ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยว่า ตอนแรกตั้งใจจะแปลวิธีการกรอก เจ้าใบ N-400 เพื่อให้เพื่อน ๆ รุ่นหลัง ๆ ใช้อ้างอิงได้ แต่จากประสบการณ์การแปลใบ I-94 กับ ใบศุลกากร แล้วเจอมือดี (มากกว่า 1 มือ) ก็อปข้อมูลเราไปทั้งหมด แล้วเอาไปทำเนียนว่า ตัวเองแปลเอง เขียนเอง แล้วมันเสียความรู้สึกค่ะ บอกแล้วว่า เราไม่หวง แต่จะเอาไปให้บอกเราก่อน บ่นพอล่ะ วันนี้เลยขอมาเล่าประสบการณ์เฉย ๆ ล่ะกันค่ะ ใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ค่อยถามล่ะกันค่ะแบบฟอร์ม N-400 (Application for Naturalization) มีทั้งหมด 10 หน้าค่ะ มีคำถามทั้งหมด 14 ส่วน ฟอร์มนี้ใช้สำหรับการยื่นขอสัญชาติอเมริกันนั่นเองค่ะ วิธีกรอกแบบฟอร์ม ง่ายมากค่ะ เข้าไปที่เว็ปไซต์ www.uscis.gov แล้วโหลดฟอร์ม N-400 ออกมา จะกรอกข้อมูลก่อนที่จะพรินท์ออกมา หรือจะพรินท์ออกมาแล้วค่อยเขียนด้วยปากกา ก็ตามอารมณ์ค่ะ .ดาวน์โหลด N-400 ที่นี่ //www.uscis.gov/files/form/N-400.pdfคุณควรทำเรื่องของสัญชาติเมื่อใด ? 1. กรณีได้กรีนการ์ดจากการแต่งงานกับพลเมืองอเมริกัน ต้องพำนักอยู่ในประเทศสหรัฐ เป็นเวลาต่อเนื่องกัน 3 ปี 2. กรณีได้กรีนการ์ดจากกรณีอื่น ๆ เช่น ได้ใบเขียวจากนายจ้าง ต้องพำนักอยู่ในประเทศสหรัฐ เป็นเวลาต่อเนื่องกัน 5 ปี วันนี้เลยขอเขียนถึง เฉพาะกรณีแรกค่ะ คือ การได้กรีนการ์ดจากการแต่งงาน กับชาวอเมริกัน หลาย ๆ ท่าน คงทราบดีแล้วว่า เมื่อแต่งงานกับชาวอเมริกัน เราจะต้องยื่นของกรีนการ์ด (Permanent Resident Card) หรือ รู้จักกันในชื่อ ใบเขียว ซึ่งทำให้เราสามารถพำนักและทำงาน ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ในดินแดนลุงแซมนี้ กรีนการ์ดใบแรก เป็นกรีนการ์ดแบบมีเงื่อนไข มีอายุ 2 ปี ดังนั้น ภายใน 90 วัน ก่อนที่จะครบ 2 ปี คุณต้องทำเรื่องยื่นขอ กรีนการ์ดแบบถาวร ซึ่งมีอายุ 10 ปี ในขั้นตอนนี้ เรียกว่าการ Remove Condition ภายใน 90 วันก่อนที่จะครบรอบปีที่ 3 ของการถือกรีนการ์ด คุณสามารถยื่นขอสัญชาติอเมริกันได้ค่ะ แต่ภายใน 3 ปีนี้ คุณจะต้องอยู่ในสหรัฐเป็นเวลาต่อเนื่องกัน และก็ต้องแต่งงาน อยู่กินกับสามีหรือภรรยาคนเดิม เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกัน (ถ้ามีเหตุต้องหย่าโดยเหตุสุดวิสัย ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งค่ะ) ส่วนตัวเราถือกรีนการ์ดมาแล้วเกือบ ๆ 6 ปี เลยไม่มีปัญหาเรื่องการนับวัน ระยะเวลาในการทำเรื่อง ? ส่วนตัวเราแล้ว นับจากวันที่ INS ได้รับเรื่อง ถึงวันที่สาบานตน ใช้เวลา 4 เดือน พอดิบพอดีค่ะ บางที่อาจจะช้า-เร็ว กว่านี้ แล้วแต่ว่าส่งเรื่องเข้าศูนย์ไหนค่ะ ส่วนว่าใครจะต้องส่งเรื่องเข้าศูนย์ไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่า คุณอาศัยอยู่ในรัฐไหนค่ะ อ่ะค่ะ แพร่มมานาน เข้าเรื่องก่อน หลังจากกรอกแบบฟอร์ม และรวบรวมเอกสารแล้ว เราก็ส่งเอกสารทั้งหมด พร้อมเช็คเงินสด 675 เหรียญ ไปให้ทาง INS ประมาณ 1สัปดาห์ถัดมา เค้าก็ส่งจดหมายมาบอกว่า ได้รับเรื่องแล้ว วันที่ 22 พฤษภาคม ให้เรารอจดหมายนัด สำหรับไปพิมพ์ลายนิ้วมือ3 สัปดาห์ถัดมา ระหว่างที่เรานั่งเปิดจมหมายต่าง ๆ อยู่ ก็เผอิญเหลือบไปเห็น ซองจดหมายจาก Department of Homeland Security ก็เริ่มเปิดเลย นึกในใจว่า จดหมายมันมาตั้งแต่เมื่อไรว่ะ ทำไมเราไม่เห็น คือ มันหมก ๆ อยู่ใต้กองจดหมายเลยแหละ วันที่เปิดจดหมายนั้น จำได้ว่าเป็นวันที่ 19 มิถุนา (วันศุกร์) ในจดหมายบอกว่า ให้ไปพิมพ์ลายนิ้วมือ วันที่ 17 มิถุนา (วันพุธ) ตายโหงแล้ว มันเลยมาตั้ง 2 วันแล้วอ่ะ มือสั่นทันทีค่ะ แต่ว่ารวบรวมสติอ่านจดหมายให้จบก่อน เค้าก็ลงรายละเอียดว่า ถ้าไปพิมพ์นิ้วมือไม่ได้ ตามที่เค้านัดมา ให้ไปในวันพุธถัด ๆ ไป (พุธไหนก็ได้) ที่เราว่างในเวลาเดียวกับที่เค้านัดมา (แต่มีกำหนดว่า ต้องไปก่อนเดือนกันยาหรือไงนี่แหละ ไม่งั้นเค้าจะโยนคำร้องทิ้ง) ก็สรุปว่า เราก็ไปพิมพ์ลายนิ้วมือ วันพุธถัดไป คือ 24 มิถุนา โชคดีไปค่ะ วันไปพิมพ์ลายนิ้วมือ เจ้าหน้าที่จะให้หนังสือคู่มือข้อสอบ (Quick Civics Lessons for Naturalization Test) มาอ่านด้วย หรือใครอยากอ่านก่อน ก็ไปโหลดในเน็ทได้ค่ะ ข้อสอบมีทั้งหมด 100 ข้อ แต่เค้าจะเลือกถามเราแค่ 6 ข้อค่ะ สรุปว่า เราต้องจำไปทั้งหมด 100 ข้อนั่นแหละ เพราะเราไม่รู้ว่า เค้าจะสุ่มถามข้อไหนกันแน่ Civic Test เป็นคำถามเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์และระบบรัฐบาลของประเทศสหรัฐค่ะ อ่ะค่ะ พิมพ์นิ้วมือเสร็จ คราวนี้ก็มานั่งรอวันสัมภาษณ์ ตานี้ดิฉันนั่งจ้องไปรษณีย์เองเลยค่ะ บอกนายจอมยุ่งว่า ห้ามแตะจดหมายโดยเด็ดขาด นายคนนี้เปิดจดหมายแล้ววางทิ้งไปทั่วค่ะ เฮียก็บอกว่า ชั้นไม่เคยไปแตะจดหมายหล่อนเลย หล่อนรับอยู่คนเดียว เปิดอยู่คนเดียว แถมวันไหนเฮียประสาทไม่ค่อยดี มีการ ขู่ เราอีกว่า วันหนึ่งจะแจ้งตำรวจมาจับเรา เพราะว่าเราเปิดจดหมายเฮีย ! (แล้วถ้าเราไม่เปิดจดหมาย แล้วใครจะจ่ายเงินค่าน้ำค่าไฟฟ่ะ ?) ประสาทอีกล่ะ !สำหรับเพื่อน ๆ ที่สงสัยว่า จะแจ้งตำรวจมาจับทำไม ? คำตอบ คือ การเปิดจดหมายที่เป็นชื่อของคนอื่น แม้จะเป็นพ่อ แม่ ลูก หรือคู่สมรสกันก็ตาม ถ้าไม่ใช่ชื่อเรา แล้วเราไปเปิด ที่อเมริกาถือเป็น Federal Offense ค่ะ รออยู่ 1 เดือนได้ ก็ได้รับจดหมาย ให้ไปสัมภาษณ์และสอบ ตอนแรกจดหมายระบุมาวันที่ 19 ตุลาคม แต่ 2 อาทิตย์ถัดมา ได้รับจดหมายเพิ่มบอกว่า ขอยกเลิกนัดวันที่ 19 ตุลาคม เนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยตอนนั้นหัวเสียมากเลยค่ะ ก็ต่อสายไปที่ USCIS ทันทีว่า แล้วจะให้ชั้นไปสัมภาษณ์เมื่อไรล่ะ ตอนนั้นมัวแต่โมโห เลยไม่ทันเห็นว่า มันส่งจดหมายมาพร้อม ๆ กัน 2 ฉบับ ระหว่างรอโทรศัพท์ ก็เลยเปิดจดหมายอื่น ๆ ไปเรื่อย ๆ พอมาถึงฉบับที่ 2 เลยเห็นว่า เอ่อ เค้าเลื่อนวันนัดให้มันเร็วขึ้นนี่หว่า แหม เสียน้ำลายด่ามันไปตั้งนาน สรุปว่าได้วันนัดใหม่ คือ 22 กันยายนค่ะ (เร็วกว่าเดิม 1 เดือน) ช่วงอ่านหนังสือเตรียมสอบ เราก็ใช้บริการนายจอมยุ่งนี่แหละ ให้ช่วยเป็นคนถามคำถาม แรก ๆ ขยันค่ะ ถามกันทุกคืน ๆ ละ 100 ข้อ ไป ๆ มา คนถามเริ่มเบื่อ ถามข้อเว้นข้อ ไอ้คนตอบรู้อีกค่ะ เลยด่าว่า อย่าถามเว้นข้อดิ ! พอวันก่อนวันสอบ เราก็บอกจอมยุ่งว่า ไหนถามคำถามชั้นดิ วัดความจำครั้งสุดท้าย เฮียเกี่ยงไปเกี่ยงมาอีก บอกว่า ไม่ต้องถามแล้ว หล่อนจำได้หมดแล้วเอ่อ ตอนนั้นนึกด่าในใจว่า เดี๋ยวกูสอบตกขึ้นมา เดือดร้อนต้องจ่ายเงินค่าสมัครใหม่ แล้วจะหนาว ! ชักจะยาวค่ะ ขอตัดไปเขียนตอนหน้านะคะ จะเป็นประสบการณ์วันไปสัมภาษณ์ และเข้าพิธีสาบานตนค่ะ ใครอยากรู้ว่า นายจอมยุ่งของเราร้องไห้ทำไม ติดตามตอนต่อไปค่ะ ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่แวะมาทักทายกันนะคะ Create Date : 13 ตุลาคม 2552 Last Update : 13 ตุลาคม 2552 5:18:26 น. 30 comments Counter : 14247 Pageviews. ShareTweet
อ่านตรงที่ว่า federal offense แล้วิสกี้ละนึกถึงพวกจดหมายและบิลซึ่งบางทีเราก็ไม่ได้รับเพราะ mail carrier เค้าหย่อนผิดไปที่อพาร์ทเมนท์เบอร์อื่นในตึกเดียวกันนะคะ เงียบหายจ้อยไม่เอามาคืนเราเลย ถ้ารู้เนี่ยน่าแจ้งจับจริงๆ