บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
14 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
สายลับกลับใจรัก บทที่ ๗ โดย สามารถ

-7-

พิดิษกระหืดกระหอบกลับมาที่ลานโล่ง

วงโยนลูกช่วงเลิกไปแล้ว กลางลานดินเปลี่ยนเป็นการแสดงร่ายรำกระด้งแทน สาวๆ ชาวดอยสวมชุดประจำเผ่ายืนเรียงกันเป็นสองแถว หันหน้าไปทางทิศตะวันออกพร้อมเพรียงกัน ต่างตรงที่กระโปรงหลากสีสันไม่ซ้ำแบบกัน นอกนั้นดูเหมือนกันไปหมด ชายกระโปรงด้านหน้าปล่อยคลุมลงมาเลยเข่าคล้ายเครื่องแต่งกายของพระเอกลิเก มือขวาถือกระด้งสานจากไม้ไผ่ วงกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเท่าสองฝ่ามือ โบกไปมาไหวๆ คล้ายท่าร่ายรำ มือซ้ายที่ว่างจับจีบแกว่งขึ้นลง แต่ละคนใบหน้าเอิบอิ่มยิ้มแย้มแจ่มใส

พิดิษไม่มีเวลาที่จะสนใจ เขากวาดสายตาโดยรอบ

ไม่เห็นนาอู!

ผู้คนไม่ได้มากมายนัก เธอน่าจะยังอยู่ที่เดิม แต่เธอหายไป เขาสบถกับตัวเอง

เธออาจจะเหนื่อยหรือร้อนแดดจึงกลับไปที่บ้าน...

คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มจึงกระวีกระวาดวิ่งกลับไปที่บ้าน ลูกบิดประตูยังล็อกอยู่ เขาเคาะเรียกดังๆ

“นาอู!” เงียบ ไม่มีเสียงตอบ

เขาเคาะอีก

“นาอู”

เธอคงไม่อยู่ที่นี่ ถอยหลังลงจากบันได ลองวิ่งอ้อมไปดูรอบๆ บ้าน ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ตัดสินใจวิ่งกลับไปที่ลานอีก ใจคอเขาเริ่มไม่ดี

“เกิดอะไรขึ้น?” เขาถามตัวเอง นึกสังหรณ์ใจขึ้นมาทันที



ที่ลานยังไม่เลิก แม้แดดจะเริ่มแรงแล้ว ชาวม้งทุกคนยังฉาบด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า หารู้ไม่ว่าภัยกำลังมาเยือน ถ้าหมู่บ้านแห่งนี้ไม่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับยาเสพติดของปู้เหว่ย ที่นี่ก็แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ดีๆ นั่นเอง นักท่องเที่ยวจากข้างล่างจะพากันขึ้นมาดูชมขนบธรรมเนียมที่พวกเขาไม่เคยเห็น พิดิษคิด

นาอูยังไม่กลับมา เขาหันรีหันขวาง แล้วก็สะดุ้ง เมื่อพบใบหน้ายาวยื่นของปาตาขยับมาใกล้ เด็กหนุ่มเซื่องซื่อ ยิ้มปากกว้างเห็นซี่ฟันเหลืองเป็นคราบเรียงกันไม่เป็นระเบียบเด่นชัด

“แฮ่...มองหาอะไรอยู่ครับ คณพิดิษ?”

พิดิษถอนใจพรู “บ้าเอ้ย...ปาตา ฉันตกใจเลย แกรู้มั้ย?”

“ก็คุณพิดิษมองหาใครล่ะครับ?” ปาตายังตื๊อ แววตาซื่อๆ ของเขาฉายแววสุขใจขึ้นฉาบใบหน้า คงกำลังสนุกกับงานรื่นเริง หรือได้พูดคุยกับเพศตรงข้ามวัยเดียวกันสักคนสองคน

