LPN ปันผลสูงที่สุดในกลุ่ม
Stock Focus LPN ปันผลสูงที่สุดในกลุ่ม


>> ปรับราคาเป้าหมายเป็น 16 บาท/หุ้น

ถึงแม้ราคาหุ้นจะ outperform แต่เราเห็นปัจจัยบวกที่จะขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต ราคาเป้าหมายปรับขึ้น 16% เป็น 16 บาท/หุ้น เพื่อสะท้อนแนวโน้มที่ดีของผลิตภัณฑ์ประเภทกลุ่มคอนโดมิเนียมระดับล่าง การเริ่มเข้าสู่ตลาดทาวน์เฮาส์ในปีนี้และการมีต้นทุนที่ดินราคาต่ำประมาณการ presales ของเราปรับเพิ่มขึ้น 8% ต่อปีในทุกผลิตภัณฑ์และปรับอัตรากำไรขั้นต้นของคอนโดมิเนียมขึ้นเป็น 33% ในปี 2013 จาก 31.5% ก่อนหน้า บริษัทมีการเติบโตที่ดีที่ระดับ 14% ในปีนี้และ 31% ในปีหน้า ปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PE 8.9 เท่าและมี dividend yield 5.6% สูงที่สุดในกลุ่ม ณ ราคาเป้าหมายใหม่ PE จะอยู่ที่เพียง 10.8 เท่า คงการเติบโตที่ดีในกลุ่มคอนโดมิเนียมระดับล่าง

เราได้เริ่มเห็นสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นของอุปสงค์คอนโดมิเนียมในช่วงไตรมาส 4Q11 จากการที่ยอด presales กลับมาอยู่ที่ระดับ 55% ในช่วงเดือนแรกของการเปิดตัวเทียบกับ 30% ในช่วง 9M11 คอนโดมิเนียมระดับล่าง ราคายูนิตต่ำกว่า 2 ลบ.ได้รับความนิยมมากที่สุด ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากอุปสงค์ระยะสั้นของประชาชนที่ต้องการบ้านหลังที่สอง

สำหรับการหลบภัยน้ำท่วม แต่แท้จริงแล้ว การเติบโตของคอนโดมิเนียมระดับล่างมีการเติบโตที่ดีและสามารถทรงตัวได้เนื่องจากส่วนใหญ่ของยอดขายคือการซื้อเพื่อใช้อยู่อาศัยจริง ในอดีต ยอด presales ของ LPN เติบโต 31% ต่อปีในช่วง 2002-11 เราคาด presales จะเติบโต 13% ในปี 2012 และ 10% ในปี 2013

>> เข้าสู่ตลาดใหม่ “ทาวน์เฮาส์”

บจก.พรสันติ (LPN ถือหุ้น 99.99%) มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์ 4-5 โครงการในปีนี้เพื่อรองรับอุปสงค์ของลูกค้า LPN ที่มีครอบครัวขนาดใหญ่ โครงการเหล่านี้จะตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยที่ 2 โครงการแรกตั้งอยู่บนพื้นที่แถบรัชโยธินและลาดพร้าว 21 ซึ่งมีแผนจะเปิดตัวในช่วง 1Q12 บริษัทตั้งเป้ายอด presales 1 พันลบ.และรายได้ 500-800 ลบ.จากทาวน์เฮาส์ในปีนี้ รวมกับเป้ายอด presales ของคอนโดมิเนียมที่ 16 พันลบ. (+13%) และรายได้ 13.2 พันลบ. (+10%) ในปี 2012

>> อัตรากำไรขั้นต้น - รองรับ downside

ต้นทุนที่ดินถือเป็นปัจจัยสำคัญในการก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียมและที่น่าสนใจคือต้นทุนที่ดินที่เพิ่งซื้อเข้ามาเป็นที่ดินรอการพัฒนาซึ่งเทียบกับมูลค่าโครงการเพียง 9% ลดลงจากระดับ 16-17% ในอดีต และด้วยสัดส่วนต้นทุนที่ดินที่ถูกเทียบกับมูลค่าโครงการ นี่ถือเป็นการรองรับค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่อาจเพิ่มขึ้น เราประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นของยอดขายโครงการคอนโดมิเนียมอย่างอนุรักษนิยมที่ 31.5% ในปี 2012 และ 33% ตั้งแต่ 2013 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นระดับเฉลี่ยในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา

>> แนะนำ “ซื้อ”

