วิธีดูเพชรแท้ และ เข้าใจใบเซอร์เพชรแท้
Blog นี้อยากจะแชร์ประสบการณ์จากการได้รับคำโฆษณา
จากการโฆษณาชวนให้หลงเชื่อ
มิได้เป็นการอวดอ้างหรือแสดงความเชี่ยวชาญแต่อย่างใด
ประเด็นเริ่มที่ได้เห็นข้อความขายสินค้าในig เรื่องของการโฆษณาขายเพชร”สังเคราะห์“
เรียกง่ายๆก็ของปลอมนั่นเองแหละ ซึ่งมันก็สวยงามกันไปตมท้องเรื่อง แต่ที่ยอมไม่ได้เสียจริง
ขออนุญาติลงภาพที่ทางร้านโพสข้อความนำมาประกอบเพื่อการขายสินค้าของเขา
เลย ต้องเจาะลึกศึกษากันหน่อย โฆษณาเกินจริงไปมันไม่ถูกต้อง และไม่ควรทำ!อันที่จริงส่วนตัวไม่ได้อคติอะไรกับเพชรสังเคราะห์หรือคนที่สนใจในเพชรสังเคาระห์เลยแม้แต่น้อย
แต่ที่อคติและไม่เห็นด้วยคือ"คำโฆษณาโพสขายของของคุณพ่อค้าแม่ค้า"ทั้งหลาย
ซึ่งปกติเป็นคนเล่นเพชรอยู่แล้ว
ยอมได้ไงโฆษณาอย่างนี้ "ไม่ได้สิ ปล่อยผ่านไม่ได้สิ"
โฆษณาขายเพชรปลอมซะคนใช้เพชรแท้อายเลย
จึงได้เริ่มมีการศึกษาในสิ่งที่เรามีนั่นคือวิธีอ่านใบเซอร์
และนี่คือเพชรน้ำร้อย
D Color = เพชรน้ำ100%
มองด้วยตาซึ่งสีมันขาวจั๊ว! ที่มันมีสีวูปวาบนั่นคือเพชรมันเล่นแสงไฟ
"เพชร"เป็นอัญมณีรูปแบบหนึ่งของคาร์บอนจัดเรียงตัวเป็นทรงแปดหน้าเป็นแร่ที่แข็งที่สุด
ตามสเกลของโมส์ มีค่าความแข็งเท่ากับ10
"เพชร"มีหลายสี แต่สีที่นิยมที่สุดคือ"สีขาวบริสุทธิ์"
สีที่หายากคือสีแดงฟ้าเขียวส้มชมพูเรียก"แฟนซีไดมอนด์" มีราคาสูงมาก
นับว่าสวยที่สุด"เพชร"เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจความแข็งแกร่งแหล่งของเพชรมีอยู่ทั่วโลก
คำว่า”เพชร”ในภาษาไทยมาจากสายฟ้า อังกฤษ"diamond"
มีรากศัพท์มาจากภาษากรีกโบราณซึ่งมีความหมายว่า
"สมบูรณ์" "เปลี่ยนแปลงไม่ได้" "แข็งแกร่ง" และ"กล้าหาญ"
อัญมณีเพชรกลายเป็นสิ่งมีค่าเมื่อมีการนำไปใช้เป็นรูปเคารพทางศาสนา
ในอาณาจักรอินเดียโบราณ
นอกจากนี้ยังมีการใช้งานเพชรเป็นเครื่องมือแกะสลักตั้งแต่สมัยต้นประวัติศาสตร์ของมนุษย์อีกด้วย
2. เลขใบเซอร์รูปทรงเพชรและสัดส่วน เลขใบเซอร์
รายละเอียดต่อไปที่คุณจะได้พบคือเลขใบเซอร์เปรียบเสมือนSerial Number
ที่ใช้สำหรับระบุข้อมูลของเพชรแต่ละเม็ดโดยจะมีเลขเดียวกันกับที่คุณจะพบบนเลเซอร์ขอบเพชร
รูปทรงเพชรและสัดส่วน
ในบรรทัดต่อมาคุณจะพบข้อมูลเกี่ยวกับรูปทรงเพชรและสัดส่วนของเพชร
ที่วัดด้วยหน่วยมิลลิเมตรเพชรที่คนส่วนใหญ่นิยมซื้อคือเพชรกลม
โดยในใบเซอร์จะระบุเป็นภาษาอังกฤษว่าRound Brilliant
3. หัวใจสำคัญ: 4C’s of Diamonds
