1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31
ประสบการณ์ขอสัญชาติอเมริกัน ตอนที่ 2 (จบ)
ใครยังไม่ได้อ่าน ตอนที่ 1 เชิญได้ที่นี่ค่ะ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lilacgirl&group=2 และแล้ววันสอบมาถึง ได้นัดมา 8 โมง 50 นาทีค่ะ เราก็บอกจอมยุ่งว่า ไม่ต้องไปด้วยกันหรอก เสียเวลา เพราะถ้าไป ก็ไปนั่งรอเฉย ๆ อยู่ดี เราก็บอกว่า ไว้ตอนบ่าย ๆ ตอนไปทำพิธีสาบานตน ค่อยไปด้วยกัน (คือ ที่เมืองเราเนี่ย ถ้าสอบผ่านแล้ว ก็ทำพิธีสาบานตนได้วันนั้นเลย) เอกสารหลัก ๆ ที่ต้องเตรียมไปในวันนั้น ก็มี กรีนการ์ด, ใบขับขี่ (หรือ ID Card), หนังสือเดินทางไทย, ใบเกิดของนายจอมยุ่ง, ทะเบียนสมรส, ใบหย่า (ถ้ามี), Tax Return 3 ปีย้อนหลัง, เอกสารที่แสดงความเกี่ยวข้องกับคู่สมรส เช่น บัญชีธนาคาร หรือ บัญชีบัตรเครดิต ที่เปิดร่วมกัน ฯลฯ ทาง INS จะส่ง Interview Checklists มาให้ พร้อม ๆ กับจดหมายนัดสัมภาษณ์ค่ะ ถ้ามีเอกสารไม่ครบ ก็ไม่ต้องกังวลมาก เอาไปเท่าที่มีก่อน เมื่อไปถึงที่ INS ต้องผ่านด่านตรวจความปลอดภัยก่อน ตอนไปสัมภาษณ์ เค้าไม่ให้นำโทรศัพท์มือถือ (ที่มีกล้องถ่ายรูป) เข้าไปด้วย เลยต้องเดินมาเก็บไว้ในรถอีก จากนั้นเดินกลับไปนั่งรอคิว ตอนนั่งรอ มองไปรอบ ๆ คนอื่น ๆ ที่เค้ามารอสัมภาษณ์ เค้านั่งอ่านหนังสือสอบกันทั้งนั้นเลย ไอ้เรานึกในใจ
ตายห่า ทำไมเราไม่เอาหนังสือมาอ่านแบบเค้าบ้างว่ะ ? เริ่มเกิดอาการประสาทแดกเล็กน้อย กลัวสอบตกง่ะ ประมาณ 15 นาทีได้ เจ้าหน้าที่ก็ออกมาตามไปขั้นเขียง
ไม่ช่ายยยยยยยยยย ตามไปสัมภาษณ์ค่ะ เมื่อเข้าไปในห้องสัมภาษณ์ ก่อนจะนั่งเก้าอี้ เจ้าหน้าที่ก็ให้ยกมือสาบานว่าจะพูดความจริงทุกประการ เราก็ตอบว่า Yes, I do ไป จากนั้นก็นั่งประจำที่ได้ จากนั้น เจ้าหน้าที่ก็เริ่มยิงคำถามเลยค่ะ เริ่มจากการถามว่า วันนี้เรามาสัมภาษณ์เพิ่มขอสัญชาติอเมริกันใช่มั้ย ? เอ่อ
ก็ใช่น่ะสิ ! จากนั้นเค้าก็จะให้เราบอกชื่อ นามสกุล วันเกิด หมายเลขประกันสังคม จริง ๆ เค้าก็ถามคำถาม ที่เรากรอกในฟอร์ม N-400 นั่นแหละ คือ ถามรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเราและคู่สมรส ก็มีถามว่า เราเคยถูกจับมั้ย เคยเป็นโสเภณีมั้ย เคยลักลอบนำคนเข้าประเทศสหรัฐมั้ย เคยร่วมพรรคนาซีมั้ย แนว ๆ นี้แหละค่ะ ก็ตอบ No ทุกคำถามไปเลย เมื่อถามคำถามในฟอร์ม N-400 เสร็จ เค้าก็จะถาม Civic Test ค่ะ เจ้าหน้าที่จะเตรียมไว้ 10 คำถาม แต่ถ้าเราตอบถูก 6 คำถามปุ๊ป เค้าก็จะเลิกถามทันที