สาระน่ารู้เกี่ยวกับ แอร์บ้าน และระบบไฟฟ้าในบ้าน
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
17 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
เปิดบันทึก ประวัติของเครื่องทำความเย็น




มนุษย์เรียนรู้วิธี ที่จะถนอมอาหารให้เก็บไว้กินในเมื้อต่อไปโดยการนำไปเก็บไว้ในที่ ที่มีอุณหภูมิต่ำมาเป็นเวลานานแล้ว เริ่มแรกในอดีต มนุษย์ไม่รู้จักการเก็บอาหารไว้กินในเมื้อต่อไป อาหารที่นำมากินในแต่ละมื้อ จึงหามากินในแบบมื้อต่อมื้อ ทำให้เราได้รู้ว่ามนุนษย์ในอดีตต้องยุ่งอยู่กับการหาอาหารมากินในแต่ละเมื้อ ตามหลักฐานและข้อมูลทางวิชาการที่มีการบันทึกไว้ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นที่มนุษย์ในสมัยโบราญเริ่มรู้ถึงวิธีการเก็บอาหารให้คงสภาพได้ดีที่สุด คือวิธีการดึงความร้อน ออกจากอาหารหรือการนำเอาอาหารไปเก็บไว้ในบริเวณที่มีอุณหภูมต่ำ ซึ่งเกิดจากการที่มนุษย์ยุกต์ก่อนๆล่าสัตว์มากินเป็นอาหารในช่วงฤดูหนาว แล้วกินไม่หมด จึงทิ้งไว้บนพื้นที่มีหิมะปกคลุม วันรุ่งขึ้นจึงพบว่าอาหารที่กินในเมื่อวาน ไม่เน่าเสีย ยังคคงสภาพไว้เช่นดังเมื่อวาน นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่มนุษย์รู้จักการกักเก็บอาหารให้คงสภาพโดยการลดอุณหภูมิให้แก่อาหาร จึงอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นวิวัฒนาการขั้นพื้นฐาน ที่เป็นจุดก่อกำเนิดเครื่องทำความเย็นในปัจจุบัน


น้ำเข็งก็เช่นเดียวกัน ในอดีตนานมาแล้ว อ้างอิงตามเอกสารทางวิชาการต่างๆ ได้กล่าวไว้ว่าชาวจีนผู้หนึ่ง ชื่อ Shi Ching (ไซ ชิง) ค้นพบว่าน้ำแข็งเป็นสิ่งที่วิเศษในสมัยนั้น มันสามารถที่จะเพิ่มรสของเครื่องดื่ม และทำให้รู้สึกสดชื่น ดับกระหายได้เป็นอย่างดี แต่มนุษย์ในยุกต์นั้นยังไม่รู้จักการผลิตน้ำแข็งใช้เอง ยังคงพึ่งพาน้ำแข็งจากธรรมชาติ เกิดการค้าขายและขนส่งน้ำแข็งไปยังที่ต่างๆชาวอเมริกัน ชื่อว่า เฟรอเดอริก ทรูดอร์ ได้มีการบรรทุกน้ำแข็งที่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ลงเรือจำนวน 130 ตัน เพื่อส่งขายยังหมู่เกาะอินเดียตะวันตก แต่น้ำแข็งได้ละลายไปเป็นจำนวนมากเพราะว่าไม่รู้จักวิธีการเก็บน้ำแข็ง เมื่อไปถึงยังหมู่บ้านที่เกาะอินเดียตะวันตก ทรูดอร์ ได้ทำไอศรีมขาย ทำให้เป็นที่แตกตื่นกันมาก เพราะว่าชาวหมู่เกาะอินเดียตะวันตกยังไม่เคยพบเคยเห็นหรือรู้จักมาก่อน แต่ว่าทรูดอร์ก็ประสบกับการขาดทุนไปเป็นจำนวนมาก เพราะว่าเขายังไม่รู้จักการเก็บน้ำแข็งนั้นเอง

