<<
กุมภาพันธ์ 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
26 กุมภาพันธ์ 2548
 

Million Dollar Baby – เงินล้านกับอาการใจสลาย (Spoiler)


**** คำเตือน : Spoiler ครับ ****
หมายเหตุ : Review นี้ อาจมีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก และตั้งอยู่บนพื้นฐานของความลำเอียงอย่างเห็นได้ชัดครับ :D

Million Dollar Baby อาจไม่ได้เป็นหนังดีที่สุด
Million Dollar Baby อาจไม่ได้รางวัลออสการ์แม้แต่รางวัลเดียว (เหรอ? อันนี้คงไม่จริงนะ)
และ Million Dollar Baby ก็อาจจะเป็นหนังที่หลายคนมองข้าม ไม่อยากไปดู (เพราะฉายชนกับ Constantine)
แต่..... Million Dollar Baby ได้ใจผมไปเต็มๆ เลยครับ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ ดูเผินๆ แล้วน่าจะเป็นหนังที่เล่าประเด็นซ้ำซาก (Cliché) ว่าด้วยเรื่องของนักมวยสาว Maggie (Hilary Swank) ผู้ใฝ่ฝันอยากจะเป็นแชมป์โลก แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวที่เราเห็น อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด เพราะในท้ายที่สุด Million Dollar Baby ก็เหมือนกับหนังของ Clint Eastwood หลายๆ เรื่อง ที่ขึ้นต้นด้วยเรื่องราวอย่างหนึ่ง แล้วจบลงด้วยเรื่องราวอีกอย่างหนึ่ง -- จากหนังนักมวยธรรมดาทั่วๆ ไป พลิกผลันกลายเป็นหนังกะเทาะเปลือกความเป็น “มนุษย์” ที่ทำให้ใจเราสลายได้สุดๆ กับฉากจบอันทรงพลัง

หลังจากชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ ผมไม่อยากลุกออกจากโรงหนังเลยครับ เพราะใจผมสลายไปแล้ว, สลายไปพร้อมๆ กับวาระสุดท้ายของ Maggie มันเป็นเรื่องน่าแปลกนะครับ ที่ผู้กำกับคนหนึ่งจะสามารถสร้างสรรค์งานกำกับอันยิ่งใหญ่ได้ติดๆ กันถึงสองครั้ง (Mystic River: 2003, Million Dollar Baby: 2004) ทั้งๆ ที่ผู้กำกับคนนั้นเคยเป็นเพียง “นักแสดง” มาก่อนเท่านั้น ต้องยอมรับในความเจนจัดของ Clint จริงๆ ครับ ว่าเขาสามารถทำได้ดี และทำได้ถึงจริงๆ - ทั้งครึ่งแรกและครึ่งหลังของหนัง

ยกที่หนึ่ง: ครึ่งแรก กับเรื่องราวการต่อสู้สู่ฝันของ Maggie (Hilary Swank)
ตอนแรก นึกว่าหนังจะออกมาแนวประมาณ Rocky และน่าจะเป็นหนังนักมวยตามสูตรทั่วๆ ไป เพราะตลอดช่วงต้นเรื่อง หนังแสดงให้เห็นถึงเส้นทางการเป็นนักมวยของ Maggie ที่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคมากมาย ทั้งการที่ Frankie (Clint Eastwood) ไม่ยอมเป็นโค้ชให้, การใช้แค่ “ใจ” และ “ความแข็งแกร่ง” ที่ยังไม่เพียงพอสำหรับการเป็นนักมวย, การฝึกหัดอย่างหนัก แต่ยังไม่ได้ขึ้นชิงแชมป์, จนกระทั่งในที่สุด เธอก็ฝ่าฟันขวากหนามต่างๆ จน “ได้ชกชิงแชมป์”