เราตอบ 6 คำถามแรกถูกต้อง เลยไม่ต้องตอบคำถามที่ 7-8-9-และ 10 เมื่อผ่าน Civic Test แล้ว ก็จะเป็น Reading Test เค้าก็จะมีประโยคมาให้อ่าน ถ้าอ่านประโยคแรกผ่าน ก็คือผ่าน ถ้าอ่านไม่ออก เค้าก็จะให้อ่านประโยคถัดไป ในส่วน Reading Test มีให้เลือกทั้งหมด 3 ประโยค ถ้าอ่านไม่ออกเลยซักประโยค ก็หมายถึง สอบตก ค่ะ เมื่อผ่าน Reading Test แล้ว ก็จะเป็น Writing Test เจ้าหน้าที่จะบอกให้เราเขียนประโยค 1 ประโยค เช่นกัน ถ้าเขียนผิด เค้าก็จะให้เขียนอีก 1 ประโยค ในส่วนนี้มีให้เลือก 3 ประโยคเช่นกัน ถ้าเขียนไม่ได้เลย ถือว่า สอบตก เช่นเดียวกันค่ะ ข้อสอบทั้ง 3 ส่วนนี้ ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยค่ะ ถ้าอ่านหนังสือมา และจำคำตอบได้ ยังไงก็สอบผ่านค่ะ เค้าไม่ถามอะไรที่เกินไปกว่าในหนังสือเลย โอเค
เสร็จสิ้นกระบวนการสอบ เจ้าหน้าที่ก็บอก Congratulations ยินดีด้วย ผมจะเสนอให้คุณได้รับสัญชาติอเมริกัน แต่ว่า
ฮั่นแน่ มีแต่อีกแล้ว เรื่องของเรื่อง คือ ตั้งแต่เราแต่งงานมา เราไม่เคยใช้นามสกุลของนายจอมยุ่ง (อย่างถูกกฎหมาย) คือ กรีนการ์ด และ บัตรประกันสังคมเรา เป็นนามสกุลเก่าทั้งหมด เหตุเนื่องจากว่า เราไม่อยากไปเปลี่ยนนามสกุลในหนังสือเดินทางไทย (เพราะถ้าจะเปลี่ยนนามสกุล ต้องไปเปลี่ยนคำนำหน้าในทะเบียนบ้านที่เมืองไทย ให้เป็น นาง ด้วย อยู่เป็นนางสาวง่ะ ! ) พอมาถึงตอนขอสัญชาติ เราสามารถเปลี่ยนทั้งชื่อและนามสกุลได้ เราก็เลยตั้งใจจะเปลี่ยนนามสกุล แต่ปรากฎว่า เนื่องจากเราทำเรื่องที่เมือง Omaha แต่วันที่สัมภาษณ์ เราย้ายมาอยู่ Minneapolis แล้ว เจ้าหน้าที่เลยบอกว่า เค้าต้องส่งเรื่องของเราไปให้ทาง Minneapolis เพราะต้องให้ผู้พิพากษาของเมืองนี้ เป็นคนสั่งเปลี่ยนชื่อเรา และเค้าก็บอกว่า ก็คงจะต้องใช้เวลานานอีกหลายเดือน กว่าจะได้เข้าพิธีสาบานตน เราก็เริ่มหงุดหงิดแล้ว
เพราะตั้งใจว่า วันนี้ได้สาบานตน แล้วจะได้จบ ๆ กันไป ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับทาง Immigration อีก ก็เลยถามเค้าว่า มีวิธีไหนมั้ย ที่จะไม่ต้องส่งเรื่องไปให้ทาง Minneapolis ? เจ้าหน้าที่เค้าก็ดีค่ะ เค้าก็บอกว่า ทางเดียวที่จะได้เข้าสาบานตนวันนี้เลย ก็คือ ไม่ต้องเปลี่ยนนามสกุล เราก็บอกว่า ตกลง เอาแบบนั้นล่ะกัน เค้าก็บอกว่า ถ้ายังอยากจะเปลี่ยนนามสกุลจริง ๆ ไว้ค่อยไปเปลี่ยนที่ Courthouse เอาล่ะกัน สรุปว่า