ต่อมามนุษย์จึงเรียนรู้วิธีการเก็บรักษาน้ำแข็งให้อยู่ได้นานขึ้น โดยการรักษาความเย็นด้วยการนำขี้เลื่อยหรือแกลบ มาหุ้มก้อนน้ำแข็งเพื่อให้รักษาความเย็นและรักษาสภาพได้นานขึ้น การค้าขายน้ำแข็งในยุกต์นั้น ได้ก่อกำเนิดการค้าเป็นมูลค่ามหาศาล ซึ่งน้ำแข็งในสมัยก่อน ถือเป็นสิ่งของที่มีราคาแพงมาก ผู้ที่ได้ริมรสเครื่องดื่มเย็นๆที่ใส่น้ำแข็ง มีเพียงบุคคลในระดับสูงเท่านั้น

หลังจากมนุษย์เรียนรู้การรักษาสภาพให้น้ำแข็งอยู่ได้นานๆ ในปี 1849 ทรูดอร์ ได้ขยายอุตสาหกรรมการผลิตน้ำแข็ง โดยการส่งน้ำแข็งออกขายยังต่างประเทศ หลายประเทศ เช่น อเมริกาใต้ เปอร์เชีย หมู่เกาะอินเดีย เป็นต้นเขาได้สร้างที่เก็บน้ำแข็งโดยขี้เลื่อยของต้นสนหุ้มท่อไม่ให้น้ำแข็งละลาย ทำให้เขาได้มีกำไรเป็นจำนวนมาก และเขายังส่งน้ำแข็งขายถึง 150000 ตัน และปี ค.ศ. 1864 เขาได้ส่งน้ำแข็งไปขายรวมทั้งสิ้น 53 ประเทศ จนเป็นที่นิยมมาก และท้ายที่สุดเขาก็ได้ล้มเลิกกิจการไป เมื่อมีการจัดตั้งโรงงานอุสาหรรมน้ำแข็งขึ้นนั่นเอง

 



จุดกำเนิดของเครื่องทำความเย็น

เมื่อน้ำแข็งจากธรรมชาติได้รับความต้องการเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการขนส่งทำได้ไม่ครอบคลุมซึ่งยากแก่การที่จะขนส่งน้ำแข็งจากธรรมชาติเข้าถึงดินแดนที่ห่างไกลออกไปมาก รวมทั้งด้านความไม่สะดวกและราคาน้ำแข็งที่แพงมาก มนุษย์จึงเริ่มคิดค้นอุปกรณ์ที่จะมาใช้ในการทำความเย็น เพื่อที่จะสามารถรองรับความต้องการในการบริโภคน้ำแข็งที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จนในปี ค.ศ. 1790 โทมัส ฮาริส และ จอห์น ลอง ได้มีการจดทะเบียนเครื่องทำความเย็นเป็นเครื่องแรกของโลก ที่ประเทศอังกฤษ และอีก 3 ปีต่อมา
จอคอม เปอร์กิ้น ชาวอเมริกันได้ประดิษฐ์เครื่องทำความเย็นเป็นเครื่องแรก และเป็นเครื่องทำความเย็นชนิดอัดไอ ชนิด ความเร็วช้า โดยที่ตัวเครื่องอัด (COMPRESSOR)
ใช้มือโยก แทนการใช้เครื่องยนต์ ใช้น้ำหล่อเย็นที่เครื่องควบแน่น และใช้ลิ้นแบบถ่วงน้ำหนักเป็นตัวควบคุมการไหลของสารทำความเย็น และใช้สารทำความเย็นชนิด อีเทอร์

 
 