“นาอู นายเห็นนาอูมั้ย?” ปาตาทำท่าครุ่นคิดครู่หนึ่งก็ยิ้มออก

“เห็นครับ เมื่อตะกี้เห็นเดินตามพี่ดอกไปทางโรงงาน” พิดิษใจหายแวบ วิ่งออกจากลานไป

ปาตาได้แต่ยืนเกาหัวอย่างงงๆ



ชายหนุ่มวิ่งมาถึงด้านหน้าประตูทางเข้าโรงงาน หลังไม่ใหญ่มากนัก พอๆ กับโรงอาหารในโรงเรียนมัธยมที่มีนักเรียนไม่ถึงห้าร้อย หลังคาและผนังประกอบขึ้นจากแผ่นสังกะสี ตอนนี้สีมันออกซีดแดง ด้านข้างมีต้นฉำฉาใหญ่ปกคลุม ใบของมันร่วงหล่นทับกันหนาเตอะอยู่บนหลังคา อีกฟากผนังรกครึ้มด้วยกอไผ่ สองสิ่งนี้นี่เองที่ทำให้การตรวจการทางอากาศของทางการไม่มีทางพบ

หมู่บ้านทั้งหมดถูกพรางด้วยชัยภูมิธรรมชาติที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่ทำให้ ปปส.และดีอีเอมึนในการส่งกำลังค้นหา

เขาต้องหาทางเข้าไปด้านในให้ได้ก่อน แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วคงไม่มีทางอื่น

แน่ล่ะ...เขาออกแบบโรงงานนี้เอง ป้องกันคนอื่นแฝงตัวเข้ามา สุดท้ายเลยกลับกลายมาเป็นปัญหาของตัวเอง

เมื่อไม่มีทางเข้าทางอื่น พิดิษจึงตัดสินใจเดินเข้าประตูหน้าตรงๆ สูดลมหายใจเข้าปอดยาวเหยียด ผลักประตูไม้อัดบานเล็กด้านข้างผลัวะเข้าไป ตรงดิ่งไปทางพื้นที่โล่งกลางโรงงานอย่างร้อนรน

นาอูนั่งน้ำตาไหลพรากอยู่บนพื้น เครื่องแต่งกายแบบม้งสีดำเปื้อนเปรอะไปด้วยฝุ่นสีเทา วัยรุ่นสามคนยืนเฝ้าอยู่ข้างๆ มือกระชับบืนกลอูซี่คนละกระบอก

“นาอู!” เขาเรียกเธอ

หญิงสาวหันขวับมา ใบหน้าเปื้อนยิ้มทั้งน้ำตา

“คุณพิดิษ!” ปืนสามกระบอกหันมาทางเขา

ชายหนุ่มสืบเท้าก้าวเข้าหา ไม่มีความหวาดหวั่นเคลือบแฝงในสติแข็งกร้าวนั้น

ประตูชั้นลอยด้านบนเปิดออก ดอกกับปู้เหว่ยเดินตามกันออกมา วัยรุ่นที่เฝ้านาอูคนหนึ่งขู่ขึ้นเสียงดัง

“หยุดตรงนั้นแหละครับ คุณพิดิษ”

ชายหนุ่มแสยะยิ้ม ส่งสายตาเหยียดหยันไปยังวัยรุ่นคนนั้นและก้าวเดินต่อ ผนังขวามือเรียงรายด้วยปี๊บสังกะสีระเกะระกะ กลิ่นน้ำยาเคมีเหม็นคลุ้งชวนอาเจียน มีเครื่องปั๊มเม็ดยาอยู่สามเครื่อง เขาทั้งนั้นที่เป็นคนไปลักลอบขนย้ายมันมาจากเชียงราย

“ไอ้เต๋า...ไอ้เมฆ ไอ้เหล่าจื้อ ปล่อยนาอูซะ” พิดิษคำราม

วัยรุ่นสามคนหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แววตาตื่นตระหนกเล็กน้อย แน่ล่ะ เด็กวัยรุ่นพวกนี้รู้ฤทธิ์ของเขาดี

“เฮ้ย!...พวกเอ็ง ถ้าไอ้พิดิษมันก้าวเข้ามาอีกก็ยิงมันเลยสิ กลัวมันทำไม” ดอกตะโกนสั่งจากด้านบนเมื่อเห็นท่าทีลังเลของมือปืนรุ่นน้อง

พิดิษหยุดกึก เงยหน้าขึ้นมอง ประสานสายตาแข็งกร้าวของดอก และเลื่อนไปสบแววตาน้ำแข็งของปู้เหว่ย

“ทำไมต้องจับนาอูมา?”

