Bloggang.com : SaRaY - Talking : "สวยปัง...แต่ตังค์ไม่มี" แค่สวยอย่างเดียวไม่ได้แล้วนะคะยุคนี้ มาค่ะมาเริ่มหัดออมเงินกัน!

....เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก
เงินหายากแต่คอลเลคชั่นใหม่เยอะหนักหนา
แต่งไม่เป็นแต่ของต้องมันต้องมี!เลยซื้อมา
ลืมไปว่าหมุนไม่ทันมันทุกเดือน Smiley

สาวใดกำลังประสบปัญหาเปิดสมุดบัญชีมาเหลือแต่เงินทอน
ทำงานมาก็หลายปีไม่เคยมีเงินเก็บ....เชิญทางนี้เลยค่ะ!

คุณกำลังประสบปัญหา "สวยปัง...แต่ตังค์ไม่มี" อยู่ค่ะ
เครื่องสำอางเต็มบ้าน เสื้อผ้าล้นตู้ ไม่รู้เงินหายไปไหนโหม๊ดดดด

ถึงเวลาต้องคิดแล้วค่ะ ว่าเราจะใช้ชีวิตแบบสวยไปวันๆอีกนานแค่ไหน
วันนึงที่เกิดป่วย หรือเกิดเหตุสุดวิสัยต้องใช้เงินเร่งด่วนจะทำอย่างไร
สิ่งเดียวที่ช่วยเราได้คือ "เงินออม" ซึ่งบอกเลยว่าใครเริ่มเก็บได้เร็วกว่าได้เปรียบ

ก่อนอื่นสำหรับคนที่ไม่เคยมีเงินเหลือเลยใช้แบบเดือนชนเดือนตลอด
ขั้นแรกแนะนำค่ะว่าให้จดๆๆๆๆ จดค่าใช้จ่ายทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต เล็กๆน้อยๆก็ต้องจดนะ
ทำแบบนี้ซัก 1-2 อาทิตย์ เราจะเห็นเลยว่าเราใช้เงินหมดไปกับอะไรบ้าง
แล้วมาตัดทอนดูค่ะว่าอะไรที่เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น...ดูง่ายๆตัดออกแล้วไม่ตายนั่นแหละ
ทีนี้ก็มาหักห้ามใจตัวเองดู ลด ละ เลิกในการจ่ายเงินกับของที่ไม่จำเป็น เหล่านั้น
ของแบบนี้อยู่ที่ใจล้วนๆ ซื่อสัตย์กับตัวเองอย่าอะลุ่มอล่วยให้กับความอยาก

ทีนี้ก็ลองบวกค่าใช้จ่ายหลักๆที่จำเป็นในการใช้ชีวิตดู
นั่นก็คือ ค่าที่พัก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่ากิน
การจดที่บอกไปก่อนหน้าจะทำให้รู้ว่าแต่ละวันเราต้องใช้เงินไปเท่าไหร่
ทีนี้คูณออกมาก็จะรู้ค่าใช้จ่ายหลักแต่ละเดือนละ ซึ่งมันต้องน้อยกว่ารายรับเนาะ
จากนั้นตั้งสมการเลยจ้ะ รายรับ - รายจ่าย เหลือเท่าไหร่ก็ควรแบ่งส่วนนึงไปเป็นเงินเก็บ
อาจจะมีให้กำไรชีวิตนิดๆหน่อยๆก็แบ่งออกไปตามสมควร

เมื่อได้งบประมาณในการใช้ชีวิตแต่ละเดือนแล้ว
ก็เริ่มมาตรการออมเงินได้เลยด้วยการหักเงินออมทันทีตั้งแต่ได้เงินเดือน
เพราะเงินออมควรเป็นเงินที่กันไว้ตั้งแต่แรก ไม่ใช่ใช้เหลือแล้วค่อยเอามาหยอดกระปุก
ทำแบบนี้ไปให้ได้ทุกเดือน และท่องไว้ว่าเงินออมเป็นเงินที่ห้าม เอาออกมาใช้
ถ้าไม่ใช่กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจริงๆ แค่เท่านี้ค่ะเราก็จะกลายเป็นมนุษย์เงินออมได้แล้ว

