Group Blog
 
 
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
14 ตุลา

เหตุการณ์สำคัญ 14 ตุลา 2516



คลิกที่รูปเพื่อเข้าไปชมภาพจาก //www.14tula.com


การชุมนุมใหญ่เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย และขับไล่เผด็จการ
เริ่มขึ้นที่ ธรรมศาสตร์ลานโพธิ์ จำนวนสิบ เพิ่มเป็นพัน ที่สนามฟุตบอล ขยายจำนวนหมื่นไปยังสนามหลวง หลั่งไหลออกสู่ถนนราชดำเนิน ณ ลานอนุสาวรีย์ " ประชาธิปไตย " จำนวนแสน และ แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของ คนจำนวนล้านทั่วทั่งประเทศ
เผด็จการ จึง ต้องถอยออกไป ในที่สุด.....


นักต่อสู้ เรียกร้อง ประชาธิปไตย ต้องสังเวย ด้วยชีวิต "ตายสิบ เกิดเป็นแสน" เพื่อ ดินแดน แห่งเสรี


ประชาธิปไตยแลกมาด้วยเลือด เนื้อ ชีวิตและน้ำตา ของนักต่อสู้

.... เรา ต่อสู้ ฟันฝ่า เราทนทุกข์ขมขื่น มาด้วยกัน จน ณ ขณะนี้ เส้นทางแห่งเรา กำลัง ต่างกัน
.....ใช่ เธอ บอกเธอ ทำถูก เรา ทำผิด....ใช่ เรา บอกเราทำถูกเธอทำผิด ถามว่า เธอทำเพื่อ ใคร ...


*
  ศุกร์ที่ 5 แถลงข่าวโครงการรณรงค์เรียกร้องรัฐธรรมนูญ
  เสาร์ที่ 6 ผู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญ 11 คน ถูกจับกุม
  อาทิตย์ 7 เพิ่มข้อหา “กบฏต่อราชอาณาจักร” ศูนย์กลางนิสิตออกแถลงการณ์ จับเพิ่มกบฏคนที่ 12
  จันทร์ที่ 8 ติดโปสเตอร์โจมตีเผด็จการ ออกหมายจับไขแสง สุกใส จอมพลประภาส จารุเสถียร จะกำจัดนิสิตนักศึกษา 2 % งดสอบ
  อังคารที่ 9 รุ่งอรุณแห่งการต่อสู้ กบฏคนที่ 13 มอบตัว นักศึกษาหลายสถาบันเริ่มชุมนุม ยื่นหนังสือถึงถนอมให้ปล่อย 13 กบฏ ประกาศประท้วงถึงที่สุด ถนอมประกาศใช้มาตรา 17 ยังคงชุมนุมแม้ฝนตกหนัก
  พุธที่ 10 ยืนหยัดต่อไปอย่างมั่นคง ศูนย์นิสิตเตรียมเข้ารับช่วงงาน ย้ายไปชุมนุมสนามฟุตบอล
  พฤหัสที่ 11 รวมพลังมหาชน การสนับสนุนจากทุกสารทิศ รัฐบาลเตรียมพร้อมรับสถานการณ์
  ศุกร์ที่ 12 ถนนทุกสายมุ่งสู่ธรรมศาสตร์ ยื่นคำขาดต่อรัฐบาล ต่างจังหวัดคุกรุ่น
  เสาร์ที่ 13 การเดินขบวนของนิสิต นักศึกษา และประชาชน



  อาทิตย์ที่ 14 จัดขบวนใหม่มุ่งไปสวนจิตร (00.00 – 01.00 น. ที่พระบรมรูปทรงม้า) โจมตีกันเอง (01.00 - 02.45 น. ที่ถนนพระราม 5) ปรับความเข้าใจ (02.45 – 03.30 น. ที่ถนนพระราม 5) อัญเชิญพระบรมราโชวาทสลายการชุมนุม (03.30 – 06.00 น. ที่ถนนพระราม 5) ประจันหน้าปะทะกับตำรวจ (06.30 น. ที่ถนนพระราม 5) ถอยร่น (เวลา 07.00 น. ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า) แค้น (08.00 น. ที่ธรรมศาสตร์) ลุกลาม (08.30 น. กองบัญชาการตำรวจนครบาลผ่านฟ้า หน้ากรมประชาสัมพันธ์ และตึก ก.ต.ป.)
รุนแรง (10.00-17.00 น. ตลอดสายถนนราชดำเนิน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และบางลำพู) จอมพลถนอมลาออก (17.15 – 18.30 น.) แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่ (18.45 – 24.00 น.)
  จันทร์ที่ 15 เวลา 00.30 น. ยังตึงเครียด เวลาประมาณ 11.30 น. ทหารประกาศปราบคอมมิวนิสต์
ช่วงเที่ยง คลี่คลาย ประภาส-ณรงค์ ลี้ภัยการเมือง
  อังคารที่ 16 ผลจากเหตุการณ์รุนแรงตลอดวันที่ 14-15 ตุลาคม 2516 ปรากฏว่ามีผู้เสียชีวิตถึง 77 คน และบาดเจ็บอีก 857 คน



สายธาร ตำนานศิลป์ : แนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย (2)
โดย วงศ์ไหม เมืองล้านนา


แล้วการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2519 ก็ปรากฏผล การต่อต้านทุกรูปแบบของขบวนการฝ่ายขวาจัดที่ทำกับนักการเมืองฝ่ายก้าวหน้าได้ผลรับเป็นที่พึงพอใจ เมื่อพรรคการเมืองฝ่ายก้าวหน้าและสังคมนิยมพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างมโหฬาร พรรคประชาธิปัตย์โดยการนำของ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ชนะการเลือกตั้งพร้อมกับพรรคการเมืองฝ่ายขวา พรรคการเมืองฝ่ายก้าวหน้าลดจำนวนลงจากร้อยละสิบห้าเหลือเพียงร้อยละสองของที่นั่งทั้งหมดในสภาผู้แทนฯ เมื่อสภาพเป็นเช่นนี้ทำให้เห็นได้ว่าพลังฝ่ายก้าวหน้าได้ค่อยๆ หมดความเข้มแข็งลงไปทีละน้อย แต่ก็ยังมีความเชื่อมั่นกับการต่อสู้นอกสภา ขบวนการฝ่ายขวาจัดเริ่มมองเห็นวิธีการเผด็จศึกด้วยแผนการอย่างต่อเนื่อง คึกฤทธิ์เองก็กลายเป็น ส.ส. สอบตกในเขตดุสิตซึ่งเป็นเขตทหาร พรรคประชาธิปัตย์โดยการนำของ ม.ร.ว.เสนีย์ฯ ได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล กลุ่มพลังขวาจัดต่างๆ ได้กระหน่ำโจมตีขบวนการนักศึกษา ประชาชน ทั้งทางวิทยุและ โทรทัศน์ ซึ่งอยู่ในการดูแลของพรรคการเมืองฝ่ายขวาในรัฐบาล ผู้ที่จะออกรายการได้ต้องเป็นพวกของตนและจะต้องพูดโจมตี นักศึกษา กรรมกร ชาวนา ชาวไร่ ปัญญาชนก้าวหน้า

ช่วงเดียวกันนี้ สุธรรม แสงประทุม จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับการคัดเลือกเป็นเลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยคนใหม่ ชัชวาลย์ ปทุมวิทย์ จากแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทยก็รั้งตำแหน่งประธานแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติแทนสุธรรมฯ ธงชัย วินิจจะกูล จากธรรมศาสตร์ ขึ้นไปช่วยงานเป็นรองนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดือนเมษายน พ.ศ.2519 พลเอก กฤษณ์ สีวะรา ผู้มีบทบาทสำคัญในการผนึกความสามัคคีในกองทัพและมีบทบาทอยู่เบื้องหลังการเมือง ได้ถึงแก่กรรมอย่างปัจจุบันทันด่วนยิ่ง นับเป็นลางร้ายสำหรับขบวนการนักศึกษา ประชาชนฝ่ายก้าวหน้า ระยะเวลานี้ความขัดแย้งในหมู่ชนชั้นปกครองของประเทศดุเดือดรุนแรงขึ้น วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2519 มีผู้นำจอมพลประภาส จารุเสถียร กลับเข้าประเทศ อ้างว่าจะมารักษาตาที่มองไม่ค่อยเห็น เมื่อข่าวแพร่ออกไป ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยและองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, แนวร่วมอาชีวะเพื่อประชาชน, ศูนย์กลางนักศึกษาครูแห่งประเทศไทย และองค์กรฝ่ายประชาชนต่างๆ ได้นัดชุมนุมประชาชนให้ทางการจับตัวมาดำเนินคดีกรณีเป็นหนึ่งในสามทรราชที่ออกคำสั่งเข่นฆ่าประชาชนเมื่อ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 การชุมนุมยืดเยื้อเริ่มจากสนามหลวงและมุ่งสู่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ระยะหลังสถานการณ์ในที่ชุมนุมมักมีเหตุการณ์ตึงเครียดเสมอ การตรวจตราค้นอาวุธเข้มงวดขึ้น โดยนักศึกษากิจกรรมและกำลังของแนวร่วมอาชีวะเพื่อประชาชนโดยการนำของ โอริสสา ไอยราวัณวัฒน์ ซึ่งไม่เห็นด้วยกับศูนย์กลางนักเรียนอาชีวะแห่งประเทศไทยที่ยอมเป็นเครื่องมือของกลุ่มกระทิงแดง จึงแยกตัวออกมาพร้อมด้วยนักศึกษาอาชีวะส่วนหนึ่ง หนุนช่วยงานเคลื่อนไหวของฝ่ายนักศึกษาประชาชน ศูนย์กลางนักศึกษาครูรับหน้าที่เป็นแม่งานใหญ่สำหรับเสบียงอาหารของที่ชุมนุม

แนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทยได้จัดสมาชิกไปร่วมเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยร่วมกับ นักศึกษากิจกรรมจากที่อื่นๆ โดยเฉพาะด้านกำแพงพิพิธภัณฑ์และวิทยาลัยนาฏศิลป์ ช่างศิลป์, ด้านประตูมหาวิทยาลัยหน้าหอใหญ่ ประตูรั้วด้านหอเล็กยามค่ำคืนเป็นจุดที่ล่อแหลมยิ่ง ฝ่ายตรงข้ามสามารถแทรกตัวเข้ามาก่อกวนได้ง่าย พวกที่อาสามาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่ได้มีอะไรเป็นเครื่องมือป้องกันอันตรายนอกจากมือเปล่า บางคนไปงัดหาเศษไม้มาถือไว้เพื่อให้เกิดความอุ่นใจเท่านั้น เพราะลำพังเพียงเศษไม้ไม่สามารถป้องกันอาวุธสงครามได้แม้แต่น้อย แต่ทุกคนที่ขันอาสามาช่วยไม่ได้ระย่อใจ หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น ความเป็นธรรมสิ่งที่ถูกต้องย่อมอยู่เคียงข้างกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ ดูไปแล้วความคิดเหล่านี้อาจเดียงสาเกินไปก็ได้?

ทุกครั้งที่มีการชุมนุมประชาชนผู้ที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนองค์กรแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทยขึ้นเวทีปราศรัยคือ ชัชวาลย์ ปทุมวิทย์ และเมื่อ ชัชวาลย์ ปทุมวิทย์ ไปเป็นประธานแนวร่วมต่อต้านเผด็จการแห่งชาติแล้ว คณะกรรมการองค์กรเห็นว่าควรมีผู้อื่นรับหน้าที่บนเวทีระหว่างชุมนุมทางการเมืองของประชาชน โชคชัย ตักโพธิ์ คือผู้รับหน้าที่นั้นในคราวชุมนุมประชาชนที่ท้องสนามหลวงต่อต้านการกลับเข้าประเทศของจอมพลประภาส จารุเสถียร

วันหนึ่งของการชุมนุมฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก น้ำฝนเจิ่งนองทั่วสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ ฝนตกลงมา เทลงมา ฝนเทลงมา ให้มวลประชาได้ชื่นใจ บทเพลงของ มงคล อุทก ดังกึกก้องจากเวที ประชาชนก็กรำฝนมากลางสนามฟุตบอล ต่อกันเป็นแถวยาวนับพันคนเหมือนงูกินหาง นำทีมหัวขบวนโดยสมาชิกแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทยลดอุณหภูมิให้ผ่อนคลายลง

วันยื่นคำขาดให้จับตัวจอมพลประภาส มาลงโทษนั้น นักศึกษาจากรามคำแหงและประชาชนเดินทางมาสมทบที่ธรรมศาสตร์อีกกว่าหมื่นคณะ ขณะที่เคลื่อนตัวจากสนามหลวงเข้าสมทบนั้น เสียงระเบิดดังติดต่อกัน…สนั่น… มีผู้บาดเจ็บจมกองเลือดหลายคนทันที ฝ่ายรักษาความปลอดภัยช่วยกันเคลียร์พื้นที่ ผู้ต้องสงสัยถูกจับตัว เมื่อสืบสวนแล้วเป็นการจับผิดตัว เพราะตัวการที่แฝงปะปนฝูงชนเข้ามาขว้างระเบิด หลบหนีไปด้วยมอเตอร์ไซค์ วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่มีประชาชนมาร่วมชุมนุมมาก หลายหมื่นคนท่ามกลางเหตุการณ์ระเบิดอย่างรุนแรง วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2519 จอมพลประภาส จารุเสถียร ก็เดินทางออกจากประเทศไทย การชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จึงยุติลง

หลังจาก พลเอกฤษณ์ สีวะรา ถึงแก่กรรม ข่าวลือเรื่องการยึดอำนาจทำรัฐประหารของคณะทหารระดับสูงก็ปรากฏเป็นระลอก องค์กรฝ่ายนักศึกษา ประชาชนก้าวหน้า ประชุมวิเคราะห์สถานการณ์กันอย่างจริงจังท่ามกลางบรรยากาศนี้ สมาชิกแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทยได้เปิดการสนทนาภายในอย่างเข้มข้นต่อเหตุการณ์ที่มีแนวโน้มไปสู่การทำรัฐประหาร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเราจะปกป้องรักษา ประชาธิปไตย จนถึงที่สุด? หลายครั้งที่กลุ่มก่อกวนมักแอบซ้อนมอเตอร์ไซค์มาจุดไฟเผาป้ายคัตเอาท์ที่มีข้อความระบุว่า สถานที่แห่งนี้คือ ที่สร้างอนุสรณ์สถานวีรชน 14 ตุลาคม บริเวณริมฟุตบาทหน้าตึก กตป. เดิม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเวลาค่ำคืน สมาชิกแนวร่วมศิลปินฯ ที่ประจำการอยู่บนตึก กตป. จะรีบกรูกันมาดับไฟ ส่วนที่เอาการเอางานและอยู่ปฏิบัติงานสม่ำเสมอ มี

มนัส เศียรสิงห์ (แดง) เป็นตัวยืนที่อยู่ประจำ หน่วยกองหน้ายังประกอบด้วยสถาพร ไชยเศรษฐ (โย่ง) ทันพงษ์ รัศนานันท์ (ตู่) ศาณิต รัตตโณภา สิงห์น้อย ฟูสวัสดิ์สถาพร พิชัย ฝันเยื้อง (เล็ก) สินธุ์สวัสดิ์ ยอดบางเตย สมบัติ ฤทัยสุข เกษม เหล่าสืบสกุลไทย ลิขิต งามเสน (ปุ้ย)
วีระศักดิ์ ขันแก้ว (ดำ) ส่วน สันติ อิศโรวุธกุล ประธานองค์กร ถกล ปรียาคณิตพงศ์ ลาวัณย์ อุปอินทร์ (ดาวราย) ต้วง นิตยะนันทะ ประเสริฐ เทพารักษ์ รวมถึง พิเชษฐ เศรษฐานนท์ (จั๊ก)
ก็ไม่ได้ขาดหายไปไหน หมุนเวียนมาช่วยปฏิบัติ

ภารกิจที่ตึก กตป. แม้สถานการณ์จะแรงขึ้นปานใดก็มิได้หวั่นไหว ได้มีการจับกลุ่มเสวนากันว่าถ้าเกิดเหตุการณ์รุนแรงจากฝ่ายตรงข้ามจนจำเป็นต้องอำพรางตัว อาจต้องใช้ชื่อปลอมกันบ้าง หลายคนพูดเชิงทีเล่นทีจริงว่า ถ้าตัวใหญ่ต้องใช้ชื่อว่า "เล็ก" บางคนตัวเล็กต้องใช้ชื่อว่า "ใหญ่" แม้แนวโน้มเริ่มปรากฏให้เห็นถึงความเลวร้ายที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการสร้างสถานการณ์ของฝ่ายปฏิกิริยาขวาจัด แต่มวลสมาชิกกองหน้าของแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ยังทำงานหนุนช่วยงานสื่อศิลปะให้กับองค์กรประชาชนที่แสวงหาความเป็นธรรมอยู่สม่ำเสมอ ช่วงนี้แนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทยได้จัดแสดงงานภาพเขียนขึ้นที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วยความร่วมมือของสโมสรนิสิตจุฬาฯ และกลุ่มกิจกรรม