Certificate of Naturalization ของเรา ก็เป็นชื่อเสียงเรียงนามเก่าค่ะ ตอนแรกว่าจะไปเปลี่ยนนามสกุลที่ Courthouse อยู่เหมือนกัน เพราะอยากให้พาสปอร์ตอเมริกัน เป็นนามสกุลของนายจอมยุ่ง แต่ก่อนไปทำพาสปอร์ต ได้คุยกับคุณอา ท่านก็บอกว่า ไม่จำเป็นต้องไปเปลี่ยนนามสกุล ก็ทำพาสปอร์ตเป็นนามสกุลสามีได้ แค่เอาทะเบียนสมรสไปแสดงเท่านั้น
ซึ่งวันไปทำพาสปอร์ต เราก็ทำดังนั้นค่ะ ก็ได้ใช้นามสกุลสามีสมใจ หมดเรื่องไป
อ่ะค่ะ
กลับไปวันสัมภาษณ์ต่อ เจ้าหน้าที่บอกว่า เดี๋ยวบ่าย 2 ค่อยกลับมาทำพิธีใหม่ พร้อมกับให้กระดาษมาแผ่นหนึ่ง เป็นแบบสอบถาม ต้องนำกลับมายื่น ตอนเข้าพิธีสาบานตนค่ะ พร้อม ๆ กันนั้น ต้องในกรีนการ์ดมาคืนเค้าค่ะ ขั้นตอนการสัมภาษณ์ ใช้เวลาราว ๆ 40 นาทีค่ะ ตอนบ่าย เราไปถึง INS ประมาณ 15 นาทีก่อนกำหนด มีคนมานั่งรอกันเยอะแล้ว นายจอมยุ่งจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ เพราะเหนื่อยจากการย้ายบ้านมาก ๆ เราเลยบอกว่า นั่งงีบไปก่อน เดี๋ยวเค้าเรียกแล้วจะปลุก บ่าย 2 โมงตรง เจ้าหน้าที่ก็ออกมา ให้พวกเราเข้าแถว เพื่อขอแบบสอบถาม และกรีนการ์ดคืน พร้อม ๆ กับขอให้เราออกเสียงชื่อให้ฟัง เพื่อที่ว่าเวลาทำพิธีเค้าจะได้เรียกชื่อเราถูก พร้อมทั้งแจกเบอร์ที่นั่งให้ จากนั้นทุกคน รวมทั้งญาต ๆ ก็ถูกต้อนเข้าไปยังห้องทำพิธี ถึงห้องแล้ว เราต้องไปนั่งตามเบอร์ที่เค้าให้ไว้ ส่วนญาต ๆ ให้ไปนั่งอีกฝั่งหนึ่ง คนที่จะเข้าพิธีวันนี้ รวมทั้งตัวเราด้วย มีแค่ 32 คนค่ะ มีเพื่อนบ้านจากเอเชียมาแค่ 2 คนเท่านั้น คือ จากเวียดนาม และเกาหลี นอกนั้นเป็นคนจากอเมริกาใต้ หรือว่าแอฟริกา พิธีเริ่มจากเคารพธงชาติ และกล่าวคำปฎิญาณ (Pledge of Allegiance) จากนั้นเป็นการสาบานตน โดยเค้าก็จะให้พวกเราลุกขึ้นยืน แล้วสาบานว่าจะเป็นพลเมืองที่ดีของสหรัฐ จะสนับสนุนและปกป้องกฎหมาย และรัฐธรรมนูธของสหรัฐ จะรบเพื่อชาติ (หากมีความจำเป็น) แนว ๆ นี้อ่ะค่ะ ก็พูดตามเค้าไปเรื่อย ๆ จากนั้นก็เป็นการฉายภาพยนตร์ เกี่ยวกับประเทศอเมริกา เริ่มจากภาพชาวอพยพจากยุโรป ในยุคแรก ๆ มีหลากหลายเชื้อชาติมาก สมกับชื่อ ดินแดน Melting Pot จริง ๆ ตอนสาบานตน บอกตรง ๆ ว่า ใจหนึ่งทำใจไม่ได้ มันเหมือนกับทรยศแผ่นดินไทย เหมือนเค้าให้พูดว่า เราจะ ละทิ้ง แผ่นดินเดิม ซึ่งในความจริง ๆ มันไม่ใช่ เอาเป็นว่ารักทั้งสองประเทศล่ะกันค่ะ นายจอมยุ่ง ซึ้งจัด น้ำตาไหล ! ขอยอมรับว่า วีดีโอที่เค้าฉายให้ดู ซึ้ง จริง ๆ ค่ะ ขนาดเราไม่ได้เกิดและโตในประเทศของเค้า แต่เนื่องจากอยู่มานาน ก็มีความผูกพันในระดับหนึ่ง ได้เห็นว่า