หวัดดีตอนบ่ายค่า อิอิ^^

สวัสดีครับ คุณหาแฟนตัวเป็นเกลียว

ถูกของคุณค่ะ!

จิตใจเป็นเรื่องสำคัญ ต้องไม่แกว่งไปตามกระแส
แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่ฝืนแนวโน้มตลาด

ดังนั้น การกันเงินไว้ส่วนหนึ่ง สำหรับรอโอกาสดีๆ
ในการเข้าซื้อหุ้นดีๆ ถือเป็นเรื่องของจิตใจเป็นอย่างมาก
ที่ต้องหนักแน่นเพื่อรอจังหวะและเวลา

ขอให้ประสบความสำเร็จการลงทุนครับคุณ Halloweeny

หุ้นเป็นธุรกิจที่เหมาะกับคนที่ไม่เก่ง

ไม่จริงครับ อยู่ที่ มุมมอง

อันนี้เป็นมุมมองหนึ่ง

เป็นคนส่วนหนึ่งที่ไม่เก่ง แต่เล่นหุ้นได้ดี

หุ้นไม่เหมาะกับคนที่ไม่เก่ง ทุกคน

หุ้นนี่ส่วนใหญ่ จะเหมาะกับคนเก่ง นะครับ

คุณมองต่างมุม ขอบคุณที่มาเม้นนะครับ

คนเก่งหรือคนไม่เก่ง คงวัดกันได้ยาก

แต่อย่างน้อยก่อนเข้าไปลงทุน คุณต้องมี "ความรู้"
มีความรู้เพื่อให้รู้เท่าทันการบริหารจัดการ การลงทุนของบริษัทที่จะเข้าลงทุน

สำหรับย่อหน้าสุดท้ายเรื่อง "ราคาตามมูลค่า" กับ "ราคาตลาด" อย่างน้อยๆ คุณก็ต้องประเมินมูลค่าของมันออกมาให้ได้ในระดับหนึ่ง แล้วเทียบกลับไปยังราคาตลาด ซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องใช้ความรู้ประสบการณ์ที่มีอยู่

ส่วนความผันผวนของราคาหุ้นตามราคาตลาด ที่เกิน/หรือขาดออกมาจากราคาที่ประเมินได้ มันเป็น error ที่เกิดขึ้นได้...ซึ่งค่าเออเรอร์ที่เกิดขึ้น ควรเป็นค่าที่เรายอมรับได้

คุณผ่านเข้ามาขอบคุณที่เข้ามาเม้นนะครับ

God is the way
The Truth
and The Life

when your life need miracal
Ask form him.. Then you will be
impress by its result as I do~!

what is the truth
if u ask me then
I will tell u that
it is GOD

โพสผิดรึเปล่าครับ คุณดา

ผมมองว่าไม่เก่งได้ แต่ต้องฉลาดและขยัน
ฉลาดที่จะเลือก ขยันที่จะหาความรู้และทำการบ้าน

คุณซื้อหุ้น คุณมั่นใจกี่% ว่าหุ้นที่ซื้อจะขึ้น?

ขอบคุณที่มาเม้นครับคุณ coffee4you

ขอตอบคุณ Guess ครับ ผมไม่สนว่าหุ้นจะขึ้นจะลงครับ ทุกครั้งที่ซื้อผมจะดูเงินปันผลเป็นหลัก หากผมพอใจในเงินปันผลที่คาดว่าจะได้ผมก็จะซื้อด้วยไม้แรกก่อน หากหุ้นขึ้น ผมก็ยิ้ม หากหุ้นลง ผมก็จะใส่ไม้สองเข้าไป หากหุ้นไม่ขึ้นไม่ลง ผมก็กินปันผล

อ้าว...ไมไม่มีชื่อ login หวา...

ยังไงๆ ก็ขอให้คุณ ษุภณัฏฐ์ (ชื่อนี้สุดยอดจริงๆ...ชอบ)

ศึกษาความรู้ในส่วนที่เราคิดว่าเป็นหลักในการซื้อขาย

แล้วลองเปรียบเทียบ ผลงาน ย้อนหลัง

สลับปัจจัยบางปัจจัยที่ใช้ไม่ได้ผลออก

แล้วลองเอาปัจจัยอื่น มาเสริม

ทดลองไปเรื่อยๆ จนได้เป็น สูตรของตัวเราเอง

แล้วก็ปรับปรุงให้ทันสมัยอยู่เสมอ

นี่แหละ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนเก่ง...ครับ

ผมเชื่อคำว่า รักแท้แพ้ใกล้ชิด ...อิอิ

ขอให้คุณ ษุภณัฏฐ์ ประสบความสำเร็จนะครับ

แนะนำอ่าน บล็อค ของ คุณหมากเขียว ครับ

เหตุผลปลอบใจเวลาหุ้นลงต่ำกว่าทุน ก็คือปันผล ทำให้กลายเป็น vi ถือจนมีกำไร

ผมเคยอ่านบล๊อกของคุณหมากเขียวแล้วครับ แต่ค่อนข้างยากในการหาจุดซื้อจุดขายสำหรับผม ขอให้คุณมองต่างมุมประสบความสำเร็จเช่นกันครับ ใช่ครับ อีกปัจจัยนึงของการประสบความสำเร็จคือไม่ย่อท้อ มองอดีต เห็นจุดอ่อน และแก้ไข ปรับปรุง หากทำได้ก็จะประสบความสำเร็จครับ