สถานการณ์ในคณะรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ฯ มีแต่ความขัดแย้ง มีการช่วงชิงกันขึ้นเป็นระดับนำในกองทัพ กลุ่มนายทหารขวาจัดโดยการสนับสนุนของขบวนการขวาตกขอบทั้งหลายพยายามผลักดันความคิดนำจอมพลถนอม กิตติขจร กลับเข้าประเทศ พอถึงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ.2519 จงกล กิตติขจร ภรรยาจอมพลถนอมฯ ก็เดินทางเข้าประเทศ และติดต่อกับรัฐบาล ม.ร.ว.เสนีย์ฯ จะเอา
จอมพลถนอมฯ บวชเป็นสามเณรกลับเข้ามาดูแลอาการป่วยของพ่อ คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 31 สิงหาคม พ.ศ.2519 มีความเห็นว่า จอมพลถนอมฯ ยังไม่ควรกลับเข้าประเทศ ความขัดแย้งของระดับนำในช่วงนี้คือ การแต่งตั้ง โยกย้าย นายทหารประจำปี กลุ่มทหารของกฤษณ์ฯ เดิม ได้รับการสนับ สนุนจากพรรคประชาธิปัตย์ให้ไปรับตำแหน่งสำคัญในกองทัพ ส่วนกลุ่มอื่นถูกวางตำแหน่งหน้าที่ที่ไม่ใช่ตำแหน่งสำคัญ ผู้ที่สูญเสียตำแหน่งและอำนาจสำคัญทางการทหารได้ร่วมมือกันกับขบวนการขวาจัด นำจอมพลถนอมฯ กลับเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2519 เพื่อสั่นคลอน เสถียรภาพของรัฐบาลเสนีย์ ปราโมช

จอมพลถนอมฯ บวชเป็นสามเณรเข้ามาพำนักที่วัดบวรฯ บางลำพู รัฐบาลเสนีย์ฯ เกิดความขัดแย้งกันอย่างหนัก รัฐมนตรีส่วนหนึ่งต้องการให้นำจอมพลถนอมฯ ออกนอกประเทศ แต่อีกส่วนหนึ่งที่มีความคิดขวาตกขอบดื้อดึงและคัดค้านอย่างหนัก จนนายกฯ เสนีย์ ไม่สามารถตัดสินใจทำอะไรได้เด็ดขาดนอกจากให้สัมภาษณ์ …นักศึกษามีสิทธิ์ ชุมนุมคัดค้านการกลับมาของจอมพลถนอมฯ ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ

ทางด้านขบวนนักศึกษาได้พยายามพิจารณาเรื่องราวอย่างรอบคอบและเห็นว่าการนำจอมพลถนอมฯ กลับเข้ามาครั้งนี้มีการเตรียมการมาอย่างดี โดยการอ้างมาดูแลพ่อที่ป่วยอยู่และเข้ามาในคราบผ้าเหลือง ขบวนการนักศึกษาได้ยื่นเรื่องให้รัฐบาลจัดการ ขณะเดียวกันได้ส่งนิสิตนักศึกษาออกสำรวจความคิด เห็นและทำความเข้าใจกับประชาชน ให้องค์การนักศึกษาทุกสถาบันการศึกษาต่างๆ จัดพิมพ์ใบปลิว โปสเตอร์ จัดสนทนา อภิปรายในเรื่องนี้ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนมากที่สุดและเตรียมความคิดถ้าจำเป็นต้องมีการชุมนุมเคลื่อนไหวใหญ่

ทางด้านรัฐบาลเสนีย์ฯ การที่จอมพลถนอมฯ กลับเข้ามานั้น สั่นคลอนรัฐบาล ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์เองก็แตกแยกไปคนละขั้ว มีการวางแผนให้ ม.ร.ว.เสนีย์ฯ ลาออกจากตำแหน่งก่อน จุดหมายคือปรับปรุงคณะรัฐมนตรีโดยหวังจะตัดพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลและ ส.ส. ประชาธิปัตย์บางส่วนที่ร่วมมือสมคบนำจอมพลถนอมฯ กลับเข้าประเทศ แต่แผนดังกล่าวก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด ม.ร.ว.เสนีย์ฯ ถูกบีบจากกลุ่มที่มีอิทธิพลเหนือกว่าให้ต้องรับพรรคการเมืองและ ส.ส.ขวาตกขอบกลับมาร่วมรัฐบาลอีก

เมื่อขบวนการฝ่ายนักศึกษา-ประชาชนก้าวหน้า ได้ออกทำความเข้าใจกับประชาชนกรณีให้รัฐบาลเร่งดำเนินการกับจอมพลถนอมฯ ได้ระยะหนึ่ง เห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ให้สำเร็จได้ จึงนัดชุมนุมประชาชนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ.2519 การจัดชุมนุมครั้งนี้เป็นการชี้แจงเจตนารมณ์ที่คัดค้านเผด็จการต่อต้านรัฐประหาร ในเวลาเดียวกันก็ให้โอกาสรัฐบาลหาหนทางดำเนินการกับจอมพลถนอมฯ โดยเร็ว

กระแสการคัดค้านทรราชย์สูงขึ้น หลังจากมีการสำรวจความคิดเห็นและทำความเข้าใจกับประชาชนทั่วไปแล้ว แต่รัฐบาลเสนีย์ฯ ยังไม่สามารถจัดการอย่างใดอย่างหนึ่งกับจอมพลถนอมฯ ได้ ขบวนการนักศึกษา ประชาชน โดยการนำของศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย จึงได้นัดชุมนุมใหญ่ที่ท้องสนามหลวง ในวันที่ 29 กันยายน พ.ศ.2519 การชุมนุมครั้งนี้ส่วนหนึ่งเป็นการเรียกร้องให้จับกุมผู้ทำการแขวนคอพนักงานไฟฟ้านครปฐม ซึ่งออกไปติดโปสเตอร์ต่อต้านจอมพลถนอมฯ และถูกตำรวจจับ ต่อมามีผู้พบศพพนักงานไฟฟ้าทั้งสองคนถูกแขวนคอจนเสียชีวิต (ตำรวจที่จับพนักงานไฟฟ้าถูกจับในข้อหาฆ่าคนตาย แต่ได้รับการปล่อยตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นาน) อีกส่วนหนึ่งให้จัดการอย่างเด็ดขาดกับจอมพลถนอมฯ การชุมนุมที่สนามหลวงครั้งนี้ถูกก่อกวนอย่างหนักจากกลุ่มกระทิงแดง แต่สามารถคลี่คลายเหตุการณ์ลงได้ มีประชาชนร่วมชุมนุมหลายหมื่นคน ก่อนจะสลายชุมนุม เพื่อดำเนินความชอบธรรมในขั้นต่อไป ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยได้ยื่นคำขาดขอฟังคำตอบจากรัฐบาลในวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2519

ในการประท้วงการกลับมาของจอมพลถนอมฯ นี้ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาฯ ได้รับความร่วมมือจากญาติวีรชน 14 ตุลาฯ และวีรชนผู้บาดเจ็บ พิการ จากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 ทำการอดอาหารประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่บ้านเมืองพยายามขัดขวางเต็มที่ ฉะนั้นในวันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2519 ด้วยความร่วมมือของนักศึกษาพุทธศาสตร์และประเพณีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ญาติวีรชนจึงย้ายมาอดอาหารที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แทน

วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2519 นักศึกษาธรรมศาสตร์ไม่ยอมเข้าห้องสอบ เวลาใกล้เที่ยงมีนักศึกษาและประชาชนทยอยสมทบเพิ่ม นักศึกษาได้จัดอภิปรายเรื่อง การเดินทางกลับมาของจอมพลถนอมฯ และเรื่องการฆ่าแขวนคอพนักงานไฟฟ้าส่วนภูมิภาคนครปฐม มีผู้สนใจอยู่พอสมควร ต่อด้วยการแสดงละครจับพนักงานไฟฟ้าแขวนคอ โดย ชุมนุมนาฏศิลป์และการละครมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้แสดงสองคน คือ อภินันท์ บัวหะภักดี และ วิโรจน์ ตั้งวานิช เป็นนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ มธ. ในช่วงเย็นของวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ.2519 ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาฯ ได้จัดชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวงอีกครั้งหนึ่ง การชุมนุมครั้งนี้นอกจากจะเพื่อรอคำตอบจากรัฐบาลแล้ว เป็นการแสดงพลังของนักศึกษา ประชาชน ป้องกันการทำรัฐประหาร เนื่องจากนายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคนไม่พอใจ การโยกย้ายตำแหน่งเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2519 ท่ามกลางการชุมนุมฝนได้ตกลงมาอย่างหนัก

