ประวัติศาสตร์การระบาดของโรคร้ายแรงในสยาม
เริ่มต้นเข้าสู่ปี พ.ศ. 2563 ประเทศไทยเผชิญกับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ที่กำลังแพร่กระจายทั่วโลก กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศเกี่ยวกับโรคติดต่ออันตราย
ระบุว่าโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด 19 (COVID-19)
มีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ หอบเหนื่อย หรือมีอาการของโรคปอดอักเสบ
ในรายที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว
และอาจถึงขั้นเสียชีวิต”
ย้อนกลับไปดูการระบาดของโรคร้ายแรงในประวัติศาสตร์สยาม
มีเหตุการณ์น่าสนใจที่เกิดขึ้นและจารึกไว้หลายเหตุการณ์
กรุงศรีอยุธยายามเผชิญกับ “ความตายสีดำ” หรือ “Black Death”
โรคร้ายแรงในสยาม
อันดับแรก คือ กาฬโรค หรือ “โรคห่า” ปี 2263(1720)
กาฬโรคระบาดไปหลายภูมิภาคทั่วโลก
จนถึงแถบอุษาคเนย์ เนื่องมาจากการติดต่อค้าขายทางสำเภากับชาติจีน
กล่าวได้ว่ากาฬโรคระบาดในช่วงเวลาคาบเกี่ยวก่อนการตั้งกรุงศรีอยุธยา
ภาพจากมติชนออนไลน์ ฉบับ24 มีนาคม 2560เป็นที่ทราบกันว่าการแพร่ระบาดของโรคครั้งนั้นมีหมัดหนูเป็นตัวแพร่เชื้อ
โดยหมัดหนูติดกับตัวหนูที่อยู่ใต้ท้องสำเภาซึ่งเดินทางไปติดต่อค้าขายในดินแดนต่างๆ
ผู้ป่วยกาฬโรคจะมีอาการตามชื่อที่ถูกเรียกกันว่า “ความตายสีดำ”
กล่าวคือ ตามร่างกายของผู้ป่วยจะมีสีดำคล้ำอันเนื่องมาจากเซลล์ผิวหนังที่ตายไป
ส่วนอาการของผู้รับเชื้อกาฬโรคจะมีแผลขนาดเท่าไข่ไก่
หรือผลส้มตรงต่อมน้ำเหลืองต่างๆ จากนั้นจะมีไข้สูง ปวดตามแขนและขา
เมื่ออาการหนักจะเจ็บปวดทุกข์ทรมาน กระทั่งเสียชีวิต
ครั้งที่สองอหิวาตกโรคระบาดครั้งใหญ่ในสยาม ปี 2363 (1820) สมัยนั้นบ้างเรียกโรคป่วง บ้างเรียกโรคลงราก
ที่ทั้งรุนแรงและลุกลามจนคร่าชีวิตผู้คนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เหตุการณ์ครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใกล้เคียง
"กว่าห้าพันคน"
ต้นทางของ “อหิวาตกโรค” ก็คือ กฎเกณฑ์ในการสัญจรข้ามประเทศที่ยังหละหลวม
จนใครต่อใครสามารถผ่านเข้าออกได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งทำให้มีชาวต่างประเทศพาโรคติดต่อเข้ามาโดยไม่รู้ตัว
สมัยรัชกาลที่ 5 เกิดการระบาดของ
“กาฬโรค” อีกครั้ง
ตามเมืองท่าของประเทศจีนและเกาะฮ่องกง เส้นทางการระบาดเคลื่อนตัวไปยังอินเดีย
แอฟริกา รัสเซีย ยุโรป สิงคโปร์ ไทย และออสเตรเลีย
ซึ่งวิธีการที่ตรงไปตรงมาที่สุดในการป้องกันกาฬโรคระบาดเข้าสยาม
คือการบังคับให้เรือที่มาจากดินแดนเกิดกาฬโรคและใกล้เคียง
ต้องจอดให้เจ้าหน้าที่ตรวจโรคทุกคนบนเรือเสียก่อน
รัฐบาลจึงตั้งด่านตรวจโรคขึ้นที่ “เกาะไผ่”
(ปัจจุบันอยู่ห่างจากเมืองพัทยาราว 9 กิโลเมตร)
โดยมี
พระบำบัดสรรพโรค หรือ
หมออะดัมสัน เป็นนายแพทย์ประจำด่าน
