Do you love movies ?

หนังปี 2013 ที่ดูไปแล้ว : มกราคม



1. The Bay (3 Jan) - 4.5/10 มุมกล้องเฮนด์เฮลด์ + สารคดีปลอมๆ กลายเป็นของล้าสมัยไปแล้ว อีกทั้งการเล่าเรื่องเจ้าปรสิตน่ารังเกียจทั้งหลายก็ไม่สนุกตื่นเต้นเอาเสียเลย



2. Texas Chainsaw 3D (10 Jan) - 5/10 อุตส่าห์ผูกเรื่องต่อจากภาคต้นฉบับทั้งที แถมใส่มิติตื้นลึกหนาบางให้ตัวละครก็แล้ว ก็ยังรู้สึกซ้ำซากไม่ต่างจากเดิมๆ อยู่ดี



3. The Man with The Iron Fists (10 Jan) - 5/10 หนังกังฟูสไตล์มะกัน ที่ทำเพื่อคารวะหนังกำลังภายในเก่าๆ ดูไปแล้วเหมือนหนังจีนที่ภาคเสียงเป็นภาษาอังกฤษซะมากกว่า



4. Upside Down (10 Jan) - 3.5/10 โรมิโอ & จูเลียต ฉบับพยายามสร้างสรรค์ที่มีดีแค่ภาพสวย และพระนางสวยหล่อเข้ากันดี นอกเหนือจากนี้สุดแสนจะน้ำเน่าและประดักประเดิด



5. Gangster Squad (10 Jan) - 7.75/10 The Untouchable ฉบับที่เปลี่ยนวายร้ายจาก 'อัล คาโปน' มาเป็น 'มิคกี้ โคเฮน' แม้เรื่องราวเชยๆ ซ้ำซากไปหน่อย แต่ดูเอามันส์ได้เลย



6. Gf*Bf (10 Jan) - 8/10 หนังรักสามเส้า หนึ่งหญิง สองชาย โดยหนึ่งนายเป็นพวกแอ๊บแมน ถ่ายทอดความสัมพันธ์ออกมาจริงดี และใช้ซับพล็อตว่าด้วยเรื่องเสรีภาพ (ทางการเมือง) มาผูกโยงกับเรื่องเพศได้เนียนๆ



7. The Last Stand (17 Jan) - 8/10 หนังแอ็คชั่นคลาสสิคที่ไม่ได้เห็นมานาน แม้พล็อตเฉิ่มเชย แต่ความมันส์ระดับน้องๆ คนเหล็กเทอร์มิเนเตอร์เลยทีเดียว



8. The Thieves (17 Jan) - 7/10 แกงค์โอเชี่ยนฉบับกิมจิ ตัวละครหลากหลายน่าสนใจ พลิกไปพลิกมา ดูเพลินๆ ฮาๆ ได้ตามมาตรฐานตลอดเรื่อง ที่สำคัญคือจอนจีฮยอนสวยมาก



9. Zero Dark Thirty (17 Jan) - 8.5/10 อึดอัด หนักหน่วง และสมจริงจนน่าใจหาย แม้พล็อตจะเชิดชูอเมริกันฮีโร่จ๋า แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพอดูถึงตอนจบ เราก็เชียร์พวกอเมริกันอยู่ดีนั่นแหละ ที่สำคัญคือเจสสิก้า แชสเทนเล่นได้ยอดเยี่ยมมากๆ



10. Hansel and Gretel: Witch Hunters (24 Jan) - 5/10 หนังแอ็คชั่นแฟนตาซีสุดซ้ำซาก ที่หยิบเอาตำนานนิยายกริมส์มาเล่นได้ไม่ลงตัวเท่าไหร่ แถมฉากแอ็คชั่นสังหารแม่มดก็ดูสนุกแบบเรื่อยๆ เท่านั้นเอง



11. Les Misérables (24 Jan) - 9/10 ในอนาคต หนังมิวสิคัลเรื่องนี้จะถูกยกเป็นหนังอมตะแน่นอน นักแสดงเล่นดี เพลงก็สื่อความหมายได้ลงตัว เนื้อหาที่เล่นกับยุคปฏิวัติฝรั่งเศสก็กลมกล่อม ทั้งฉากหดหู่น่าสงสาร และฉากเฮฮาน่ารักโรแมนติค



12. ทองสุก 13 (31 Jan) - ??