แม้จะดูสูตร และซ้ำซาก แต่ Clint ก็หลอกล่อเราให้คอยติดตามและลุ้นเอาใจช่วย Maggieได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งนี้ต้องยกผลประโยชน์ให้กับบทภาพยนตร์ ที่มีชั้นเชิงและให้ความสำคัญกับ “ความเป็นมนุษย์” ของทุกๆ ตัวละครอย่างเท่าเทียมกัน โดยเราจะเห็นว่าแต่ละตัวละครต่างก็มีปมในใจที่คอยหลอกหลอนพวกเขาให้มีพฤติกรรมเช่นนี้

- Frankie เขาคือชายผู้มีปมอดีตที่ฝังใจ จากปัญหาความสัมพันธ์อันเหินห่างกับลูก , จากการที่เคยเป็นพี่เลี้ยงให้กับเพื่อนอย่าง Scrap (Morgan Freeman) ในนัดชกชิงแชมป์ ที่ลงท้ายด้วยเรื่องราวของความสูญเสีย, จากเรื่องของนักชกที่ปลุกปั้นมากับมืออย่าง “วิลลี่” หนีไปอยู่กับสังกัดอื่น สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำให้ความเชื่อมั่นและความศรัทธาของเขาได้ถูกบั่นทอนลง - ทั้งต่อตัวเขาเอง และต่อคนรอบข้าง

- Maggie เธอคือตัวแทนของหญิงสาวบ้านนอก ที่มีสภาพครอบครัวไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เธอเกิดมาพร้อมกับปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งในตอนแรกเกิดที่มีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ, ทั้ง“ที่อยู่อาศัย” ที่ดัดแปลงมาจากรถ, ทั้งพี่ชายที่ติดคุก, และแม่ที่อาศัยเงินประกันสังคมในการดำรงชีวิต ที่ไม่เคยเข้าใจในตัวเธอ ~* เธอจึงต้องไขว่คว้าหาชีวิตที่ดีกว่า โดยการออกมาเป็นสาวเสิร์ฟในเมืองใหญ่ และก้าวเข้าสู่วงการนักมวยในที่สุด แต่หนทางสู่ดาวของเธอนั้นก็ต้องประสบกับปัญหาต่างๆ มากมายอย่างที่กล่าวไปแล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ท้าทายเธอมาก นั่นก็คือ คำพูดของ Frankie ที่บอกว่า

“Tough Ain’t Enough” แค่แข็งแกร่งอย่างเดียว ไม่พอหรอก, “แค่มีใจอย่างเดียวไม่พอหรอก”

ดูเหมือนภาพยนตร์ชิงออสการ์สองเรื่องในปีนี้ จะอยู่กันคนละขั้วเสียแล้วสิ
ในขณะที่ Finding Neverland พร่ำบอกเราให้ศรัทธา “Just Believe” เชื่อสิ เพียงแค่มีศรัทธา แล้วทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นจริง แต่เรื่องนี้กลับบอกเราว่า แค่มีศรัทธา, มีใจ, มีความแข็งแกร่งมันยังไม่พอหรอก และหนังก็แสดงให้เราเห็นว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ !!!

- Scrap เขาคือชายผู้อยู่บนทางคู่ขนานกับ Maggie , เขาและเธอเกือบจะเป็นนักชกผู้ยิ่งใหญ่เหมือนกัน และเขาและเธอต่างก็หัวรั้นเช่นเดียวกัน – Maggie มีความศรัทธาและเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก และอาจจะสูงเกินไปจนกระทั่ง “ลืม” สิ่งที่เทรนเนอร์พร่ำสอนอยู่ตลอดเวลานั่นคือ “เหนือสิ่งอื่นใด ต้องรู้จักป้องกันตนเอง” และคำพูดนี้ ก็มาย้ำเตือนกับเราในจุดจบบนสังเวียนการต่อสู้ของเธอ, เช่นเดียวกันกับ Scrap ที่ยังคงดื้อรั้น สู้ต่อแม้ว่าจะบาดเจ็บอย่างหนัก เพราะเขาเชื่อมั่นว่าเขาต้องทำได้ ซึ่งทำให้เขาต้องยุติการชกไว้เพียงแค่นัดที่ 109 เท่านั้น

สรุปแล้ว ในยกแรก คลินต์ ปล่อยหมัดใส่เราหมัดแล้วหมัดเล่า ล่อทั้งฮุกซ้าย ฮุกขวา จนเอาคนดูอย่างเราอยู่หมัด และ “น็อก” เราลงกับพื้นไปกับฉากจบบนเวทีการต่อสู้อันน่าตื่นตะลึง

ยกที่สอง: ครึ่งหลัง กับประเด็นการุณยฆาต (Euthanasia)
จากโทนหนังในครึ่งแรก ที่ทำให้เราคอยตามลุ้น ตามเชียร์ Maggie นั้น ดูเหมือนว่ากราฟจะค่อยๆ พุ่งสูงขึ้นๆ จนสูงที่สุด
แต่แล้ว พอมาในครึ่งหลัง กราฟกลับเปลี่ยนทิศทางหักดิ่งลงเรื่อยๆ
“Clint” พาเราดำดิ่งไปสัมผัสกับความจริงอันปวดร้าว เมื่อ Maggie พ่ายแพ้ต่อกลโกงของ “ยัยหมีควาย” จากชัยชนะที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม กลับต้องมลายหายไปต่อหน้า ซึ่งเพียงแค่นี้ก็เจ็บปวดพอแล้ว แต่ Maggie เธอต้องเจ็บปวดยิ่งกว่านั้น เพราะเธอได้รับบาดเจ็บอย่างมาก จนถึงขั้นกระดูกสันหลังหัก ขยับตัวไปไหนมาไหนไม่ได้ หายใจเองไม่ได้ แถมเหล่าบรรดาครอบครัวของเธอก็ยังแห่มาหลอกเอาทรัพย์สินไปอีก ทำให้ยิ่งน่าแค้นไปกันใหญ่ เธอจึงตัดสินใจเลือกทางเดินของเธอเอง ด้วยการ “ขอตายอย่างสงบ”

สงสัยว่า “ประเด็นการุณยฆาต” จะเป็นเทรนด์ใหม่ของวงการหนังปีนี้รึเปล่า?
เพราะไม่ทันที่กระแสของ “The Sea Inside” (หนังชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศ, หนังรางวัลกินรีจาก Bangkok film และหนังทำรายได้สูงสุดของสเปนปี 2004) จากเดือนที่แล้วจะจางหายไป, เดือนนี้ ก็มีเรื่องนี้มาตอกย้ำประเด็นนี้กับเราอีก

แน่นอน มันอาจไม่ได้เป็นประเด็นที่พิสดารแปลกใหม่แต่อย่างใด แต่ด้วยความลึกซึ้ง, ความเข้าใจชีวิตและความเข้าใจโลกของ Clint Eastwood ก็สามารถทำให้เรื่องราวที่ซ้ำซากแบบนี้มีชีวิตขึ้นมาได้ – ด้วยการค่อยๆ พาคนดูสัมผัสกับความรู้สึกและเหตุผลของตัวละคร โดยที่ไม่จงใจเร้าอารมณ์มากจนเกินไป ทำให้เรามีความรู้สึกใกล้ชิดกับตัวละคร , เข้าใจตัวละคร และที่สำคัญคือ เห็นความสัมพันธ์ของตัวละคร อย่าง “Frankie” และ “Maggie” กับความสัมพันธ์เชิง “พ่อ” กับ “ลูกสาว” ของเขาทั้งคู่

“โม คูชเลอร์” – “ ที่รักของฉัน สายเลือดของฉัน” (My Darling, My Blood)

ด้วยความสัมพันธ์ที่งามงดเหล่านี้ ทำให้เราซาบซึ้งไปกับเรื่องราวของเค้าทั้งสอง โดยทิ้ง “ประเด็นการุณยฆาต” ไว้เบื้องหลัง และนี่แหละครับคือสิ่งที่ดีที่สุดในครึ่งหลังของหนัง กับการค่อยๆ บรรจงเล่าเรื่องราวอย่างใจเย็น แต่ไม่ฟูมฟาย เพราะมันคือการ “หวังผล” กับฉากจบ ที่ทำให้เรา “ตาย” ไปเลยกับบทสรุปของหนังเรื่องนี้

