หัวใจดวงนี้ ไม่มีอะไรนอกจากความห่วงใยแก่ใครบางคน หัวใจดวงนี้ บางทีสับสน ก็เพราะใครบางคน ไม่เคยสนใจ หัวใจดวงนี้ บางทีหวั่นไหว ก็จะเป็นเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่ใครบางคน
Group Blog
 
All blogs
 
กว่าจะมีวันนี้ วันที่มีกันและกัน

หลังจากที่ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน 2 อาทิตย์เต็มที่เมืองไทย


กลับมาสก็อตแลนด์ด้วยหัวใจวุ่นวาย สับสน


และร่างกายที่ไม่สบายด้วยไข้หวัดใหญ่


ฤทธิ์ยาทำให้เราหลับมาตลอดทาง


เรา 2 คน ไม่ได้คุยอะไรกันเลย


เราไม่มีเวลาและจิตใจที่จะคิดว่าเค้าคิดยังไง


และเค้าก็ไม่ได้ถามว่าเราคิดยังไง


จนกระทั่งระหว่างทางขับรถกลับบ้านจากแอร์พอร์ท


เค้าเอ่ยขึ้นว่า เราเงียบมากเลย คิดอะไรเหรอ


และเราจะทำยังไงตอนที่เราถึงบ้านแล้ว


เราก็บอกว่า ทำทุกอย่างอย่างปกติละกัน


อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราก็ต้องยอมรับผลของการกระทำของเรา



กลับเข้าบ้าน สามีเราไม่อยู่ ไม่รู้ว่าเค้ามีลางสังหรณ์อะไรรึเปล่า


สักครึ่งชั่วโมงต่อมา เค้าก็มา แต่พูดจาทักทายธรรมดา


ไม่เข้ามาหอมแก้มเราเหมือนอย่างเคย


เราก็รู้สึกผิด ก็เลยไม่ได้เข้าไปหอมแก้มเค้า


เราไม่ได้เข้าห้องนอนกะเค้า เรานอนที่ห้องรับแขกตั้งแต่กลับมา


เป็นอย่างนั้นอยู่ 3-4 วัน เค้าก็ถามว่าบอกเค้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น


ที่เมืองไทยระหว่างเราก็เพื่อนเค้า เราก็บอกเค้าไปว่า


เพื่อนเค้าสารภาพรักกะเรา และเราก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าเรารู้สึกยังไง


เค้าก็เลยโทรเรียกเพื่อนเค้าให้เข้ามาหาที่บ้าน


เพื่อนเค้าก็มาทันที เค้าถามเพื่อนเค้าว่า เกิดอะไรขึ้น


เพื่อนเค้าก็สารภาพกะเค้าตามตรงว่า เค้ามีความรู้สึกกะเรามาก


สามีเราถามเราว่า แล้วเราละ จะเอายังไง เราบอกไม่รู้


แต่เพื่อนเค้าบอกว่า ถ้าเราบอกเยศคำเดียว เค้าก็จะพาเราไปเดี๋ยวนี้เลย


สามีเราก็บอกว่า ขออย่างนึง ถ้าไปอยู่ด้วยกัน ขอให้ออกไปจากหมู่บ้านนี้ละกัน


เพื่อนเค้าบอกว่า ไม่มีปัญหา ปัญหาอยู่ที่เรา ว่าเราจะเอายังไง




เพื่อนเค้าพูดกะสามีเราว่า เค้าขอโทษและเค้าเสียใจมาก


ที่เค้าทำร้ายจิดใจของสามีเรา และทำลายความไว้วางใจที่สามีเรามีให้เค้า


แต่เค้าห้ามความรู้สึกของเค้าที่มีต้อเราไม่ได้จริงๆ เพราะมันรู้สึกอย่างนี้มานานมากแล้ว


สามีเราก็นั่งร้องไห้ และบอกว่า คน 2 คนที่เค้ารักมากที่สุด ทำร้ายเค้าอย่างรุนแรงมาก


