"ยินดีต้อนรับสู่ บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ" มีหลายหัวข้อเรื่องให้คุณอ่าน .. ขอบคุณที่มาเยี่ยมบล็อกค่ะ .. ขอจงมีแต่ความสุขกายสบายใจตลอดไปนะคะ
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
4 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
เมืองโบราณดงละคร เป็นเมืองโบราณสมัยทวาราวดี












ในเมืองดงละครดูเป็นป่ารกชัฎ อาจเป็นที่มาของชื่อดงนคร
แล้วเพี้ยนเป็นดงละครในภายหลัง






ตัวอย่างเครื่องปั้นดินเผา ที่ขุดพบในบริเวณเมืองโบราณดงละคร





เมืองโบราณดงละคร เป็นเมืองโบราณสมัยทวาราวดี ตั้งอยู่ในเขตตำบลดงละคร อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก ห่างจากตัวจังหวัดนครนายกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ประมาณ 5 กิโลเมตร จุดสูงสุดของเมืองอยู่ที่เนินดินทางด้านทิศตะวันออก สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 34 เมตร

เมืองโบราณดงละครเป็นเมืองรูปไข่เกือบกลม มีคูน้ำและคันดินโดยรอบ มีเนื้อที่ประมาณ 3,000 ไร่ และมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 700-800 เมตร เดิมมีแนวกั้นเป็นคันดินสองชั้น แต่ปัจจุบันเหลือเพียงชั้นนอกชั้นเดียว คันดินชั้นนอกมีความสูงกว่าคันดินชั้นใน แต่คันดินชั้นในมีความหนามากกว่า

ลักษณะการสร้างเมืองนั้นติดกับแม่น้ำนครนายกสายเดิม ซึ่งติดต่อกับชายฝั่งทะเลได้ เหมาะแก่การค้าขายทางทะเล และยังสามารถทำการเกษตรได้โดยรอบ เป็นลักษณะเดียวกับเมืองโบราณสมัยทวาราวดี ในบริเวณใกล้กันของประเทศไทย คาดว่ามีผู้อยู่อาศัยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 12-18 และอยู่ในเครือข่ายการค้าขายทางทะเลในสมัยโบราณ

เมืองโบราณดงละคร ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 52 ตอนที่ 75 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478


ที่มาและตำนานของเมืองดงละคร

ที่มาของชื่อเมืองดงละคร
แต่เดิมชาวบ้านเรียกเมืองนี้ว่าเมืองลับแล ส่วนชื่อเมืองว่าดงละครนั้นไม่ทราบที่มาแน่ชัด บางแห่งกล่าวว่า เวลากลางคืน ได้ยินเสียงดนตรีวงมโหรีแว่วมาจากในเมืองกลางป่า คล้ายกับมีการเล่นละครในวัง จึงเรียกว่าดงละคร หมายถึงมาเล่นละครในดง

ส่วนอีกแห่งก็กล่าวว่า เดิมเมืองนี้น่าจะเรียกว่า ดงนคร หมายถึงนครที่อยู่ในดง แต่นานเข้าจึงเรียกเพี้ยนกลายเป็น ดงละคร แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับที่มาของชื่อเมืองดงละครนี้

พระบรมราชาธิบายของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเมืองปราจีนบุรี ได้ทรงมีพระบรมราชาธิบายเกี่ยวกับเมืองดงละครไว้ว่า เป็นเมืองที่สร้างขึ้นโดยเจ้าแผ่นดินเขมรโบราณซึ่งเป็นสตรี หรืออาจเรียกว่าราชินีแห่งแผ่นดินเขมรโบราณนั่นเอง

โดยเมื่อราชินีองค์นี้ขึ้นครองแผ่นดินเขมร ได้เฟ้นหาชายรูปงามจากแคว้นต่างๆ เพื่อเป็นคู่ครอง โดยได้พบชายชาวเขมรสองคนก่อน จึงได้รับเลี้ยงไว้ แต่ต่อมาได้พบกับชายอีกคนจากแผ่นดินเขมรเก่า (ปัจจุบันเป็นแผ่นดินไทย) ราชินีเขมรพอพระทัยในชายผู้นี้มากจึงอยากจะรับเลี้ยงไว้อีกคน แต่ชายสองคนก่อนไม่ยอม