สมาชิกแนวร่วมศิลปินฯ นั้น รับหน้าที่ผลิตงานโปสเตอร์ และภาพล้ออยู่ภายในตึกกิจกรรมของกลุ่มอิสระ มธ. หลังแท้งค์น้ำสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ สมาชิกอีกส่วนหนึ่งไปร่วมจัดทำเวทีที่ชุมนุมสนามหลวง สาเหตุที่ต้องแยกส่วนผลิตงานได้มีการพูดคุยกันก่อนหน้านี้แล้วว่า ขบวนการฝ่ายนักศึกษา ประชาชน ต้องการประสานการต่อสู้ครั้งนี้เข้ากับการเฉลิมฉลองครบรอบ 3 ปี ของเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 ผู้ทำกิจกรรมส่วนหนึ่งจึงต้องตระเตรียมงานสำหรับร่วมฉลองฯ แนวร่วมศิลปินฯ เป็นหน่วยงานกิจกรรมด้านสื่อที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมงานด้านภาพและข้อมูลเพื่อจัดทำนิทรรศการ จึงจำเป็นต้องแบ่งสมาชิกเป็นสองส่วน
เวลาประมาณเกือบสองทุ่มที่ฝนเทลงมา ที่ชุมนุมได้ย้ายเข้ามาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทางผู้รับผิดชอบมหาวิทยาลัยได้ประกาศปิดมหาวิทยาลัยอย่างไม่มีกำหนดเพื่อป้องกันเหตุรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น หนังสือพิมพ์ดาวสยามซึ่งเป็นคู่อริของขบวนการนักศึกษาประชาชนก้าวหน้าได้ลงรูปถ่ายการแสดงการแขวนคอของชุมนุมนาฏศิลป์และการละคร มธ. โดยมีการนำเอาภาพไปใช้เทคนิคตัดต่อ จนรูปที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ดาวสยามกลายเป็นภาพที่มีหน้าคล้ายมกุฎราชกุมารจนแยกไม่ออก และนำออกเผยแพร่ พร้อมกับกล่าวหาว่า นักศึกษามีเจตนาทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อจากนั้น สถานีวิทยุยานเกราะซึ่งเป็นศูนย์กลางในการใส่ร้ายขบวนการนักศึกษามาตลอด ก็เริ่มโหมข่าวว่า มีการทำหุ่นรัชทายาทแขวนคอ

ที่สามานย์ยิ่งคือ ออกข่าวใส่ร้าย ลาวัณย์ อุปอินทร์ (ดาวราย) อย่างเสียหายว่า เป็นตัวการทำสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา พร้อมกับปลุกระดมให้ฆ่านักศึกษาที่ชุมนุมอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

วันอังคารที่ 5 ตุลาคม พ.ศ.2519 หนังสือพิมพ์ดาวสยามและบางกอกโพสต์ได้พาดหัวข่าวในทำนองว่านักศึกษา ต้องการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเช่นเดียวกับวิทยุยานเกราะและชมรมวิทยุเสรี ก็เร่งออกข่าวบิดเบือนอย่างมีแผนชั่วร้าย วิทยุในเครือข่ายชมรมวิทยุเสรีสองร้อยกว่าสถานีถูกบังคับให้ถ่ายทอดการกระจายเสียงของยานเกราะ ซึ่งพยายามปลุกปั่นให้ผู้ฟังเกลียดแค้นนักศึกษา ประชาชนที่ชุมนุมอยู่ในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อยู่ตลอดเวลา โดยอ้างว่านักศึกษาจะทำลายโค่นล้มสถาบันพระมหากษัตริย์ วิทยุยานเกราะได้เรียกร้องให้กลุ่มกระทิงแดง นวพล ลูกเสือชาวบ้านทำลายล้างพวกที่ชุมนุมในธรรมศาสตร์ และให้ทำการประท้วงรัฐบาลเสนีย์ฯ ที่ตั้งรัฐบาลใหม่โดยไม่ให้ นายสมัคร สุนทรเวช และ นายสมบุญ ศิริธร ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย

สถานการณ์ในที่ชุมนุม นักศึกษา ประชาชนฝ่ายก้าวหน้ายังผนึกกำลังกันอยู่อย่างเหนียวแน่น แม้เหตุการณ์ข้างนอกจะขมวดเกลียวทุกขณะก็ตาม ผู้ทำกิจกรรมนักศึกษาขององค์กรต่างๆ ได้จัดกำลังร่วมกันไปเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัยตามจุดล่อแหลมซึ่งคุ้นเคยกันดีตั้งแต่การชุมนุมในครั้งก่อนๆ สมาชิกแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทยส่วนหนึ่งรับหน้าที่รักษาความปลอดภัยเหมือนการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาพวกเราเข้มงวด กวดขัน ตรวจตราและค้นตัวผู้เข้าออกภายในบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชนิดเรียงตัว อย่างละเอียด บทเรียนของการโดนระเบิดครั้งแล้วครั้งเล่าในที่ชุมนุมทำให้ต้องรอบคอบขึ้น สมาชิกที่เตรียมงานภาพคัตเอาท์โปสเตอร์เพื่อฉลองครบรอบ 3 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคมฯ ก็หยุดงานมาช่วยดูแลที่ชุมนุม

ใกล้ค่ำยิ่งดูอึมครึมเข้าไปทุกขณะ มีใครจะรู้บ้างไหมว่าเหตุการณ์สุดหฤโหด กำลังย่างกรายเข้ามา สถานีวิทยุยานเกราะและชมรมวิทยุเสรีโหมปลุกระดมต่อเนื่องตลอดเวลา เมื่อเหตุการณ์ถูกใส่ร้ายกลายเป็นเรื่องใหญ่ แกนนำนักศึกษาผู้นำชุมนุมจึงได้ตกลงกันดำเนินการดังนี้
แถลงข่าวเปิดเผยข้อเท็จจริงกับสื่อมวลชน ติดต่อรัฐบาลขอพบเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งไม่สามารถทำได้ทันที เตรียมย้ายผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งออกจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อเตรียมรับเหตุที่อาจรุนแรงขึ้น และ
จะให้มีการสลายการชุมนุม ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น การสลายตัวในยามค่ำคืน ซึ่งขณะนั้นถูกล้อมกรอบไว้หมดทุกด้าน ไม่สามารถประกันความปลอดภัยของผู้ร่วมชุมนุมได้

ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเรื่องการแสดงละครว่าต้องการแสดงให้เห็นถึงความทารุณโหดร้ายที่เกิดจากการฆ่าแขวนคอพนักงานการไฟฟ้าที่นครปฐม และการเลือกบุคคลทั้งสองมาแสดงเพราะน้ำหนักเบา ไม่มีอุปสรรคในการแสดง

คืนนั้นรัฐบาลได้ประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นกรณีพิเศษ และมีมติให้กรมตำรวจดำเนินการสอบสวนโดยด่วน
ทางด้านแกนนำผู้ชุมนุมซึ่งเตรียมดำเนินมาตรการไว้หลายอย่างนั้นสามารถทำไปได้เพียงประการเดียวคือแถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบเท่านั้น ผู้ซึ่งทำหน้าที่รักษาการอยู่ตามจุดต่างๆ เห็นการเคลื่อนไหวภายนอกเป็นไปอย่างผิดปกติ ได้แต่ตักเตือนกันให้ระมัดระวังตัวให้มากขึ้น สมาชิกแนวร่วมศิลปินฯ ได้ไปประจำจุดที่หน้าหอประชุมใหญ่หลายคนร่วมกับแนวร่วมนักศึกษาอาชีวะและนักศึกษารามคำแหง กลุ่มกระทิงแดงได้เผาป้ายบริเวณรั้วมหาวิทยาลัยด้านติดฟุตบาทถนนข้างสนามหลวง

กลางดึก ประมาณเที่ยงคืน อาวุธสงครามหลายชนิดถูกยิงเข้าไปกลางสนามฟุตบอลจากภายนอก ขณะที่กำลังตำรวจทำการปิดล้อมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อย่างเหนียวแน่น ไม่ให้คนที่อยู่ภายในเล็ดรอดออกมาได้ กระสุนหัวระเบิดตกกลางสนามฟุตบอลโดนผู้ชุมนุมที่นั่งอยู่กลางสนามเลือดไหลนองพร้อมเสียงครวญคราง นักศึกษาเพาะช่าง นิคม รัตนคำแปง และนักศึกษาหญิง ได้รับบาดเจ็บสาหัส รวมกับผู้อื่นอีกหลายคน พวกเรารีบลำเลียงคนเจ็บไปทางกำแพงด้านริมน้ำเจ้าพระยา เนื่องจากด้านอื่นไม่สามารถออกไปได้แต่เรือก็ได้นำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลศิริราชได้ทันเวลา