ภาพเกาะไผ่ และภาพหมอฮันส์ อะดัมสัน (ในภาพเล็ก)กว่าที่การระบาดของ “กาฬโรค” ครั้งนั้นจะหมดไป ต้องผ่านเวลามาหลายสิบปี
การเกิดขึ้นของ “เกาะไผ่” นับเป็นจุดกำเนิด
ของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศแห่งแรกของประเทศไทย
ก่อนที่บทบาทของด่านฯ จะปรับตัวและเปลี่ยนแปลงอีกหลายครั้ง
เพื่อให้สอดคล้องกับบริบทของแต่ละยุคสมัย
ที่การสัญจรข้ามประเทศมีรูปแบบหลากหลายกว่าในอดีต
ในรัชกาลที่ 5 ได้เกิดการสร้างโรงพยาบาลหลายแห่ง ได้แก่
โรงพยาบาลศิริราช ,โรงพยาบาลบางรัก ,โรงพยาบาลกลาง
โรงพยาบาลสามเสน และโรงพยาบาลโรคจิต
แต่ยังไม่มีโรงพยาบาลที่รับรักษาโรคติดต่ออันตราย
เช่น อหิวาตกโรค กาฬโรค และไข้ทรพิษโดยเฉพาะ
แต่ปรากฎว่ายามเกิดโรคระบาดทั้งอหิวาต์และไข้ทรพิษระบาดขึ้นในพระนครและธนบุรี
โรงพยาบาลรับได้ไม่หมด ลำบากยากเข็นมาก
เมื่อมีโรคระบาดขึ้นจึงจำเป็นต้องตั้งโรงพยาบาลพิเศษขึ้นตามสถานที่ต่างๆ
เช่น ที่วัดเทพศิรินทร์, วัดสุทัศน์ ,วังเสด็จในกรมขุนชัยนาทนเรนทร, สุขศาลาบางรัก
ในช่วงเวลาที่ไม่มีโรคติดต่ออันตรายระบาด โรงพยาบาลรับผู้ป่วยด้วยโรคอุจระร่วงอย่างแรง
หรือบางครั้งต้องรับผู้สัมผัสโรคหรือพาหะของโรคที่มาจากต่างประเทศมาคุมไว้สังเกต
ดังเช่น ปรากฎว่า ได้กักผู้โดยสารที่ตรวจพบพาหะโรคมากับเรือจากประเทศจีนไว้ 95 คน
และด้วยข้อจำกัดของการรับผู้ป่วยในยามเกิดโรคระบาดหนักอย่างไข้ทรพิษ อหิวาตกโรค
ที่ระบาด ทำให้ในเวลาต่อมาได้มีการก่อสร้างโรงพยาบาลโรคติดต่อขึ้นแห่งใหม่
บริเวณถนนดินแดง ตำบลสามเสนใน อำเภอดุสิต จังหวัดพระนคร เรียกว่า
“โรงพยาบาลโรคติดต่อ พญาไท”
และต่อมาได้ย้ายไปตั้งที่ตำบลตลาดขวัญ จังหวัดนนทบุรี เปลี่ยนชื่อเป็น
“โรงพยาบาลบำราศนราดูร”
ครั้งที่สามไข้หวัดใหญ่ ปี 2463 (1920)ซึ่งถือเป็นการระบาดครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
ไข้หวัดใหญ่(สเปน) ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1
ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลกในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 1
ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปราว 50ล้าน คน ทำให้เป็นภัยพิบัติธรรมชาติ
ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
เมื่อทหารอาสาเดินทางจากยุโรปกลับมาที่สยาม
พวกเขาได้นำโรคระบาดใหม่กลับมาด้วย และมันระบาดในประเทศอย่างหนัก
ครั้งที่สี่ไวรัสโคโรนา ปัจจุบัน ปี 2563 (2020)ที่เราทราบกันในชื่อ covid-19 ผู้ป่วยส่วนใหญ่ทำงานในตลาด
หรือมีประวัติเดินทางไปที่ตลาดค้าส่งอาหารทะเลแห่งหนึ่ง
กลางเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีการค้าสัตว์
ซึ่งปัจจุบันยังหาสาเหตไม่ได้ชัด เพราะต่างฝ่ายต่างยุ่งกับการรักษาโรค
และพยายามควบคุมโรคไม่ให้ระบาดเพิ่มจนทำให้ผู้คนติดเชื่อและล้มตายเพิ่ม
และไม่ทราบว่าเหตการณ์ครั้งนี้จะจบลงเมื่อไหร่?