ส่วนต่อมาเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุดเกี่ยวกับเพชรนั่นก็คือรายละเอียดเกี่ยวกับ
4C: Carat, Color, Clarity และCut ตามลำดับ
Carat
Carat หมายถึงน้ำหนักของเพชรซึ่งวัดเป็นหน่วยกะรัตเสมอ(1 กะรัต= 0.2 กรัม)
โดย1 กะรัตจะมีค่าเท่ากับ100 ตัง(ความหมายเดียวกันกับ1 บาทที่แปลงได้เป็น100 สตางค์) หลายคนนิยมเรียกน้ำหนักเพชรด้วยหน่วยตังกันจนคุ้นเคยเช่นเพชร50 ตัง
ก็คือเพชร0.50 กะรัตนั่นเอง น้ำหนักกะรัตของเพชรจะส่งผลต่อความใหญ่ของเพชรโดยตรง
ยิ่งกะรัตมากเท่าไรเพชรก็จะยิ่งเม็ดใหญ่มากเท่านั้น
Color
Color คือการวัดว่าเพชรมีความขาวมากแค่ไหนซึ่งความขาวนี้จริงๆแล้วหมายถึงการไม่มีสีแต่หากมีสีเจือปนก็จะออกเป็นสีเหลืองโดยจะวัดด้วยมาตรฐานD to Z Grading เรียงจากD Color ลงมา
ดังนี้:
D Color = เพชรน้ำ100%
E Color = เพชรน้ำ99%
F Color = เพชรน้ำ98%
G Color = เพชรน้ำ97%
H Color = เพชรน้ำ96%
I Color = เพชรน้ำ95%
เพราะฉะนั้นเพชรD Color คือเพชรที่ขาวที่สุดและมีมูลค่าสูงที่สุด
ส่วนเพชรZ Color คือเพชรที่เหลืองและมีมูลค่าน้อยที่สุด
แต่ไม่ได้หมายความว่า”เพชรสีเหลือง”จะไม่ดี
เพราะหากเพชรมีสีเหลืองมากจนพ้นZ Color ไปแล้ว
จะกลายเป็น“ Fancy Color Grading Scale “
ซึ่งโดยทั่วไปเพชร“ Fancy Color “จะมีราคาสูงและหายากมาก
***คุณมักจะเคยได้ยินคนพูดถึงเพชรเบลเยียมน้ำ100% หรือเพชรD Color กันอยู่บ่อยๆเพราะเป็นเพชรน้ำงามที่สุดและเป็นเพชรน้ำที่ได้รับความนิยมสูงแต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงกรณีที่เพชรมีสีแตกต่างอย่างชัดเจนเช่นสีน้ำเงินสีชมพูและสีเหลืองซึ่งเพชรสี(Fancy Color) เป็นเพชรที่หายากจึงมีมูลค่าสูงกว่าเพชรสีขาวทั่วไปในบางกรณีอาจจะแพงกว่าหลายเท่าตัว
Clarity
Clarity หมายถึงความสะอาดของเพชรโดยนักอัญมณีจะเป็นผู้ให้คะแนน
ด้วยกล้องขยาย10 เท่าเพื่อวิเคราะห์หาตำหนิจุดดำหรือร่องรอย
อันไม่พึงประสงค์ภายในเพชรโดยทั่วไปClarity ของเพชรที่อยากจะแนะนำให้คุณซื้อและสะสมควรอยู่ระว่างVVS1/2 – VS1/2 เพราะเป็นคุณภาพที่ถือว่าสะอาดและมีมูลค่าสมราคาที่สุดหากต่ำลงไปมากกว่านี้เช่นSI คุณจะมีมองเห็นตำหนิบนเพชรได้ด้วยตาเปล่าแบบง่ายๆ
ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณคงไม่อยากให้มีบนเพชรของคุณอย่างแน่นอน
Cut