“นายล่ะ พิดิษ...ทำไมถึงทำกับพวกเราแบบนั้น” ปู้เหว่ยถามกลับ

“ทำอะไร?”

“โธ่เว้ย...อย่าทำแกล้งไม่รู้เลยว่ะ แกแอบติดต่อกับตาแก่นั่นนานเท่าไหร่แล้วล่ะ?” เป็นน้ำเสียงฮึดฮัดของดอก

“เราแอบตามนายมานานแล้ว และรู้ตั้งแต่แรกว่านายทำงานให้ยงยุทธ์ ที่เรายังไม่จัดการกับนายก็เพราะเห็นว่าช่วยงานเราได้อย่างดี”

“เจ้านายรู้จักคุณยงยุทธ์?”

ปู้เหว่ยพยักหน้า


“เราอาจจะไม่ได้เป็นเจ้านาย-ลูกน้อง เป็นครอบครัวเดียวกันอีกต่อไป ถ้าหากนายตัดสินใจผิดพลาด”
ดอกฮึดฮัด “หมายความว่าไง เจ้านาย?”

ปู้เหว่ยไม่ตอบ ดวงตาแน่วนิ่งอยู่ที่ร่างพิดิษ “นายจะว่ายังไง ถ้าหากฉันอภัยให้นายเรื่องที่ผ่านมา เพียงแต่...นายจะต้องเลิกตีสองหน้ากับฉัน และทำงานให้ฉันต่อในฐานะมือขวาปู้เหว่ย ไม่ใช่สายลับของ นทส.”

พิดิษอึกอัก เขาคิดว่าปู้เหว่ยแก่ขนาดนี้แล้ว แต่ยังพราวไปด้วยพิษสงเหมือนเดิม

เขาสบตานาอูส่งความหมายในแววตานั้นเหมือนจะบอกให้เธอรู้ว่า ไม่ต้องกังวล เขามาแล้ว และเธอจะไม่เป็นอะไร

หญิงสาวหายสั่นแล้ว น้ำตาก็แห้งไปด้วย แต่ยังนั่งพับเพียบอยู่ในท่าเดิมเหมือนคนหมดแรง

วัยรุ่นสามคนลดปืนลง คงเหลือแต่ดอกที่ทำท่าทีฮึดฮัด

บ้าชะมัด...เรื่องราวชักจะบานปลายไปใหญ่แล้ว ทหารก็ไม่รู้จะบุกขึ้นมาตอนไหน พิดิษสับสนในสมอง

“ผมอยากรู้เรื่องวีเค” เสียงเขาอ่อนลง

ปู้เหว่ยยิ้มจางๆ ที่ใบหน้า

“นายยังไม่ได้ฆ่านักวิทยาศาสตร์นั่นจริงๆ สินะ คงรู้มาจากคนพวกนั้น ที่จริงฉันพอเดาออกอยู่ คนอย่างนายไม่ทำร้ายคนไม่มีอาวุธอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องห่วงหรอก หลังจากนายกลับจากเมืองกาญจน์ไม่นาน ดอกก็ตามไปเก็บกวาดให้นายเรียบร้อยแล้ว”

ใจเขาหล่นวูบหลังประโยคนั้น สุดท้ายที่ว่าจะเลิกก็เป็นเพียงน้ำลายที่ปู้เหว่ยถ่มรดพื้นแล้วซึมหายไป เขานึกถึงชะตากรรมของวันดีที่หลวมตัวช่วยเขา ดอกเป็นคนโหดเหี้ยม หญิงสาวคงไม่รอด แต่ก่อนตาย เขาไม่อยากนึกภาพว่าก่อนเธอจะตาย ดอกจะทำอะไรกับเธอบ้าง ชายหนุ่มกำหมัดแน่น พยายามควบคุมอารมณ์ตนเอง

“สูตรยานั่นอยู่ที่ฉันนี่แหละ ตั้งแต่รู้ว่านายคือคนของ นทส. ฉันก็ไม่เคยไว้ใจอะไรนาย เรื่องของเรื่องก็คือ พวกนักวิทยาศาสตร์มันพยายามจะหนีไปมอบตัว“ ปู้เหว่ยพูด น้ำเสียงเยือกเย็นบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจของพิดิษ

“ที่คุณเฉลยเรื่องราวแบบนี้ แสดงว่าคงไม่คิดจะเก็บผมไว้แล้วใช่ไหม คุณหลอกให้ผมฆ่าสุรชัย เพื่อที่คุณจะได้ควบคุมตลาดค้ายาแต่เพียงผู้เดียว คุณพยายามเก็บนักวิทยาศาสตร์ เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม หากพวกเขาหนีไปมอบตัวกับตำรวจ” เขาเปลี่ยนสรรพนาม ศรัทธาในแง่ดีต่อปู้เหว่ยหมดไปแล้ว ชายแก่คนนี้ไม่ใช่พ่อพระ ช่วยเหลือจุนเจือพลเมืองชั้นสองของประเทศนี้อย่างที่พิดิษเข้าใจ เขาหลอกใช้ชาวม้งที่อยู่ที่นี่

“ปล่อยนาอูไปซะ...เธอไม่เกี่ยวข้องด้วย คุณอยากทำอะไรกับผมก็เชิญ” เขาตรงเข้าหานาอูอย่างหมดแรงและไม่กลัวปืนกลที่เล็งร่างเขาอยู่ พยุงเธอลุกขึ้นยืน

หญิงสาวผวาเข้ากอดเขา อ้อมอกอุ่นๆ คงทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น เธอซบใบหน้าลงบนแผงอกล่ำ

เสียงดอกและปู้เหว่ยระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น

“ไม่...แกคิดว่าแกเป็นใครที่จะมาต่อรองอะไรตอนนี้ ฉันก็ไม่เข้าใจเจ้านายเหมือนกันนะ ที่ทำไมจู่ๆ เพิ่งจะมาสำเร็จโทษเอากับแกวันนี้ หึ...ยังไงแกก็ต้องเป็นผีเฝ้าดอยที่นี่ ไอ้สายลับ แกคิดว่าแกร่ำแกเรียนมาแล้วมันจะฉลาดกว่าพวกฉันได้หรือ ชีวิตมันไม่ได้พลิกตำราแล้วก้าวเดินตามได้โว้ย ส่วนนังนาอู ฉันขอไปเล่นที่บ้านสักพักละกัน” ดอกพูด สายตาที่เขามองนาอูหื่นกระหายน่าหวาดกลัว

เธอมีท่าทางกลัวเขาอย่างเห็นได้ชัด น้ำตาไหลขึ้นมาอีก ไม่กล้าสบตาคนโฉด ร่างสั่นสะท้าน

เสียงคนจากด้านนอกดังเอะอะขึ้น

ดอกยกปืนขึ้นเล็ง พร้อมแล้วสำหรับฉากจบนี้ พยักหน้าส่งสัญญาณให้ลูกน้องเข้าไปแยกนาอูออกจากพิดิษ

สายลับนทส.สบตากร้าวกับวัยรุ่นทั้งสามซึ่งทำท่าเงอะงะ

ดอกโมโหจึงลั่นไกปืนขึ้นหนึ่งนัด
“ปัง!”
กระสุนเจาะไหล่พิดิษข้างที่โอบกอดนาอูไว้ แขนเขากระตุกเฮือก ปล่อยร่างหญิงสาวเซผละออก

ไอ้เต๋าดึงร่างนาอูออกสำเร็จ

ดอกแสยะยิ้ม กระชับปืนแน่นขึ้น เล็งไปที่ศีรษะพิดิษเพื่อระเบิดกระสุนลูกที่สอง

“บรึ้มมม...!”