13. Parker (31 Jan) - ??




 

Create Date : 26 มกราคม 2556   
Last Update : 26 มกราคม 2556 16:01:52 น.   
Counter : 4682 Pageviews.  

วิจารณ์ Skyfall (2012)



Skyfall


ภาคที่ 23 ของหนังชุดเจมส์ บอนด์ และเป็นภาคที่ 3 ของ 'แดเนียล เครก' ที่ครั้งนี้ได้ร่วมงานกับผู้กำกับรางวัลออสการ์ 'แซม เมนเดส' (American Beauty, Revolutionary Road) ที่ดูยังไงก็ไม่น่าเข้ากับหนังแอ็คชั่นตระกูลบอนด์เท่าไรนัก ด้านทีมนักแสดงสมทบในภาคนี้ อัดแน่นไปด้วยคุณภาพระดับออสการ์การันตีครบเซ็ท ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเก่าอย่าง จูดี้ เดนช์, ราฟ ไฟน์ หรือตัวร้ายประจำภาคอย่าง ฆาเบียร์ บาเด็ม โดยเรื่องราวในภาคนี้ว่าด้วยภารกิจอันตรายของบอนด์ ในการหยุดยั้งแผนจารกรรมข้อมูลสายลับจากทั่วโลกไปเผยแพร่ โดยมีอาชญากรอัจฉริยะที่เคยทำงานที่ MI6 เป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

หากคนดูคาดหวังกับบอนด์ฉบับไฮเทคและเต็มไปด้วยเทคโนโลยีหวือหวาน่าตื่นเต้น ดูเหมือนว่าบอนด์ทุกภาคที่แดเนียล เครกแสดง จะไม่สามารถตอบสนองความต้องการเช่นนี้ของคนดูได้เลย หนำซ้ำยังพยายามกลับไปสู่สามัญและฉีกกฎกรอบหลายๆ อย่างของหนังชุดนี้อีกด้วย หลายอย่างที่คนดูไม่เคยได้สัมผัสจากหนังบอนด์ภาคก่อนๆ จะมีให้เห็นในภาคนี้แบบชนิดที่ทำให้คนดูรู้จักบอนด์ในฐานะปุถุชนคนธรรมดา และเห็นปมความอ่อนไหวที่เสริมสร้างมิติความเป็นมนุษย์ของบอนด์ให้สมจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เข้าทางของผู้กำกับสายดราม่าอย่างแซม เมนเดสอยู่แล้ว

บอนด์ฉบับเมนเดส เล่าเรื่องได้เรียบง่าย ไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เปิดเรื่องด้วยฉากแอ็คชั่นไลล่าที่น่าตื่นตาตื่นใจซึ่งเปิดปมปัญหาให้เรื่องราวในภาคนี้ ก่อนจะพาเข้าสูตรหนังบอนด์ที่ไล่ตั้งแต่การสืบสวน, การเสี่ยงตาย, การไขปริศนา, การเอาคืนของฝ่ายอธรรม และปิดฉากด้วยการต่อสู้ครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ตาม การดำเนินเรื่องทั้งหมดที่ว่ามาล้วนเป็นไปอย่างลื่นไหลเพลิดเพลิน แทรกซ้อนมุขตลกสไตล์อังกฤษที่เรียกรอยยิ้มได้เป็นพักๆ และมีฉากแอ็คชั่นดิบๆ ที่น่าจดจำ ขณะที่สิ่งที่แตกต่างออกไปจากบอนด์ฉบับเดิมๆ อาจเป็นปมของตัวร้ายมาดละเมียดที่มีอดีตฝังใจกับตัวละคร M โดยตรง (ซึ่ง M ในภาคนี้ถูกยกขึ้นมาให้โดดเด่นมากที่สุดในรอบหลายสิบปี) จากการเมืองในองค์กร MI6 เอง ซึ่งนำมาสู่ความสะเทือนอารมณ์ในตอนท้ายที่หนังภาคก่อนๆ ของบอนด์ไม่ค่อยปรากฎให้เห็นมากนัก รวมถึงเป็นการวนลูปกลับไปเปิดปมสู่เรื่องราวใหม่ที่น่าสนใจของบอนด์ได้ต่อในอนาคตด้วย