สรุปยกที่สอง หลังจากเราโดนน็อกไปรอบนึงแล้ว พอมายกนี้ Clint ค่อยๆ ใจเย็นหลอกล่อเราให้ตายใจ จนกระทั่งพอได้ทีก็จู่โจม “ฉีก” หัวใจของเรา ให้แตกสลายออกเป็นชิ้นๆ ช่างใจร้ายเหลือเกิน :(

ผลคะแนนสองยก
ด้วยการประสานงานอย่างมีคุณภาพ จากสามนักแสดงหลักทั้ง Clint Eastwood, Hilary Swank และ Morgan Freeman
ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้สมบูรณ์อย่างมาก
- Clint Eastwood ทั้งกำกับเอง แต่งเพลงเอง และเล่นเอง ซึ่งเขาสามารถทำได้ดีทุกบทบาท, ไม่ว่าจะเป็นการกำกับนักแสดงที่ลื่นไหล และดู “สมจริง”, เพลงประกอบที่ดูน้อย แต่ให้อารมณ์อย่างมาก, หรือจะเป็นการแสดง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นธรรมชาติ และมีมิติ
- Hilary Swank เป็นการกลับมาอีกครั้งอย่างยิ่งใหญ่ของเธอจริงๆ ครับ หลังจากที่เงียบหายไปนานตั้งแต่เรื่อง Boys Don’t Cry โดยเรื่องนี้เธอทุ่มเทจริงๆ ทั้งสีหน้า แววตาที่ฉายแววของความเด็ดเดี่ยว, มุ่งมั่นเหลือเกิน อีกทั้ง การรับบทเป็นนักมวยสาวของเธอ ก็ทำได้เป็นอย่างดี ดูไม่เคอะเขิน และทำให้เราเชื่อได้จริงๆ ว่า เธอคือ Maggie Fitzgerald --- ขอตะโกนเชียร์ “โม คูชเลอร์ๆๆ” ดังๆ เลยครับ (แม้จะชอบบทบาทของ Hilary จากเรื่องนี้มาก แต่ปีนี้ขอแอบเทใจเชียร์ให้ Annette ได้ออสการ์กับเค้าซักทีเถอะ :D )
- Morgan Freeman เขาคือชายผู้เล่าเรื่อง แม้ว่าบทอาจไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสองคนข้างต้นเลย
จากพื้นฐานการแสดงที่ดีอยู่แล้วของทั้งสาม เมื่อผสานเข้ากับการรับส่งที่ดีของฝ่ายตรงข้าม เลยทำให้การแสดงของทุกคนดูลื่นไหลเป็นธรรมชาติอย่างมาก ยืนยันเลยครับว่าทุกคนเล่นได้ดีจริงๆ อีกทั้งยังไม่มีใครเด่นกว่าใคร ไม่มีใครข่มใคร เพราะพวกเขารวมตัวกัน “เด่น” ครับ

นอกจากการแสดงอันฉกาจฉกรรจ์แล้ว “บทภาพยนตร์” ก็ดีเด่นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน อย่างที่ได้บอกไปบางส่วนแล้วว่ามีชั้นเชิง และให้ความสำคัญกับทุกๆ ตัวละคร (ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวแดนเจอร์) แต่ยังไม่หมดครับ เพราะหนังยังได้แทรกข้อคิดและทรรศนะต่างๆ ลงไปในหนังได้อย่างแยบคายที่สุด(ผ่านคำพูดเก๋ๆ ที่ดูจริงและไร้ซึ่ง“จริต”) ทั้งยังได้ตีแผ่เข้าไปถึงทุกอณูของจิตใจมนุษย์ เป็นการสำรวจถึงปมอดีตที่ติดค้างในใจของทุกคน, และที่สำคัญที่สุดก็คือเป็นการสำรวจถึงความสัมพันธ์เชิง “พ่อ-ลูก” ได้อย่างลึกซึ้ง นุ่มนวล และลงตัวที่สุดครับ

ทำให้พอรวมคะแนนสองยกแล้ว ไม่แปลกใจเลยที่กรรมการจะยกให้ Million Dollar Baby ได้เข้าชิงถึงเจ็ดรางวัล
ได้ใจคนดูอย่างผมไปเต็มๆ เลยครับ

--- 8.75/10 ----


Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2548
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2548 23:11:57 น. 9 comments
Counter : 8691 Pageviews.  
 