เรายอมรับว่า เรารู้สึกแย่มากๆเลย ที่ทำอย่างนั้นกะสามีเรา


เราก็เลยบอกเค้าว่า ถ้าเธอให้อภัยฉัน ฉันก็จะไม่ไปไหน ฉันจะอยู่กะเธอ


ฉันเสียใจที่ฉันไม่เข็มแข็งพอที่จะบังคับความรู้สึกตัวเอง


ทำให้ฉันต้องทำร้ายเธอเพราะความอ่อนแอของฉัน



หลังจากที่เพื่อนเค้ากลับไปแล้ว


สามีเราก็บอกกะเราว่า ให้ไปอยู่กะเพื่อนเค้าเถอะ


เพราะเค้าเชื่อว่าเพื่อนเค้าจะดูแลเราได้ดีกว่าเค้า


แต่เค้าก็เสียใจมากที่ต้องสูญเสียเราไป และสูญเสียเพื่อนรักด้วยในเวลาเดียวกัน


แต่เค้าเหมือนคนไม่มีอนาคต เค้าไม่มีอะไรที่จะดูแลเราได้


ไม่มีทั้งกำลังกาย และกำลังทรัพย์


เราไม่ได้พูดอะไร เราบอกเค้าว่า ขอเวลาให้ฉันได้ศึกษาตัวเองสักระยะ


ให้ฉันได้เข้าใจตัวเองก่อนว่า ฉันรู้สึกยังไง



หลังจากนั้นสามีก็กระแหนะ กระแหน ประชดประชันตลอดเวลา


ว่าให้ไปอยู่กะเพื่อนเค้าได้แล้ว รออะไรอยู่อีก


แต่ในขณะเดียวกัน เค้าก็ไปคอยดักทำร้ายเพื่อนเค้าเหมือนกัน


จนเพื่อนเค้าต้องไปค้างบ้านญาติ เพื่อความปลอดภัย


เหตุการณ์เลวร้ายขึ้นทุกวันๆ เค้าเริ่มอารมย์ร้ายถึงขั้นตบตีเรา


เราก็พยายามเข้าใจว่าเค้ารู้สึกยังไง และไม่เคยคิดตอบโต้


ให้เค้าทำไปถ้ามันทำให้เค้ารู้สึกดีขึ้น


เพราะเรารู้ว่าเราผิด เราทำร้ายเค้าก่อน


ถ้าเป็นเราล่ะ ถ้าเค้าทำอย่างนี้กะเราล่ะ เราจะรู้สึกยังไง


เราจะแสดงออกยังไง เราก็คงทำเหมือนเค้านี่นแหละ



เราปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน และพิสูจน์ทุกอย่างของมันเอง 5 เดือน


ตลอดเวลา เค้าเสีอกใสไล่ส่งเราตลอด ส่วนเพื่อนเค้าก็ยังติดต่อเราตลอด


บอกว่าเค้ายังรอเราอยู่ และจะรอตลอดไป จนกว่าเราจะพร้อม


และจะช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ถ้าเราจะออกมาเช่าบ้านอยู่เอง



สุดท้ายเราก็ทนไม่ได้ที่จะอยู่กะสามีต่อไป


เราก็เลยไปเช่าบ้านอยู่ก่อน แต่สามีก็ยังตามรังควาน


และด่า ว่า ตลอดเวลา แม้กระทั่งที่กลางถนน


เราก็เลยคิดว่า เรากะเค้าคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แน่นอน


อีกอย่าง มันคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว ที่จะรักษาชีวิตแต่งงานของเรา