สำหรับมือใหม่ไม่ต้องไปคิดว่าเก็บเงินได้มากน้อยเท่าไหร่ เป็นกี่%ของรายได้
ขอแค่เก็บได้ก็เก่งแล้ว เทคนิคอีกอย่างคือทำลืมๆไปคิดซะว่าเงินออมเป็นเงินที่ไม่มีตัวตน
ไม่ไปยุ่ง ไม่ไปเช็คยอด ทำเป็นไม่สนใจ อดทนเก็บๆไปเรื่อยๆ
แป๊บๆครบปีลองมาดูเราจะเห็นความงอกเงยแบบไม่น่าเชื่อเลยหล่ะ

อันนี้ก็คือวิธีการออมแบบง่ายๆไม่ใช้เทคนิคอะไร
ส่วนใครชอบใช้เทคนิคพวกเก็บแบงค์ 50 อะไรแบบนี้ก็ตามชอบเนอะ
แต่การเก็บแบบที่เค้าบอกมันได้จำนวนเงินที่แน่นอนมากกว่า
ทำให้เราสามารถคำนวณเงินในอนาคตง่ายกว่าแค่นั้นเอง

พอเริ่มเก็บเงินได้แล้วยุคนี้จะมาเก็บใส่ไหฝังดินมันก็ไม่ใช่แล้วเนาะ
สิ่งที่เราต้องมีกันนั่นก็คือบัญชีเงินฝาก
ซึ่งสมัยนี้ส่วนใหญ่ก็มีสมุดบัญชีกันตั้งแต่สมัยเรียนแล้วมะ
ที่พ่อแม่โอนตังค์ค่าเทอม โอนตังค์ค่าหอ ค่ากินอยู่ ให้นั่นหล่ะ

เวลาเราไปธนาคารบอกเค้าว่าขอเปิดบัญชี
บัญชีเบสิกที่สุดที่เราเปิดใช้กันก็คือ บัญชีออมทรัพย์ นั่นเอง
ถือเป็นบัญชีเงินฝากเล่มแรกในชีวิตของทุกคนหล่ะนะ

เมื่อเราอยากเป็นมนุษย์เงินออมเริ่มเก็บเงินเป็น
การมีบัญชีเล่มเดียวมันไม่คูลละนะ เพราะมันจัดการยาก
เงินหมุนเข้าหมุนออกไม่รู้ตัว ดูแล้วไม่ค่อยเคลียร์
การแยกบัญชี ก็เป็นวิธีการเริ่มต้นที่ดีของนักออมเงินมือใหม่
ที่จะทำให้เราจัดสรรเงินได้ง่ายขึ้น

การแยกบัญชีแบบเบสิกเริ่มที่ 2 บัญชีก่อน ไม่งง ไม่ยุ่งยาก
บัญชีเล่มแรก : เป็นบัญชีที่เงินเข้า และเป็นเงินที่เอาไว้ใช้ในชีวิตแต่ละเดือน
บัญชีเล่มที่สอง : เป็นบัญชีเงินออม เก็บอย่างเดียวไม่จำเป็นจริงๆห้ามถอน!

ทีนี้พอสิ้นเดือนมีเงินเดือนเข้ามาก็ไปทำการถอนเลยจ้ะ
ถอนจากบัญชีแรกออกมาใส่ในบัญชีที่สอง
พยายามตั้งเป้าค่อยๆเพิ่มยอดในการเก็บแต่ละเดือนขึ้นไป
พอเก็บไปได้สักระยะมันจะเสพย์ติดไปเอง
มันฟินนะเธอเวลาเห็นยอดในบัญชีเงินออมสูงขึ้นๆๆๆๆ
พอเก่งแล้วจะบริหารเงินด้วยกี่บัญชีอันนี้ก็ตามความสามารถเลย

-------------------------------------------------------------------------------

ลักษณะทั่วไปของบัญชีออมทรัพย์
ก็คือ มีความคล่องตัวในการฝาก ถอน โอน จะผ่านสมุดธนาคาร
เปิดเป็นบัตร ATM เพิ่ม หรือผ่านพวกแอพ Mobile Banking ก็สะด๊วกสะดวก
แต่ๆๆๆๆจะเป็นบัญชีที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดในบรรดาบัญชีเงินฝาก!

ดังนั้นเมื่อเราเริ่มเก็บเงินไปได้สักระยะมีเงินก้อนแล้ว
เราสามารถอัพเลเวลในการเก็บเงินของเราด้วยการหาบัญชีที่มีดอกเบี้ยสูงขึ้น

***อันนี้เราพูดถึงแค่การเก็บออมนะ ไม่ได้พูดถึงการเอาเงินไปลงทุนเพื่อต่อยอด
อันนั้นเค้าแนะนำให้ไม่ได้จริงๆการลงทุนมีความเสี่ยง รุ่งได้ เจ๊งได้
เค้าเองเป็นสายขยันทำงาน ขยันเก็บเงินมากกว่า
ไม่ใช่สายลงทุน บอกเลยว่าใจไม่แกร่งพอ ยังไม่พร้อมรับความเสี่ยง แหะๆ

เมื่อเรามองหาบัญชีที่ได้ดอกเบี้ยสูงขึ้นก็จะมีบัญชีอีกประเภทนึง
ที่น่าจะเคยได้ยินกัน คือ บัญชีเงินฝากประจำ
โดยบัญชีประเภทนี้จะได้ดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ปกติอยู่ประมาณ 1%
ซึ่งบัญชีออมทรัพทย์ทั่วๆไปตอนนี้ดอกเบี้ยอยู่แค่ประมาณ 0.5% แหละ
แต่บัญชีเงินฝากประจำชื่อก็บอกว่าฝากประจำอธิบายง่ายๆ คือ
เราต้องเอาเงินไปทิ้งไว้ธนาคารแบบนิ่งๆเลยนะตามระยะเวลาที่กำหนด
เช่น ฝากแบบ 5 เดือน , 10 เดือน และต้องไม่ทำการถอนก่อนครบเวลาเลยนะ
ถึงจะได้ดอกเบี้ยตามที่เค้ากำหนด เป็นบัญชีที่ไม่มีสภาพคล่องอย่างแรง
แถมดอกเบี้ยที่ได้จากบัญชีประเภทนี้ยังต้องเสียภาษี 15% ด้วยนะเธอ!
ซึ่งสำหรับบัญชีออมทรัพย์ถ้าดอกเบี้ยไม่ถึงปีละ 20,000 บาทไม่ต้องเสียภาษีจ้า

ใครรู้สึกว่าบัญชีแบบฝากประจำโหดไป
บล็อคนี้เลยมีอีกบัญชีที่อยากแนะนำให้นักออมเงินมือใหม่ได้รู้จักกัน
คือ บัญชีออมทรัพย์แบบพิเศษ ฟังชื่อก็ดูดีละดูพิเศษดี555
ความพิเศษของเค้าก็คือเป็นบัญชีที่ให้ดอกเบี้ยสูงกว่าออมทรัพย์ปกติ
คำนวณดูแล้วได้ดอกเบี้ยสูงกว่าแบบฝากประจำอีก
แถมยังมีข้อดีที่เหนือกว่าก็คือ สามารถเบิกถอนได้จ้า!!!

แม้เราจะบอกทุกคนไว้ตอนต้นว่าเงินเก็บห้ามถอน
แต่ถ้ามันฉุกเฉินจริงๆหรือเราเห็นช่องทางในการเก็บออมอื่นที่น่าสนใจกว่า
บัญชีที่สามารถเบิกถอนได้โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม
และไม่กระทบกับดอกเบี้ยที่จะได้รับก็เป็นอะไรที่น่าสนใจกว่าจริงมะ

บัญชีออมทรัพย์แบบพิเศษดอกเบี้ยสูงที่จะมายกตัวอย่างให้ฟังกันในบล็อคนี้
คือ บัญชี ULTRA SAVINGS ของธนาคารธนชาต
ที่ไปทำการเปิดมาเองเรียบร้อย ณ สาขาจันทบุรีใกล้บ้าน ฮี่ๆ

นี่คืออัตราดอกเบี้ยที่จะได้รับจากบัญชีออมทรัพย์ ULTRA SAVINGS
อัตราดอกเบี้ยสูงสุด คือ 1.50%
เมื่อเทียบกับอัตราดอกเบี้ยของบัญชีออมทรัพย์พิเศษของทุกธนาคาร
ในตอนนี้ก็ถือว่าให้ดอกเบี้ยรองสูงสุดละนะ
อันที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุดรู้สึกจะ 1.70% จะมีข้อจำกัดเยอะสิ่งมาก
เช่น การฝากเงินแต่ละครั้งต้องฝากเกินยอดที่กำหนด อ่านะ

แต่การดูอัตราดอกเบี้ยก็ต้องดูเงื่อนไขด้วยเน่อ
อย่างอันนี้เราจะได้รับอัตราดอกเบี้ยสูงสุด 1.50%
ก็ต่อเมื่อเรามีวงเงินฝากในบัญชี 100,000 บาทขึ้นไป
อันนี้หล่ะคือข้อจำกัดของบัญชีประเภทนี้