ด้านการแสดงนั้น เครกยังคงเป็นบอนด์ฉบับโลว์เทคได้อย่างสมจริง ส่วนจูดี้ เดนช์ มอบการแสดงที่น่าจดจำในฐานะ M จนอาจเรียกได้ว่าเป็น M ที่ดีที่สุดที่เธอเคยรับบทมาตลอด 15 ปี เช่นเดียวกับฆาเบียร์ บาเด็ม ที่สร้างมิติที่แตกต่างให้กับตัวร้ายของบอนด์ได้เป็นอย่างดี เรื่องอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ เพลงประกอบของ ‘อเดล’ และเพลงสกอร์ของ 007 ที่ติดหูถูกใส่เข้ามาเสริมในจังหวะของเรื่องได้ลงตัว, สาวบอนด์ชาวฝรั่งเศสภาคนี้แม้ไม่เด่นนัก แต่ความสวยสง่าน่าหลงใหลยังคงไว้เป็นอย่างดี สรุปภาพรวมแล้ว บอนด์ภาค 23 ถือเป็นบอนด์ที่ไม่ได้ทำเพื่อเอาใจสาวกสายลับ 007 คนนี้เต็มตัวนัก แต่เรียกได้ว่าเป็นบอนด์ฉบับมหาชน ที่คนทั่วไปไม่ใช่แฟน 007 ก็สามารถดูได้อย่างสนุกและเข้าใจ เป็นการต่อยอดเพื่อกลับไปสู่สามัญที่ทำได้ลงตัว และกลมกล่อมน่าพอใจทีเดียว

7.5/10




 

Create Date : 02 พฤศจิกายน 2555   
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2555 12:56:10 น.   
Counter : 2999 Pageviews.  

วิจารณ์ Lawless (2012)



Lawless


หลังจากแจ้งเกิดได้เต็มตัวใน The Road (2009) หนังหายนะฟอร์มเล็กที่กลายเป็นขวัญใจนักวิจารณ์และคนดูทั่วโลก ผู้กำกับ 'จอห์น ฮิลโค้ท' ก็หายไปซุ่มเตรียมงานสร้างหนังจิ๊กโก๋บ้านนอกย้อนยุคเรื่องนี้อยู่พักใหญ่ ก่อนจะได้ตัวนักแสดงหนุ่มที่ตั้งใจจะหันหลังให้หนังตลาดอย่าง 'ไชอา ลาบัฟ' มารับบทนำ ร่วมด้วยทีมนักแสดงคุณภาพอีกเพียบทั้ง ทอม ฮาร์ดี้, กาย เพียซ, แกรี่ โอลด์แมน, มีอา วาชิโควสก้า และขวัญใจของผมอย่าง เจสสิก้า แชสเทน โดยเรื่องราวจะย้อนกลับไปเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสังคมอเมริกันยุค 30 ที่การต้มเหล้าขายเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แต่ผู้คนในเมืองเล็กๆ ของรัฐเวอร์จิเนียก็ดูจะไม่สนใจและยังคงขายเหล้าคุณภาพของพวกเขาตามปกติ เช่นเดียวกับสามพี่น้อง 'บอนดูแรนด์' ที่ยึดอาชีพพ่อค้าเหล้ามาอย่างยาวนาน จนกระทั่งการมาถึงของเจ้าหน้าที่รัฐบ้าอำนาจ 'ชาลี เรคส์' ที่ทำให้ความสงบสุขในหมู่บ้านนี้พังพินาศลง