Cut นั้นหมายถึงคุณภาพในการเจียระไนเพชรซึ่งจะมีระบุตั้งแต่Excellent ไปจนถึงPoor ซึ่งเป็น1 ใน3 ส่วนของการที่จะเป็นเพชร3 Excellent หากคุณมีเพชรกลมทรงมาตรฐานแบบที่มี57 เหลี่ยมหลายคนอาจให้ความสำคัญกับColor เป็นหลักโดยเฉพาะเพชรD Color (น้ำ100%) เพราะใครๆก็ชอบให้เพชรดูขาวไว้ก่อนบ่อยครั้งที่คุณคงจะได้เห็นเพชรขาวแต่กลับดูแล้วหมองๆไม่เล่นไฟนั่น
ก็เป็นเพราะCut ยังไม่ดีพอนั่นเอง
สำหรับมืออาชีพส่วนใหญ่จึงให้ความสำคัญกับCut มากที่สุดใน4C’s of Diamonds ทั้งหมดเพราะจะส่งผลต่อประกายและความเล่นไฟของเพชรโดยตรงเพราะฉะนั้นเพชรทุกเม็ดที่คุณควรคัดเลือก
ควารจะเป็นเพชร3 Excellent เพราะว่าจะเล่นไฟได้ดีกว่าเพชรที่เป็นเกรดรอง
4. ข้อมูลเพิ่มเติมและหมายเหตุ
Polish และSymmetry เป็นอีก2 ใน3 ปัจจัยสำคัญของเพชรที่จะเป็น3 Excellent
Polish
Polish นั้นหมายถึงความเรียบของพื้นผิวเพชรหากเพชรมีพื้นผิวเรียบเนียนก็จะทำให้สามารถสะท้อนไฟได้อย่างชัดเจนและไม่ดูผิดเพี้ยนไปถ้าให้ผมเปรียบเทียบก็คงจะคล้ายกับการส่องไฟลง
บนกระจกเรียบๆซึ่งจะสะท้อนแสงได้ดีกว่าการส่องไฟลงบนกระจกที่มีเม็ดทรายโปรยอยู่
Symmetry
Symmetry คือความสมมาตรของหน้าเพชรทั้งหมดว่าดูแล้วมีความเท่าเทียมกันแค่ไหนเมื่อมองจากมุมต่างๆเพชรที่มีความสมมาตรดีเวลาส่องไฟลงไปแล้วแสงจะตกกระทบตามองศาได้อย่างถูกต้องทำให้ดูมีประกายไฟมากกว่าเพชรที่ไม่สมมาตร
Fluorescence
Fluorescence หมายถึงปฏิกิริยาที่เพชรแสดงออกมาเมื่อได้รับการกระตุ้นจากแสงUV
โดยทั่วไปเพชรที่ติด Fluorescence จะดูแล้วออกเป็นสีฟ้าๆเพราะฉะนั้น
เพชรที่ไม่ติดFluorescence จึงได้รับความนิยมมากกว่าเพชรที่ติด Fluorescence
หากเป็นเพชรที่ไม่ติด Fluorescence ในใบเซอร์GIA จะระบุว่าNone (ไม่มี)
ในขณะที่ใบเซอร์HRD จะระบุว่าNil (ปราศจาก) ซึ่งทั้งสองคำมีความหมายเหมือนกัน
ข้อดี เพชร Fluorescence
- เป็นทางเลือกสำหรับผู้มีงบจำกัด เพราะ เพชรที่มี Fluorescence จะมีราคาต่ำกว่า
จึงเป็นโอกาสที่คุณจะได้เพชรไซค์ใหญ่ในราคาประหยัด
-คุณอาจได้ใสาเพชรขาวขึ้นเพราะเพชรน้ำรอง เช่น น้ำ 94 หรือ j Color หากมี Fluorescence เล็กน้อยจะทำให่เพชรดูขาวขึ้นพอๆกับเพชรน้ำ 95 หรือ l Color เลยทีเดียว
ข้อเสีย เพชร Fluorescence
- เป็นเรื่องของคงามรู้สึกและความนิยมเฉพาะบุคคล
เพราะเพชรของคุณอาจจะติดสีฟ้ามากเกินไปทำให้สีเพชรดูผิดเพี้ยนทั้งๆที่มันก็คือเพชรแท้นั่นแหละ
5.แผนภาพตำหนิ
ไม่มีเพชรแท้เม็ดไหน ที่จะเหมือนกันได้ 100%
และนั่นก็คือเสน่ห์ ที่ทำให้หลายคนรักในการสะสมเพชร
Good VVS/VS: สิ่งที่คุณไม่ควรมองข้าม
