Group Blog
 
All blogs
 

Samitivej International Children's Hospital Open house ! พาเยี่ยมชมโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนช

ถ้าเราพูดถึงโรงพยาบาล เด็กส่วนมากก็จะส่ายหน้า ไม่อยากไปโรงพยาบาลกันหมด แต่เดี๋ยวนี้ โรงพยาบาลไม่น่ากลัวแล้ว โดยเฉพาะเดี๋ยวนี้เค้ามีโรงพยาบาลที่เน้นไปทางด้านเฉพาะเด็กโดยเฉพาะ อย่างโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล นี่แหละค่ะ ที่โบว์ได้มีโอกาสเยี่ยมชม และเข้ารับฟังข้อมูลของทางโรงพยาบาล สมิติเวชศรีนครินทร์ค่ะ วันนี้จะมาเล่าให้ฟังกันค่ะ

s2

เนื่องจากโบว์ก็เป็คนที่เกิดที่โรงพยาบาล สมิติเวช มาเช่นกันนะคะ (คุณแม่ทำคลอดที่สมิติเวชค่ะ) ก็จะรู้สึกผูกพันกับแบรนด์สมิติเวชเลยทีเดียว โดยที่ตอนนี้โรงพยาบาลก็ได้เน้นมาที่ว่าเป็น Children’s Hospital มากขึ้น โดยที่มีมาสค๊อตเป็นพี่หมี Dr. CareBear ออกมาค่ะ น่ารักมากๆ เลย

1512563_198464993686871_882799977_n

แม้แต่ตึกด้านหน้าโรงพยาบาลก็มีตัวอักษร เน้นย้ำ Children’s Hospital ค่ะ

s1

วันนี้ก็ได้พบปะ พูดคุย กับ แพทย์หญิง สุรางคณา ที่มาเล่าเรื่องราวของโรงพยาบาลสมิติเวช เล่าถึงเคสต่างๆ ให้ฟัง ในบรรยากาศเป็นกันเองค่ะ คุณหมออธิบายละเอียดและใจดีมากๆ เลยค่ะ

s3

น้องแอลก็มานั่งฟังด้วยนะคะ

s4

ทางโรงพยาบาลก็มีตุ๊กตาหมี Dr. CareBear และสมุดระบายสี กับสีไม้ ของทางโรงพยาบาลมามอบให้ด้วย น่ารักจริงๆ สำหรับทางตุ๊กตา เค้าเล่าว่า เดี๋ยวจะออกมาเป็นซีรี่ยส์ หมอ พยาบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ด้วย น่ารักสุดๆ

s5

แล้วเราก็ได้เยี่ยมชมโรงพยาบาลในจุดต่างๆ ค่ะ โรงพยาบาลสมิติเวช คือ สะอาด ปลอดภัย ไม่น่ากลัวเลยค่ะ มีรูปการ์ตูนน่ารักๆ ตลอดทาง

s6

ในส่วนของห้องพักผู้ป่วยเด็ก จะเป็นเตียงปูกับพื้น เพื่อให้คุณแม่ มานอนพักกับลูกได้ค่ะ ลูกเราเคยเข้าโรงพยาบาล เวลาป่วย ก็จะอ้อนแม่เป็นพิเศษ เตียงที่เป็นแบบนี้ก็จะดีกว่า เพื่อให้เรานอนกับลูกได้สะดวก และไม่ต้องกลัวตกเตียงค่ะ

s7

โซนที่เล่นของเด็ก ทำเป็นบ้าน กับต้นไม้ น่ารักมากๆ และที่สำคัญคือ ดูสะอาด ปลอดภัยมากๆ ค่ะ น้องแอลชอบมากเลย

s8

ในส่วนของ Ward ชั้น 12 จะดูไฮโซมาก ซึ่งชั้นนี้จะมีส่วนของ Newborn Intensive Care Unit และ Nursery ซึ่งที่นี่ก็จะสามารถดูแลเด็กแรกเกิดที่คลอดก่อนกำหนดได้ แม้แต่ในเด็กที่คลอดก่อนกำหนดมากๆ และมีน้ำหนักตัวน้อยมาก และที่นี่ก็ให้ความสำคัญกับนมแม่ด้วย โดยจะมีศูนย์นมแม่ด้วยค่ะ

