เป้าหมาย สู่ความสำเร็จ
ยังมีคนอีกมากมายที่ไม่รู้ว่ากำลังเดินทางไปไหน เหมือนเกิดมามี 2 ขา ก็ออกเดินไปเรื่อยๆ ไม่นานเขาก็จะเฉลียวใจ ว่ากำลังเดินวนหลงอยู่ในทะเลทราย เวิ้งว้างว่างเปล่า มองไปทางไหนก็มีแต่ผืนทราย ! ไม่เคยหลุดจากจุดเดิมที่เดินอยู่เลย !  หากรู้สึกว่าตัวเองกำลังเดินวนอยู่ที่จุดเดิมๆ แล้วอยากหลุดจากเส้นทางสายเดิม มุ่งไปสู่หนทางแห่งความสำเร็จสายใหม่ ลองทำตามวิธีนี้ดูค่ะ 1. ค้นหาเป้าหมาย ก่อนจะคิดหาเส้นทางสายอื่น ขอให้รู้ก่อนว่า เป้าหมายของคุณคืออะไร สถานที่ไหนที่อยากไป, สิ่งที่อยากทำ, บุคคลที่อยากพบ, สิ่งที่คุณอยากเป็น ฯลฯ คือ เป้าหมายที่คุณจะต้องกำหนดขึ้นค่ะ  ในเรื่อง "อลิส ผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์" มีอยู่ตอนหนึ่งที่ฉันจำได้ติดใจ ขออนุญาตคัดมาจากอินเตอร์เนตค่ะ ....เมื่อเหลือบไปเห็นแมวเชสเชอร์ ( เขาว่ากันว่ามันเป็นแมวเจ้าเล่ห์ที่ยิ้มได้ ) นั่งอยู่ บนคาคบไม้ไม่ห่างออกไปมากนัก เจ้าแมวเพียงแค่ยิ้มเมื่อเห็นอลิซ เธอรู้สึกว่า มันเป็นแมวนิสัยดี แต่เนื่องจากเล็บเท้าของมันยาวมาก เขี้ยวก็ดูเหมือนจะยาว มากด้วย เธอจึงคิดว่าควรจะปฏิบัติกับมัน ด้วยท่าทางที่เคารพสักหน่อย " คุณเหมียวเชสเชอร์จ๊ะ " อลิซเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบาเพราะเดาไม่ถูกว่ามันจะ ชอบชื่อนี้หรือเปล่า แต่มันก็เพียงแต่ฉีกยิ้มกว้างขึ้นมาอีกนิดหน่อย เอาน่า..ดู ท่าทางมันจะเป็นแมวที่อารมณ์ดีอยู่หรอก แล้วจึงพูดต่อว่า
" ช่วยบอกหน่อยสิ ว่าจากตรงนี้ฉันควรจะไปทางไหนดี" " เรื่อง มันขึ้นอยู่ที่ว่า เธออยากจะไปไหนน่ะสิ " แมวเชสเชอร์ตอบ " " ฉันไม่เลือกว่าที่ไหนหรอก...ขอแค่ฉันได้ไป ที่ไหนสักแห่ง..." อลิซตอบ " เรื่องนั้นสบายมาก ถ้าเธอเดินทนสักหน่อย " แมวตอบ อลิซรู้สึกว่าคำพูด ของมันไม่อาจปฏิเสธได้ เธอจึงลองถามเรื่องอื่น.... ฯลฯ ใช่ค่ะ ถ้าคุณยังไม่รู้ว่าจะเดินไปทางไหน หนทางใดก็ดูไม่มีความสำคัญ ! 2. การแสวงหาเส้นทางสู่เป้าหมาย เมื่อคุณได้กำหนดเป้าหมายแล้ว คราวนี้ มาแสวงหาหนทางไปสู่เป้าหมายค่ะ คุณจะไม่หลงวนไปวนมาอีกแล้ว เพราะคุณรู้แล้วว่าจะเดินไปไหน เพื่อไม่ให้เสียเวลา ขอให้คุณหาความรู้ และแสงหาครู ที่จะคอยบอกทางที่ถูกต้อง ให้คุณได้เดินทางไปสู่เป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้นค่ะ การไม่มีครู คุณอาจเดินไปถึงเป้าหมาย แต่อาจช้าหน่อย เพราะต้องลองผิดลองถูกด้วยตนเองอยู่พอสมควร
มีหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ที่ฉันเคยอ่านแล้วชอบมากๆ คือ เรื่อง ปิง กบน้อยในสระมหัศจรรย์ ปิงเป็นกบพิเศษที่กระโดดได้สูงและไกลมากๆ วันหนึ่งหนองน้ำที่ปิงอาศัยอยู่เกิดแห้งขอด สัตว์ตัวอื่นยอมจำนนรอคอยวันที่ฝนตกอีกครั้ง แต่ปิงไม่รอ และออกเดินทางแสวงหาบ่อน้ำใหม่ ด้วยพลังและความหวังที่มากมายเต็มเปี่ยม ปิงพยายามกระโดดให้พ้นจากป่ารกชัฎ เพื่อไปสู่เป้าหมาย คือบ่อน้ำแห่งใหม่
ปิงกระโดดสุดกำลังได้อยู่ 2-3 วัน ก็เกิดท้อใจ เพราะมองไม่เห็นทางออกเลย มีแต่ป่าที่กว้างใหญ่ และมืดมิด
ปิงอยากรู้ว่า อีกไกลแค่ไหนถึงจะพ้นป่านี้ได้ ในช่วงเวลาที่ท้อใจนี้เอง ปิงได้เจอกับนกฮูกค่ะ
นกฮูกสอนปิงว่า ถ้าหนทางที่เจ้าเลือกเดินไม่มีอุปสรรค เจ้าก็จะไปไม่ถึงไหนเลย ปิงจึงขอให้นกฮูกเป็นอาจารย์ แต่นกฮูกปฏิเสธค่ะ ปิงจึงพยายามกระโดดให้สูง เพื่อขึ้นไปหานกฮูกบนกิ่งไม้ให้ได้ กระโดดอยู่เกือบทั้งคืน แล้วปิงก็สามารถขึ้นไปเกาะอยู่บนกิ่งไม้ได้จริงๆค่ะ นกฮูกจึงยอมรับเป็นศิษย์ และทำให้ปิงเดินทางสู่บ่อน้ำแห่งใหม่ได้อย่างปลอดภัย เมื่อศิษย์พร้อม อาจารย์จะมา ครูต้องเป็นตัวอย่างที่ดี และเราก็ต้องมีสติ ในการใช้เหตุผล ไตร่ตรองถึงคำสอนของครูด้วยนะคะ  3. การเดินทางสู่เป้าหมาย เมื่อมีเป้าหมาย และ การหาหนทางไปสู่เป้าหมายแล้ว คราวนี้ถึงขั้นของการเดินทางแล้วค่ะ
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ความสม่ำเสมอ ในการก้าวเดินค่ะ ต่อให้คุณจะรู้เทคนิคการเดินเร็วแค่ไหน แต่ถ้าคุณเดินไม่สม่ำเสมอ เดินๆหยุดๆ คุณจะไปถึงเป้าหมายได้ช้าค่ะ
และในระหว่างการเดินทาง คุณต้องมีอาวุธให้ครบมือ เพราะอุปสรรคเกิดขึ้นระหว่างทางเสมอ คราวนี้ต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณจะเดินทางไปไหนแล้วค่ะ สำรวจเส้นทาง และ ประเมินอุปสรรคระหว่างการเดินทาง เพื่อจะได้ตระเตรียมอาวุธให้พร้อม
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นนักเดินทางที่แสวงหา นิพพาน อาวุธที่สำคัญ สำหรับการเดินทางครั้งนี้ คือ โพชฌงค์ 7 ซึ่งประกอบด้วยอาวุธ 7 อย่าง คือ
1. สติ เหมือนแสงสว่าง ไว้ใช้ต่อสู้กับความมืดมิด
2. การเฟ้นหาความจริง ซึ่งมี 3 อย่าง คือ ความรู้ที่ฟังผู้อื่นมา, ความรู้ที่เกิดจากคิดเอง, ความรู้ที่ได้จากการลงมือทำค่ะ ใช้ต่อสู้กับความคิดเห็นผิดๆที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอด
3. ความเพียร ใช้ต่อสู้กับความลังเลสงสัยทั้งหลาย
4. ความอิ่มเอมใจในการเดินทาง เพื่อใช้ต่อสู้กับอารมณ์ขัดเคืองใจทั้งหลาย
5. ความสงบกายสงบใจ ใช้ต่อสู้กับ ความหลงในรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ที่จะดึงให้เราออกนอกเส้นทางค่ะ
6. สมาธิ ทำให้เรามีความตั้งมั่น ใช้ต่อสู้กับ ความฟุ้งซ่านทั้งหลายค่ะ