เครื่องทำความเย็นชนิดอัดไอ ชนิด ความเร็วช้า


ในปี ค.ศ. 1851 ดร. จอห์น กอรี่ ได้มีการจดทะเบียนเครื่องทำน้ำแข็งโดยมีการใช้อากาศเป็นสารทำความเย็น แต่ก็ได้ประสบกับปัญหาหลายอย่างมากมาย และที่อุณหภูมิสูงยังได้เกิดระเบิดอีกด้วย ศาสตราจารย์ เอซี ทวินนิ่ง ชาวอเมริกัน ได้มีการปรับปรุงโดยใช้ ซัลฟูริกอีเทอร์ และมาประสบความสำเร็จเมื่อ ค.ศ. 1853 โดย ดร. เจม ฮาริสัน ชาวออสเตรเลีย เมื่อปี 1860 ได้ติดตั้งเครื่องทำความเย็นขนาดใหญ่ที่สุดเป็นเครื่องแรกของโลก ในปี ค.ศ. 1872 เฟอร์ดินัน แคร์รี่ ได้สร้างเครื่องทำความเย็นแบบดูดละลายหรือดูดซึม ขึ้นเป็นครั้งแรก ในระบบประกอบไปด้วย อีวาปอเรเตอร์ เครื่องควบแน่น เยนเนอเรเตอร์ ปั๊มและตัวดูดน้ำยา ใช้แอมโมเนีย เป็นสารทำความเย็น และได้มีการคิดค้นการใช้เครื่องอัดเพื่อทดแทนเครื่องอัดแบบมือโยก แต่ก็ยังหมุนได้ช้าเพราะว่า ใช้เครื่องอัดที่เป็นไอน้ำขับ ซึ่งมีความเร็วประมาณ 50รอบ/นาที ซึ่งถือว่าเร็วมากที่สุดในสมัยนั้น
 
 
เครื่องทำความเย็นแบบดูดละลายหรือดูดซึม



ในช่วงประมาณราวปลายศตวรรษที่ 19 ไปจนถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 20 วิวัฒนาการด้านระบบทำความเย็นและระบบปรับอากาศ เข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงและเจริญขึ้นมาอย่างรวดเร็ว วิทยาการด้านระบบการทำความเย็นและระบบปรับอากาศ ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดนิ่ง และประสบผลสำเร็จ ก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านต่างๆมากมาย วิวัฒนาการและเทคโนโลลยีใหม่ๆในด้านระบบเครื่องทำความเย็น ที่เกิดขึ้นในยุคศตวรรษที่ 19 และ 20 ได้ก่อให้เกิดสิ่งอำนวยความสะดวกขึ้นมาหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น

ปี 1890 มีการสร้างโรงจักรของเครื่องทำความเย็น แบบ De La Vergene ที่มีกำลังการทำความเย็นได้มากถึง 220 ตัน นับว่าเป็นการประสบความสำเร็จในวงการอุตสาหกรรมที่ต้องอาศัยเครื่องทำความเย็นของยุคนั้น


ปี 1904 อาคาร Stock Exchange New york ติดตั้งระบบเครื่องปรับอากาศ ขนาดใหญ่ถึง 450 ตัน
ถือเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าในยุคเริ่มแรก ของวงการเครื่องทำความเย็นและเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่

 
 
Stock Exchange New york



ปี 1904 โรงภาพยนตร์ชื่อดังขนาดใหญ่ ในประเทศเยอรมัน ก็ยังมีการติดตั้งระบบเครื่องปรับอากาศ ขนาดใหญ่ถึง 450 ตัน

ปี 1905 Gardner T. Vdorhees ได้ทำการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ คอมเพรสเซอร์ Multiple Effect

ปี 1911 คอมเพรสเซอร์ที่เคยมีความเร็วช้า ได้รับการพัฒนาให้มีความเร็วเพิ่มขึ้น สูงถึง 900 รอบ/นาที

ปี 1910 เริ่มมีการคิดค้นผลิตตู้เย็นตู้แช่สำหรับครัวเรือนออกวางจำหน่าย ชนิดทำงานโดยอาศัยแรงคน ออกวางจำหน่ายครั้งแรก ปี 1913

ปี 1915 ได้มีการคิดค้นและทดสอบ สร้างระบบเครื่องทำความเย็นที่ใช้คอมเพรสเซอร์ 2 ชุด ในระบบเดียว จนสำเร็จ นำมาใช้งานและออกจำหน่ายได้ใน ปี 1940

ปี 1918 บริษัท Kelvinator เป็นรายแรกที่ผลิตตู้เย็นแบบอัตโนมัติ ออกสู่ตลาดจำนวน 67 เครื่อง

ปี 1920 บริษัท Kelvinator เพิ่มกำลังผลิตขึ้น ตามความต้องการของผู้ใช้ อีกหลายร้อยเครื่อง

หลังจากคิดค้นและทดลองมาเป็นระยะเวลา 11 ปี General Electric ได้ทำการผลิตมอเตอร์คอมเพรสเซอร์แบบปิดสนิทออกวางจำหน่าย ในปี 1926

ปี 1940 มีผู้เริ่มคิดค้นระบบการทำงานของคอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่


ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การพัฒนาของวงการระบบปรับอากาศ มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง เพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด


ในส่วนประเทศไทยเรานั้น จากข้อมูลทางวิชาการ ได้กล่าวถึงการกำเนิดโรงงานผลิตน้ำแข็งแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งก่อกำเนิดขึ้นในปี พ.ศ. 2448 สมัยรัชกาลที่ 5 พระยาภักดีนรเศรษฐ หรือ นายเลิศ เศรษฐบุตร ได้เริ่มต้นกิจการโรงน้ำแข็งซึ่งเป็นโรงน้ำแข็งแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งขึ้นที่สะพานเหล็กล่าง ถนนเจริญกรุง ชื่อว่า น้ำแข็งสยาม แต่กลับเป็นที่รู้จักกว้างขวางในชื่อ โรงน้ำแข็งนายเลิศ นับแต่นั้นน้ำแข็งก็แพร่ขยายไปสู่หัวเมืองใหญ่ๆ รอบนอกกรุงเทพฯ 

 
พระยาภักดีนรเศรษฐ
 
 
 
 
 
จุดเริ่มต้นจนมาเป็นเครื่องปรับอากาศสำหรับภาคครัวเรือน
 
สำหรับเครื่องปรับอากาศที่เราใช้งานกันในบ้านพักอาศัย หรือที่เรียกกันว่าแอร์บ้านนั้น นับว่าเป็นเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก ที่ผลิตเพื่อใช้งานกันภายในภาคครัวเรือน 
เครื่องปรับอากาศภายในอาคารบ้านเรือน ที่เรามีใช้กันอยู่ในทุกวันนี้ เป็นนวัตกรรมที่มีการหยิบยืมแนวคิดมาจากระบบทำความเย็นขนาดใหญ่ ที่ใช้กันในระดับอุตสาหกรรม ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณชายที่ชื่อว่า 
วิลลิส ฮาวีย์แลนด์ แคร์เรียร์ (Willis Haviland Carrier) วิศวกร ชาวอเมริกัน ซึ่งเขาคือผู้ที่ประดิษฐ์เครื่องปรับอากาศเครื่องแรก ที่เป็นต้นแบบของเครื่องปรับอากาศที่เรามีใช้กันในปัจจุบัน
 
 
Willis Haviland Carrier
 
 
ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1902 ที่เมื่อง Buffalo,New York ประเทศสหรัฐอเมริกา โรงพิมพ์ภาพสีแห่งหนึ่งประสบปัญหาด้านความชื้นในอากาศ ซึ่งมีอยู่มากในบริเวณที่ทำงาน ความชื้นที่มี เป็นปัญหาใหญ่ต่อการพิมพ์ภาพสีในยุคนั้น เพราะด้วยข้อจำกัดในด้านเทคโนโลยีการพิมพ์ภาพสีของยุคนั้น ทำให้เครื่องพิมพ์ไม่สามารถพิมพ์ภาพสีต่างๆออกมาได้ตามต้องการเนื่องจากความชื้นที่มีอยู่มาก
 
ด้วยปัญหาด้านความชื้นที่โรงพิมพ์ต้องพบเจอ ทำให้ Willis Haviland Carrier วิศวกรในขณะนั้น ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญในการจัดการกับความชื้นที่มี 
โดยแรงบันดาลใจของ Willis Haviland Carrier เกิดขึ้นเมื่อเขายืนอยู่ที่สถานีรถไฟ และในขณะนั้นมีหมอกลงจัด ทำให้เขาเกิดแนวคิดขึ้นมาจากหมอก ซึ่งคือละอองน้ำในอากาศ โดยที่น้ำจะควบแน่นแล้วมารวมตัวกันเป็นหยดน้ำเมื่อมีอากาศเย็นลง
 
ด้วยแนวคิดที่ว่านี้เอง ทำให้เขาสร้างเครื่องจักรตัวหนึ่งขึ้นมา โดยเครื่องจักรนี้มีหน้าที่สร้างความเย็นในระดับที่เย็นจัด ที่แผงอีวาปอเรเตอร์ เพื่อดึงเอาความชื้นที่มีอยู่ในอากาศมารวมกันที่แผงอีวาปอเรเตอร์ แล้วทำให้เกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำ โดยท้ายที่สุดหยดน้ำที่ได้จากการควบแน่นนี้ จะถูกระบายออกไปทิ้ง ซึ่งอากาศภายในห้องที่ติดตั้งแผงอีวาปอเรเตอร์ จะเป็นอากาศที่แห้ง และผลพลอยได้คือ เป็นอากาศที่เย็นด้วย
อาจกล่าวได้ว่า ต้นแบบของเครื่องปรับอากาศที่เราใช้กันในทุกวันนี้ มีต้นแบบมาจากเครื่องลดความชื้นในอากาศ
และก็นับว่า แบรนด์ Carrier คือแบรนด์ของเครื่องปรับอากาศรายแรกของโลก เป็นเจ้าแรกที่บุกเบิกตลาดเครื่องปรับอากาศสำหรับใช้ในครัวเรือน
 
 



Create Date : 17 มิถุนายน 2552
Last Update : 4 ธันวาคม 2563 14:21:21 น. 4 comments
Counter : 43736 Pageviews.

 
ขอบคุณครับสำหรับ การทำงานของเครื่องปรับอากาศ


โดย: รอน (sak_chai_air ) วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:16:06:50 น.  

 
ขอบคุณครับสำหรับ การทำงานของเครื่องปรับอากาศ
เป็นประโยชน์มากครับ


โดย: sak_chai_air วันที่: 3 สิงหาคม 2554 เวลา:16:09:32 น.  

 
I have learn some just right stuff here. Definitely worth bookmarking for revisiting. I surprise how much effort you set to make this type of great informative web site.
Discount Louis Vuitton belt //www.sakabrasives.com/aboutus.html


โดย: Discount Louis Vuitton belt IP: 94.23.252.21 วันที่: 3 สิงหาคม 2557 เวลา:18:41:35 น.  

 
เนื้อหาครบถ้วยมากเลยครับ ขออนุญาติแชร์ให้ลูกค้าอ่านนะครับ


โดย: ร้าน Freezer 4u IP: 223.24.124.36 วันที่: 1 มกราคม 2561 เวลา:12:19:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KanichiKoong
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 275 คน [?]




ช่องทางการติดต่อผู้จัดทำ

- หลังไมค์
- E-mail : aum_tawatchai@hotmail.com
-------------------------------------
เนื้อหาที่ปรากฏ อนุญาติให้นำไปใช้เพื่อการศึกษา/หาความรู้ ซึ่งไม่เป็นการนำไปใช้ในเชิงธุรกิจ
-------------------------------------
New Comments
Friends' blogs
[Add KanichiKoong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.