 
 
 
คงต้องบอกว่ายินดีด้วยที่น้องไม่พลาดเรื่องนี้ไปเพราะคิดว่ามันเป็นหนังนักมวย...
 
 

โดย: Dr Syntax วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:0:21:30 น.  

 
 
 
ขยันจังค่ะ เห็นอัพเดท bloggang บ่อยมากเลย ยังไงก็อย่าลืมทบทวนหนังสือนะคะ
 
 

โดย: หนูน้อยหน้าบาน วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:9:08:38 น.  

 
 
 
....แวะมาทักทายครับ ไม่ค่อยได้มาเยี่ยมเพื่อนบ้านเท่าไหร่ หลังจากประกาศผลแล้วก็เลยแวะมาทักทายกันครับ สำหรับแฟนๆหนูน้อยเงินล้านคงดีใจกันโดยถ้วนหน้ากัน หนังของปู่เรื่องนี้เค้าดีจริงๆ
 
 

โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา:22:17:09 น.  

 
 
 
เข้ามาร่วมดีใจในฐานะแฟนของหนูน้อยเงินล้านอีกคนครับ เอาใน blog นี้แล้วกันครับ ฉลองกันเถอะ เฮ เฮ เฮ (แอบเสียใจแทนปู่ Martin อยู่เหมือนกันอะ แต่ถ้าผลออกมากลับกัน เราคงผิดหวังกว่านี้เยอะ อย่างนี้ต้องฉลองงงง)

\\O/
|
/\\
 
 

โดย: Dr Syntax วันที่: 1 มีนาคม 2548 เวลา:2:12:48 น.  

 
 
 
แล้วจะมารออ่าน คอนสแตนติน
ไม่ได้บังคับให้ดูนะ แบบว่าก้ามี ก้อยากอ่าน
 
 

โดย: สุภารัตถะ IP: 202.57.159.137 วันที่: 1 มีนาคม 2548 เวลา:15:49:17 น.  

 
 
 
ดู sideways แล้วอย่าลืมมารีวิวอีกล่ะ
 
 

โดย: เลิฟแอดดิค IP: 161.200.255.162 วันที่: 2 มีนาคม 2548 เวลา:15:42:39 น.  

 
 
 
ขอทำนายว่าเรื่องต่อไปที่คุณ it ซียูจะเขียนคือเรื่อง Sideways
 
 

โดย: แม่หมอ (หนูน้อยหน้าบาน ) วันที่: 2 มีนาคม 2548 เวลา:15:56:53 น.  

 
 
 
แวะมาอ่านหนังจากไปดูมาแล้วค่ะ

อย่างน้อย MJ ก็มีโอกาสที่จะทำตามความฝันของตัวเอง
ขอบคุณ Frankie ที่ให้โอกาสนี้กับเธอ
"You give her a chance"
 
 

โดย: MDA วันที่: 10 มีนาคม 2548 เวลา:19:22:19 น.  

 
 
 
โอ๊ยยยยยย เพิ่งเคยดูไง ไม่ได้ดูตอนแรกๆด้วย มาดูตอนนางเอกชก คิดว่าหนังบู๊ๆแอคชั่น อื้มหื้มดราม่าา ซึ้งจังงง TT
 
 

โดย: ใบตุยยย IP: 27.55.45.63 วันที่: 30 กันยายน 2557 เวลา:14:24:04 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

it ซียู
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]








Google




ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
[Add it ซียู's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com