เราผิด เรายอมรับผิดละกัน และขอเป็นผู้แพ้ยอมเดินจากมา


โดยที่ไม่ได้เรียกร้องค่าสินสมรสใดๆทั้งสิ้น


ทั้งๆ ที่เราเป็นคนทำและซื้อทุกอย่างในบ้าน


ด้วยเงิน และน้ำพักน้ำแรงของเราเอง


และเค้าก็เห็นแก่ตัวพอสมควรที่จะไม่แบ่งอะไรให้เราเลย


เรามารู้ทีหลังจากเพื่อนเค้าว่า


สามีเราสามารถเก็บเงินได้เป็นล้าน ในขณะที่แต่งงานกะเรา


เพราะเค้าให้เพื่อนเค้าช่วยนับเงินสดที่มีอยู่ และเค้าบอกเพื่อนเค้าว่า


นี่คือเงินเก็บที่เต้ามี ตั้งแต่แต่งงานกะเรา


เราไม่เคยรู้เลยว่าสามีเรามีเงินเก็บมากมาย


เพราะเค้าไม่เคยบอกเรา และเราก็ไม่เคยสนใจที่จะถามด้วย


เพราะไม่ต้องการให้เค้าคิดว่า เราสนใจเรื่องเงินเค้า



พอเราออกมาเช่าบ้านอยู่เอง เพื่อนเค้าก็เริ่มมาหาเรามากขึ้น


เช่าบ้านได้แค่ 3 เดือน เราก็เลยตัดสินใจที่จะย้ายออกจากหมู่บ้าน


เพราะทนการรังควานของสามีไม่ไหว


เรา 2 คนกะเพื่อนเค้าก็เลยมาซื้อบ้านใหม่อยู่ด้วยกัน ซึ่งห่างจาก


ที่เดิมประมาณ 100 กว่าไมล์ แล้วเรา 2 คน ก็ได้เริ่มใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน


พร้อมกับลูกสาวเราด้วย นี่ไงบ้านใหม่เรา 2 คน


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Photobucket


Free TextEditor


Create Date : 15 มกราคม 2555
Last Update : 15 มกราคม 2555 3:12:45 น. 1 comments
Counter : 447 Pageviews.

 
มันแปลกๆ ยังไงไม่รู้สิ
เรื่องน่ะมันไม่แปลก
แต่ความรู้สึกน่ะ แปลก


โดย: sticker-dicut (เสี่ยวเฟย ) วันที่: 15 มกราคม 2555 เวลา:15:39:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Bopeep
Location :
กรุงเทพฯ United Kingdom

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เกิดวันพระ ราศีมีน เลือดกรุปบี
เป็นแม่ของลูก 2 คน เป็นย่าของหลานสาว 1 คน
อยู่สก๊อตแลนด์มาสิบกว่าปีแล้ว ยังไม่รู้ว่าจะอยู่อีกนานเท่าไหร่
รักเมืองไทย รักในหลวง รักพ่อแม่พี่น้องที่เมืองไทยทุกคน
คิดถึงทุกอย่างที่เกียวกับเมืองไทย ยกเว้นนักการเมืองจอมโคตรโกงและโกงทั้งโคตรทั้งหลาย
รักการท่องเที่ยว รักความยุติธรรม เกลียดคนเห็นแก่ตัว
และเห็นแก่ได้ทั้งหลาย
รักการทำอาหาร รักสวยรักงาม ยังบ้าตามแฟชั่นอยู่เลยทั้งที่ตั้งใจไว้ว่า
ถ้าอายุ 40 เมื่อไหร่ จะแต่งตัวให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
นี่ก็ 47 แล้ว ยังอดแต่งตัวตามแฟชั่นไม่ได้ซะที
เขึยนบล๊อคนี้เพื่อเป็นเป็นไดอารี่ให้กับตัวเอง ว่าทำอะไรบ้างในชีวิตที่ผ่านมา
มีอะไรเกิดขึ้นในชีวิต และคิดอย่างไรกับชีวิตในขณะนั้น
เก็บไว้ดูความเปลี่ยนแปลงกับชีวิตตัวเอง
Friends' blogs
[Add Bopeep's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.