เพชรที่ไม่ใช่ IF (ไร้ตำหนิ) จะต้องมีตำหนิทุกเม็ด
ซึ่งความมากน้อยของตำหนิก็จะขึ้นอยู่กับ Clarity เช่น เพชร VVS
ก็จะมีตำหนิให้เห็นน้อยกว่า VS และ SI ตามลำดับ
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเพชร VVS หรือ VS ทุกเม็ดจะมีตำหนิอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน
เพราะบ่อยครั้งที่คุณจะได้พบกับเพชร VVS หรือ VS แต่มีตำหนิขึ้นอยู่ที่หน้าเพชร
ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์
เพชรที่ดีไม่ควรจะมีตำหนิขึ้นหน้า แต่ควรจะหลบอยู่มุมอื่นแทน
เมื่อนำเพชรไปใส่ตัวเรือนก็จะสามารถบดบังตำหนิได้อย่างมิดชิด
โดยในวงการจะเรียกเพชรเหล่านี้ว่า Good VVS หรือ Good VS
สรุป: ใบเซอร์เพชร คือเครื่องการันตีที่จะทำให้คุณสามารถซื้อเพชรได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ท่านคงรู้ว่าข้อดีของการซื้อเพชรที่มีใบเซอร์เป็นอย่างไร
รวมไปถึงความแตกต่างของประเภทของใบเซอร์ทั้งแบบใหญ่และเล็กเป็นอย่างไร
อีกทั้งยังได้เรียนรู้ถึงขั้นตอนในการอ่านวิเคราะห์ใบเซอร์แต่ละส่วนอย่างละเอียด
เพราะฉะนั้น เมื่อคุณมีโอกาสซื้อเพชร ถ้าจะให้มองหาแค่เพชร D Color หรือ 3 Excellent
ก็คงจะไม่เพียงพอหากคุณต้องการเพชรที่สวยอย่างแท้จริง
เพราะความจริงแล้ว ยังมีปัจจัยอีกมากมาย ที่จะส่งผลโดยตรงต่อมูลค่า
และความงามของเพชรที่คุณกำลังตัดสินใจซื้อ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง
Fluorescence, Good VVS/VS, Table, Depth, Cutlet, Girdle ฯลฯ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่ายอมให้แม่ค้าพ่อค้าเพชร"สังเคราะห์"ได้มากล่าวต่อหน้าต่อตาได้ว่า
เพชรน้ำร้อยไม่มีทางขาวจั๊ว !!!!!!
หากข้อมูลผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ไม่เพียงแต่เท่านั้น
เรายังมี
วิธีดูเพชรง่ายๆ แบบบ้านๆ โดยยังไม่ต้องพูดกันถึงเรื่อง ใบเซอร์
เอาแบบดูเล่นๆชิวๆ อย่าให้ใครหลอกสายตาเราได้
วางเพชรบนหมึกปากกา
ถือเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อการทดสอบ เพียงวาดจุดลงบนกระดาษสีขาวด้วยปากกาลูกลื่น
และพริกให้หน้าเพชรคว่ำลงไปบนจุด
เพชรแท้หมึกจะสะท้อนไปทั่วทุกทิศ เช่นภาพซ้าย
แต่หากเพชรเทียมจะเห็นสีของหมึกลอดออกมาอย่างชัดเจน นึกภาพเอาเศษแก้ววางลงไปเฉยๆ
โดย: แป๋ว IP: 139.99.104.93 1 กรกฎาคม 2563 1:26:42 น.
โดย: เหมียว IP: 139.99.104.95 10 กรกฎาคม 2563 21:09:03 น.