Finding Neverland
The Man Who Was Peter Pan

ความรู้สึกที่ได้จาก Finding Neverland อยากลุกขึ้นยืนปรบมือดังๆให้ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องทำให้เกิดหนังเรื่องนี้...
น่าจะเรียกได้ว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี ผมรู้สึกว่านี่เพิ่งจะต้นปี แต่ผมมีหนังที่ดูแล้วชอบมากๆหลายเรื่องทีเดียวตั้งแต่เริ่มปี 2548 นี้มา และ Finding Neverland ก็เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมตกหลุมรักเอาจริงๆจังๆ
Finding Neverland เป็นชีวประวัติของ Sir J.M. Barrie (ซึ่งต่อจากนี้ผมจะขอเรียกเค้าว่า James เหมือนคนอื่นๆในหนัง) ชายผู้ให้กำเนิดบทละครอมตะเรื่อง Peter Pan และความสัมพันธ์ของเขากับครอบครัว Llewelyn Davies ทั้งหม้ายสาวและลูกชายทั้ง 4 คนของเธอ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดบทประพันธ์เรื่องนี้ขึ้น
เรื่องเริ่มขึ้นที่บทละครที่ล้มเหลวของ James และการได้พบกับครอบครัว Llewelyn Davies เป็นครั้งแรก ในขณะที่ชีวิตครอบครัวของ James ก็ดูท่าว่าจะไม่ดีนัก โดยเราจะได้เห็นว่าเขาและภรรยานอนคนละห้องกัน
เรื่องราวของ Finding Neverland โดยรวม เกี่ยวข้องอยู่กับสิ่งที่เรียกได้ว่าสำคัญที่สุดในชีวิตของ James ที่เราได้เห็น นั่นคือจินตนาการ และจุดเด่นของเรื่องก็คือการนำจินตนาการมาใช้เป็นตัวดำเนินเรื่อง ทั้งในบทพูด, การดำเนินเรื่อง และภาพที่ปรากฏบนจอ ฉากที่ผมชอบมากฉากหนึ่งคือฉากที่บอกคนดูให้รู้กันตรงๆว่า James นอนคนละห้องกับภรรยาล่ะครับ (ก่อนนั้นก็บอก แต่ไม่ชัดเจนเท่า) ถ้าจำไม่ผิดจากที่ผมได้เคยอ่านมา ชีวิตของ James และครอบครัว Llewelyn Davies หลังจากในหนัง ก็ยังเต็มไปด้วยเรื่องเศร้า และยังมีประเด็นด้านลบอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวที่นำมาสร้างเป็นหนัง แต่ผู้สร้างฉลาดที่จะตัดส่วนเหล่านั้นทิ้ง และเล่าเฉพาะเรื่องราวที่ต้องการจะเล่า โดยที่ตัวผู้กำกับก็เคยให้สัมภาษณ์ชัดเจนเลยว่าเค้าตัดสินใจตัดส่วนเหล่านั้นทิ้งเอง เพราะเค้าไม่ได้ต้องการจะเล่าความจริงทุกแง่มุมของ J.M. Barrie นอกเหนือไปจากที่ได้เล่าไปในหนัง ซึ่งพอดูจบแล้วผมคงต้องบอกว่าเห็นด้วยอย่าง เพราะเรื่องราวเท่าที่เป็นนี้ ทำให้อารมณ์ของหนังลงตัวและซาบซึ้งตื้นตันใจมากๆเลยทีเดียว
ความสำเร็จยิ่งใหญ่ของหนังเรื่องนี้อีกสองส่วนที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือการคัดเลือกตัวละคร และบทภาพยนตร์ครับ ต้องบอกว่าหนัง Casting ทุกบทมาได้เด็ดขาดจริงๆ โดยเฉพาะในบทนำทั้ง Johnny Depp ซึ่งแสดงฝีมือแบบหายห่วงให้เห็นอีกครั้ง, Kate Winslet และ Freddie Highmore ในบทแม่ผู้เป็นผู้หญิงคนสำคัญในชีวิตของ James และเด็กชายผู้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิด Peter Pan ขึ้นมา ซึ่งผมเชื่อว่าทั้งสองบทพลาดการเข้าชิงออสการ์ไปเพียงฉิวเฉียดเท่านั้น
สำหรับ Johnny Depp ผมว่าตอนนี้เค้ากลายเป็นนักแสดงอันดับหนึ่งของรุ่นเดียวกันแล้วครับ สาเหตุที่ทำให้ Depp เหนือกว่าคนอื่นก็คือ
1. เค้าเป็นนักแสดงฝีมือดีที่น่าจะเรียกได้ว่า ไม่เคยฝีมือตกเลยก็ว่าได้ ต่างกับนักแสดงอันดับต้นๆหลายๆคนที่มีทั้งช่วงรุ่งช่วงดับ สำหรับช่วงที่เงียบๆของ Depp เกิดจากที่เค้าเลือกเล่นหนังเล็กๆ และต้องเรียกว่าแทบจะไม่เล่นหนังที่กะเอาใจตลาดก่อนเลยครับ
2. เค้ารับบทเป็นใครก็ได้ บทหลายๆบทที่ Depp เล่น เราคงนึกไม่ออกว่าจะมีใครคนอื่นมารับหน้าที่ได้ดีเท่า และลองเทียบ Pirates of the Caribbeans และเรื่องนี้ดู เราจะเห็นว่าเป็นบทที่แตกต่างกันสุดขีด แต่ Depp ทำได้แบบที่ต้องเรียกว่าไร้ที่ติทั้งคู่ กับบท James ใน Finding Neverland นี้ ก่อนได้ดู ผมคิดว่ามันคงเป็นบทที่ค่อนข้างธรรมดา (หมายถึงไม่พิสดาร) ถ้าเทียบกับหนังเรื่องอื่นๆของ Depp และคนอื่นๆก็คงมาเล่นบทนี้ได้ แต่หลังจากดูแล้ว ถึงบทจะออกธรรมดาจริง แต่ผมนึกให้คนอื่นมาเล่นบทนี้ให้ดีกว่านี้ได้ไม่ออกเลยครับ