ราชินีเขมรจึงสร้างเมืองใหม่ให้ชายคนที่สาม คือเมืองดงละครซึ่งอยู่ใกล้กับอาณาจักรเขมร แต่ต่อมาราชินีเขมรองค์นั้นก็ได้ประชวรและสิ้นพระชนม์ไป ไม่ได้มีราชบุตรสืบพระวงศ์ต่อไป ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ได้พระราชทานพระราชวินิจฉัยไว้ เมื่อครั้งเสด็จประพาสมณฑลปราจีนบุรีไว้ว่า เมืองนี้เป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินโบราณ

ข้อสันนิษฐานของอดีตอธิบดีกรมศิลปากร

นายนิคม มุสิกะคามะ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร สันนิษฐานต่อโดยประมวลจากพระบรมราชาธิบาย สรุปได้ความว่า เมืองดงละคร น่าจะสร้างหลังจากบริเวณนี้อยู่ในอาณาจักรไทยแล้ว แต่สร้างโดยคนเขมร เนื่องจากพบหลักฐานหลายอย่าง ซึ่งเป็นศิลปะเขมรในเมืองดงละคร เช่น คันฉ่องสำริด เทวรูปสำริดนุ่งผ้าศิลปะแบบเดียวกับที่นครวัด เป็นต้น

สรุปว่า เมืองดงละคร เป็นเมืองสมัยทวาราวดี ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากทั้งทวาราวดีและขอม มีอายุตั้งแต่สมัยพุทธศตวรรษที่ 12-18

การล่มสลายของเมืองเก่า

ภายหลังพุทธศตวรรษที่ 18 คาดว่ามีการเปลี่ยนเส้นทางการไหลของแม่น้ำนครนายก ซึ่งแต่เดิมไหลผ่านทางทิศตะวันตกของเมืองดงละคร กลายเป็นไหลอย่างปัจจุบันนี้

ทำให้เมืองที่เคยเจริญกลับไม่ได้รับความนิยมเพราะขาดน้ำ ทำให้เมืองดงละครกลายเป็นเพียงเมืองเล็กๆ มีประชากรอยู่ไม่กี่คน เพราะคนส่วนใหญ่ย้ายไปตั้งถิ่นฐานใหม่ตามการไหลของแม่น้ำ เป็นเมืองนครนายกในปัจจุบันนี้

ในช่วงที่เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 คาดว่าชาวบ้านได้ย้ายเมืองหนีไปอยู่บริเวณเขาใหญ่เพื่อหนีการรุกรานของพม่า ทำให้เมืองร้างไปอีก

ช่วงต้นรัตนโกสินทร์ มีพวกลาวพวน ลาวเวียง และมอญ มาตั้งถิ่นฐานบริเวณนี้ โดยยึดอาชีพทำนาเป็นหลัก ซึ่งมักมีช้างป่าลงมากินข้าวในนาเสมอๆ แต่ต่อมาชาวบ้านย้ายมาอยู่เยอะเข้า ช้างป่าเลยหนีไปอยู่ที่บริเวณเขาใหญ่แทน

การขุดแต่งทางโบราณคดี

หลังจากเมืองดงละครโบราณได้ล่มสลายไป ต่อมาก็ได้มีชาวบ้านเข้ามาอยู่อาศัยในบริเวณนี้ โดยมากมีอาชีพทำการเกษตร ซึ่งระหว่างทำการเกษตรมีการขุดดิน ชาวบ้านก็ได้ขุดพบของโบราณเรื่อยมา

จนกระทั่งในปี 2515 ได้มีการขุดแต่งเมืองโบราณดงละครอย่างเป็นทางการโดยนักวิชาการ โดยนายพิสิฐ เจริญวงศ์ ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากรในขณะนั้น ได้ดำเนินการขุดแต่งและอนุรักษ์เมืองนี้มาเป็นลำดับ

