|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ผมได้กำไรจากหุ้นแค่ 10%
เมื่อวานไปกินข้าวกับเพื่อน หลังจากคุยกันอย่างออกรสออกชาติ สิ่งนึงที่คนวัยทำงานซึ่งมีเงินเก็บจะทำ ก็คือลงทุน หุ้นเป็นการลงทุนแบบหนึ่งที่เืพื่อนๆใ้ห้ความสนใจ โดยเฉพาะปีทองปีที่แล้ว ซึ่งคนโดยมากจะกำไรเป็นกอบเป็นกำ มีการเสนอหุ้น แนะนำหุ้นการอย่างเมามันในโต๊ะกินข้าว พอมาถึงผม เพื่อนถามผมว่า ผมมีหุ้นตัวไหนแนะนำบ้าง ผมบอกว่าปีที่แล้วผมได้กำไรจากหุ้น 10% หรือ สองแสนกว่าบาท หุ้นที่ผมจะแนะนำทำเงินได้แค่ 10% ต่อปีสนใจรึเปล่า ปรากฏว่าไม่มีใครสนใจ ความสนใจของเพื่อนๆทุกคนยังคงอยู่กับหุ้นร้อนแรงที่ทำกำไรได้อย่างรวดเร็วในตลาดหลักทรัพย์
คนโดยมากเวลาพูดถึงกำไรจากหุ้น มักจะพูดถึงราคาที่เกิดจากส่วนต่างราคาหุ้น หรือกำไรที่เกิดจากการเก็งกำไรซื้อมาถูกขายได้แพงขึ้น แต่เวลาที่ผมพูดถึงกำไรที่ผมได้จากหุ้น ผมมักจะหมายถึงกำไรที่เกิดขึ้นจริงๆจากการทำกิจการของบริษัทนั้นๆ ผมคิดว่า กำไรที่เกิดจากส่วนต่างราคาหุ้น ไม่ได้เป็นกำไรที่เกิดจากการประเมิน ไม่ได้เป็นกำไรที่เกิดจากฝีมือ ไม่ได้เป็นกำไรที่คาดหวัง ไม่ได้เป็นกำไรที่ได้แน่นอนสม่าำเสมอ ผมมักจะไม่ชอบพูดถึงกำไรประเภทนี้ที่ผมทำได้ซักเท่าไหร เพราะมันเป็นกำไรที่เกิดจากดวงล้วนๆ ไม่ได้เกิดจากฝีมือผม ทำได้ปีที่แล้ว เพราะดวงดี เป็นปีทองของตลาด ปีนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำได้อีกรึเปล่า ผมมักจะอายที่จะพูดถึงกำไรในส่วนนั้น เป็นกำไรที่ไม่ได้คาดหวัง แต่เป็นกำไรที่อยากได้นะครับ
ผมมองว่าตอนนี้หุ้นมีความสามารถทำกำไรอย่างสมเหตุสมผลแค่ 10-20% กำไรที่เกิดมากกว่านี้ล้วนเกิดจากแรงคาดหวัง เกิดจากแรงเหวี่ยงตลาด หรืออาจจะเป็นกำไรที่ทำได้เฉพาะช่วงเวลานี้ ซึ่งในความเป็นจริงไม่มีใครสามารถเดาหรือรู้ทิศทางของกำไรประเภทนี้ได้ มันเป็นเรื่องของดวง เป็นความฟลุ๊กมากกว่า เมื่อหุ้นทะยายพุ่งไปเกินกว่ากำไรที่มันควรจะทำได้อย่างสมเหตุสมผล ก็อย่างที่ผมเขียนไว้ฉบับที่แล้ว เมื่อไหรก็ตามที่ใครๆคิดว่าหุ้นสามารถทำกำไรได้หากได้ถือครอง เมื่อนั้นราคาของหุ้นจะทะยานขึ้นไปอย่างไร้ขอบเขต
หากมาถามผมว่าซื้อหุ้นตัวไหน ซื้อแล้วราคาจะพุ่งขึ้น อันนี้ผมไม่รู้หรอกครับ และผมก็เชื่อว่าไม่มีใครรู้นอกจากจ้าว ผมไม่สนด้วยว่าซื้อแล้วราคาจะเพิ่มหรือจะลด ผมสนแค่หุ้นมีกำไรที่สมเหตุสมผลเท่าไหร หากคิดว่ามากพอผมก็จะซื้อไว้ เมื่อไหรที่ราคาหุ้นพุ่งไปมากจนเกินกว่ากำไรที่สมเหตุสมผลหรือมีตัวที่กำไรมากกว่า ผมถึงจะขาย
ดร นิเวศน์ได้เขียนบทความเรื่อง ความคาดเฟ้อ //www.thaivi.com/2010/12/611/ ใจความของบทความนี้พูดถึงแม้แต่นักลงทุนระดับโลกอย่างวอเรน บัฟเฟตต์ยังสามารถทำกำไรจากหุ้นอย่างมากที่สุดได้แค่ 10%ต่อปีเท่านั้นเอง ผมคงไม่อาจเอื้อมคิดไปไกลว่าผมสามารถทำกำไรได้มากกว่าบัฟเฟตต์
Create Date : 18 มกราคม 2554 |
|
11 comments |
Last Update : 18 มกราคม 2554 14:57:54 น. |
Counter : 1275 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: คนสวนพลู IP: 192.168.51.43, 115.31.184.126 18 มกราคม 2554 13:21:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: นนท์ IP: 202.44.36.15 18 มกราคม 2554 14:25:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ษุภณัฏฐ์ 18 มกราคม 2554 14:52:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: Bata IP: 202.44.7.49 18 มกราคม 2554 18:24:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: ษุภณัฏฐ์ 18 มกราคม 2554 21:10:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: kunjoja IP: 10.0.2.200, 183.89.100.233 19 มกราคม 2554 7:58:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: ษุภณัฏฐ์ 19 มกราคม 2554 18:45:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: จุ๊ IP: 101.109.73.61 16 กุมภาพันธ์ 2554 13:02:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ษุภณัฏฐ์ 20 พฤษภาคม 2554 21:18:24 น. |
|
|
|
| |
|
|