ประเทศนี้ตั้งขึ้นมาแบบแข็งแกร่งจริง ๆ นั่งดูแล้วขนลุกอ่ะ อินจัด ! เฮียเรานี้เป็นประเภท Proud American อยู่แล้ว รักจังเลย ประเทศตัวเองเนี่ย (แม้ว่า พักหลัง ๆ จะงุ้งงิ้ง ๆ ว่าจะหนีไปอยู่แคนาดาซะแล้ว ! แต่อย่าให้ต้องพูดว่า เนื่องจากสาเหตุอะไรเลยค่ะ เดี๋ยวเรื่องจะยาว) จบวีดีโอเกี่ยวกับประเทศแล้ว ก็เป็นวีดีโอที่ประธานาธิปดีโอบาม่า ออกมากล่าวต้อนรับ New Citizen จากนั้น เค้าก็เริ่มแจกประกาศนียบัตร คือ Certificate of Naturalization นี่แหละค่ะ เมื่อเสร็จกิจ ทั้ง 32 ชีวิต ก็เปลี่ยนสัญชาติเป็นคนอเมริกันอย่างสมบูรณ์ค่ะ นายจอมยุ่งเดินมากอด (ตาคนนี้ก็อินซะไม่มีอ่ะค่ะ) เฮียบอก ตื้นตันใจ น้ำตาจะไหล ฮ่า ฮ่า เธอบอกว่า วีดีโอที่เค้าฉาย มันกินใจจริง ๆ รวมทั้งดีใจที่เราได้เป็นคนอเมริกันเหมือน ๆ กับเค้า คือ นายคนนี้รอหลายปีค่ะ เราเพิ่งมาตัดสินใจขอสัญชาติปีนี้ เพราะว่าเวลาเดินทางไปไหน ๆ มันจะได้สะดวกหน่อย สำคัญเลย ! ไปนั่งในรถปุ๊ป
เฮียเราต่อมน้ำตาแตกอีก เราก็ประมาณว่า โอ้ย
มันจะอะไรกันนักกันหนาว่ะ ? เฮียก็แพร่มไปเรื่อย ๆ Now this country is yours as much as it is mine. (ประเทศนี้เป็นของเราเท่า ๆ กันแล้ว) Blah Blah Blah เราก็ฟังไปเรื่อย ๆ รู้เลยว่า เดี๋ยวต้องมีคำถามคลาสสิค แหม
ซื้อหวยน่าจะถูกแบบนี้ค่ะ เพราะอีกอึดใจต่อมา เฮียถามเลยว่า So who will you vote for? กะแล้วว่า เดี๋ยวต้องชวนไปร่วมพรรคการเมือง ประสาทจัด เราเลยบอกว่า ฉันจะโหวต ให้คนที่ชั้นเห็นว่าดีเท่านั้น เฮียแพร่มจนเหนื่อยมั้ง เลยบอกว่า วันสำคัญแบบนี้ต้องฉลอง แหม
หิวข้าวก็บอกเถอะ ต้องมาอ้าง สรุปว่า เราขับรถไปฉลองกันที่เสต็กเฮ้าส์แห่งหนึ่ง แต่ดื่มฉลองไม่ได้ เพราะวันรุ่งขึ้น ต้องย้ายบ้านค่ะ อ่ะค่ะ จบแล้ว หลังจากผ่าด่าน Immigration มาหลายปี เสียตังค์ไปก็เยอะ วันนี้ทุกอย่างบรรลุไปแล้ว ดีใจที่ต่อไปนี้ ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับ INS อีก อ้อ
ลืมบอกค่ะว่า ทุกขั้นตอนในการยื่นเอกสาร ตั้งแต่เริ่มต้นขอกรีนการ์ด จนถึงการขอสัญชาติ เราทำเองทั้งสิ้น นายจอมยุ่งไม่ได้แตะอะไรด้วยเลย ไม่มีอะไรยุ่งยากเลยค่ะ เพื่อน ๆ ไม่ต้องไปเสียตังค์จ้างทนายทำเรื่องกันหรอกค่ะ เปลืองเงินเปล่า ๆ เพลงนี้เป็นหนึ่งในวีดีโอ ที่เค้าโชว์ระหว่างพิธีค่ะ ทำเอานายจอมยุ่งของเรา "ต่อมน้ำตาแตก" ไปค่ะ God Bless the USAขอบคุณเพื่อน ๆ ที่แวะมาทักทายกันนะคะ
Create Date : 18 ตุลาคม 2552
Last Update : 18 ตุลาคม 2552 23:41:41 น.