เสียงระเบิดดังขึ้น บานประตูเหล็กด้านหน้าโรงงานถูกฉีกออกเหมือนแผ่นกระดาษ แสงจ้าภายนอกทะลุเข้ามาภายใน เจือปนด้วยฝุ่นคละคลุ้ง คนข้างในกระโดดพุ่งตัวหมอบหลบกันจ้าละหวั่น เสียงปืนภายนอกปะทะกันดังราวปะทัดงานรื่นเริง แต่นี่ไม่ใช่ ทุกคนในนั้นยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอก แต่พิดิษพอจะเดาออก นี่คือสิ่งที่เขาประวิงเวลารออยู่

“ข้างนอกมันเกิดห่าเหวอะไรวะ?” ดอกตะโกนก้อง

ปืนในมือไอ้เต๋าและเพื่อนของมันไม่ได้อยู่ในลักษณะพร้อมยิง ใบหน้าเด็กวัยรุ่นตื่นตระหนกเมื่อเจอกับอาวุธหนักเช่นนี้

พิดิษฉวยข้อมือนาอูที่ยังสั่นเทิ้มลุกขึ้น วิ่งออกทางประตูที่เพิ่งถูกระเบิดฉีกออกอย่างบ้าบิ่น

“เฮ้ย...พวกมันหนีไปแล้ว!” ดอกตะโกน

เสียงปืนดังตามหลังฝ่าม่านหมอกของฝุ่นคลุ้งนั่น เฉี่ยวร่างพิดิษไปนิดเดียว เขาดึงนาอูวิ่งอ้อมผนังโรงงานไปทางด้านหน้า เปลือกต้นมะม่วงใหญ่ถูกกระสุนฉีกออกเป็นริ้ว เบื้องหน้าของเขาคือภาพของชาวม้งที่พากันวิ่งหนีตายอย่างสุดชีวิต แตกฮือกันออกมาจากลานรื่นเริง กระด้งที่ใช้ร่ายรำปลิวว่อน บางคนหอบลูกหนี เด็กเล็กที่หลงกับพ่อแม่ร้องไห้กระจองอแง ล้มลุกคลุกคลานกันถ้วนทั่ว

ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อครู่ หน้าตาพวกเขายังเบ่งบานดั่งดอกทานตะวันต้องแสงแดด บัดนี้มันช่างต่างกันอย่างสิ้นเชิง

“มึงจะหนีไปไหน?” เสียงตะคอกดังขึ้นจากด้านหลัง ดอกวิ่งตามมา ในมือเขาถือปืนเล็งมา

ชายหนุ่มรีบผลักนาอูล้มลงให้พ้นวิถีกระสุน

เสียงปืนลั่นขึ้นหนึ่งนัด

ร่างพิดิษทรุดฮวบ รู้สึกหวิว เขางุนงงไปครู่หนึ่ง หันรีหันขวาง ทำไมเขาไม่รู้สึกเจ็บ

หันไปมองนาอู ภาพที่เห็นเบื้องหน้าทำให้เขาตกใจสุดขีด เลือดแดงฉานฉาบซีกใบหน้าสวยซึ้งดวงนั้น นาอูตาปรือ นอนตะแคงร่างกระตุกกึกอยู่ข้างๆ กองไม้ลังที่รื้อทิ้งไว้

“นาอู!...” เขาผวาลงไปกอดร่างนั้น ประคองเข้ามาในอ้อมกอด เลือดเธอไหลไม่หยุด เปรอะเสื้อเขาจนแดงฉานไปทั้งตัว

หันไปมองทางดอก มันยืนแสยะยิ้มเย้ยหยันเขาอยู่

มันตั้งใจยิงนาอู!... ไม่ใช่เขา พิดิษคิด หันไปมองหญิงสาว เรียกชื่อเธอดังลั่น สองมือเขย่าร่างเล็กที่สั่นระริก

“นาอู...นาอู!”

หญิงสาวเผยอเปลือกตาขึ้นอย่างยากเย็น ใบหน้าขาวผ่องอมชมพูบัดนี้ซีดเผือด ริมฝีปากอวบอิ่ม ยิ้มรันทด ค่อยๆ พูดอย่างลำบากยากเย็น

“นาอู...คงไม่ได้...อยู่ดูแล คุณพิดิษอีกต่อไปแล้ว”

“ไม่..อย่าเพิ่งพูดอะไร” พิดิษน้ำตารื้น บางสิ่งจุกอยู่ที่คอหอยทำให้เขาเปล่งเสียงออกมาอย่างยากเย็น เขาพยายามห้ามเลือดที่ไหลทะลัก“เธอจะไม่เป็นอะไร เธอ...ต้องไป หนีไปกับฉัน”

