรรลุโสดาบัน สกทาคามี อนาคามี และอรหันต์ ซึ่งในขณะที่บรรลุธรรมในชั้นนั้นๆ จะได้เข้าถึงสภาวะนิพพานชั่วขณะหนึ่งในขณะที่กิเลสนั้นดับไป อันนี้เรียกว่า เป็นการนิพพานชั่วขณะจิตที่บรรลุธรรม
แต่ถ้าหมายถึง การนิพพาน ซึ่งหมายถึงการดับรอบจากวัฏฏสงสาร คือหยุดการเวียนว่ายตายเกิด อันนี้ก็เป็นนิพพานในอีกลักษณะหนึ่ง คือ รูปธรรม-นามธรรม ไม่ปรากฏขึ้นอีก บางครั้งเรียกว่า ปรินิพพาน ก็ได้

เข้าใจแล้วครับ บรรลุธรรม มิได้หมายถึงนิพพานตลอดกาล
ขอบพระคุณมากครับ



Create Date : 17 ตุลาคม 2549
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2550 21:40:10 น. 5 comments
Counter : 492 Pageviews.

 
How to reduce "ego" or "self-delusion" ?


โดย: hee hee IP: 58.8.185.253 วันที่: 18 ตุลาคม 2549 เวลา:13:54:07 น.  

 
คนเราตอนนี้ใครๆก็แสวงหาทรัพย์ไว้มากๆ
เพราะคิดว่าชีวิตจะได้มีความมั่นคง
แต่ทรัพย์ใดหรือ
ที่ทำให้เรานั้นมีความมั่นคงได้อย่างแท้จริง
แม้ว่าจะอีกกี่ชาติภพที่เหลือก็ตาม


โดย: เจ้าค่ะ IP: 202.28.169.165 วันที่: 18 ตุลาคม 2549 เวลา:15:54:22 น.  

 
ฝากหัวข้อสนทนาธรรมค่ะ

"ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" คำพูดนี้ มักใช้กับความรักระหว่างหนุ่มสาว ที่เจือด้วยความเห็นแก่ตัว ศาสนามักสอนว่า ให้มีความเมตตา ให้ รักแบบไม่เห็นแก่ตัว เท่าที่ดิฉันสังเกตดู มักจะให้เลียนแบบความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก
ดิฉันมีพ่อแม่ที่รักลูก ให้ความอบอุ่นแก่ลูก ตอนนี้เติบโตจนอยู่ในวัยที่พร้อมจะมีครอบครัว พอสังเกตคนรอบตัว เพื่อนฝูง ที่มีครอครัวครบถ้วน ทั้งสามีภรรยา บุตรธิดา ก็เห็นว่า แม้ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก ก็มิได้ทำให้ผู้ให้ความรัก(คือพ่อแม่) มีความสุขเท่าใดนัก ยิ่งมีลูกก็ยิ่งมีความกังวลถึงทุกข์สุขของลูกเพิ่มขึ้น แม้เมื่อมองดูลูกๆ เมื่ออยู่กับพ่อแม่ แม้ส่วนใหญ่จะมีความสุข แต่บางคราวก็มีทุกข์ จากการอบรมสั่งสอน ตักเตือนของพ่อแม่
มีคำพูดทางศาสนาว่า "พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูก" ความรักที่พ่อแม่มีให้ลูก แม้จะมีความเมตตาอยู่ แต่ก็มีความกังวลถึงทุกข์สุขของลูก จนตัวพ่อแม่เองก็พลอยมีทุกข์ไปด้วย

ความรักแบบใด ในโลกปัจจุบันนี้ ที่ทำให้ ผู้ให้และผู้รับ ปราศจากความทุกข์


โดย: พบบุญ IP: 222.123.48.253 วันที่: 18 ตุลาคม 2549 เวลา:20:21:22 น.  

 
ขอตั้งหัวข้อสนทนาธรรมว่า "ตามรอยพระอรหันต์ เพื่อเป็นแบบอย่างและประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต" ค่ะ
เนื่องจากก่อนที่ท่านจะเป็นพระอรหันต์ ท่านก็เป็นคนธรรมดาเหมือนกับเราๆท่านๆ เราน่าจะมาศึกษาถึงวิถึทาง แนวทางปฏิบัติในการลด ละ เลิกกิเลสโดยศึกษาประวัติของท่านเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป
ขอเสนอหัวข้อธรรมนี้ไว้ให้พิจารณาด้วยค่ะ


โดย: แก้วค่ะ IP: 58.181.207.90 วันที่: 19 ตุลาคม 2549 เวลา:14:04:20 น.  

 
เพิ่งกลับมาจากอ่างทองครับ น้ำท่วมเต็มเลย หุหุแต่ site ลูกค้ามะท่วม กลับมาก็รีบมาเปิดดูต้นไม้ธรรมเลยอิอิ ^L^ ว่ามีใครมาเสนออะไรบ้าง

เอ้ ดู ๆ ตอนนี้ มีคนมาเสนอ 4 คนเอง อิอิ และก็เสนอ คนละหัวข้อด้วย แป่ววว แล้วอย่างนี้ พรุ่งนี้จะคุยเรื่องอะไรดีละ

ผมขอเสนอว่าหากเสียงเท่ากันทุกเสียง ก็ขออาราธนา พระคุณเจ้า ท่านพระอาจารย์ เลือกหัวข้อเลยนะขอรับ ดีไหมครับทุกท่าน

ส่วนตัวผมขอเสนอว่า วิญญาณ ผี เทวดา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เราควรจะทำยังไงกับสิ่งเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้มีจริงหรือไม่ หากจริง ๆ เราต้องทำยังไงให้ปลอดภัย ไม่โดนรังแก หรือถ้าไม่จริงเราก็ควรทำยังไง (อิอิ รู้สึกว่าอาทิตย์ที่แล้ว คุณเทิดจะเสนอหัวข้อนี้นะ คาดว่าคงมีหลาย ๆ คนอยากรู้เหมือนกัน หุหุ อย่างน้อยก็คุณเทิดละ เย้! ได้สองเสียงแย้ว ฮ่า ๆๆๆๆ คุณเทิด เข้ามาโพสหน่อยเร็ววว)


โดย: วัฒน์ IP: 58.9.124.189 วันที่: 20 ตุลาคม 2549 เวลา:20:24:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กลุ่มต้นธรรม
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




* * * * * * * * * * * * * * * * * * *

อันเวลาอันนับไม่ได้ที่เราหมักหมมมานานแสนนานแล้วนั้นถ้าเราไม่เริ่มรู้เราก็ไม่เริ่มตัด ถ้าไม่ตัดก็ไม่เห็นปลาย และเวลาอันนับไม่ได้นั้นก็เป็นปลายที่ยังอยู่
web site hit counter
We keep fighting fires because we keep adding fuel.
We truly putout fires only when we remove their fuel.

ถึงโลกกว้างไกล ใครๆ รู้
โลกภายในลึกซึ้งอยู่ รู้บ้างไหม
มองโลกภายนอก มองออกไป
มองโลกภายใน คือใจเรา

Friends' blogs
[Add กลุ่มต้นธรรม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.