หลังกระสุนสงครามตกลงกลางสนามฟุตบอล ผู้ชุมนุมได้แตกกระจายหาที่หลบตามอาคาร ใต้ถุนตึก โดยเฉพาะใต้ถุนตึกบัญชีมีผู้เข้าไปหลบมากกว่าตึกอื่น วิทยุยานเกราะได้ประโคมข่าวว่าภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ซ่องสุมอาวุธร้ายแรง เช่น ปืนกลหนัก ฐานยิงจรวด ลูกระเบิด เพื่อหมายโค่นล้มสถาบันสูงสุด เรื่องเหล่านี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองย่อมรู้ดี ถ้ามีอาวุธจริงพวกที่อยู่ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์คงไม่ถูกปิดล้อมกรอบอย่างไม่มีการตอบโต้เช่นนี้ หลายครั้งที่มีข่าวใส่ร้าย เมื่อเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้าไปตรวจค้น ก็ไม่เคยพบหลักฐานใดๆ ที่ส่อเค้าไปในทางที่ถูกใส่ร้าย
หลังเที่ยงคืนไปแล้ว พวกแกนนำและหน่วยรักษาความปลอดภัยต้องวิ่งประสานงานกันอย่างหนัก สถานการณ์ที่เป็นอยู่เลวร้ายลงเรื่อย หน่วยรักษาความปลอดภัยที่คุมจุดอยู่บริเวณหน้าหอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ผนึกกำลังกัน จุดนี้เป็นจุดอันตราย เป็นด่านหน้าที่ต้องเผชิญกับทุกสิ่ง ผู้ที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรงจุดนี้ย่อมรู้อยู่แก่ใจทุกคน ถ้าฝ่ายตรงข้ามบุกทะลวงด้วยอาวุธสงครามเข้ามา พวกเขาไม่มีโอกาสรอดแน่นอน

วันพุธที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ก่อน 05.00 น. กลุ่มกระทิงแดงและฝ่ายขวาจัดที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัยฯ พยายามจะบุกปีนขึ้นไปตรงรั้วแต่ไม่สำเร็จ เมื่อมีการตอบโต้จากหน่วยรักษาความปลอดภัย มีการใช้รถบัสขับเข้าชนประตู และเผาป้อมยามหน้ามหาวิทยาลัย สลับกับการระดมยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนักหน่วงตลอดเวลา ขณะเดียวกันนี้วิทยุยานเกราะได้ระดมกำลังฝ่ายขวาจัดมาชุมนุมกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อเรียกร้องให้นายกเสนีย์จัดตั้งรัฐบาลใหม่ ให้ขับไล่ นายสุรินทร์ มาศดิตถ์ นายชวน หลีกภัย นายดำรง ลัทธพิพัฒน์ ออกจากการเป็นรัฐมนตรี

ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เสียงกระสุนจากอาวุธสงครามดังถล่มกึกก้องเข้าสู่ภายในอย่างบ้าดีเดือด ปืนสงครามติดกล้องถูกประทับบ่าเล็งไปที่หน่วยรักษาความปลอดภัยหน้าบริเวณหอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ เมื่อสิ้นเสียงปืน ร่างของหน่วยระวังหน้าก็ล้มกองฟุบจมเลือดแดงฉานไปทีละคน ที่เหลือต้องซุกกายแอบเข้าที่กำบัง หลายคนถูกกระสุนสงครามดิ้นทุรนทุราย ร้องครวญคราง ตำรวจคอมมานโด หน่วยปฏิบัติการพิเศษ และตำรวจท้องที่ล้อมอยู่รอบมหาวิทยาลัย
เวลาประมาณ 08.00 น. ตำรวจตระเวนชายแดนอาวุธครบมือ บุกจู่โจมเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนหน้านี้เล็กน้อย สุธรรม แสงปทุม เลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาฯ นักแสดงละคร และแกนนำนักศึกษาส่วนหนึ่งได้เดินทางไปพบนายกฯ เสนีย์ ที่บ้านซอยเอกมัย แต่ปรากฏว่ายังไม่ทันได้พบก็ถูกตำรวจจับควบคุมตัวไปเสียก่อน ธงชัย วินิจจะกูล ทำหน้าที่คุมเหตุการณ์ภายในของฝ่ายชุมนุม

เวลา 08.30 น. พลตำรวจตรีเสน่ห์ สิทธิพันธุ์ สั่งการให้ตำรวจตระเวนชายแดนเข้าเคลียร์ธรรมศาสตร์ ตำรวจตระเวนชายแดนได้บุกระดมยิงเข้าใส่กลุ่มนักศึกษามีผู้บาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก มนัส เศียรสิงห์ และ ทันพงษ์ รัศนานันท์ จากแนวร่วมศิลปินฯ ที่ไปช่วยรักษาความปลอดภัยหน้าหอใหญ่ ถูกระดมยิงหลายแห่งทั่วร่าง ในขณะที่ผู้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรงจุดเดียวกันถูกกระหน่ำจนขาดใจตายคาที่ แต่ร่างของ แดง มนัส เศียรสิงห์ กลับถูกลากมากลางสนาม โอริสสา ไอยราวัณวัฒน์ ประธานแนวร่วมอาชีวะฯ ถูกยิงกรอกปาก กระสุนฝังใน นักศึกษาประชาชนผู้ชุมนุม แตกตื่นวิ่งหนีอย่างเสียขวัญไปทางประตูมหาวิทยาลัยก็ถูกรุมตีรุมกระทืบ จากความคลั่งความรุนแรงขวาจัด นิสิตจุฬาลงกรณ์ปีสองและนักศึกษารามคำแหงถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสยังไม่ทันสิ้นใจก็ถูกลากไปแขวนคอบนต้นมะขามสนามหลวง แล้วร่างยังถูกหวดกระหน่ำด้วยแป๊บเหล็ก ของมีคม จนร่างแหลกเหลวเสียชีวิตไปอย่างอเนจอนาถ

ผู้รักษาการหน้าหอใหญ่ถูกยิงจนหมด บางร่างตาไม่ยอมหลับจ้องดูผู้พิฆาตอย่างเด็ดเดี่ยว บางร่างก็สงบนิ่งเหมือนหนึ่งว่าภูมิใจที่เขาได้พลีชีพให้กับอุดมการณ์ที่งดงามแล้ว เสียงจากเวทีของ ธงชัย วินิจจะกูล ดังผ่านไมโครโฟนชัดเจนว่า พี่ตำรวจกรุณาหยุดยิง พวกเราชุมนุมอย่างสันติ ไม่มีอาวุธ ตัวแทนของเรากำลังเจรจากับรัฐบาลอยู่ ขอความกรุณาหยุดยิงเถอะครับ พวกเรายอมแล้ว” แล้วไมโครโฟนก็เงียบเสียงลงเมื่อ ธงชัยฯ ถูกตำรวจตะครุบตัว ภายในสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ สับสนวุ่นวาย ผู้ชุมนุมกระเจิดกระเจิงถูกตำรวจตระเวนชายแดนไล่พิฆาต จารุพงษ์ ทองสินธุ์ นักกิจกรรมนักศึกษาธรรมศาสตร์ผู้เร่งให้ทุกคนทยอยจากตึก อมธ. และตึกนิติศาสตร์เพื่อไปยังตึกคณะวารสารศาสตร์ จะได้หาหนทางออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาถูกกระสุนสงครามกระหน่ำเข้าใส่ร่างจนทะลุและล้มลงแน่นิ่ง กลุ่มขวาพิฆาตบ้าเลือดได้ตรงเข้าใช้ผ้าผูกคอเขา แล้วลากร่างไร้วิญญาณไปทางกลางสนามฟุตบอล ร่างของ มนัส เศียรสิงห์ แห่งแนวร่วมศิลปินฯ ยังไม่ขาดใจทันที เขาถูกลากมารุมเหยียบ และถูกตอกด้วยลิ่มอย่างทารุณก่อนสิ้นใจ นักศึกษาบางคนถูกลากไปจากประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์โดนทำร้ายจนเจ็บสาหัส ก่อนถูกราดด้วยน้ำมันเบนซินแล้วจุดไฟเผาโดยใช้ยางรถยนต์ทับ
ที่ประตูมหาวิทยาลัยด้านท่าพระจันทร์ ผู้ชุมนุมได้หนีตายมาออกันอยู่ ซึ่งตำรวจได้ปิดกั้นยืนรักษาการณ์เหนียวแน่น ตำรวจที่รักษาการณ์หน่วยนี้เป็นตำรวจที่ถูกขอมาเสริมกำลังช่วย ครั้งแรกที่ถูกขอร้องวิงวอนจากผู้ที่ติดอยู่ด้านในมหาวิทยาลัย ด้วยความเห็นใจ จึงเปิดให้ผู้ชุมนุมที่ติดอยู่ด้านในออกมาส่วนหนึ่ง แต่พวกที่รอดออกมาได้ไม่สามารถจะหนีไปไหนได้ไกล เนื่องจากกำลังของเจ้าหน้าที่โอบล้อมอยู่เป็นชั้นๆ จึงไปขออาศัยหลบบริเวณตึกแถวตรงท่าพระจันทร์หลายสิบราย บ้างก็หลบเข้าไปในวัดมหาธาตุ ขอพระอาศัยในกุฏิ เมื่อฝ่ายขวาจัดทราบเรื่องจึงสับเปลี่ยนกำลังให้ ตชด. มาคุมประตูมหาวิยาลัยท่าพระจันทร์แทน ผู้ที่อยู่ภายในธรรมศาสตร์จึงไม่สามารถหนีออกมาได้อีก หนำซ้ำได้ส่งกำลังเข้าตรวจค้นตึกแถวบริเวณท่าพระจันทร์ จับตัวผู้เข้าไปอาศัยหลบซ่อนได้หมด ในวัดมหาธาตุ กิตติวุฒโฑ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นตามกุฏิ และจับตัวผู้เข้าไปซ่อนได้ส่วนหนึ่ง
ผู้ที่หลบซ่อนอยู่ในตึกคณะบัญชีฯ ธรรมศาสตร์ถูกยิงถล่มด้วยอาวุธหนัก บางรายเสียชีวิตเพราะไม่ยอมจำนน กระจก เศษแก้วจากอาคารตึกแตกเกลื่อน นักศึกษาและผู้ชุมนุมถูกจับและให้คลานออกมาจากตึกที่เต็มไปด้วยเศษแก้ว ตำรวจก็ยืนเรียงแถวอยู่ซ้ายขวา ระดมเตะ กระทืบ ตีด้วยพานท้ายปืน พร้อมคำด่าประนาม นักศึกษาผู้ชุมนุมถูกต้อนไปอยู่กลางสนามฟุตบอลธรรมศาสตร์ แล้วถูกบังคับให้นอนราบลงกับพื้น ถูกบังคับให้ถอดเสื้อออกทั้งชายหญิง ผู้หญิงให้เหลือไว้แต่เสื้อยกทรง ขณะเดียวกันของมีค่าก็ถูกปลดออกจากตัว เช่น สร้อย นาฬิกา แหวนมีค่า นักศึกษาและผู้ชุมนุมที่ประดังกันอยู่ที่บริเวณประตูท่าพระจันทร์ก็ถูกปล่อยให้วิ่งยาวไปเกือบทะลุถึงพระบรมมหาราชวัง ด้านท่าช้าง ซึ่งมีตำรวจอาวุธครบมือคอยสกัดอยู่เป็นแนวตลอดถนนมหาราช พวกเขาถูกบังคับให้ถอดเสื้อและนอนคว่ำลงกับพื้นที่ร้อนระอุ เสียงปืนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังดังเป็นระยะจากที่ต่างๆ ภายหลังมีช่างภาพหนังสือพิมพ์เข้าไปพบร่างเปลือยไร้วิญญาณของผู้หญิงซึ่งถูกจับแก้ผ้าเอาไม้แหลมกระแทกช่องคลอดจนขาดใจตายในตึกแห่งหนึ่งของธรรมศาสตร์

ผู้ที่ทำเช่นนี้ได้ต้องเป็นคนที่อำมหิตผิดมนุษย์ ร่างของผู้เสียชีวิตในมหาวิทยาลัยถูกนำมารวมกองเอาไว้เป็นจุดๆ กลิ่นคาวเลือดของผู้รักความเป็นธรรมฟุ้งตลบทั่วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์กลายเป็นแดนเลือดที่ผู้กระหายอำนาจขวาจัดใช้เป็นแหล่งพิฆาตผู้รักความเป็นธรรม โดยหวังเอาศพผู้สูญเสียชีวิตเป็นบันไดขึ้นไปสู่อำนาจ ก่อนเที่ยงวันเจ้าหน้าที่ของรัฐได้เคลียร์พื้นที่ในมหาวิทยาลัยได้เป็นส่วนใหญ่

เวลาบ่ายรถโดยสารจำนวนมากถูกใช้ให้บรรทุกนักศึกษาไปขังยังสถานที่หลายแห่ง เช่นที่โรงเรียนพลตำรวจนครบาลบางเขน ที่กำแพงแสน นครปฐม ที่ชลบุรี เป็นต้น ผู้ที่ถูกจับกุมทั้งสิ้นมีจำนวน 3,084 คน ผู้เสียชีวิตมีมากกว่า 100 คน ส่วนแกนนำนักศึกษา สุธรรม แสงประทุมและเพื่อนอีก 18 คน ถูกส่งขึ้นศาลทหารในเวลาต่อมา สมาชิกแนวร่วมศิลปินฯ ถูกจับกุมในเหตุการณ์ไม่ต่ำกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และเสียชีวิตร่วมกับนักศึกษาประชาชน ตกเย็นกลุ่มขวาจัดที่ชุมนุมบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าและเคลื่อนไปทำเนียบ ได้สลายตัวเมื่อนายกฯ เสนีย์ รับปากจะดำเนินการพิจารณาเรื่องที่กลุ่มขวาจัดเรียกร้อง

เวลา 18.00 น. คณะทหารที่เรียกตัวเองว่า คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินได้ช่วงชิงตัดหน้าทหารขวาจัดอีกกลุ่มหนึ่ง

สายธาร ตำนานศิลป์





*ชีวิตประชาธิปไตย ‘ปรีดี พนมยงค์’

www.dailynews.co.th/web/

หนึ่งคนสำคัญแห่งการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็น ‘ประชาธิปไตย’ และยังเป็นคนสำคัญในการนำพาสิ่งใหม่ๆ มาสู่สังคมไทย
ปรีดี พนมยงค์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2443 เป็นลูกชาวนาเกิดบนเรือนแพหน้าวัดพนมยงค์ พระนครศรีอยุธยา พ่อชื่อ นายเสียง เป็นชาวจีนแต้จิ๋ว แม่ชื่อ นางลูกจันทร์ เชื้อสายทางฝ่ายปู่นั้นเกี่ยวเนื่องกับพระเจ้าตากสิน ส่วนทางย่าสืบเชื้อสายมาจากพระนมของกษัตริย์สมัยอยุธยา ที่ชื่อ ประยงค์ ซึ่งเป็นผู้สร้างวัดพระนมยงค์ หรือ วัดพนมยงค์ และชื่อวัดแห่งนี้เอง ได้กลายมาเป็นนามสกุลประจำตระกูล พนมยงค์ เมื่อมีการประกาศใช้พ.ร.บ.นามสกุลในปี 2456 นายปรีดี สมรสกับท่านผู้หญิงพูนศุข พนมยงค์ (สกุลเดิม ณ ป้อมเพชร) มีบุตรธิดาด้วยกัน 6 คน