ขอบคุณคุณนิคสำหรับเม้นนะครับ

ชอบบทความนี้จัง ...ให้ข้อคิดดี

แต่อาจจะดูคลุมเครือไปนิด ...คำว่า "ไม่เก่ง" น่าจะหมายถึงไม่ชำนาญในการทำธุรกิจนั้นๆด้วยตนเองมากกว่า

ข้อสำคัญคือ ...อย่างน้อยๆ คนที่คิดจะเล่นหุ้น ต้องเก่งพอที่จะเลือกหุ้นที่ถูกต้องในการถือยาว เพื่อรอรับปันผลนะ ...นอกจากนี้ยังต้องมีความอดทนและหนักแน่นมากพอ ที่จะอยู่กับแนวคิดนี้ อย่างค่อนข้างยาวนานอีกด้วย

หิหิ ถูกจับได้จนได้ จริงๆแล้วผมก็หมายความอย่างที่คุณ leo-rocket พูดแหละครับ คือคุณเล่นหุ้นไม่มีความสามารถในการทำธุรกิจเอง แต่เขียนว่า "ไม่เก่ง" ให้ดูน่าสนใจน่ะครับ

ถ้าหุ้นเหมาะสำหรับคนไม่เก่ง แล้งถ้าเฮง จะพอได้ไหม๊ค่ะเพราะทุกวันนี้ หนูไม่ได้เก่งเลย แต่พอมีโชคเล็กๆน้อยๆบ้าง เอาแคค่าขนนมค่ะ

จริงๆมันแล้วแต่คนน่ะครับ คุณหมวยเล็ก แต่ผมคิดว่าเฮงอย่างเดียวทำให้รวยไม่ได้ หากเราลองศึกษาประวัติคนที่รวยทุกคน ไม่มีใครเลยที่รวยเพราะเฮง ทุกคนต้องเคยผ่านร้อนผ่านหนาวมาทั้งนั้น หากเล่นเอาค่าขนมเอามันอาจจะอาศัยโชคได้ แต่ถ้าหวังรวยจากหุ้น คงต้องมีอะไรบางอย่าง จริงๆเล่นหุ้นก็ไม่ยากครับ สำคัญอยู่ที่จิตใจมากกว่า ตัวอย่างง่ายๆ ตอนที่ set ลงไป 200 ตอนนั้นใครซื้อไว้ และตอนที่ set ร่วงจาก 750 ไป 650 ยังกอดไว้ จนถึงตอนนี้ คนๆนั้นก็จะรวยครับ ไม่ต้องเก่ง แค่ซื้อแล้วกอดไว้ ก็รวยได้ แต่ตอนมันลงไป 200 กล้าซื้อรึเปล่า ตอนหุ้นร่วงหนักๆกล้าถือรึเปล่าแค่นั้นเอง

กระผมผมก็เปนคนหนึ่งที่เล่นหุ้นเหมือนกันครับ...แต่ไม่เคยใช้โชคเลย
เพราะหากเกิดว่าวันนี้เราฟลุคได้ 1 เท่าของมาร์จิ้นแต่อีก3วันเราเสียมาร์จิ้นวันล่ะ 1 เท่ามันก็เท่ากับขาดทุนนั่นเอง....
กระผมจึงคิดว่าของทุกอย่างบนโลกนี้มันย่อมจะมีการคลื่นไหว ในตัวของมันเองไม่เว้นแม้แต่ราคาในราคาตลาดหุ้นคับ นั่นก็คือการวาดเทรนไลน์หรือแนวโน้มนั่นเองและที่ขาดไม่ได้เลยนั่นคือ อีเลียตเวฟซึ่งเป็นกลไกของการขึ้นและลงของตลาดหุ้นหากใครสามารถนับคลื่นอีเลียตเวฟเป็นก็สามารถทำกำไรได้คับ*เต่มันมีความซับซ้อนเป็นอย่างมากทำให้ยากต่อการนับคลื่นอีเลียตเวฟ มีหลายคนมากที่พยายามตามหาค้นคว้าการนับอีเลียตเวฟและวิจัยมากกว่า10ปีขึ้นไปและหลายต่อหลายคนก็เลิกล้มความคิดนั้นและหันหลังให้กับคลื่นอีเลียตเวฟ
เพราะอีเลียตเวฟมี่ความไม่แน่นอนไม่คงที่อยู่สามารถทำให้ล้มเหลวและขาดทุนได้คับ*ส่วนตัวผมก็ยังใช้อีเลียตเวฟในการทำกำไรอยู่คับแต่รับรองได้ว่าเป็นการใช้คลื่นอีเลียตเวฟที่ค้อนข้างละเอียตมาก โดยคนส่วนมากมักจะมองมันข้ามไป*แต่ถ้าถามว่าเคยขาดทุนไหม...เคยคับแต่การนับของผมจะรู้ตัวว่าพลาดไปแล้วไวกว่าการนับแบบทั่วไปเพราะคนส่วนมากที่ขาดทุนเยอะสาเหตุเกิดจากไม่ยอมตัดใจขาดทุนแล้วถือไว้เรื่อยๆๆคับเชื่อมั่นในตัวเองหรือเข้าข้างตัวเองมากเกินไปนั่นเอง อิอิ

ช่วยสอนหน่อยค่ะ..อยากรู้มากค่ะ แต่ไม่มีความรู้ด้านนี้เลยค่ะ อยากลองเล่นค่ะ..0924494262ชุค่ะ