และได้พบหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการอยู่อาศัยของผู้คนในยุคพุทธศตวรรษที่ 13-15 เช่น พระพิมพ์เนื้อเงิน ศิลปะแบบทวาราวดี เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเคลือบสีน้ำตาล เครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์ถังและซ้อง รวมทั้งลูกปัดแก้วหลายสี ลูกปัดแบบลูกตา (eye beads) ลูกปัดสลับสี (mosaic beads) ลูกปัดหินคาร์เนเลียน และอะเกต

ภาชนะดินเผาบางชิ้น มีนักวิชาการบางท่านให้ความเห็นไว้ว่าเป็นของเปอร์เซีย ลักษณะเป็นเครื่องเคลีอบสีฟ้าอ่อน คาดว่ามาจากเมืองชีราฟของอิหร่าน และเมืองบาสราของอิรัก ซึ่งเครื่องปั้นดินเผาลักษณะเดียวกันนี้เคยพบที่แหลมโพธิ์ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี แสดงให้เห็นว่า เมืองดงละครน่าจเป็นทางผ่านของการค้าจากทางภาคใต้

นอกจากนี้ ยังมีการขุดพบโบราณวัตถุทำจากควอตซ์ ซึ่งมีแหล่งแร่ควอตซ์อยู่บริเวณเขาแก้ว อำเภอบ้านนา ห่างจากดงละครราว 20 กิโลเมตร และพบกำไลสำริด 2 วง คาดว่าจะมาจากเมืองลพบุรี นอกจากนี้ยังพบขวานหินขัดจำนวนมาก ที่ผลิตจากหินแอนดีไซต์และหินไรโอไลต์ ซึ่งมีแหล่งผลิตที่บ้านห้วยกรวด จังหวัดกระบี่ จึงสันนิษฐานว่าเมืองดงละครน่าจะเป็นทางผ่าน ในการค้าขายผ่านมาจากทางใต้ก็ได้

ความสำคัญ

เมืองดงละคร เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญในสมัยโบราณ ช่วงพุทธศตวรรษที่ 13-18 โดยเป็นเมืองทางผ่านในการติดต่อค้าขายระหว่างจีน อินเดีย และเปอร์เซีย ซึ่งมีการซื้อขายสินค้าแลกเปลี่ยนวัตถุดิบกัน โดยในส่วนของตัวเมืองดงละครเอง ได้รับอิทธิพลจากเขมร โดยขุดพบโบราณวัตถุพวกกำไลและพระพุทธรูปสำริดศิลปะแบบบายน เครื่องปั้นดินเผา และลูกปัดต่างๆ


โบราณสถานหมายเลข 1 จะเห็นแท่นอยู่ 2 อันอยู่ในเขตชั้นนอกของตัวเมืองดงละคร ห่างประตูเมืองชั้นในทางทิศเหนือ 250 เมตร ลักษณะเป็นกำแพงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 12 เมตร มีทางเข้าอยู่ทางทิศใต้ ภายในมีแท่นตั้งสำหรับวางรูปเคารพอยู่ 2 แท่น (คาดว่าเดิมมี 3 แท่น) โดยในการขุดแต่งเมื่อปี 2531-2532 และในการบูรณะเมื่อปี 2536 พบโบราณวัตถุที่สำคัญดังต่อไปนี้

เศียรพระพุทธรูปกะไหล่ทอง ศิลปะสมัยทวาราวดี
แผ่นทองคำขนาดเล็ก
เมล็ดข้าวสารดำ
ชิ้นส่วนภาชนะ คาดว่าเป็นหม้อแบบมีสัน ศิลปะทวาราวดี
คันฉ่องสำริด อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18
สันนิษฐานว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นศาสนสถาน สร้างขึ้นก่อนพุทธศตวรรษที่ 18 ใช้เป็นที่ประกอบศาสนกิจของชาวดงละครสมัยโบราณ

