หิมพานต์ อยู่ที่ไหน : ตำนานหิมพานต์
หิมพานต์ ณ ดินแดนอันไกลโพ้น ยากเกินกว่าที่มนุษย์สามัญธรรมดาจะไปถึง
ดินแดนอันเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์พิศดารเหนือกว่าจินตนาการ .......
ราวปี พ.ศ. ๑๘๘๘ พระมหาธรรมราชาที่ ๑ ทราบกันในนามพญาลิไทย แห่งอาณาจักรสุโขทัย ได้ทรงศึกษาคัมภีร์และตำราไตรภูมิจากหลากหลายสำนัก และได้ทรงพระราชนิพนธ์ “ไตรภูมิกภา” จารึกลงบนใบลาน ว่าด้วยเรื่องจักรวาลวิทยา การกำเนิดโลกและสิ่งมีชีวิตต่างๆ ตามคติโบราณ
รอบเขาพระสุเมรุ มีเทือกเขาล้อมอยู่เจ็ดชั้น เรียกเขาบริวาณทั้งเจ็ด อันได้แก่ เขายุคนธร,
เขาอิสินธร,เขากรวิก,เขาสุทัสนะ,เขาเนมินธร,เขาวินตกะ,และเขาอัสกัณ ระหว่างเขาแต่ละชั้นคั้นด้วยห่วงน้ำ มีชื่อว่า “นทีสีทันดร” ซึ่งไม่มีสิ่งใดลอยอยู่ได้ ,ถัดจากเทือกเขาสัตบริภันฑ์ที่โอบล้อมเขาพระสุเมรุ เป็นท้องทะเลกว้างไกลจรดขอบกำปพงจักรวาล เรียกว่า “โลณสาคร”
มีสีแตกต่างกันทั้งสี่ทิศ ,ทั้งสี่ทิศตามสีที่สะท้อนจากวัตถุธาตุบนเขาพระสุเมรุ
เขาพระสุเมรุ ... ใจกลางของจักรวาล สูงตระหง่านเหนือระดับน้ำ ๘๔,๐๐๐ โยชน์
และลึกลงไปใต้บาดาลอีก ๘๔,๐๐๐ โยชน์ พระอาทิตยื พระจันทร์และดวงดาวทั้งหลายต่างโคจรรอบขุนเขาแห่งนี้ , ทิศเหนือ ผืนฟ้าและท้องน้ำเป็นสีทอง ,ทิศตะวันออก เป็นสีเงินอมขาว
และเป็นที่ประทับของพระนารายณ์ มีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า “เกษียรสมุทร” ,
ทิศใต้ มีท้องน้ำและน้ำทะเลเป็นสีน้ำเงินอมเขียว จากแสงสะท้อนของแก้วอินทนิน ,
ทิศตะวันตก เป็นสีแดง จากแสงสะท้อนของแก้วผลึกบนเขาพระสุเมรุ
แดนสวรรค์ ... ผู้ที่ทำความดีเมื่อครั้งยังมีชีวิต จะได้ไปเกิดใหม่เป็นเทพยดาบนสรวงสวรรค์
มีด้วยกันทั้งสิ้น ๖ ชั้น ,เรียกรวมว่า “ฉกามาพจร” ,
สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา เป็นสวรรค์ชั้นต่ำสุดที่อยู่ใกล้กับโลกมากที่สุด ตั้งอยู่บนเขายุคนธร
ซึ่งสูงที่สุดในหมู่สัตบริภัณฑ์ ปกครองโดยท้าวจตุโลกบาล สี่เทพยดาผู้ปกปักโลกทั้งสี่
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ...ตั้งอยู่บนยอดเขาพระสุเมรุ เป็นที่ประทับของพระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ ,
สวรรค์ชั้นยามา ...ตั้งอยู่สุงเกินกว่าที่พระอาทิตย์จะส่องไปถึง แต่ก็มองเห็นได้ด้วยรัศมีจากแก้วและรูปกายของเหล่าเทวดา ,