s9

สถานที่ที่เราประทับใจ คือ ในส่วนของการดูแลเด็กพิเศษ Special Needs Child ที่นี่จะมีศูนย์พัฒนาการสำหรับเด็กพิเศษโดยเฉพาะ ทั้งยิม เสริมสร้างพัฒนาการ ทั้งในส่วนที่เหมือนสปา ที่มีเสียงดนตรี กลิ่นอโรม่า และแสงสี ต่างๆ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการ และยังมี Hydro Therapy ที่เป็นการบำบัดฟื้นฟูด้วยน้ำ ที่มีสระแยกสำหรับเด็กอีกด้วยค่ะ

s10

ได้เดินมาดูในส่วนของ Teen Center ที่ช่วยแก้ปัญหาในวัยรุ่นต่างๆ ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ และยังมีศูนย์การได้ยินโดยเฉพาะด้วยค่ะ

s11

เดินมาถึงชั้น 2 ซึ่งจะเป็นทางเข้าของ Children’s Center เมื่อมาถึงก็จะเจอ Dr. CareBear มาคอยต้อนรับ เด็กๆ จะชอบมากเมื่อเจอ ดร. แคร์แบร์

 ในส่วนนี้จะมีการแยกเป็นสองส่วน สำหรับเด็กป่วย ก็จะแยกไปอีกโซน สำหรับเด็กมาฉีดวัคซีน ก็อีกโซนนึง ทำให้เด็กที่มาฉีดวัคซีน ก็เชื่อมั่นได้ว่า จะไม่เสี่ยงต่อการติดโรคติดต่อกลับไปค่ะ

s12

ที่ไฮโซกว่านั้น คือ มีแอพพลิเคชั่น สำหรับคนที่ฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลด้วย โดยแอพนี้จะรวมข้อมูลทุกอย่างตอนที่มาหาคุณหมอค่ะ ทั้งผลการทดสอบต่างๆ ผลอัลตร้าซาวด์ทั้งสองมิติและสามมิติ ก็สามารถดูได้ในแอพนี้ได้เลย

ใครสนใจทดลองแอพนี้ ลองโหลดได้แล้วนะคะ มีทั้ง Iphone และ Android ค่ะ ดูรายละเอียดได้ในลิงค์นี้ค่ะ

//goo.gl/RQVCjl

 เรื่องการคลอด เค้าบอกว่า ที่สมิติเวช สามารถเลือกคลอด แบบธรรมชาติ แบบผ่า หรือจะคลอดในน้ำก็ได้ด้วยเช่นกันค่ะ เป็นที่แรกในไทยที่สามารถเลือกคลอดในน้ำได้ เริ่ดมากๆ

s14

ตลอดทั้งวันนี้ก็ได้รับข้อมูลต่างๆ ทำให้รู้ว่า โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล นี้ เป็นที่ที่พร้อมมากๆ ทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์และบุคคลากรทางการแพทย์ต่างๆ สำหรับการรักษาเด็ก และโรงพยาบาลก็สะอาด แถมยังออกแบบน่ารัก ทำให้การมาโรงพยาบาลไม่ใช่เรื่องน่ากลัว สำหรับเด็กๆ อีกต่อไปค่ะ

s13

s16

ต้องขอขอบคุณทางโรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล สาขาศรีนครินทร์มากๆ ค่ะ ที่เชิญโบว์มาเยี่ยมชมโรงพยาบาลในวันนี้ค่ะ

s17




 

Create Date : 23 กันยายน 2557    
Last Update : 23 กันยายน 2557 15:28:17 น.
Counter : 4878 Pageviews.  

