** ต้องการวางแผนชีวิต ต้องรู้จักวางแผนการลงทุน** ชีวิตคือการลงทุน ลงทุนเพื่อให้ชีวิตเปี่ยมสุข **
|
|||
โละวิถีการเงินแนวเก่า ลุยสมรภูมิลงทุนแห่งความเสี่ยง การมีกฏการเงินเป็นไกด์ไลน์ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่กฏเก่าๆบางอย่างก็โละออกซะบ้าง เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยแห่งการลงทุนคลิกเข้าไปดูว่ากฏไหนต้องโละ เข้าสู่ไตรมาสแรกปีใหม่ 2555 ซึ่งเป็นปีที่กูรูการเงินการลงทุนหลายคนลงความเห็นว่า จะเป็นปีปราบเซียนที่มีแต่ความเสี่ยงกับความผันผวน และเป็นปีที่ทำให้นักลงทุนไทยทั้งในและนอกบ้าน ไม่อาจคาดเดาทิศทางตลาดได้ง่าย และด้วยพัฒนาการโลกการเงินไม่หยุดนิ่ง นักลงทุนก็ไม่ควรหยุดนิ่งและต้องยิ่งพยายามปรับตัว หาไอเดียใหม่ๆ ด้านการบริหารเงินให้มีความยืดหยุ่นและคิดต่างจากกฎเดิมที่อาจล้าสมัยไม่ทันกับเศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงไป ที่สำคัญไม่ช่วยเพิ่มความมั่งคั่งหรือสร้างความมั่นคงทางการเงินอีกต่อไป ดังนั้น เพื่อให้การปรับตัวรับมือความเสี่ยงกับความผันผวนง่ายขึ้น Fundamentals สัปดาห์นี้ จึงหยิบเรื่อง "กฎการเงินใหม่" จากเว็บไซต์ฟอร์บส์มานำเสนอ หวังอัพเดทเพิ่มภูมิการเงินคนไทยโดยเฉพาะนักลงทุนให้อินเทรนด์ ช่วยการเงินส่วนตัวและของครอบครัวเข้มแข็งมั่นคงยิ่งขึ้นในปีมังกรทองนี้ +++++++++++++++++++++++++ "ซื้อถือยาว" ไม่เวิร์คเสมอไป การซื้อถือหุ้นหรือหน่วยลงทุนในกองทุนรวม พร้อมกับคาดหวังจะถือหุ้นกับหน่วยลงทุนที่มีอยู่ไว้ตลอดไป เป็นความคิดอันตรายต่อความมั่งคั่งของตัวเอง กลยุทธ์การซื้อและถือไว้ใช้ได้ดีในยามที่ตลาดโดยทั่วไปมีแต่จะปรับขึ้นเป็นเวลานาน แต่กลยุทธ์ซื้อและถือไว้กลับใช้ไม่ได้เสมอไปในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แกรี ชิลลิ่ง นักเศรษฐศาสตร์ของสหรัฐ เตือนว่านักลงทุนจำเป็นต้องทำตัวเหมือนนักสู้ในป่า มากกว่าจะเป็นนักเที่ยวหรือพวกลาดตระเวนไม่ห่วงพะวงอะไร ดังนั้นให้คอยจับตาดูพอร์ตตัวเองถือไว้ และเตรียมที่จะขายการลงทุนส่วนที่ขาดทุนออกไป และซื้อหรือลงทุนในส่วนที่อินเทรนด์ให้ผลตอบแทนดี "กระจายลงทุน" มากไปไม่ดี ในช่วงตลาดย่ำแย่ตั้งแต่เดือนต.ค. ปี 2550 จนถึงเดือนมี.ค. ปี 2552 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 วูบหายไป 57% แทบไม่มีกลุ่มหุ้นใดหรือสินทรัพย์ประเภทใดเลยมีภูมิคุ้มกันความตกต่ำหุ้นดิ่ง วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยพูดไว้ว่า การกระจายการลงทุนช่วยป้องกันความไม่รู้ และเป็นเรื่องสมเหตุสมผลไม่มากนักสำหรับคนที่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้น นึกเสมอว่าคุณไม่ใช่วอร์เรน บัฟเฟตต์ การกระจายการลงทุนทำได้แต่ก็ขอให้จำไว้ว่า การถือครองหน่วยลงทุนในกองทุนหลายกองทุน หรือถือหลักทรัพย์ไว้หลายตัวมากเกินไป เพื่อให้ความมั่นใจว่าจะได้ผลการลงทุนในระดับปานกลาง ไม่ใช่การปกป้องการลงทุนได้ทั้งหมด พี/อีต่ำไม่สะท้อนมูลค่า นักลงทุนจำนวนไม่น้อยยึดติดกับการวิเคราะห์พื้นฐาน และการลงทุนในหุ้นมูลค่า