*ในวัยเรียน ปรีดี เริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนเล็กๆ แห่งหนึ่งในอยุธยา ก่อนจะได้ย้ายมาเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบในกรุงเทพชั่วคราว เพียง 6 เดือน และได้เข้าเรียนโรงเรียนกฎหมาย ของกระทรวงยุติธรรม
ระหว่างที่เรียน ปรีดีพบว่ากฎหมายบางฉบับไม่เป็นธรรม เขาจึงตั้งปณิธารว่าจะก่อตั้งระบอบประชาธิปไตยให้จงได้ ผ่านไปจนถึงปี 2462 ปรีดี อายุ 19 ปี สามารถสอบไล่ได้เนติบัณฑิต แต่เพราะอายุน้อยเกินไปจึงยังไม่ได้เป็นผู้พิพากษา ต้องรออีกหนึ่งปี จึงได้เป็นสมาชิกเนติบัณฑิตยสภา สามารถสอบชิงทุนได้เรียนต่อที่ฝรั่งเศส จนจบปริญญาเอก และสอบได้ประกาศนียบัตรการศึกษาชั้นสูงด้านเศรษฐกิจ เดินทางกลับบ้านประเทศไทย ด้วยวัย 26 ปี ซึ่งนาย ปรีดี คือคนไทยคนแรก ที่เป็นดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยปารีส
ครั้งเมื่อยังเรียนอยู่ที่ฝรั่งเศส ปรีดี ได้พบปะพูดคุยกับคนไทยนักเรียนนอกถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของไทย เพื่อพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อเดินทางกลับมาบ้านเกิด ปรีดี ยังทำได้เพียงการเป็นอาจารย์สอนวิชากฎหมาย เป็นผู้พิพากษา และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงประดิษฐ์มนูญธรรม
จนเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 คณะราษฎร์ทำการยึดอำนาจได้สำเร็จ นายปรีดี เป็นผู้ร่างประกาศคณะราษฎร์ด้วยตนเอง ทั้งยังเป็นผู้เสนอชื่อ พระยามโนปกรณ์นิติธาดาให้เป็นนายกฯคนแรกของไทย
ระหว่างนั้น นายปรีดีเป็นอนุกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 10 ธันวาคม 2475 และพ.ร.บ.การเลือกตั้ง 2475 ที่ให้สตรีมีสิทธิ์เลือกตั้งเท่าเทียมกับบุรุษ และยังเสนอเค้าร่างทางเศรษฐกิจ ที่มีสาระสำคัญ อาทิ การประกันสังคมและการกระจายทรัพย์สิน เสนอตั้งธนาคารชาติและกองสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่แนวคิดดังกล่าวกลับถูกมองว่าเป็นคอมมิวนิสต์ที่อันตราย นายปรีดีจึงต้องเดินทางออกนอกประเทศไปอยู่ฝรั่งเศสภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครองไม่ถึงปี
นายปรีดี เดินทางกลับประเทศอีกครั้ง หลังจากพระยาพหลพลพยุหเสนายึดอำนาจจากพระยามโนปกรณ์นิติธาดา
เขาผ่านกระบวนการสอบสวนจากคณะกรรมการกรณีเป็นคอมมิวนิสต์จนได้ข้อสรุปว่าตนเองบริสุทธิ์ และได้ดำรงตำแหน่งรมต.กระทรวงมหาดไทย ได้ออกกฎหมายหลักเกี่ยวกับการกระจายอำนาจปกครองไปสู่ท้องถิ่นและภูมิภาค ก่อตั้งคณะกรรมการกฤษฎีกา วางรากฐานเรื่องศาลปกครอง เจรจากับต่างชาติเพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ที่สำคัญได้ก่อตั้ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง เพื่อกระจายการศึกษาระดับอุดมศึกษา
ต่อมานายปรีดี ย้ายไปเป็นรมต.กระทรวงการต่างประเทศ ได้เจรจาแก้ไขสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับต่างชาติ จนได้มาซึ่งเอกราชทางเศรษฐกิจและศาลอย่างแท้จริง จนเมื่อปี 2481 ถูกเปลี่ยนเป็นรมต.กระทรวงการคลัง ได้ยกเลิกการจัดเก็บภาษีที่ไม่เป็นธรรม ก่อตั้งธนาคารชาติ และเปลี่ยนการเก็บเงินทุนสำรองจากปอนด์เป็นทองคำแท่ง
เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง นายปรีดี ยังเป็นผู้ที่แสดงจุดยืนต่อนานาประเทศให้เห็นว่าไทยขอเป็นกลาง แต่เมื่อกองทัพญี่ปุ่นยกทัพเข้ามาก็พยายามบีบขั้นให้นายปรีดียุติบทบาทและอำนาจทางการเมือง เพราะต้องการให้ไทยเข้ากับฝ่ายญี่ปุ่น แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ทั้งนายปรีดี ยังเป็นหัวหน้าขบวนการเสรีไทยในประเทศไทยอย่างเข้มแข็ง เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม เขายังใช้ความพยายามต่อรองกับหลายประเทศ เพื่อไม่ให้ไทยต้องถูกปลดอาวุธ และได้ออกแถลงการณ์ความเป็นโมฆะของการประกาศสงคราม

*หลังสงคราม ในรัฐสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นายปรีดี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัฐบุรุษอาวุโส และเป็นนายกฯ เมื่อมีการพระราชทานรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายปรีดีจึงลาออกจากตำแหน่ง เพราะต้องการให้เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย แต่รัฐสภากลับมีมติให้กลับเข้ารับตำแหน่งนายกฯ อีกครั้งเป็นสมัยที่สอง
เพียงข้ามวัน ชาวไทยทั้งชาติได้รับข่าวร้ายเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลสวรรคต นายปรีดีจึงลาออกจากตำแหน่งนายกฯ พร้อมระบุเหตุผลว่า พระมหากษัตริย์ผู้ทรงแต่งตั้งตนนั้นได้สวรรคตลงแล้ว และในช่วงนี้เอง ศัตรูทางการเมืองกล่าวหานายปรีดีอย่างรุนแรง ว่า ‘นายปรีดีฆ่าในหลวง’ เขาตัดสินใจเดินทางไปรอบโลกในฐานะ ทูตสันถวไมตรี
เมื่อเดินทางกลับถึงไทยไม่นานก็เกิดรัฐประหาร นายปรีดี จึงต้องออกนอกประเทศไปจีน ก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งเพื่อร่วมกับพรรคพวกกลุ่มหนึ่งพยายามยึดอำนาจคืน ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2492 เรียกว่ากบฏวังหลวง แต่ประสบความล้มเหลว นายปรีดีต้องหนีกลับไปจีน และอยู่ที่นั่นกว่า 20 ปี และย้ายไปที่ปารีส ในช่วงนั้นได้เป็นโจทย์ฟ้องศาลกรณีสำนักพิมพ์สยามรัฐ อันมี มรว. คึกฤทธิ์ ปราโมช และพรรคพวก ได้หมิ่นประมาทนายปรีดีกรณีสวรรคต และได้ชนะทุกคดี
ช่วงบั้นปลายชีวิตที่ต้องอาศัยอยู่ต่างแดน นายปรีดียังให้ความสนใจการเมืองของไทย ใช้ความเป็นคนไทยมีส่วนร่วมโดยผ่านทางข้อเขียน บทความ หนังสือ และปาฐกถาอยู่เรื่อยๆ จนเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2526 ราว 11.00 น. นายปรีดีถึงแก่กรรม ด้วยอาการหัวใจวายขณะกำลังเขียนหนังสือบนโต๊ะทำงานที่บ้านในฝรั่งเศส.






















*เวทีสาธารณะ:กฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพ (GMO)

โดย : องค์กรร่วมจัด เมื่อ : 9/06/2008 10:31 AM
จากการที่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายเฉพาะเพื่อการควบคุมการใช้เทคโนโลยีของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม หรือ GMOs และที่ผ่านมาได้พบการหลุดรอดของพืชดัดแปลงพันธุกรรมอย่างน้อย 3 ชนิด ได้แก่ ฝ้าย มะละกอและข้าวโพด เป็นต้น โดยที่หน่วยงานภาครัฐยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพื่อเยียวยาการหลุดรอดที่เกิดขึ้นในอดีต รวมทั้งยังไม่มีหลักประกันถึงความปลอดภัย ต่อระบบการเกษตร และการรักษาฐานทรัพยากรอาหารของประเทศ ที่ดีเพียงพอก่อนที่จะมีการใช้เทคโนโลยีของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม

ดังนั้นภาคประชาชนร่วมกับเครือข่ายนักวิชาการจึงได้ดำเนินการเพื่อยกร่างกฎหมายว่าด้วยปลอดภัยทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมของภาคประชาชนขึ้น ในการนี้ คณะทำงานผลักดันกฎหมายทางชีวภาพประกอบด้วย

- มูลนิธิชีววิถี (BioThai)
- เครือข่ายอโศก
- เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก
- มูลนิธิเกษตรกรรมยั่งยืน (ประเทศไทย)
- กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
– สมาคมการค้าเกษตรอินทรีย์
- สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค
- มูลนิธิชีวิตไท (RRAFA)
- มูลนิธิข้าวขวัญ
- มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค

ขอเชิญผู้สนใจเข้าร่วมเวทีสาธารณะ
ว่าด้วยเรื่อง กฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพ
ความจำเป็นต่อการรักษาฐานทรัพยากรอาหารของประเทศ

ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน 2551 ณ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน กรุงเทพฯ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ขอใบสมัครเพื่อเข้าร่วมเวที ได้ที่
คุณจักรกฤษณ์ พูลสวัสดิ์กิติกูล โทรศัพท์ 083-0066234 หรือ 02-985 3837 หรือ jukkrit@biothai.net
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ //www.food-resources.org หรือ //www.biothai.net

หมายเหตุ สงวนสิทธิ์ในการเข้าร่วมเวทีเฉพาะผู้ที่ส่งใบสมัคร
หรือแจ้งความจำนงในการเข้าร่วมประชุมก่อนวันที่ 15 มิถุนายน 2551 เท่านั้น




Get your own playlist at snapdrive.net!