มารู้จักกับ Bifidus จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ที่พบในนมแม่

สวัสดีค่ะ เนื่องจากตอนนี้โบว์ก็ให้นมแม่น้องแอลมา 1 ปีแล้ว น้องแอลแข็งแรง ร่าเริง และ ไม่เคยป่วยจนต้องเข้าแอดมิทที่โรงพยาบาลเลยค่ะ วันนี้เลยอยากมาพูดถึงประโยชน์ของน้ำนมแม่ และสารจุลินทรีย์ ที่มีประโยชน์ที่พบ ในน้ำนมแม่ ที่ชื่อ บิฟีดัสค่ะ


 photo 1460949_10152011845106539_289780735_n_zps72baf349.jpg

เป็นที่รู้กันดีว่า นมแม่มีประโยชน์มากมาย และเหมาะสมกับทารกมากที่สุด เด็กจะได้รับภูมิคุ้มกันจากสองส่วน นั่นก็คือ ภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่ และภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นเอง ในช่วงแรกเกิด ทางเดินอาหารของเด็กจะปราศจากเชื้อ เด็กจะได้รับจุลินทรีย์ธรรมชาติจากนมแม่นั่นเองค่ะ


ภูมิคุ้มกันเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต แต่เด็กจะมีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายง่ายกว่าผู้ใหญ่ จึงต้องการภูมิคุ้มกันที่ดีมากกว่าผู้ใหญ่ และถ้าเด็กมีภูมิคุ้มกันที่ไม่ดี เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะเกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย ทำให้เสียโอกาสเรียนรู้และมีพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์แข็งแรงค่ะ


 photo bb12_zps85c78bfa.gif


ภูมิคุ้มกันที่ดี 80% เริ่มต้นจากระบบทางเดินอาหาร ในบริเวณลำไส้ ที่พบว่ามีจุลินทรีย์ โดยจุลินทรีย์ที่ดีจะส่งผลต่อการทำงานที่ดี ของระบบภูมิคุ้มกัน


ในนมแม่นั้น มีสารอาหารที่ครบถ้วน อีกทั้งยังมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ได้แก่ บีฟีดัส (Bifidus) ซึ่งประกอบด้วยจุลินทรีย์ 2 สายพันธ์ นั่นคือ บิฟีโดแบคทีเรียม และแลคโตบาซิลัส ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย ช่วยลดอาการท้องเสีย ทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อโรค และยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเชื้อก่อโรค ช่วยสลายสารพิษในร่างกาย และทำให้ร่างกายดูดซึมอาหารไปใช้ได้อย่างเต็มที่


ดังนั้นจะสังเกตุได้ว่า เด็กนมแม่ จะไม่ค่อยมีปัญหาท้องเสีย เพราะในนมแม่มีจุลินทรีย์ที่ช่วยต่อต้านเชื้อโรคในลำไส้ค่ะ


 photo 1441421_10152006952731539_494583529_n_zps92e3a7cd.jpg

ดังนั้นเราจึงควรให้นมแม่อย่างน้อยเป็นเวลา 6 เดือน หรือให้นมแม่นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้ลูกของเราได้ดีที่สุด ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ดี จะช่วยให้ร่างกายไม่เจ็บป่วยง่าย และลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมเรียนรู้รอบด้านอย่างเต็มศักยภาพค่ะ


ลูกที่กินนมแม่ นอกจากจะได้สารอาหารที่ครบถ้วนแล้ว ยังได้ใกล้ชิดแม่ ก่อให้เกิดความผูกพันระหว่างแม่กับลูก ลูกจะรู้สึกปลอดภัย อบอุ่นอีกด้วยค่ะ


เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราจึงควรที่จะให้นมแม่กับลูกของเราให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้กันนะคะ
แต่อย่างไรก็ดี การให้นมแม่บางทีก็มีข้อจำกัด สำหรับบางคนที่อาจจะน้ำนมมีไม่มาก ทำให้ ไม่สามารถให้นมลูกได้นาน ก็สามารถหานม หรือ อาหารเสริม อื่นๆ ที่มีส่วนผสมของบิฟีดัส มาทดแทนเพื่อช่วยเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันของลูก ได้เช่นกันค่ะ


 photo 74933_10151988481846539_1228371433_n_zps13b6b85b.jpg




 

Create Date : 24 ธันวาคม 2556    
Last Update : 24 ธันวาคม 2556 13:50:46 น.
Counter : 2357 Pageviews.  