เราปรับราคาเป้าหมาย LPN ขึ้นเป็น 16 บาท/หุ้น และคงคำแนะนำให้เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่มฯ เรามองเห็นปัจจัยบวกที่จะขับเคลื่อนการเติบโตจาก 1) การเติบโตในระดับที่ดีของผลิตภัณฑ์ประเภทหลักอย่างคอนโดมิเนียมระดับล่าง 2) การเข้าสู่ตลาดใหม่อย่างกลุ่มทาวน์เฮาส์และ 3) การซื้อที่ดินราคาถูกรองรับ downside ของอัตรากำไร

** LPN มั่นใจปี 55 รายได้เข้าเป้า 1.32 หมื่นล้าน **

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าว่าในปี 2555 จะมีรายได้ 13,200 ล้านบาท จากยอดขาย 16,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2554 ประมาณ 15% ที่มีรายได้ 12,000 ล้านบาท และมียอดขายรวม 14,200 ล้านบาท โดยรายได้ในปี 55 จะมาจาก ยอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 14,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2555 ประมาณ 11,500 ล้านบาท

โดยในปี 2554 บริษัทได้พัฒนาโครงการรวมถึงการสร้างการเติบโตจากยอดขาย และรับรู้รายได้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากการส่งมอบและโอนกรรมสิทธิ์ใน 5 โครงการ ได้แก่ 1.ลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-นวมินทร์(อาคาร D), 2.ลุมพินี เพลส พระราม 9 (เฟส 2), 3.ลุมพินี เพลส รัชโยธิน, 4.ลุมพินี พาร์คปิ่นเกล้า และ 5.ลุมพินี เพลส พระราม 4-กล้วยน้ำไท เชื่อมั่นว่าเป็นผลจากการพัฒนาและปรับปรุงนวัตกรรมการอยู่อาศัยในผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแผนงานในปี 2555 บริษัทมั่นใจว่ายอดขายและรายได้จะเติบโตกว่า 10% จากการพัฒนาโครงการใหม่ 11 โครงการทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเน้นทำเลที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงมูลค่ารวมของรายได้ประมาณกว่า 15,000 ล้านบาท โครงการแรกที่จะเปิดตัวคือ ลุมพินีวิลล์ นาเกลือ-วงศ์อมาตย์ (อาคารเอ) มูลค่าโครงการ 830 ล้านบาท เป็นโครงการที่ 3 ในทำเลของเมืองพัทยา มีการนำนวัตกรรมการอยู่อาศัยแบบบูรณาการ “Mixed Target Development” (การพัฒนาแบบผสม) ที่ใช้ “Family Zone”(โซนครอบครัว) มาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ลุมพินี เพื่อให้เป็นแบรนด์ที่ครองใจกลุ่มลูกค้าได้ทุกวัย

นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาโครงการแนวราบในรูปแบบทาวน์โฮมอีกประมาณ 5 โครงการ โดยในไตรมาสแรกนี้บริษัทเตรียมเปิดตัว 2 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี ทาวน์ เพลส รัชโยธิน-เสนา และลุมพินี ทาวน์ เรสซิเดนท์ ลาดพร้าว สเตชั่น ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 770 ล้านบาท แผนการพัฒนาโครงการทั้งหมดนี้คาดว่าจะสร้างการรับรู้ของรายได้ต่อเนื่องจนถึงปี 2557

ส่วนประเด็นเรื่องที่หลายฝ่ายคาดว่าทางบริษัทจะออกบอนด์เพื่อระดมทุน นายโอภาส กล่าวว่าบริษัทยังไม่มีแผนเสนอขายบอนด์ใน 3 ปี (ปี 55-57) เนื่องจากอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ในระดับต่ำ 0.5 เท่า ประกอบกับทางบริษัทยังมีกระแสเงินสดเพียงพอสำหรับการพัฒนาโครงการ ขณะนี้ปัจจุบัน Backlog อยูที่ 1.4 หมื่นล้านบาท รับรู้ปีนี้ 1.15 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือ 2.5 พันล้านบาทรับรู้ปี 56 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทยังมีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ จึงไม่จำเป็นต้องระดมทุน

ที่มา //www.siamturakij.com/home/news/display_news.php?news_id=413357723



Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2555 20:53:56 น.
Counter : 739 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Wild Rabbit
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]



กุมภาพันธ์ 2555

 
 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
12
14
15
16
17
18
19
21
22
23
24
25
26
27
28
29