โบราณสถานหมายเลข 2

อยู่ในเขตชั้นนอกของตัวเมืองดงละคร ห่างประตูเมืองชั้นในทางทิศเหนือ 250 เมตร ลักษณะเป็นแนวกรอบศิลาแลงกว้าง 3.7 เมตร ยาว 4 เมตร ตรงกลางขุดพบสถูปศิลาแลงรูปทรงกระบอกขนาดใหญ่ซ้อนกัน 2 ชั้น โดยในการขุดแต่งเมื่อปี 2532 พบโบราณวัตถุที่สำคัญดังนี้

พระพุทธรูปและแม่พิมพ์ ทำด้วยดินเผา ศิลปะทวาราวดี
เครื่องประดับ เช่น แหวน กำไล ตุ้มหู ทำด้วยสำริด แหวนทำด้วยหินสีต่างๆ
ลูกปัดแก้ว ลูกปัดหิน ประมาณ 2,000 เม็ด
หินแกะลาย คาดว่าเป็นตราประทับ รูปปู รูปช้าง
สันนิษฐานว่า อาจเป็นสถูปใช้บรรจุกระดูกของบุคคลสำคัญในเมืองนี้ในสมัยโบราณ หรืออาจเป็นสถูปที่ใช้ในการวางศิลาฤกษ์ เพราะพบของมีค่าหลายอย่างฝังปนอยู่ ลักษณะเดียวกับการฝังลูกนิมิตในปัจจุบัน

คูเมือง

ได้มีการขุดคูเมืองเพื่อป้องกันข้าศึก โดยขุดคูผันน้ำจากแม่น้ำนครนายกสายเดิมเข้ามา แต่เนื่องจากแม่น้ำนครนายกได้เปลี่ยนทิศทางการไหลไปแล้ว คูเมืองเดิมจึงตึ้นเขินกลายเป็นแอ่งดินที่มีต้นไม้ขึ้นอยู่แทน

คันดิน

ใช้เป็นกำแพงเมือง มีความสูงประมาณ 30 เมตร เดิมมี 2 ชั้น ปัจจุบันเห็นได้แต่ชั้นนอก ชั้นในไม่เหลือร่องรอยให้เห็นได้ชัดแล้ว

สระน้ำ

ที่ประตูเมืองทั้ง 4 ทิศ จะมีสระน้ำอยู่ ปัจจุบันเห็นได้แต่ทางทิศเหนือที่ขุดแต่งแล้ว และทางทิศตะวันออก แต่ทางทิศตะวันออกจะมีต้นไม้ขึ้นปกคลุมจำนวนมาก ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนนัก

คาดว่าสระน้ำนี้มีไว้ให้ชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนเข้าเมือง และป้องกันไม่ให้ข้าศึกเอาซุงมากระทุ้งประตูเมืองได้

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์

บ่อน้ำนี้ตั้งอยู่ในแนวของแม่น้ำนครนายกสายเก่า ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนทิศทางการไหลไปแล้ว บ่อนี้คาดว่าเป็นบ่อที่ขุดเอาศิลาแลงไปใช้สร้างโบราณสถานต่างๆ ในเมืองดงละครสมัยโบราณ ต่อมาได้ถูกทิ้งร้างไปพร้อมกับการล่มสลายของเมืองดงละคร

จนกระทั่งปี 2533 มีการเปิดโรงเจสว่างอริยธรรมสถาน มีเรื่องเล่าว่าทางโรงเจได้เชิญร่างทรงมาประทับ ร่างทรงได้มายังบ่อน้ำนี้และให้น้ำไปประกอบพิธี ตั้งแต่นั้นชาวบ้านก็ได้นำน้ำจากบ่อไปกินบ้าง อาบบ้าง เชื่อว่าเป็นสิริมงคงและทำให้หายจากโรคได้ ซึ่งชาวบ้านหลายคนก็ยืนยัน แต่ก็ไม่ได้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มายืนยัน

อย่างไรก็ตาม ในปี 2542 ทางสำนักพระราชวังได้นำน้ำจากบ่อนี้ไปประกอบพิธีในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