นอกจากสองข้อนี้แล้ว เค้ายังเป็นไอดอลของหนุ่มเซอร์ที่สาวกรี๊ดและมีแม่ยกจำนวนมากอีกด้วย เชื่อว่าต่อจากนี้ไป เราจะได้เห็น Depp ในหนังใหญ่ๆมากขึ้น และจะได้เห็นเค้าชิงออสการ์อยู่เรื่อยๆเป็นประจำล่ะครับ โดยใน Finding Neverland เค้าก็เข้าชิงออสการ์ได้แบบใสๆ (ถึงแม้ว่าสุดท้ายคงไม่ใช่ผู้ชนะก็เถอะ) และผมประทับใจเค้ามากกว่า Leonardo DiCaprio ใน The Aviator ซะอีก แถมบทอบอุ่นๆอย่างนี้ คงได้แฟนมากขึ้นกว่าเดิมอีกเยอะล่ะครับ
Winslet รับบท Sylvia ได้สมบทบาทและลงตัว ผมว่าสาเหตุที่เธอไม่ได้ชิงออสการ์สมทบหญิงจากเรื่องนี้ น่าจะเป็นเพราะ ถึงเธอจะแสดงได้เนียน, ไร้ที่ติอย่างนี้ แต่บทนี้คงดูง่ายไปสำหรับเธอมั้งครับ ส่วน Freddie Highmore นี่ต้องบอกว่าเป็นหน้าใหม่ที่น่าจับตามองมากๆ จากทั้งหน้าตาและการแสดงของเค้าในเรื่องนี้ ทำให้ผมนึกถึงนักแสดงชายที่ผมชอบอีกคนคือ Ethan Hawke ตลอดเลย จริงๆบทเด็กๆในเรื่องนี่ต้องบอกว่าเล่นได้เยี่ยมกันทุกคนล่ะครับ แต่ส่วนที่ทำให้ Freddie เด่นขึ้นมา คงเพราะบท Peter เป็นบทเด่น และมีบุคลิกแปลกแยกออกจากคนอื่น รวมถึงมีฉากที่เปิดโอกาสให้แสดงอารมณ์ได้ ซึ่ง Freddie ก็แสดงได้ไม่แพ้นักแสดงผู้ใหญ่เลยทีเดียว
อีกส่วนหนึ่งที่ทำได้ยอดเยี่ยมได้แก่ความคมของบทภาพยนตร์ ที่ไม่ได้เน้นจะเร้าอารมณ์คนดูมากเกินไป แต่ก่อให้เกิดความรู้สึกตื้นตันใจมากๆในหลายๆฉาก รวมถึงบทหรือสองบทที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นบทร้ายของหนัง ก็ไม่ใช่บทแบบด้านเดียว แต่สุดท้ายเราจะเข้าใจตัวละครนั้นๆ และคงจะเกลียดไม่ลง นอกจากนั้นบทพูดทั้งเรื่องก็ทำได้เหมาะสม, คมคาย และน่าติดตามตลอดเวลา
นอกจากนั้นงานด้านภาพและดนตรีประกอบคงต้องบอกว่าเรียบง่ายแต่ยอดเยี่ยมครับ นับว่าเป็นหนังอีกเรื่องที่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ ทำได้สำเร็จในการทำให้ผมรู้สึกราวกับว่ามีเวทมนตร์หรือสิ่งมหัศจรรย์ล่องลอยอบอวลอยู่ในบรรยากาศตลอดเวลา และทำให้ผมรู้สึกว่า 106 นาทีของหนังนี่สั้นเหลือเกิน ยังอยากดูต่ออีกนานๆ
กล่าวโดยสรุปคือ 10 เต็ม 10 สำหรับ Finding Neverland ซึ่งจะเป็นหนังที่ผมประทับใจที่สุดของปีนี้อีกเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอนครับ
ดูแล้วชอบก็มาคุยกันนะครับ :)
Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2548 |
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2548 11:45:49 น. |
|
11 comments
|
Counter : 1057 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: merveillesxx วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:2:45:17 น. |
|
|
|
โดย: Dr Syntax วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:7:48:07 น. |
|
|
|
โดย: it ซียู วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:9:11:13 น. |
|
|
|
โดย: fisho IP: 203.148.194.18 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:13:26:58 น. |
|
|
|
โดย: ภูติ IP: 161.200.255.163 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:18:48:59 น. |
|
|
|
โดย: fisho IP: 203.148.194.18 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:9:31:02 น. |
|
|
|
โดย: SouLMaTe IP: 61.91.115.22 วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:20:03:52 น. |
|
|
|
โดย: Somiko IP: 203.156.43.222 วันที่: 3 มิถุนายน 2548 เวลา:18:11:02 น. |
|
|
|
โดย: เฟย์มาล IP: 125.27.18.76 วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:13:00:47 น. |
|
|
|
| |
|
|
ปล.1 ตอนนี้เจอปัญหา blog หายเหมือนกันครับ แถม 2 รอบแล้ว
ปล.2 เขียนเว้นบรรทัดแล้ว ดีจัง อ่านง่ายขึ้นครับ
ปล.3 อย่าลืมไปดู Lily Chou-Chou เน้อ...