คือถ้าเราอยากได้ดอกเบี้ยสูงสุดเราต้องมีเงินก้อนมาแช่ไว้นิ่งๆ
บัญชีแบบนี้จึงเหมาะกับคนที่เริ่มเก็บออมมาแล้วในระดับนึง
แต่ถึงเราจะมีเงินยังไม่ถึงแสน เราก็สามารถมาเปิดและฝากเงินในบัญชีนี้ได้นะ
เค้าก็จะคิดอัตราดอกเบี้ยที่ 0.80% ให้ ซึ่งก็ยังสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ปกติอยู่ดี
เอาว่าถ้าตั้งใจจะเก็บออมเงินก็เปิดเป็นบัญชี ULTRA SAVINGS อันนี้ไว้ได้เลย
ค่อยๆสะสมเงินออมไปเรื่อยๆ ครบแสนวันไหนก็ได้ดอกเบี้ย 1.50% ไปสวยๆ

แต่ทุกครั้งที่เปิดบัญชีห้ามลืมอ่านเงื่อนไขและรายละเอียดให้ครบถ้วนด้วยนะจ๊ะ
อย่าง บัญชีออมทรัพย์ ULTRA SAVINGS จะมีสิ่งที่ควรระวัง
ก็คือเรื่องการถอนเงิน สามารถทำการถอนได้แบบไม่เสียค่าธรรมเนียม 2 ครั้งต่อเดือน
ถ้าถอนเกิน 2 ครั้งในเดือนเดียวกัน ก็ถอนได้แต่เค้าจะคิดค่าธรรมเนียมรายการละ 50 บาท
และต้องมีเงินคงเหลือในบัญชีขั้นต่ำคือ 500 บาท

การคำนวณดอกเบี้ยจะคิดให้เป็นรายวัน โดยมีสูตรการคำนวณดังนี้

ยอดเงิน(หนึ่งแสนขึ้นไปไม่เกินสิบล้าน) x 1.50% x 1/365 = ดอกเบี้ยต่อวัน

เช่น มีเงินหนึ่งแสนบาทดอกเบี้ยที่จะได้รับต่อวันคือ
100,000 x 1.50% X 1/365 = 4.109 บาทต่อวัน

โดยธนาคารจะโอนดอกเบี้ยเข้าบัญชีให้ทุกวันที่ 10 ของเดือน

แต่สำหรับมือใหม่อยากบอกกันแบบใจๆ
ว่าอย่าคาดหวังอะไรกับดอกเบี้ยเงินฝากมากนัก
มันไม่ได้เยอะแบบที่หวังจะรวยด้วยการหากำไรกับดอกเบี้ยได้หรอก
ยิ่งเราเกิดในยุคที่ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำลงมากขนาดนี้
การได้ดอกเบี้ยนิดๆหน่อยๆก็ถือว่าเป็นกำลังใจของการเก็บออมไปเนอะ

สิ่งที่ทำให้เราภูมิใจที่สุดก็คือยอดเงินออมที่เพิ่มขึ้น
จากความอดทนในการสร้างวินัย และสร้างความซื่อสัตย์ต่อตัวเองนี่หล่ะ
ซึ่งจะมากหรือน้อยไม่สำคัญเลย ห้ามเอาไปเทียบกับคนอื่น
เพราะคนเรามีภาระในชีวิตที่จำเป็นต้องใช้เงินต่างกัน
สิ่งที่สุดยอดคือเราก็สามารถทำได้ เราสามารถเอาชนะใจตัวเองได้
สิ่งนี้หล่ะที่สำคัญที่สุด!

มาค่ะใครยังไม่เริ่มก็เริ่มได้แล้ว
เปลี่ยนตัวเองจาก "สวยปัง ตังค์ไม่มี"
เป็น "สวยปัง ตังค์เต็มบัญชี" กันดีกว่า

เพราะผู้หญิงอย่าหยุดสวย
แต่ถ้าเรารวยเดี๋ยวความสวยก็ตามมาเอง

เป็นกำลังใจให้มือใหม่หัดออมทุกคนค่า Smiley

สุดท้ายขอกราบขอบพระคุณขุ่นพ่อ
ที่ปลูกฝังนิสัยรักการออมมาให้ตั้งแต่เด็ก
และช่วยเรียบเรียงข้อมูลเรื่องบัญชีแต่ละประเภท
ในการเขียนบทความครั้งนี้ด้วยนะฮร้า รักน้า จุ๊บๆ Smiley

-----------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by Thanachart Bank
***All opinions are my own
Information : https://www.thanachartbank.co.th

https://bit.ly/2F7UHc5