สูตร อาหารเสริม ของน้องแอล (6 เดือน ++ )

วันนี้เราขอเอาสูตรอาหารเสริมที่เราเลือกวิธีนี้ให้น้องแอลมาแบ่งปันเพื่อนๆ ค่ะ เราทำตามสูตรคุณ Flower over the moon แล้วเห็นว่า สูตรนี้ได้สารอาหารครบถ้วนดี วิธีทำน่าสนใจ บางคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับอาหารเสริม แช่แข็ง ก็ไม่เป็นไรค่ะ เลือกในสูตรที่เหมาะกับครอบครัวและลูกน้อยของคุณมากที่สุด สำหรับเรา เลือกทำวิธีนี้ เพราะว่า ทำทีเดียว ตั้งใจทำมากๆ ทำสะอาดมากๆ ให้มีสารอาหารต่อวันครบถ้วน แล้วเอาเวลาที่เหลือในทุกๆ วัน ไปเล่นกับลูกแทน เราคิดแบบนี้ เลยเลือกใช้วิธีนี้ค่ะ ไปดูกันเลยน๊าา



พระเอกของเรา แต่น แตน แต๊นน เราภูมิใจนำเสนอมาก เพราะว่า มันสะดวกมาก ไม่เลอะเทอะบ้าน นั่นคือ หม้อหุงข้าวไฟฟ้า แบบนึ่งได้ของเรานั่นเอง ทำซุป นึ่งผักในขั้นตอนเดียว หุงข้าวด้วย เริ่ดมาก ถ้าใครไม่มีหม้อแบบนี้ก็ใช้หม้อต้มน้ำ หม้อนึ่ง ธรรมดาก็ได้ค่ะ



เราหุงข้าวก่อน แล้วก็ล้าง ทำซุปต่อ แล้วก็นึ่งผักด้านบน สะดวกสุดๆ แถมไม่ต้องคอยเปิดคนซุปด้วย มันแบบว่า ทำให้เสร็จสรรพ เริ่ด



น้ำซุป เราต้มมันฝร่ัง กระดูกหมู หมูชิ้นๆ (ไม่เอามัน) เบบี้หางหงษ์ ค่ะ



ที่นึ่ง มีเต้าหู้ไข่ (ใส่ถ้วยน้ำจิ้มไว้) ถ้าไม่นึ่งก็ต้มได้นะ เต้าหู้ไข่ 

ตำลึง (เอาเฉพาะใบนะคะ ส่วนยอดที่เห็นคือ เรานึ่งเผื่อตัวเราเองกิน ด้วยความเสียดาย อิอิ)

ฟักทอง บร๊อคโคลี่ แครอต เห็ดเข็มทอง



ซุป กับนึ่ง เราทำพร้อมกัน ใช้เวลาประมาณ หนึ่งชั่วโมง พอเสร็จก็เอามาเรียงแบบนี้ เตรียมตัวปั่นๆๆ



ใช้เครื่องปั่นค่ะ สำหรับเรา ลองบดแล้วเมื่อยมือ อิอิ ตอนบดก็ใส่น้ำซุปลงไปด้วยนะคะ 



ภาชนะใส่ เราใช้ Baby Cube แบบนี้สะดวกดี อันนึง 2oz มีบล๊อกใส่แช่เสร็จสรรพ หรือไม่ก็ใช้ถ้วย Vie ของฟิลิปส์ แต่เรามีแค่อันเดียว (ได้ฟรีมา โรงพยาบาลแจก) กับอีกถ้วยนึงคือ ถ้วยแก้วใส จากอาหารเสริมเด็กสำเร็จรูป Heinz กินเสร็จก็ล้างเก็บไว้ใช้ค่ะ



มาถึงจับคู่รวมปั่น

เราจำจับคู่ คือ คาร์โบไฮเดรต + ผัก (วิตามิน + เกลือแร่) + โปรตีน

คาร์โบไฮเดรต = ข้าว มันฝรั่ง (อาจจะใช้เป็นข้าวตุ๋นสำเร็จก็ได้นะคะ)

ผัก = บร๊อคโคลี่ ใบตำลึง แครอต ฟักทอง เห็ดเข็มทอง (อาจจะใช้ผักปวยเล้ง ถั่วลันเตา ฯลฯ)

โปรตีน = หมู เต้าหู้ไข่ ( อาจจะใช้ ไก่ ตับไก่ ปลาทู ไข่แดง ก็ได้ ก็ค่อยๆลองไปอาทิตย์ละอย่างสองอย่าง จะได้รู้ว่าลูกแพ้อันไหนนะคะ เพราะส่วนมากเด็กจะแพ้พวกโปรตีนค่ะ) (ปลาให้ใช้ปลาน้ำจืด ไม่ควรใช้ปลาทะเลนะ เพราะเด็กแพ้เยอะค่ะ)