นาอูส่ายหน้า รอยยิ้มยังเจืออยู่บนใบหน้าเศร้าหมอง “ไม่มีประโยชน์ นาอูไม่รอดหรอก ปล่อยนาอูไปเถอะนะ ผีบรรพบุรุษคงรอรับนาอูอยู่ แค่นาอูเกิดมาได้พบคุณพิดิษ คุณพิดิษดีกับนาอูขนาดนี้ ชีวิตนี้เสียไป นาอูก็ไม่เสียดายแล้ว”

ต่อมน้ำตาพิดิษแตกทะลัก มองฝ่าม่านน้ำตาออกไปหาคนช่วย

ใครก็ได้สักคน...

ดอกไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว มันคงหนีไปเมื่อเห็นทหารบุกขึ้นมาเพิ่มอีก เฮลิคอปเตอร์จู่โจมคอบร้า บินวนเวียนไปทั่วบริเวณ เสียงใบพัดขับคำรามกระหึ่ม กราดกระสุนปืนกลขนาด 20 มม.ใส่คนที่ถืออาวุธ แต่ส่วนใหญ่ไม่มีใครโต้ตอบ พากันหนีอาวุธสังหารกันจ้าละหวั่น

ร่างระหงในอ้อมแขนกระตุกเฮือกสุดแรง จากนั้นค่อยๆ ผ่อนร่างลงบนตักพิดิษ เขายกมือขึ้นจ่อปลายจมูกหญิงสาว ไม่มีลมหายใจออกมา

เธอตายแล้ว !เขาบอกตัวเองด้วยความปวดร้าว

“นาอู...” พิดิษครางแผ่วเบา ใช้มือข้างหนึ่งปาดน้ำตาลูกผู้ชาย ร่างกระตุกด้วยแรงสะอื้น เขาโน้มตัวลงจุมพิตหน้าผาก สองมือช้อนร่างนาอูขึ้นแล้วก้าวเดิน
สติไม่ได้อยู่กับตัวอีกแล้ว มันล่องลอยไปกับวิญญาณของคนที่เพิ่งจากไป


ระเบิดตกอยู่ห่างร่างเกือบสิบเมตร เศษดินลอยกระจายเต็มศีรษะ แต่เขาไม่สะดุ้ง

ศพชายชาวม้งนอนเกลื่อน นักรบในประวัติศาสตร์ที่เคยอันตรายแปรสภาพเป็นกองกำลังคุ้มกันผลประโยชน์อุบาทว์ของชายแก่สัญชาติต่างด้าว หลอกใช้ให้พวกเขากระทำการอุกอาจเพียงเพื่อเงินและความอยู่รอดของชีวิต แต่ลืมคำนึงไปว่า สิ่งที่ทำนั้น เป็นการบ่อนทำลายแผ่นดินที่เขาเหยียบยืนอยู่หรือไม่ และลืมไปว่า เผ่าพันธุ์เดียวกันอีกจำนวนมากของพวกเขา ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความดีและพอเพียงกันได้อย่างไร

เขาเดินต่อไปอย่างปราศจากจุดหมายปลายทาง เดินราวร่างที่ปราศจากชีวิตและวิญญาณดุจเดียวกับอีกร่างหนึ่งในอ้อมแขน

ชายหนุ่มไม่สนใจที่จะหลบลูกกระสุนที่ยิงกราดออกมาไม่ว่าของฝ่ายไหน ฝุ่นควันลอยคลุ้งทั่วหมู่บ้าน จรวดขนาดเจ็ดสิบมม.จากคอบร้ายิงทำลายเป้าหมายใหญ่อย่างโรงงานผลิตยา ผนังซีเมนต์แตกกระจุย ปืนไร้แรงสะท้อน ของพวกม้งยิงโต้ตอบเอาบ้าง เงินค่ายานรกสามารถซื้อหาเขี้ยวเล็บมาเสริมได้ไม่ยากนัก ไฟท้ายกระบอกปืนแลบปลาบ กระสุนเฉี่ยวคอบร้าไปอย่างฉิวเฉียด ทหารบนพื้นดินบุกกระหน่ำโอบล้อมเกือบรอบหมู่บ้าน คนที่ยิง ปรส.ถูกกระสุนเจาะหน้าผากอย่างเหมาะเหม็ง เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงพล(ชินุก)นำทหารลงมาเพิ่มอีก พื้นที่เริ่มถูกเคลียร์เกือบหมด แต่การยิงต่อต้านยังมีอยู่