หนังสร้างบรรยากาศสังคมความเป็นชนบท และกลิ่นอายของยุคคาวบอยเรืองอำนาจได้ดี ทั้งยังผสมผสานเรื่องราวทั้งดราม่า อาชญากรรม แอ็คชั่น ใส่เข้ากับความสัมพันธ์อันแนบแน่นของพี่น้อง 'บอนดูแรนด์' ไปตลอดการดำเนินเรื่อง ทำให้หนังออกมาดูมีมิติ และครบรสหลากอารมณ์ นอกจากนี้การเล่าเรื่องก็ยังออกมาราบรื่น ไม่ติดขัด และเก็บรวบรวมองค์ประกอบน้อยใหญ่เพื่อเดินหน้าไปสู่จุดพีคในตอนท้ายได้ดี ขณะที่การกระจายบทบาทของตัวละครก็ทำได้พอเหมาะพอดี และสร้างคาแร็คเตอร์ที่่ชัดเจนจับต้องได้ให้กับทุกๆ ตัวละคร นำมาสู่ทุกๆ การกระทำของตัวละครที่ทำให้คนดูเข้าใจเหตุและผลของความคิด การตัดสินใจนั้นๆ น่าเสียดายที่ทั้งหมดทั้งปวงที่ว่ามาล้วนอยู่แต่ในกฎกรอบของสูตรสำเร็จ และยังไม่มีฉากไหน หรือจังหวะใดของหนังที่สร้างเอกลักษณ์หรือภาพจำเป็นของตัวเองได้

หนังค่อนข้างเดาง่าย และอาจยังไม่ทำให้คนดูรู้สึกตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ หรือประทับใจได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แม้จะได้การแสดงที่เป็นธรรมชาติจากทีมนักแสดง (โดยเฉพาะกาย เพียซ ที่ออกมาทีไรก็กวนเกรียนได้ใจ) หรือโปรดักชั่นเนี้ยบๆ เข้ามาช่วยแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม ในความเดาง่ายตามสูตรนี้เอง อย่างน้อยก็ยังเป็นข้อดีที่ทำให้หนังทำออกมาได้มาตรฐาน เข้าถึงความต้องการของคนดูได้ดีพอ ทำให้โดยภาพรวมแล้ว Lawless ยังถือเป็นหนังแมนๆ ที่ดูสนุกคุ้มค่า อาจไม่เข้าขั้นคลาสสิคเหมือนใคร แต่ก็ยังได้ใจคอหนังในวงกว้าง โดยเฉพาะคอหนังแกงค์สเตอร์ ที่นับวันยิ่งหาหนังลักษณะนี้ดูได้ยากเต็มทน

7/10




 

Create Date : 21 ตุลาคม 2555   
Last Update : 21 ตุลาคม 2555 22:51:04 น.   
Counter : 2335 Pageviews.  

วิจารณ์ Paranormal Activity 4 (2012)



Paranormal Activity 4


หลังจากความสำเร็จแบบถล่มทลายของหนังผีกล้องวีดิโอในภาคแรก ทีมผู้สร้างก็เล็งเห็นช่องทางทำกิน และเขียนบทต่อยอด ขยายความเรื่องราววิญญาณเฮี้ยนตนเดิมให้กลับมาหลอนคนดูในช่องฮัลโลวีนอย่างต่อเนื่อง (แทนที่ Saw ที่ปิดตำนานไปแล้ว) เช่นเดียวกับปีนี้ ที่สองผู้กำกับคู่หูจากภาค 3 'เฮนี่ จูสท์' และ 'แอเรียล ชูลแมน' กลับมาแท็กทีมกันทำหนังชุดนี้อีกคำรบ ได้นักแสดงเจ้าเนื้อ 'เคธี ฟีเธอสตัน' กลับมารับบทเดิมของตัวเองอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเรื่องราวในภาคนี้โฟกัสไปที่สาวน้อย 'อลิซ' (รับบทโดย 'แคทริน นิวตัน') และครอบครัว ที่ถูกเพื่อนบ้านหน้าใหม่ผู้ลึกลับอย่าง 'เคธี' ผู้ถูกผีสิงจากภาคแรก ย้ายเข้ามาอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน จากนั้นเรื่องราวแปลกๆ ก็เกิดขึ้นกับครอบครัวของอลิซตามสูตรภาคก่อนๆ