อาทิตย์นี้ ทำ 8 บล๊อก ดังต่อไปนี้

1. มันฝรั่ง,ฟักทอง,หมู
2. ข้าว, ตำลึง , เต้าหู้, 
3. ข้าว, เห็ด, หมู
4. มันฝรั่ง, แครอต, เต้าหู้
5. ข้าว, หางหงส์, หมู
6. ข้าว, บร๊อคโคลี่, ฟอกทอง, หมู
7. มันฝรั่ง, เห็ด, ฟักทอง, เต้าหู้
8. ข้าว, แครอต, เต้าหู้

ถ้วยนี้คือ มันฝรั่ง ฟักทอง หมู



ทำทีละบล๊อก ทีละบล๊อกค่ะ 



ทำจนครบ ออกมาเรียง จะเห็นว่า มีสีสันสวยงาม ครบถ้วน เพราะเคยอ่านในเว็บเค้าบอกว่า ควรให้เด็กกินอาหารให้ครบทุกสี อย่ากินสีเดียวตลอดนานๆ อย่างฟักทอง แครอต มีเบต้าแคโรทีนเยอะ แต่ทานมากๆ ผิวอาจจะกลายเป็นสีเหลืองส้มได้ ก็คอยสลับๆ ไปนะคะ



เสร็จแล้วก็แช่ช่องฟรีซ



เราทำ ทีนึง ใช้แปดวัน ก็เก็บแค่ประมาณ แปดเก้าวันนี่แหละค่ะ อย่างมากก็สิบวัน ตามตำราบอกว่าอยู่ได้นานหนึ่งเดือน แต่เราว่าสองอาทิตย์ก็น่าจะพอแล้วไม่ควรเกินนะ

น้ำซุปเอาใส่ถุงนมแม่ แช่ฟรีซ



ถึงเวลาก็อุ่นไมโครเวฟ หรือจะเอาภาชนะอุ่นในน้ำร้อนต้มในหม้อก็ได้ค่ะ เราก็ไมโครเวฟค่ะ สะดวกดี ลูกจะชอบทานฟักทองเป็นพิเศษค่ะ



บางวันเราก็ให้เป็นผลไม้ค่ะ อย่างกล้วยครูด บดผสมอโวคาโด้ ลูกจะชอบมากกกกกกกก



แต่ถ้าเดินทาง เท่าที่อ่านตำรามา เค้าแนะนำให้กินอาหารสำเร็จรูปดีกว่าเพราะว่าสะอาดกว่า เราลองชิมแล้วมันก็โอเคนะคะ ติดที่ว่าราคาสูงซักหน่อย 



สุดท้าย ก็คงต้องขอบอกว่า เราไม่ได้บอกว่าสูตรเราถูกต้อง 100% เพราะเราก็อ่านนู่นนี่นั่น เอามาผสมกับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของครอบครัวเรา ของลูกเรา มากที่สุด ให้รีวิวนี้เป็นหนึ่งในข้อมูลให้แม่แม่นำไปตัดสินใจใช้กับครอบครัวของตัวเองนะคะ 





 

Create Date : 03 มิถุนายน 2556    
Last Update : 3 มิถุนายน 2556 12:52:39 น.
Counter : 20850 Pageviews.  

4 เดือนผ่านไปกับหน้าท้องที่เปลี่ยนแปลง

กลับมาแล้ว หลังจากที่ทอ้งไม่ยุบเลย ผ่านมาสี่เดือน ก็เริ่มยุบไปเยอะแล้ว แต่ก็ยังค้างอยู่อีก 5 กิโล (สูง 153 kg ก่อนท้อง 40 kg ตอนนี้ 45 kg) แต่ก็ถือว่าดูดีขึ้นมาก ขอบคุณพระเจ้าาาา