เสาะหาหุ้นมีราคาเทียบกำไร (พี/อี) เฉลี่ยต่ำ และดูราคาเทียบมูลค่าตามบัญชี (พี/บี) การพึ่งพื้นฐานการวิเคราะห์ทางบัญชีเช่นนี้ พิสูจน์กันแล้วว่าเป็นการติดกับดักช่วงเกิดวิกฤติการเงินหลังปี 2550 เมื่อปัญหาสภาพคล่องทำลายมูลค่าสินทรัพย์กับกำไรจนเสียหาย หุ้นราคาถูกทั้งหลาย รวมถึงหุ้นการเงินในสหรัฐ อย่าง แฟนนี เม ไปจนถึงวอชิงตัน มูชวล กลายเป็นกลุ่มหุ้นได้รับความเสียหาย และหุ้นถูกหลายตัวยังคงอ่อนแรงไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นจนทุกวันนี้ ภาษีหัวใจกลยุทธ์ลงทุน ด้วยคาดการณ์ผลตอบแทนจากหุ้นทุนของผู้เชี่ยวชาญ เฉลี่ยจะอยู่เพียง 6% ต่อปี เรื่องภาษีจะทำให้ผลตอบแทนหลังหักภาษีส่วนใหญ่ของตัวเองแตกต่างไปจากเดิมมาก ขอให้ยึดกลยุทธ์นี้ไว้ คือโยกการลงทุนในตราสารหนี้ต้องเสียภาษีและกองทุนซึ่งให้กำไรจากเงินต้นระยะสั้น ไปไว้ในการลงทุนเพื่อวัยเกษียณที่มีการยกเว้นภาษี คุณอาจถือหุ้นไว้บ้าง ซึ่งเป็นหุ้นต้องเสียภาษี เพื่อคงความได้เปรียบจากการทำกำไรแม้บางครั้งอาจเป็นอัตราที่ต่ำและได้ไม่มาก แต่เป็นกำไรในระยะยาวไว้ และคุณยังสามารถเรียกคืนประโยชน์จากภาษีการลงทุนที่เสียไปคืนกลับมาได้บ้าง เรียนรู้ทำกำไรในช่วงผันผวน ความผันผวนไม่หนีหายไปไหน เฉลี่ยในแต่ละวันมูลค่าดัชนีความผันผวนของซีบีโออี เกือบสองเท่าหากวิเคราะห์ตั้งแต่กลางทศวรรษหลังปี 2543 และที่ผ่านมาช่วงปี2552 ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับขึ้นๆ ลงๆ มากกว่า 1% ช่วงมีการเทรดตลอด 75 วัน ในเมื่อความผันผวนยังอยู่ก็ขอให้เปลี่ยนความผันผวนเป็นกำไรเสีย หนทางหนึ่งที่จะเปลี่ยนความผันผวนเป็นกำไร ซึ่งฟอร์บส์แนะนำให้นักลงทุนไทยในสหรัฐบริหารความเสี่ยงพอร์ตลงทุนของตัวเอง ด้วยการถือหน่วยลงทุนสัก 5% ใน วีไอเอกซ์ ฟิวเจอร์ส ฟันด์ (VIX futures fund) และอีกหนทางหนึ่งอยู่ที่การลงทุนแบบไร้ระบบระเบียบ หรือดูเหมือนเป็นความเคลื่อนไหวแบบไม่มีเหตุมีผล เพื่อหาโอกาสซื้อ เกาะติดการเมือง ยุคสมัยใหม่ที่ความผันผวนสูงเกินไป ให้ตีความไปว่าข่าวหรือเหตุการณ์ทางการเมือง มีแนวโน้มจะทำให้หุ้นเคลื่อนไหวมาก และมากเกินกว่าปัจจัยพื้นฐาน อย่างเช่นกำไรจากส่วนต่างช่วยหนุนราคาหุ้นขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อต้นเดือนส.ค. ปี 2554 หุ้นบลูชิพหลายตัวพากันดิ่ง เมื่อทั่วโลกเกิดความสงสัยว่าการคุมเชิงจับตากันในสภาคองเกรสของสหรัฐ จะเป็นต้นเหตุให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้หรือไม่ จากเหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนได้ว่า ปัจจัยพื้นฐานเป็นเรื่องสำคัญ แต่ขอให้สนใจเรื่องราวความเคลื่อนไหวของนักการเมืองด้วย ใส่ใจค่าใช้จ่ายแต่อย่าเครียด ค่าใช้จ่ายกับค่าธรรมเนียมสูง กัดกร่อนผลตอบแทนที่ได้ระยะยาว อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆ นี้ ดีเอแอล อินเวสต์เมนท์ โค ได้ศึกษาผลประกอบการของกองทุนตลอด 21 ปีที่ผ่านมา พบว่าค่าใช้จ่ายต่ำไม่ได้เป็นสิ่งคาดการณ์ผลตอบแทนสุทธิจากกองทุนรวมที่ดี ส่วนค่าคอมมิชชั่นจากการซื้อขายหุ้นน่ะหรือ การแข่งขันดูเหมือนผลักดันให้ค่าคอมมิชชั่นต่ำลงทุกปี ดังนั้นเลี่ยงการเสียค่าคอมมิชชั่นสูงและการใช้จ่ายเพื่อลงทุนสูงเกินไป เว้นเสียแต่ว่าคุณเป็นนักลงทุนในกองทุนไม่ชอบความเสี่ยง อย่าให้กฎการใช้จ่ายมากำหนดกฎเกณฑ์กลยุทธ์การลงทุนของคุณเสมอไป ลงทุนเพื่อเป้าหมาย คุณอาจเคยได้ยินกลยุทธ์เดิมจากพวกโบรกเกอร์ว่า ให้ลงทุนเพื่อเอาชนะดัชนี แต่แนวทางบริหารเงินใหม่ คือให้คิดอะไรใหม่ๆ เสียบ้างว่า การลงทุนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายของตัวเอง กลยุทธ์ของโบรกเกอร์คือให้เข้าไปซื้อทุกปี และมีผลิตภัณฑ์การเงินอื่นที่รับประกันรายได้ แต่คุณสามารถใช้เหตุผลตามสภาพการณ์และตามความเหมาะสม ที่จะเพ่งเล็งเป็นพิเศษ ไปที่รายได้กับเงินทุนจำเป็นต้องใช้หรือลงทุน มากกว่าจะลงทุนเพื่อคอยแต่จะเอาชนะดัชนีตลาดหุ้น ดังนั้นด้วยเป้าหมายที่ไม่ใช่การเอาชนะดัชนี แต่เป็นความสามารถไปให้ถึงเป้าหมายชีวิตต่างหาก ที่จะช่วยให้คุณสุขในชีวิตหลังวัยเกษียณได้อย่างแท้จริง หาเครือข่ายได้ไอเดียใหม่ กลุ่มผู้จัดการกองทุนมีฝีมือเยี่ยมที่สุด คือแหล่งรวมข้อมูลความรู้เรื่องหุ้นที่ดี และพวกเขาวิเคราะห์วิจัยหาข้อมูลกันอยู่ตลอดเวลา การเข้าถึงเว็บไซต์กับการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านโทรไร้สาย เป็นการให้โอกาสนักลงทุนมีข้อมูลความเห็นหลากหลายร่วมกับกลุ่มคนเชี่ยวชาญการบริหารเงินเหล่านี้ เพียงแต่เข้าเว็บไซต์ผ่าน LinkedIn และชุมชนชาวเว็บอย่าง Value Investors Club ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้มีรายงานการวิจัยเชิงลึก ตลอดจน ValueForum.com ซึ่งเป็นแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับนักลงทุนด้านโภคภัณฑ์กับอัตราผลตอบแทนที่ได้เป็นส่วนใหญ่ ลดใช้ที่ปรึกษาขยันหาข้อมูลเอง แทนที่จะต้องชำระค่าธรรมเนียมสูงผิดปกติ ซึ่งทั่วไปคิด 1% ของสินทรัพย์ที่มีอยู่แต่ละปี ขอให้ถามนักวางแผนหรือที่ปรึกษาการเงินเรื่องการจัดการการเงิน การเสียค่าบริการ 250-400 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง เพื่อให้ทบทวนการเงินและแผนจัดสรรเงินเบื้องต้น ดูแล้วไม่ได้น้อย ดังนั้นสิ่งที่คุณทำได้คือความพยายามลองทำด้วยตัวเองหันกลับมาทบทวนการเงิน และปรับตัวตามสถานการณ์แวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่ท่องเว็บและให้ข้อมูลความรู้แก่ตัวเองเกี่ยวกับการลงทุน อาจทำให้คุณค่อยๆ รู้สึกได้ว่า มีความจำเป็นน้อยลงกับการพึ่งพาคำปรึกษาแสนแพงของที่ปรึกษาหรือนักวางแผนการเงินมืออาชีพ รู้จักกฎการขายก่อนซื้อ คำแนะนำการลงทุนส่วนใหญ่ เปลี่ยนแปลงเพื่อช่วยคุณคิดวิเคราะห์ว่าสิ่งใดและเมื่อใดที่จะซื้อ สิ่งสำคัญกว่านั้น ซึ่งเป็นผลจากความผันผวนไม่แน่นอนมีมากกว่า คือการรู้ว่าเมื่อใดที่จะขาย ชาร์ลส์ รอทบลูท บรรณาธิการของ American Association of Individual Investors Journal แนะนำนักลงทุนให้วางโครงร่างเงื่อนไขพิเศษเฉพาะ ในสิ่งซึ่งคุณจะขายหุ้นตัวใดตัวหนึ่งก่อนซื้อหุ้นตัวนั้น โดยคำแนะนำได้ผลกว่าทั้งการขายในภาวะตื่นตระหนก