หนังเล่าเรื่องในช่องเวลา 4 ปีต่อมาจากภาคแรกและภาคสอง (หลังจากภาคสามย้อนกลับไปเล่าเรื่องราวก่อนภาคแรก) และเริ่มดำเนินรอยตามสูตรสำเร็จเดิมๆ เพียงแต่เพิ่มความไฮเทคด้วยภาพที่ได้จากเว็บแคมของคอมพิวเตอร์ในบ้าน นอกเหนือไปจากนั้นแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นล้วนแต่เดินย่ำซ้ำรอยเดิมๆ ทั้งสิ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ยังรวมไปถึงฉากชวนสะดุ้งที่เริ่มไม่ค่อยได้ผล และปริศนาลึกลับที่เดาง่ายกว่าเดิมหลายเท่าตัว นอกจากนี้ หากเปรียบเทียบความโฉ่งฉ่างที่ชวนให้คนดูตกใจกับภาคก่อนๆ หน้า ยังจะพบว่าหลายๆ จังหวะที่เคยทำได้ดีและเป็นเอกลักษณ์ของหนังชุดนี้ กลับหายไปจากภาคนี้เอาเสียดื้อๆ เมื่อรวมกับความกดดันที่น้อยลง และการจบเรื่องแบบตีหัวเข้าบ้านอย่างน่าเกลียด จึงมีสิทธิสูงที่แฟรนไชส์หนังผีวีดิโอจะถึงกาลอวสาน หรือเสื่อมศรัทธาจากแฟนพันธ์แท้ของหนังชุดนี้ไปได้

แม้ว่าเบาะแสที่จะสืบสาวราวเรื่องไปยังสิ่งเหนือธรรมชาติทั้งหลายในภาคนี้จะชัดเจน และทำให้คนดูรับทราบข้อมูลของวิญญาณร้ายได้ระแคะระคายมากขึ้น ทว่าการกระตุ้นความสงสัยใคร่รู้ของคนดูกลับทำได้เพียงเบาบาง ไม่สามารถทำให้คนดูอยากตั้งคำถามต่อเรื่องราวที่กำลังเกิดขึ้นในจอ ซึ่งมีผลทำให้อารมณ์ร่วม และการลุ้นเอาใจช่วยตัวละครลดลงไปอย่างน่าใจหายหากเทียบกับภาคก่อนๆ ทั้งหมดนี้ทำให้ Paranormal Activity 4 กลายเป็นหนังที่น่าผิดหวังที่สุดในแฟรนไชส์ชุดนี้ และอาจเรียกได้ว่าถึงทางตันของหนังเรียลลิตี้ทุนต่ำลักษณะนี้แล้วก็เป็นได้

4/10




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2555   
Last Update : 20 ตุลาคม 2555 22:07:48 น.   
Counter : 2602 Pageviews.  

วิจารณ์ Argo (2012)



Argo


‘เบน อัฟเฟล็ค’ กลายเป็นนักแสดงที่ผันตัวไปเป็นผู้กำกับที่น่าจับตามองมากที่สุดในยุคนี้ไปแล้ว หลังจากนักวิจารณ์หลายสำนักต่างยกย่องให้หนังการเมือง – ชีวประวัติที่สร้างจากเรื่องจริงของเขา กลายเป็นอีกหนึ่งตัวเต็งบนเวทีรางวัลประจำปีนี้อย่างเป็นเอกฉันท์ โดยในเรื่องนี้ หนุ่มเบนยังคงคอนเซ็ป ‘แสดงนำ – กำกับเอง’ เหมือนเดิม โดยเขารับบทเป็น ‘โทนี่ เมนเดซ’ ซีไอเอผู้ชำนาญการชิงตัวประกัน ร่วมด้วยนักแสดงเก๋าเกมอย่าง ‘อลัน อาร์กิน’ และ ’จอห์น กู๊ดแมน’ ซึ่งทั้งหมดต่างรับบทเป็นเป็นกลุ่มคนในประวัติศาสตร์ยุคต้น 80 ที่มีส่วนในการพาตัวประกันชาวอเมริกัน 6 คน หนีออกจากประเทศอิหร่านที่กำลังมีการปฏิวัติจากการเมืองภายในอันรุนแรง โดยมีแผนการที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างการปลอมเป็นกองถ่ายหนังจากประเทศแคนาดาเข้าไปในประเทศอิหร่าน และวางบทบาทให้เหล่าอเมริกันชนผู้เป็นตัวประกันแสดงบทบาทเป็นทีมถ่ายหนังแคนาดาเพื่อสิทธิในการหนีออกนอกประเทศ !

หนังทำได้ดีในการถ่ายทอดเรื่องราวประวัติศาสตร์การเมืองให้ออกมาเข้าใจง่าย โดยไม่ชี้นำให้มีฝั่งที่เอียงไปเป็น ‘ตัวร้าย’ หรือ ‘ฮีโร่’ อย่างชัดเจน ทว่ามุ่งนำเสนอวิธีการอันแยบยลจากแผนการสุดเสี่ยงแทน ส่งผลให้หนังทวีความลุ้นระทึกและตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายที่ทรงพลัง และบีบหัวใจโดยไม่ต้องใส่ฉากระเบิดตูมตามหรือความรุนแรงใดๆ ซึ่งต้องย้อนกลับไปให้เครดิตกับการเปิดเรื่องและการดำเนินเรื่องที่หนักแน่น ต่อเนื่อง น่าเชื่อถือ ทำให้คนดูรู้สึกถึงความเสี่ยงและผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอนในนอนท้าย แม้หนังจะเต็มไปด้วยบทสนทนาว่าด้วยแผนกลยุทธ์และการเมืองระหว่างประเทศ และพล็อตเรื่องเรียบๆ อย่างการพาตัวประกันกลับบ้าน แต่ด้วย ‘ความเป็นธรรมชาติ’ ของการผูกโยงร้อยเรียงเรื่องราวที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงทั้งหมด ก็ทำให้หนังเรื่องนี้เข้าถึงคนดู สร้างความกระหายใคร่รู้ และอารมณ์ร่วมได้โดยอัตโนมัติ

หนังอุดมไปด้วยอารมณ์ขันแบบเสียดสีที่เรียกรอยยิ้มและสร้างความเพลิดเพลินได้อยู่เรื่อยๆ และด้วยความที่หนังเลือกจะนำเสนอแบบกึ่งสารคดี มีการแทรกเอาภาพเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์จริงๆ มาสอดแทรกเป็นระยะ การแสดงของทีมนักแสดงทั้งหมดในเรื่อง จึงเป็นการแสดงแบบไม่ต้องแสดง ประกอบกับทีมงานสร้างที่อยู่เบื้องหลังองค์ประกอบศิลป์สุดเนี้ยบ ทั้งการสร้างบรรยากาศกลิ่นอายของอเมริกายุค 80, แฟชั่นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และวัฒนธรรมที่สะท้อนสภาพสังคมในยุคสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี ก็ยิ่งทำให้ Argo เป็นหนังที่ยอดเยี่ยม ครบถ้วนในทุกองค์ประกอบ จนถือได้ว่าเป็นหนังที่ผมชอบระดับยกสองนิ้วโป้งและออกตัวเชียร์เต็มที่ในรอบครึ่งปี นับตั้งแต่ The Avengers เลยทีเดียว

9.5/10

ปล. จะว่าไป ฉากที่ประชาชนชาวอิหร่านนั่งทานไก่ทอด Kentucky Fried Chicken ทั้งที่ต่อต้านประเทศอเมริกา ดูแล้ววิเคราะห์ต่อตรงนี้ได้ลึกๆ อยู่เหมือนกันนะ

ปล.2 ประโยค “Argo, Fuck Yourself!” น่าจะกลายเป็นวาทะอมตะในโลกฮอลิวูดในอนาคตแน่นอน




 

Create Date : 19 ตุลาคม 2555   
Last Update : 19 ตุลาคม 2555 19:07:57 น.   
Counter : 2891 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  

Branelay
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add Branelay's blog to your web]