24 comments
Counter : 12078 Pageviews.
โดย: Nok IP: 124.121.150.74 วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:0:11:08 น.
โดย: Lilac Girl วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:0:24:18 น.
โดย: teddyblooh วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:4:13:41 น.
โดย: Chini วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:5:15:07 น.
โดย: Chini วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:5:19:06 น.
โดย: Lilac Girl วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:7:24:30 น.
โดย: kiriya วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:8:24:23 น.
โดย: namfonJC วันที่: 19 ตุลาคม 2552 เวลา:10:32:20 น.
โดย: grippini วันที่: 20 ตุลาคม 2552 เวลา:1:39:48 น.
โดย: BeauUSA IP: 69.181.201.155 วันที่: 20 ตุลาคม 2552 เวลา:2:06:29 น.
โดย: amskye วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:7:46:10 น.
โดย: by my hand วันที่: 23 ตุลาคม 2552 เวลา:18:47:22 น.
โดย: น้องพีค (peak2get ) วันที่: 30 ธันวาคม 2552 เวลา:14:26:40 น.
โดย: น้องพีค (peak2get ) วันที่: 1 มกราคม 2553 เวลา:2:35:24 น.
โดย: นายคลิค IP: 76.172.119.102 วันที่: 19 มกราคม 2554 เวลา:21:01:11 น.
โดย: gift IP: 110.77.168.175 วันที่: 2 ตุลาคม 2554 เวลา:23:39:24 น.
โดย: หนังสือเล่มใหม่ IP: 125.27.138.84 วันที่: 6 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:12:25 น.
โดย: ลูกปัด IP: 24.163.141.126 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2554 เวลา:22:00:27 น.
โดย: chow IP: 183.89.3.201 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:0:22:26 น.
โดย: filmgus วันที่: 13 พฤษภาคม 2556 เวลา:17:17:25 น.
โดย: นุช IP: 192.99.14.36 วันที่: 3 กรกฎาคม 2557 เวลา:22:09:14 น.
โดย: Moommim IP: 171.4.251.52 วันที่: 9 ตุลาคม 2557 เวลา:13:34:10 น.
โดย: From Ocala, Horse Capital of the World IP: 192.99.14.34 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2559 เวลา:14:20:36 น.
Location :
The Land of 10,000 Lakes United States
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 38 คน [? ]
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาชม Blog ของเรานะคะ มีอะไรแนะนำจะให้เขียน รบกวนเขียนฝากไว้ด้วยค่ะ Disclaimer: ทุกข้อความใน Blog นี้ เราเขียนเรื่องจากประสบการณ์เท่านั้น ไม่มีเจตนาว่าร้ายใคร และหากเรื่องที่เขียนไปกระทบใจใคร ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย ส่วนข้อมูลต่าง ๆ ที่ให้ไว้ ก็เป็นเพียงข้อมูลจากประสบการณ์จริงเท่านั้นค่ะ ***ประกาศ : ท่านที่นำเนื้อหาในบล็อคของเราไปแปะไว้ในเว็ปอื่น ยินดีอย่างยิ่งค่ะ ที่ช่วยกันเปิดเผยข้อมูล แต่ขอความกรุณาซักนิด แจ้งให้เราทราบด้วยนะคะ ให้เครดิตคนเขียนกันบ้างค่ะ ***