หรือนั่งอยู่บนความขาดทุนจนนานเกินไป พึ่งพานักลงทุนชาญฉลาด ไม่ต้องอายที่จะเลียนแบบความเคลื่อนไหวของนักลงทุนหรืออุตสาหกรรมที่คุณชื่นชมหรือชื่นชอบ และในอดีตนักลงทุนมืออาชีพฝีมือเยี่ยมก็ทำเช่นนี้ เพียงแต่ตามตรวจสอบดูว่าใครบ้าง เป็นเจ้าของหุ้นในเบิร์กไชร์ ฮาธอเวย์ ทำเช่นนี้เป็นส่วนหนึ่งการหาข้อมูลในรายการไหลออกของเม็ดเงินที่ยาวแบบหางว่าว แต่ในสหรัฐมีกฎระเบียบของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สนับสนุนการลงทุนของนักบริหารเงินชาญฉลาด ทั้งนี้มีเว็บไซต์ อย่าง //www.marketfolly.com , //www.gurufocus.com , และ //www.insiderscore.com ซึ่งปกติแล้วให้ข้อมูลอัพเดทแก่ผู้สนใจ เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของอินไซเดอร์และกองทุนบริหารความเสี่ยง (เฮดจ์ ฟันด์) ลองวิเคราะห์จากวิจัยออนไลน์ เครื่องมือทุกอย่างคุณจำเป็นต้องใช้หรือต้องการ เพื่อให้เป็นนักลงทุนที่เก่งหรือดีขึ้นกว่าเดิม คือการคลิกเมาส์หาข้อมูล ในสหรัฐบริษัทโบรกเกอร์และบริษัทจัดการกองทุนส่วนใหญ่ อย่าง T. Rowe Price, Vanguard และ Schwab นำเสนอเครื่องมือค้นคว้าวิจัยและให้ความรู้สร้างความมั่งคั่งให้นักลงทุน ส่วนเว็บไซต์อื่นๆ เช่น Ycharts.com, Trefis.com, Finviz.com, Stockcharts.com และRiskgrades.com นำเสนอการวิเคราะห์ เป็นประโยชน์เฉพาะนักลงทุนมืออาชีพ เฟ้นกองทุนผลประกอบการดี การลงทุนอิงกับผลประกอบการในอดีต เปรียบเป็นหนึ่งในบาปร้ายแรง 7ประการตามศาสนาคริสต์ แต่ แดน ไวเนอร์ ผู้เชี่ยวชาญจากแวนการ์ด กองทุนชั้นนำแห่งหนึ่งของสหรัฐ พบว่านับตั้งปี 2524 หากลงทุนในกองทุนหุ้นหลากหลายผลประกอบการติดอันดับต้นๆ ในปีที่ผ่านมา คุณจะได้รับผลตอบแทน16.4%ต่อปี ตรงข้ามกับตลาดที่ทำได้ 11% เขาเสนอแนะ Vanguard Capital Value ให้ผลตอบแทน 81% ในปี 2552 และยังเอาชนะตลาดในปี 2553 ด้วยผลตอบแทน 20% สำหรับปี 2555 เขาแนะนำว่า Vanguard Equity Income เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เข้าตลาดโลกหาหุ้นเติบโตดี ในสหรัฐอาจดูแล้วเศรษฐกิจขยายตัวเชื่องช้าอีกนาน หากคุณยังมีเงินหน้าตักเหลืออยู่มาก การลงทุนในตลาดขยายตัวเร็วทั่วโลก เช่น บราซิลกับจีนก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่คุณสามารถลงทุนได้ด้วยความระมัดระวัง และอย่าพยายามพึ่งแต่หุ้นบริษัทข้ามชาติอย่างเป๊ปซี่ เพราะหุ้นลักษณะนี้เทรดเหมือนเป็นหุ้นในประเทศสหรัฐ หนทางง่ายๆ ที่จะลงทุนในภูมิภาคน่าตื่นตาตื่นใจขยายตัวเร็ว คือการลงทุนผ่านอีทีเอฟ (ETF) หรือกองทุนเปิดดัชนีประเภทหนึ่งซึ่งจดทะเบียนให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เปรียบเป็นหุ้นตัวหนึ่ง ที่มีนโยบายการลงทุนมุ่งเน้นให้ได้ผลตอบแทนเทียบเคียงกับดัชนีที่ใช้อ้างอิง ขอบคุณที่มา การเงินส่วนบึคคล กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2555 10:30 |
Wild Rabbit
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?] Group Blog All Blog
Friends Blog |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |