ย้อนอดีต70ปี
ย้อนเวลาหาอดีต 2493-2563


ตอนที่1

คนเราเกิดมา บุญวาสนา ชะตาชีวิต ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ติดตัวมาคือโชคและโอกาส
  • โชคของเด็กที่เกิดมาอาการครบ 32
  • โชคของเด็กที่หน้ามันเหมือนพ่อเหมือนแม่
  • โชคของเด็กที่มีหน้าตาผิวพรรณดี
  • โชคของเด็กที่ให้ลาภ พ่อแม่ปูย่าตายายและญาติๆ
  • ฯล แล้วแต่จะสรรหามาเป็นคุณ
ส่วนโอกาสนั้น จะตามมาทีหลัง ขึ้นอยู่กับความขยัน รักดี และไฝ่ศึกษาหาความรู้ (กรรมเก่าทำมาดี บุญวาสนาก็จะเสริมช่วย คนเฒ่าคนแก่บอกไว้อย่างนั้น)
คนสมัยก่อน นับถือ ผี สาง เทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่มองไม่เห็น ว่าเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้ทำความดี มีโชค มีลาภ แคล้วคลาด จากสิ่งไม่ดีที่เป็นอันตราย



คลองบ้านขมิ้นสมัยโบราณ - บ้านขมิ้นต้นตำรับ - สถานีรถไฟบางกอกน้อย
 

สมัยก่อน 70ปีให้หลัง มีการเคลื่อนย้ายของคนจากต่างจังหวัด เข้ามาหากินในเมืองหลวงจำนวนมาก โดยเฉพาะย่านที่มีการค้า และขายแรงงาน จึงเกิดสลัมเล็กๆ กระจายอยู่ใกล้ๆ ตลาด ข้างวัด ที่สาธารณะ หรือพื้นที่รกร้าง ใกล้แหล่งก่อสร้าง

ปู่ทวด ย่าทวด ของพวกเราเป็นคนค้าขาย ย้ายมาจากจังหวัดสมุทรสงครามมาตั้งบ้านเรือนอยู่หลังตลาด ติดกับที่ว่างของกรมอู่ทหารเรือเป็นชุมชนย่อมๆ หลายครอบครัว ปู่ย่ารับซื้อปลาช้อนตาย ที่เรียกว่าปลาชา มาทำปลาแห้ง ตากบนแผงหน้าลานบ้าน ไว้ขายที่ตลาดบ้านขมิ้น ถนนอรุณอัมรินทร บางกอกน้อย ธนบุรี

ในชุมชนส่วนใหญ่เป็นครอบครัวค้าขาย ที่ทั้งคนไทยและคนจีน การอบรมเลี้ยงดู สมัยนั้นจะเป็นไปตามมีตามเกิด อยู่กันอย่างญาติ ช่วยกันดูแลเด็กๆ วิ่งเล่นไม่ให้เกเร และรู้จักช่วยเหลือตัวเอง

ตระกูลเราอยู่กันมานาน มีลูกหลานนามสกุลสมประสงค์ เป็นกลุ่มเล็กๆ จากปูทวดย่าทวด มาปู่ย่า พ่อแม่ และรุ่นเรา ต่อมามีการเวียนคืนพื้นที่ของทหารเรือ บางครอบครัวจึงต้องโยกย้ายไป ส่วนหนึ่งอยู่แถวพรานนก หลังทางการปิดล้อมรั้วสังกะสี ที่เหลือต้องอาศัยตรอกเล็กๆ เดินเข้าออก จากหลังตลาดมาบ้านที่อยู่ติดคลองเล็กๆ ไหลออกแม่น้ำเจ้าพระยา ระหว่างกรมอู่ทหารเรือ กับวัดระฆัง

จำได้ว่าตอนเล็กๆ อาศัยที่ว่างของทหารเรือ และหลังตลาดเป็นที่วิ่งเล่น ทำกิจกรรมต่างๆ ของชุมชน ถึงวันสงกรานต์ ปีใหม่ แต่ละบ้านก็จะทำขนมตั้งหน้าบ้าน แจกเด็กๆ และคนในชุมชนได้กินกัน เช่น กล้วยไข่ลูกเล็กๆ ต้มใส่เกลือ เม็ดแมงลักใส่น้ำเชื่อมมะตูม แช่น้ำแข็ง รอดช่องน้ำกะทิ บางครั้งจะมีปูม้าตัวย่อมๆ ต้ม เด็กๆ จะชอบมาก

สมัยนั้นปู่ (ประสาน สมประสงค์) ลาออกจากเสมียนโรงจำนำ มาเลี้ยงไก่ไข่ พ่อทำงานเทศบาล (กทม) ว่างก็ทำเว่าขาย เราชอบดูพ่อวาดรูปบนเว่า และขี่คอพ่อวิ่งเว่าตอนเล็กๆ จำฝังใจ เลยชอบวาดรูป ทำงานประดิษฐ์ติดตัวมาจนโต

ชุมชนหลังตลาด แต่ก่อนต้องอาศัยน้ำในคลองตักใส่โอ่งแกว่งสารส้มใช้กินใช้อาบ ดังนั้นเด็กๆ ทุกคนต้องว่ายน้ำเป็น จำได้ว่าตอนหัดว่ายน้ำใหม่ๆ จดๆ จ้องๆ เป็นนาน โดนอาเอ็ดน้องพ่อถีบลงคลอง แล้วนับ 1 2 3 ตอนเราทะลึ่งขึ้นมา จึงโดดลงไปช่วย จากนั้นเอามะพร้าวสองลูกผูกติดกัน ให้หัดว่ายจนเป็น

ถนนอรุณอัมรินทร เป็นถนนไม่กว้าง ปากทางเข้ามาจากถนนใหญ่ไปโรงพยาบาลศิริราช และท่าเรือข้ามฝากวังหลัง ผ่านโรงหนังบ้านขมิ้น สมัยเด็กๆ จะมาดูหมีในกรงที่คนใบ้เฝ้าโรงหนังเลี้ยงไว้  ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านแถวร้านค้า จำได้ว่ามีร้านถ่ายรูป

เดินเลยมาหน่อยจะเป็นศาลาต้นจันทร์ เรือนไม้โบราณใต้ถุนสูง สมัยนั้นเป็นโรงเรียนชั้น ป1. เราก็เรียนที่นี่ ตอนพัก อาศัยใต้ถุนโรงเรียนเล่นขี่ม้าชนกัน เมื่อจบจากที่นี่ ต้องไปเรียนต่อที่โรงเรียนวัดพระยาทำ คุณครูจะพาเดินเป็นแถวไปตามถนน ผ่านโรงฝิ่นข้ามคลอง ฝั่งซ้ายเป็นร้านขายยา ผ่านตลาดบ้านขมิ้น จำได้ว่าฝั่งตรงข้ามตลาดเป็นตึกร้านขายเครื่องเขียน มีซอยเล็กๆ ติดป้ายบ้านตาหรั่ง ไม่แน่ใจว่าเป็นบ้านของครูโขนเล็กรึไม่

โรงเรียนวัดพระยาทำ อยู่ฝั่งขวามือ ตรงข้ามกรมแพทย์ทหารเรือ จำได้เรามาถอนฟันหน้าที่นี่ ปากทางเข้าวัดมีร้านขายของชื่อ ป.ประดิษฐ์ มีรูปจิ้งหรีดเป็นเครื่องหมาย การค้า เจ้าของทำเป็นตัวจิ้งหรีดขนาดใหญ่อยู่หน้าร้าน เด็กๆ ชอบไปดึงเชือกให้ปีกขยับ จะมีเสียงจิ้งหรีดร้อง

ตอนเรียนที่โรงเรียนประถมวัดพระยาทำ ตอนนั้นชอบวาดรูปมาก เคยวาดแข่งกันเองกับเพื่อน และรับจ้างเพื่อนลอกวิชาที่ครูเขียนบนกระดานดำ ลงสมุดแลกอาหารกลางวัน เป็นขนมผักกาด กระทงละสลึง บางวันกลับจากโรงเรียนแวะกินข้าวต้มถ้วยละสิบสตางค์ กับข้าวกินกับข้าวต้มจานเล็กๆ สลึงนึง เหมือนกัน

จบ ป.4 จากประถมวัดพระยาทำ มาต่อ ป.5-ป.7 ที่โรงเรียนวัดพระยาทำ2 ซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ที่นี่ทุกอย่างเริ่มฉายแวว ด้านภาษาอังกฤษ และวาดรูป จำเพื่อนรุ่นเดียวกัน ได้ เป็นแฝดคู่หนึ่งชื่อเจ้าช้างกับเจ้าแผน เจ้าช้างดูเกเรส่วน เจ้าแผน หน้าตารูปหล่อและนิสัยดี

ตอนหลังปู่ย้ายบ้านจากหลังตลาดบ้านขมิ้นมาปลูกบ้านใหม่ที่ตรอกข้าวเมา ถนนอิสรภาพ สี่แยกพรานนก ใกล้บ้านเนิน สถานีรถไฟบางกอกน้อย ธนบุรี ตอนนั้นจบประถมจากวัดพระยาทำ เข้าเรียนมัธยมต่อที่โรงเรียนวัดชิโนรส ถนนอิสระภาพ ใกล้ๆ กับโรงเรียนสตรีชิโนรส

ช่วงนั้นมีเพื่อนแถวบ้านรวมแก๊งค์อยู่หลังตลาดพรานนก กลางคืนจะมุดแผงแม่ค้า เอามะม่วง ปีนขึ้นไปนั่งกินบนหลังคาตลาด แก๊งค์ดังๆ ที่โตหน่อยจำได้ มี หมูเมฆ เล็กโพธิ์ดำ ซึ่งน่าขำถูกตำรวจจับเพราะไปเลียนแบบหนัง ขโมยหมูทั้งตัวผูกเชือกลากลงจากเขียง แล้วใช้ถ่านเขียนรูปโพธิ์ดำไว้

โตหน่อยย้ายมารวมกลุ่มนักอ่านหนังสือการ์ตูนและกำลังภายใน ที่ร้าน “ค่อมหน้าตลาด” ได้พบกับนักเขียนการ์ตูนหลายคนเช่น ราช เลอทรวง เทวัญ ที่เช่าบ้านอยู่แถววัดดงมูลเหล็ก และอาจารย์ปรีชา เถาทอง ตอนนั้นอยู่กับพี่ชายที่เป็นครูโรงเรียนวัดสุวรรณาราม

ที่นี่เองทำให้ได้พบ พูดคุยเรื่องการเขียนการ์ตูนกับอาจารย์ ปรีชา ตอนนั้นเรียนอยู่เพาะช่าง และไปฝึกเรียนวาดรูปกับครูเหม เวชกร ที่ร้านแถวสะพานพุทธ ได้เห็นรูปที่ท่านไปฝึกกับอาจารย์เหมเป็นภาพล้อมวงกินข้าวมีเด็กนั่งหัวมุม รวมทั้งต้นแบบงานการ์ตูนที่ท่านเขียนไว้เรื่อง ไอ้ปืนโต ด้วย


ลุงแดง ใจอาสา
22 พฤษภาคม 2564



Create Date : 22 พฤษภาคม 2564
Last Update : 8 กรกฎาคม 2565 17:05:33 น.
Counter : 1057 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

idea4thai
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]



ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อเยาวชนและชุมชมไทย