ดูแก้มน้องซิ สี่เดือนแล้ว หนูตัวใหญ่ขนาดนี้แล้วนะคะ (6.8 kg)

 photo after_zpsbbbffd3d.jpg

เอารูปมาเรียงกัน จากท้อง 4 เดือน ถึงตอนนี้น้องแอล 4 เดือน ฮี่ๆ (หน้าท้องยังดูเหมือนคนสี่เดือนอยู่นิดๆ เบย)

 photo mix_zps431933ca.jpg

ตอนนี้พยายามเข้าฟิตเนส และ ควบคุมอาหาร แต่ก็ค่อยเป็นค่อยไป เพราะกลัวน้ำนมไม่มีคุณค่าทางสารอาหารค่ะ (ข้ออ้างล่ะมั้งเนี่ย ฮ่าๆ) หวังว่าจะหุ่นเท่าเดิมตอน 6 เดือน ก็สู้ๆ กันต่อไป เย้เย้




 

Create Date : 05 เมษายน 2556    
Last Update : 5 เมษายน 2556 19:40:24 น.
Counter : 6023 Pageviews.  

ไปเบิกเงินค่าคลอดจากประกันสังคมมาแว้วววว

ไปเบิกเงินค่าคลอดและชดเชยหยุดงานจากประกันสังคมมาแล้วค่ะ พอดีพี่ที่ทำบัญชีที่บริษัทแนะนำให้ไป เลยได้ตังมาใช้เลย ขอบคุณพี่หน่อยมากจริงๆ ที่แนะนำ วันนี้เลยเอามาแชร์ให้ทุกๆ คนทราบค่ะ

ขั้นตอนแรกเราก็เตรียมเอกสารก่อน เราต้องเตรียมสองชุด เพื่อเบิกค่าคลอด หนึ่งชุด และ เบิกค่าสงเคราะห์บุตร เดือนละ 400 บาท (เราได้มาสามเดือน) อีกชุดหนึ่งค่ะ

ค่าคลอดบุตรเบิกได้ 13,000 บาท ส่วนเงินชดเชยรายได้ จะคำนวนจากเงินเดือน ฐานเงินเดือนสูงสุดคือ 15000 บาทเท่านั้น (เราคิดว่ามันจะได้ประมาณ 1.5 เดือน) เอกสารที่ต้องเตรียม

1. แบบฟอร์ม สปส.2-01 (ให้ติ๊ก กรณีคลอดบุตรและเงินสงเคราะห์กรณีหยุดงาน) ดาวน์โหลดจากเน็ตไปเลยค่ะเพื่อความสะดวก
2. สูติบัตร ตัวจริงและสำเนา
3. ทะเบียนสมรส
4. บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนา


ส่วนอีกชุดเป็นเบิกค่าสงเคราะห์บุตร
1. แบบฟอร์ม สปส.2-01 (ให้ติ๊ก กรณีเงินสงเคราะห์บุตร)
2. สูติบัตร ตัวจริงและสำเนา
3. สำเนาสมุดบัญชีของผู้ยื่น
4. บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนา

เมื่อเตรียมเอกสารพร้อม ก็ไปสำนักงานประกันสังคมเลยค่ะ

Photobucket

เรายื่นเอกสารเค้าให้บัตรคิวมาสองอัน ก็เข้าสองช่อง เพื่อติดต่อสองเรื่อง แอบงงๆ กับระบบเล็กน้อย แต่ก็รวดเร็วค่ะ ทำทั้งหมดจนได้เงิน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็ได้ตังมาแล้วชิวๆ รับเงินมาด้วยความตกใจ เฮ้ย มันได้เยอะขนาดนี้เลยนะ เย้เย้

Photobucket

ใครที่มีประกันสังคม อย่าลืมไปเบิกค่าคลอดกันนะคะ เอามาเปิดบัญชีออมทรัพย์ให้ลูกก็ดีค่ะ 

Photobucket




 

Create Date : 24 มกราคม 2556    
Last Update : 24 มกราคม 2556 9:56:43 น.
Counter : 70602 Pageviews.  

1  2  3  4  

BeauCrazyrabbit
Location :
ระยอง Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 59 คน [?]




Beauty Blogger & Japanese Fashion Lover

Fanpage: http://www.facebook.com/beaucrazyrabbit
beaupreeya@gmail.com

สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน
Crazyrabbit Blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และ
เพื่อการอ้างอิงโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็น
ลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่
กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
Friends' blogs
[Add BeauCrazyrabbit's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.