**ขอได้รับการขอบคุณ ข้อมูล จาก //www.14tula.com ด้วยจิตคารวะ Sanamluang.Bloggang**

H O M E



Create Date : 26 สิงหาคม 2550
Last Update : 22 กรกฎาคม 2551 22:09:01 น. 9 comments
Counter : 2644 Pageviews.

 
คนกรุงเทพฯ ต้องได้ยินเรื่องนี้ได้อ่านเรื่องนี้ และผู้ใหญ่มักเล่าอะไรๆ ดีๆที่ไม่ปรากฏในหนังสือให้ฟัง
ได้ยินผู้ใหญ่ของผมเล่ามาแยะ แยะและเป็นสิ่งที่ประสพด้วยตนเอง ร่วมเหตุการนี้ด้วยความคลั่งแค้น (รู้สึกจริงๆว่าเป็นคำพูดที่กลั่นมาจากใจ) ผู้ใหญ่หลายคนที่ล่วงลับได้บอกต่อประชาคมว่า นับจากวันนั้น ตุลาคม 2519 ยี่สิบปีความจริงของเหตุการณ์จะปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์เพื่อให้รุ่นต่อๆ ได้รู้ถึงเหตุการณ์นี้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
แต่ว่า มันได้ผ่านเกินกว่ายี่สิบปีแล้ว ประวัติศาสตร์ยังไม่สามารถเปิดอะไรได้มากไปกว่านี้อีกเลย เพราะสาเหตใดกัน ใครตอบคำถามนี้ได้




โดย: Yoawarat วันที่: 17 กันยายน 2550 เวลา:1:32:57 น.  

 
ฝากไว้เพื่อเตือนความจำบางเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมา

ขอรำลึกถึงเพื่อนผู้จากไป..............

//www.thaioctober.com/music/sailom.php


โดย: เด้าลมหลังเทา วันที่: 17 กันยายน 2550 เวลา:2:20:18 น.  

 
ขอบคุณคำพูดดีๆจากคุณ Yoawarat นะคะ..แวะมาใหม่นะคะ ถ้าวันไหน ไม่ต้องตื่นเช้า...


โดย: jenifaae วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:10:19:37 น.  

 
ขอนุยาดคุณ "เต้าลมหลังเทา" เอาเวปน่าสนใจลงที่บล๊อคนี้...
ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียนนะคะ


โดย: jenifaae วันที่: 18 กันยายน 2550 เวลา:10:20:44 น.  

 
ขหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา สอบถามได้นะคะ ขอบคุณที่ยังให้ความสนใจประวัติศาสตร์แห่งพลังประชาชน

ด้วยศรัทธา

รวินทร์ คำโพธิ์ทอง (ตุ๊กตา)
เจ้าหน้าที่รณรงค์และเผยแพร่ มูลนิธิ ๑๔ ตุลา
๐๒-๖๒๒๑๐๑๓-๕


โดย: ตุ๊กตา IP: 58.9.178.182 วันที่: 19 กันยายน 2550 เวลา:21:58:12 น.  

 
หรือทาง e-mail: oct14_f@hotmail.com/ravin_kh@hotmail.com ค่ะ


โดย: รวินทร์ IP: 58.9.178.182 วันที่: 19 กันยายน 2550 เวลา:22:04:14 น.  

 
ขอบคุณมากนะคะ..คุณตุ๊กตา
บล๊อคเรากลับยินดีมากที่ได้มีส่วนเล็กๆในการเผยแพร่เหตุการณ์สำคัญสำหรับพวกเราชาวไทยค่ะ

คงจะต้องมีเรื่องรบกวนคุณตุ๊กตาสำหรับข้อมูลอีกมากมายในต่อๆไป

ขอบคุณอีกครั้งนะคะ.


โดย: jenifaae วันที่: 19 กันยายน 2550 เวลา:23:17:52 น.  

 
ภาพและเพลง blog นี้ถูกใจมากค่ะ ขออนุญาติ add friend's blog ไว้ที่หน้า บังเอิญเพิ่ง update blog ด้วยเรื่องเดียวกันพอดี


โดย: numkung วันที่: 15 ตุลาคม 2550 เวลา:8:08:30 น.  

 
สาส์นแด่ ฯพณฯ ท่าน ส.ส. ภาคอีสานและรัฐบาลพรรคพลังประชาชน
มีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะให้ ส.ส.ภาคอีสานช่วยกันชักชวนนักธุรกิจในไทย/ต่างประเทศมาลงทุนหรือช่วยกันผลักดัน ให้รัฐบาลเกิดโครงการสร้างอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคอีสานตอนบนและตอนล่างครับ
จุดประสงค์เพื่อจะได้สร้างงาน สร้างคนให้กับพี่น้องคนอีสานและดึงคนภาคอีสานบ้านเฮาไม่ให้ไปทำงานในกรุงเทพและต่างแดน ทั้งยังเป็นการเสริมสภาพคล่อง กระจายรายได้ให้กับคนภาคอีสานบ้านเฮา พร้อมกันนี้ยังเป็นการส่งเสริมครอบครับให้อบอุ่น กล่าวคือ สมาชิกในครอบครัวอยู่พร้อมหน้ากัน ไม่มีคนใดคนหนึ่งพลัดพรากจากกันไปขายแรงในกรุงเทพฯ/ต่างแดนไกลโพ้น ทิ้งลูกเล็กเด็กแดงไว้กับคนแก่คนเฒ่าเลี้ยงหลาน เหลนไปตามลำพัง ภาพเก่าๆ สมัย 10 ปีก่อน คนแก่คนเฒ่าเลี้ยงหลาน เหลน เด็กเล็กๆอยู่ที่บ้านโทรมๆ พ่อกับแม่ไปขายแรงเลี้ยงชีพในกรุงเทพ/ต่างแดน โดยให้เหตุผลว่า “บ้านเฮาบ่มีงานเฮ็ด เฮาต้องออกไปรับจ้างเจ๊กเขา เอาเงินมาเลี้ยงลูก ส่งลูกเฮาเรียนสูงๆ”ภาพเก่าๆ เหตุผลเดิมๆ สมัย 10 ปีก่อน เป็นเช่นไรทุกวันนี้ยังเป็นเช่นนั้นครับ ในอนาคตอีก 10 ปีข้างหน้าคาดว่าเป็นเช่นเดิมอีก
ต้นเหตุมาจาก ส.ส. ภาคอีสานไม่มีพัฒนาการด้านมันสมอง ไม่มีความคิดริเริ่มสร้างงาน สร้างคน ในแถบภูมิภาคอีสานอันกันดารแห่งนี้ วันๆ มั่วแต่สอพลอนาย พลัดกันเลียริดสีดวงทวารให้นาย มั่วแต่เปล่งวาจาว่า “ได้ครับพี่ ดีครับนาย สบายครับผม เหมาะสมครับท่าน” ไปไหนมาไหนติดแต่ปลอกคอ ไร้จิตสำนึกต่อคะแนนเสียงของประชาชน ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็น ส.ส. ได้เพราะประชาชนเลือกและเขาเลือกให้มาเป็นปากเสียงให้ ไม่ได้เลือกให้ไปเลียริดสีดวงทวารใครคนใดคนหนึ่ง นึกแล้วเสียดายคะแนนเสียงจัง
รัฐบาลพรรคพลังประชาชนหรือไทยรักไทยเช่นกัน น้อยนักที่จะคิดนโยบายสร้างงาน สร้างคน ให้กับคนแถบภูมิภาคอีสาน หมดจิตสำนึกต่อคะแนนเสียงของคนภาคอีสาน ทั้งๆที่ฐานเสียงจริงๆของพรรคพลังประชาชนหรือไทยรักไทยอยู่ที่ภาคอีสาน
ปรารถนายิ่งนัก ที่จะให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชนมีจิตสำนึกต่อฐานเสียงจริงๆของท่าน คือ ขอวานละครับ อยากให้รัฐลงทุนเอง/ชักชวนนักลงทุนในไทยและต่างประเทศมาลงทุนทำอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคอีสาน ทั้งตอนบนทั้งตอนล่าง เพื่อให้พวกเขาเหล่านี้มีงานทำ มีรายได้เลี้ยงชีพและอยู่กับครอบครัว ไม่รำเค็ญเหมือนแต่ก่อน.

จาก.....คนบ้านเดียวกัน


โดย: พลาย IP: 202.28.52.3 วันที่: 30 ตุลาคม 2551 เวลา:16:30:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.