สวรรค์ชั้นดุสิต...เป็นที่สถิตของเทวดาผู้รู้บุญรู้ธรรม
เป็นที่อาศัยของพระโพธิสัตว์ผู้สั่งสมบารมี ก่อนจะเสด็จลงมาเป็นพระพุทธเจ้า ,
สวรรค์ชั้นนิมานรดี ...เทวดาในชั้นนี้สามารถเนรมิตรทุกสิ่งได้ดั่งที่ปรารถนา ,
สวรรค์ชั้นปรินิมมิตวสวัตดี ...เทวดาในชั้นนี้ เมื่อปรารถนาอาหารทิพย์ใดๆ
เทวดาองค์อื่นจะเนรมิตรให้สมประสงค์
แดนพรหมโลก.... ผู้ภาวนาฌานตลอดชีวิตจะได้ไปเกิดในพรหมโลก ซึ่งอยู่สูงจากสวรรค์มาก จนประมาณนับเป็นโยชน์มิได้ , กล่าวกันว่า หากโยนศิลา หนักเท่าปราสาทลงมาจาดพรหมโลกชั้นที่ต่ำที่สุด ต้องใช้เวลาถึง ๔ เดือน กว่าจะตกลงมาถึงแผ่นดิน
รูป-พรหม หรือ รู-ปะพรหม , พรหมโลก ๑๖ ชั้นแรก เรียกว่า “โสฬสรูปพรหม” อันเป็นที่อยู่ของพรหม หรือ ผู้ที่เจริญสมาธิจนบรรลุฌาน ซึ่งล้วนแต่เป็นเพศชาย ,ไม่รับรู้กลิ่น รส หรือความเจ็บปวด ไม่เสวยสิ่งใด ไม่ยินดีข้องแวะกับผู้อื่น ยินดีแต่นั่งฌานสมาบัติ
อรูปพรหม หรือ อะ-รู-ปะพรหม , เหนือรูปพรหมไปไกลโพ้น ยังมีพรหมโลกอีก ๔ ชั้น เป็นที่อยู่ของผู้ที่บรรลุฌานสูงสุด ,พรหมในชั้นนี้ไม่มตัวตน เป็นเพียงจิตละเอียดประณีต
แดนอสูร.....ลึกลงไปใต้นทีสีทันดร ๘๔,๐๐๐ โยชน์ ณ เชิงเขาพระสุเมรุ เผ่าพงศ์ผู้เป็นปฏิปักษ์ต่อเหล่าเทวดา มีภูเขา ๓ ลูกเรียกว่าตรีกูฏ คอยรองรับค้ำยัน , ตรงกลางเขาทั้งสามนั้น
เป็นเมืองอสูรใหญ่ ๔ เมือง มีปราสาทราชมณเฑียร งดงามตรพการตา ,
หากแต่ยังงดงามน้อยกว่าสวรรค์ชั้นดาวดึงห์ , เมืองอสูรปกครองโดยพญาอสูรเมืองละ ๒ ตน
โดยพญาอสูรที่รู้จักกันเป็นอย่างดีมีชื่อว่า “อสุรินทร์ราหู”
แดนมนุษย์......เหนือน่านน้ำ โลณสาคร มีแผ่นดินน้อยใหญ่ ๒,๐๐๐ เกาะ มี ๔ ทวีปใหญ่
ตั้งอยู่ทั้งสี่ทิศของเขาพระสุเมรุ เป็นถิ่นอาศัยของมนุษย์และสัตว์เดรัจฉาน
ทิศเหนือ - อุตรกุรุทวีป แผ่นดินราบเรียบเสมอกัน มนุษย์มีใบหน้าสี่เหลี่ยม
มีชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าทวีปอื่น เนื่องด้วยผู้คนรักษาศีลเป็นนิจ เยาว์วัยตลอดอายุขัย ๑,๐๐๐ ปี
ทิศตะวันออก - บุพวิเทหทวีป มนุษย์มีใบหน้ากลมดั่งเดือนเพ็ญ ผู้คนมีศีลธรรม
ประพฤติตนดี มีอายุขัย ๑๐๐ ปี
ทิศใต้ - ชมพูทวีป มนุษย์มีใบหน้ารูปไข่ ดั่งดุมเกวัยน อายุขัยไม่แน่นอน
เพราะไม่ได้รักษาศีลกันทุกคน มีมนุษย์ที่ประพฤติดี ชั่วปะปนกันไป
ทิศตะวันตก - อมรโคยานทวีป มนุษย์มีใบหน้าเหมือนเดือนแรม ๘ ค่ำ