โบราณสถานกลางเมืองดงละคร

อยู่ในเมืองชั้นใน พบร่องรอยของเจดีย์สมัยทวาราวดี คาดว่ามีอายุประมาณ 1,000 ปี โดยจากการสำรวจและขุดแต่งเมื่อปี 2539-2540 พบว่าเป็นโบราณสถานที่ถูกรบกวน เหลือเพียงฐานก่อด้วยศิลาแลงเท่านั้น จากการสันนิษฐานคาดว่าเป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ และมีปล้องไฉนซ้อนขึ้นไปข้างบน และพบชิ้นส่วนจารึกคาถา เย ธฺมมาฯ บนภาชนะดินเผา

สันนิษฐานว่า โบราณสถานแห่งนี้สร้างในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15 เป็นอย่างช้า เพราะเป็นช่วงที่พระพุทธศาสนาแบบเถรวาท ได้รับความนิยม และคงอยู่ต่อมาถึงช่วงพุทธศตวรรษที่ 18 ซึ่งประชาชนหันมานับถือพระพุทธศาสนาแบบมหายาน เพราะพบหลักฐานคือ เศียรพระพุทธรูปแบบนาคปรก

และคาดว่าในบริเวณนี้ น่าจะมีการสร้างอาคารด้วยไม้ขึ้นมาทับบริเวณที่เป็นเจดีย์เดิม เพราะได้ขุดพบหลุมเสาอาคาร และเครื่องถ้วยดินเผาสังคโลก แต่สุดท้ายเมืองนี้ก็ได้ทิ้งร้างไปในที่สุด

แต่ภายหลังจากการขุดแต่งเมื่อปี 2540 ทางกรมศิลปากรได้กลบปากหลุมบริเวณนี้ไปแล้ว

การเดินทางและการเข้าชม
จากกรุงเทพมหานคร ให้เดินทางมาที่รังสิต และเลี้ยวเข้าถนนรังสิต-นครนายก ขับไปจนถึงแยกสามสาว ให้เลี้ยวขวาขับไปตามทาง ผ่านเขื่อนนายก ข้ามคลองชลประทาน จนกระทั่งถึงวัดดงละคร จะมีป้ายให้เลี้ยวขวาเข้าไปยังเขตเมืองโบราณ

เมืองโบราณดงละครเปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. หากต้องการวิทยากรแนะนำ ให้ติดต่อวิทยากรท้องถิ่นซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้กับโบราณสถาน โดยจะมีป้ายบอกข้อมูลอยู่ตามตำแหน่งต่างๆ ของโบราณสถาน


ขอขอบคุณ วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี


สิริสวัสดิ์วุธวาร สิริมานรมณีย์ค่ะ


Create Date : 04 กรกฎาคม 2553
Last Update : 25 สิงหาคม 2553 17:06:25 น. 0 comments
Counter : 2084 Pageviews.

sirivinit
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 224 คน [?]





/



2558

2556

2555

น้ำใจจากคุณ krittut 2554

2553


สิริสวัสดิ์วรวาร
เปรมปรีดิ์มานรื่นรมณีย์นะคะ ยินดีต้อนรับ
สู่บล็อกของคนใฝ่รู้ สำหรับผู้ใส่ใจใฝ่รู้ค่ะ

เชิญอ่านตามสบายนะคะ
มีดีๆให้คุณได้ทราบหลากหลายค่ะ

๑ - ๑/๑ ฉันรักในหลวง
๒.๓.๑๐.๑๕.๓๐.๒๔.๕๙.๖๓.๙๐.ธรรมะ
๔ - ๔/๑ รวมพลคนดัง
๕. ศาสนาพุทธสุดประเสริฐ
๖. ความรู้ทั่วไปในศาสนาพุทธ
๗. ๑๖. ประวัติศาสตร์
๘ - ๙/๑ ไม้ดอก ไม้ใบ
๑๑ - ๑๑/๑ เกม
๑๒.๓๗.๔๐-๔๓.๕๓.๗๕.๘๖.ศิลปะเทศ
๑๔ - ๑๔/๑. ๒๐๘. ข่าวคนดังเทศ
๑๘. ๑๙. ๒๒. ราชวงศ์ไทย
๒๐.๑๑๖-๑๑๖/๒ ๑๙๐-๑๙๐/๘ ละคร ทีวี
๒๑. ๓๑. ๒๐๘. ราชวงศ์เทศ
๒๔. นักเขียนไทย
๒๔/๑. กลอนชั้นบรมครู
๒๙/๑-๒๙/๔โปสการ์ดจากเพื่อนบล็อก
๓๓. สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
๓๙.๑๘๑-๑๘๑/๗ สุธาโภชน์รสเลิศล้ำ
๔๑.๔๒.๕๐.๕๘.๖๐.๖๑.๘๖.มหาวิหาร
๕๗. ปราสาท พระราชวัง คฤหาสน์เทศ
๖๒. วัด
๖๕ - ๖๕/๑ การ์ตูน
๖๕/๒. นิทานเซน
๖๗. ความตายมาพรากให้จากไป
๖๙ - ๖๙/๒ สารพัดสัตว์
๗๔. สุนัข
๗๖. อุทยานสวรรค์
๗๗. ซูเปอร์แมน - แบทแมน
๗๘ - ๘๓. แสตมป์สะสม
๘๕-๘๕/๑ หนังสือสะสม
๘๗ - ๘๗/๒ ๒๑๕ ข่าวกีฬา
๘๙. ๘๙/๑ จีนแผ่นดินใหญ่
๙๐/๑ .ทิเบต
๙๑. จันทร์สูริย์ดารา
๙๒. สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า
๙๓ - ๙๓/๒ ภาพยนตร์
๙๔ - ๙๔/๓ ยานยนต์
๙๕ - ๙๕/๑ ดูดวง
๙๖ - ๙๖/๑ . ๒๑๑ วิทยาศาสตร์
๙๗ - ๙๗/๑.๒๐๙ แวดวงวรรณกรรม
๙๘. ภาพพุทธประวัติ
๙๙. ๑๒๗ - ๑๒๗/๑ ดนตรี
๑๐๑. ป้าย R สะสม
๑๐๒. บัตรภาพตราไปรฯสะสม
๑๐๓. DIY
๑๐๗/๑ เล่าเรื่องเมืองญี่ปุ่น
๑๐๘ - ๑๐๘/๑ หนังสือ
๑๑๓ - ๑๑๓/๑ บ้านสวย
๑๑๕. พระเครื่อง
๑๒๐. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๒๓. เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ
๑๒๕. เหรียญที่ระลึก
๑๒๕/๑ เหรียญสะสมต่างประเทศ
๑๒๕/๒ เหรียญที่ระลึกจังหวัด
๑๒๕/๓ ธนบัตรที่ระลึก
๑๒๕/๔ บัตรโทรศัพท์
๑๒๕/๕ กล่องไม้ขีด และอื่นๆ
๑๓๑.เรื่องสั้นชั้นครู"เจียวต้าย"
๑๖๔.บล็อกพิเศษ วันเดียวอั๊พ 100
เอนทรี่ ให้คุณป้า"ร่มไม้เย็น"ชม
๑๙๐/๓ เรื่องย่อละคร
๑๙๓. คดีเขาพระวิหาร
๒๑๒. ศิลปะ
๒๑๗. วิถีแห่งอำนาจ บูเช็กเทียน
๒๑๗/๑.วิถีแห่งอำนาจ เจงกิสข่าน
๒๑๗/๒.วิถีแห่งอำนาจ จูหยวนจาง
๒๑๗/๓.วิถีแห่งอำนาจ ซูสีไทเฮา
๒๑๗/๔.วิถีแห่งอำนาจ หงซิ่วฉวน
๒๑๗/๕.วิถีแห่งอำนาจ แฮรี่ พอตเตอร์

ข่าวทั่วไปล่าสุด บล็อกล่างสุดค่ะ

เปิดบล็อก 1 มกราคม 2552



free counters
08.27 - 250811

207 flags collected 300316



Friends' blogs
[Add sirivinit's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.