7. การวางเฉย ซึ่งใช้ต่อสู้กับอัตตามานะของเราเอง บางครั้งเดินมาตั้งไกล กลายเป็น กูเก่ง เป็นชาล้นถ้วยไปซะแล้ว ดังนั้น อย่าให้เป็นความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ต้องวางธรรมให้ลง เปรียบเหมือน การพายเรือข้ามฟาก เมื่อถึงฟาก คือ นิพพานแล้ว ก็ต้องปล่อยวางเรือไว้ที่ฝั่ง
4. การปล่อยวางเป้าหมาย เมื่อกำลังเดินทางสู่เป้าหมาย ขอให้คุณปล่อยวางเป้าหมายนั้นซะ ! คือ การปล่อยวางความอยากไปจากใจค่ะ เพราะความอยากเป็นกิเลส ! ที่จะดึงแข้งดึงขา เป็นเหมือนหลุมพราง ไม่ให้คุณไปถึงเป้าหมายได้ ความอยากไปให้ถึงเป้าหมาย จะทำให้คุณเกิดอารมณ์แง่ลบ ! เช่น ความวิตกกังวล, ความตื่นเต้น,ความประหม่า,ไม่สงบ,ไม่เชื่อมั่น เป็นต้น ดังนั้น เมื่อคุณตั้งเป้าหมายว่า คุณจะเดินทางไปทิศเหนือ ถ้าใจคุณมัวแต่คิดว่า ใกล้ถึงหรือยัง ? อยากไปให้ถึงเป้าหมายเร็วๆ ! ใจคุณจะไม่อยู่กับทางที่ก้าวเดินเลย คอยคิดถึงทิศเหนืออยู่ตลอด คุณจะเดินได้ช้ามาก
แต่ถ้าคุณวางใจว่า เรากำลังมุ่งหน้าไปทิศเหนือ และมีเข็มทิศกับแผนที่แล้ว อาวุธก็ครบมือ ความสม่ำเสมอก็มีเต็มเปี่ยม คุณเดินทางด้วยความมีสติอยู่กับทางที่ก้าวเดิน ไม่นานก็ถึงเป้าหมายค่ะ ในหนังสือ เดอะ ท็อป ซีเคร็ต ของ ทันตแพทย์สม สุจีรา บอกไว้ว่า หากอยากไปให้ถึงเป้าหมาย อย่าอธิษฐานขอที่เป้าหมาย แต่ให้ขอสิ่งที่จะทำให้ถึงเป้าหมาย เป็นเคล็ดลับสกัดความอยากค่ะ เพราะเมื่อเราแสดงความอยากได้เป้าหมาย กิเลส ก็เกิดขึ้นทันที
เช่น เป้าหมายคือ ชนะการแข่งขัน ก็ให้อธิษฐานขอสิ่งที่จะทำให้ไปถึงชัยชนะแทน คือ ขอให้มีพลังกาย พลังใจ พลังสติปัญญา ในการแข่งขัน การอธิษฐานแบบนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับความอยาก ความอยากก็คือการเอาพลังจิตมุ่งคิดไปที่ผลลัพธ์ มีแต่จะสร้างความคับข้องใจ ตึงเครียด วิตกกังวล ซึ่งจะไปรบกวนกำลังของสติสัมปชัญญะ
นักวิ่งมาราธอนบางคนรู้ความลับข้อนี้ดี เขาจะวิ่งไปเรื่อยๆโดยไม่คิดถึงเป้าหมาย ให้ความสำคัญกับจังหวะการวิ่งของตนเองมากกว่าที่จะหมกมุ่นอยู่กับเส้นชัย
 สรุปว่า ขั้นตอนการเดินทางสู่ความสำเร็จ 4 ประการคือ 1. ค้นหาเป้าหมาย 2. แสวงหาเส้นทางสู่เป้าหมาย 3. การเดินทางสู่เป้าหมาย 4. การปล่อยวางเป้าหมาย
ขอให้ประสบความสำเร็จในการเดินทางนะคะ
Create Date : 30 เมษายน 2556 |
Last Update : 30 เมษายน 2556 21:41:25 น. |
|
36 comments
|
Counter : 2167 Pageviews. |
 |
|
และมากด Like เป็นคนที่ 1
ค่ะ...ขอบคุณนะคะที่นำมาฝากให้อ่าน
และขอให้ จขบ.ประสบความสำเร็จในการเดินทางด้วยค่ะ