ทุกคนมีอายุขัย ๔๐๐ ปี เพราะทุกคนรักษาศีล ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
เหนือสุดของแดนชมพูทวีป คือที่ตั้งของป่า ใจกลางหิมพานต์ ..... หากมุ่งหน้าขึ้นเหนือจนสุดเขตแดนมนุษย์ จะพบกับขุนเขาตั้งตระหง่านสูงใหญ่ กินอาณาบริเวณกว่า ๓,๐๐๐ โยชน์
อันเป็นที่ตั้งของผืนป่าลึกลับนามว่า “ป่าหิมพานต์” ป่ามหัศจรรย์แห่งนี้ มีเพียง เทวดา คนธรรพ์ และผู้บำเพ็ญตบะที่มีฤทธิ์เหาะเหินเดินอากาศเท่านั้นจึงจะสามารถเข้าไปได้
ป่าหิมพานต์อุดมไปด้วย พืชแปลกประหลาดนานาพันธุ์ ทั้งกล้วยผลใหญ่เท่างาช้าง
ผลหว้าที่มียางเป็นทองคำ ต้นมักกะลีผล ที่ออกผลเป็นหญิงสาวงดงาม และต้นบัญชุสกะ
ที่สูง ๑ โยชน์ ใหญ่ ๑ โยชน์ มีดอกบานสะพรั่งทั้งในน้ำและบนบก
ในป่าหิมพานต์ มีสระน้ำใหญ่ ๗ สระ มีความกว้างและลึกเท่ากัน โดยมีสระอโนดาต
ตั้งอยู่ใจกลางป่า น้ำใสสะอาดดั่งผลึกแก้ว ,ด้วยอำนาจของเหล่าเทวดาและพญานาคราช
บันดาลให้ฝนตก ณ สระอโนดาตนั้นไม่เคยแห้งเหือดแม้เพียงสักครั้งเดียว , น้ำจากสระอโนดาตไหลออก ทางปากช่อง ที่อยู่ทั้งสี่ทิศของสระ กลายเป็นแม่น้ำสำคัญ ๔ สาย ไหลไปยังถิ่นที่อยู่ของสัตว์ต่างๆ ได้แก่ ราชสีห์ ช้าง ม้า และ โค ,
น้ำที่ไหลออกทางทิศใต้ก่อให้เกิดแม่น้ำ ๕ สายไหลไปยังแดนมนุษย์
เรียกว่า “ปัญจมหานที” ได้แก่ แม่น้ำคงคา แม่น้ำยมุนา แม่น้ำอจิรวดี
แม่น้ำมหิน และแม่น้ำสรภู
ภูเขาทั้ง ๕ เทือก โอบโน้มเข้าหาสระอโนดาต บดบังไม่ให้ต้องแสงอาทิตย์ และแสงจันทร์โดยตรงทำให้สระร่มรื่น อันได้แก่ ภูเขาคันธมาทน์ ดาดาษไปด้วยไม้หอมและพันธุ์ไม้โอสถมากมาย
ส่งกลิ่นหอมอบอวลไปทั่วทั้งเขา , ภูเขาทองคำ ชื่อ เขาสุทัสนะ , ภูเขาจิตรกูฏ
เป็นแก้ว ๗ ประการ มีคูหาทองคำ ซึ่งเป็นที่อาศัยของหงส์ทอง , ภูเขาไกรลาส
ภูเขาเงินอันเป็นที่อยู่ของเหล่ากินรี - กินนร ,ภูเขากาฬกูฏ ล้วนด้วยนิลมณี
ที่ภูเขาหิมพานต์อันทรงไว้ซึ่งแผ่นดินอันมีโอสถทุกชนิด ดาดาษไปด้วยหมู่ไม้นานาพันธุ์
เหนือคณานับ , เป็นประเทศที่ประดับไปด้วยแร่ธาตุหลายร้อยชนิด ....เป็นที่สถิตอยู่แห่งหมู่ฤาษีนักศิทธิ์ วิทยาธร สมณะ และดาบส เป็นประเทศที่ท่องเที่ยวไปในหมู่มนุษย์ เทพยดา ยักษ์ รากษส ทานพ คนธรรพ์ กินนร และพญานาค” *ตอนหนึ่งในกุณาลชาดก พระไตรปิฏิกฉบับหลวง
นอกจากเหล่าสัตว์พิสดารแห่งป่าหิมพานต์แล้ว ยังมีอีกหลายเรื่องเล่า ที่ออกมา จาก หิมพานต์ .......
ติดตามเรื่องราวต่างๆผ่านการเล่าเรื่อง : Lifesty ธรรมดา channel