พิดิษก้าวเดินท่ามกลางฝุ่นคลุ้งอย่างไร้จุดหมาย



ลุงเติบวิ่งมาตามหาเขาอย่างกระหอบ เมื่อเห็นอาการขาดสติของเขา แกก็ตกใจ พอรวบรวมสติได้ก็ดึงพิดิษออกมาจากพื้นที่อันตราย

ชายหนุ่มเดินตามด้วยสติเลื่อนลอย แต่สองมือยังอุ้มร่างนาอูกระชับแน่น

บริเวณป่าดิบรกครึ้ม ห่างออกมาจากหมู่บ้านไม่ไกลนัก เสียงปืนเงียบไปแล้ว แต่ควันไฟสีดำยังลอยหวิวให้เห็นในระยะไกล หอตรวจการระวังภัยของหมู่บ้านยาบ้าถูกเปลวเพลิงโหมสว่างโชติช่วง

ลุงเติบหยุดพักเหนื่อย ปล่อยมือจากแขนเสื้อพิดิษ เมื่อถูกปล่อยมือออกเขาก็ยังยืนนิ่งงันอยู่กับที่ ชายชราทำอะไรไม่ถูก ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน

“เฮ้...พิดิษ แกเป็นอะไรรึเปล่า?” ลุงเติบถาม น้ำเสียงเจือปนด้วยอาการหอบที่ยังไม่จางไป

ชายหนุ่มยังนิ่งเหมือนไม่ได้ยินที่แกพูด

ชายสูงวัยคิ้วขมวด หน้าตากังวล เริ่มใจคอไม่ดี ที่ตรงนี้ยังไม่ปลอดภัยนัก อาจมีบางคนที่หลบหนีผ่านมาทางนี้ แกบอกกับตัวเองพลางลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปใกล้ๆ ชายหนุ่ม ต้องเรียกสติเขากลับคืนให้เร็วที่สุดก่อนที่เรื่องยุ่งยากจะตามมาอีก ชายแก่ยื่นสองฝ่ามือออกเบื้องหน้าพิดิษ ปรบเข้าหน้าเขาสองทีหนักๆ พลางร้องเรียกชื่อเขาไปพร้อมกัน

“ปรับๆ!”

“เฮ้...พิดิษ”

ชายหนุ่มสะดุ้ง สบตาชายชราอย่างงงๆ ลุงเติบยิ้มออกมาได้ “รู้สึกตัวแล้วสินะ”

พิดิษก้มหน้าลง น้ำตาไหลพรากออกมาอีก ย่อตัวลงบนพื้นค่อยวางร่างหญิงสาวลงบนโขดหิน

แววตาชายชราสลดวูบ นึกถึงอดีตของเธอแล้วทำท่าจะร้องไห้ตามชายหนุ่ม แต่แกก็ระงับน้ำตาเอาไว้ได้

นาอูเป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร อาศัยอยู่แนวตะเข็บชายแดนที่ไม่เคยสงบสุข ความเป็นอยู่ที่แร้นแค้นขึ้นทุกวันเมื่อคนเมืองเข้ามาทำลายระบบเพาะปลูกของชนกลุ่มน้อย เมื่อทุกอย่างต้องใช้ทุน เศรษฐกิจปากท้องของพวกเขาจึงสับสนปนเป ถูกเอารัดเอาเปรียบจนกลายเป็นคนที่เอาตัวเองรอดเองไม่ได้ พ่อแม่ของนาอูเป็นหนี้สินนายทุนมากมาย สุดท้ายจึงเสนอที่จะขายเธอให้เป็นเด็กในวงจรของธุรกิจเครือเสี่ยการุณย์ ซึ่งสุรชัยเป็นผู้ดูแล

พิดิษนั่งเหม่อลอย หัวสมองเขาว่างโหวง ทุกสิ่งสงัดเงียบ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหัวใจตัวเองที่เคยเต้นร่ำ บัดนี้มันเหนื่อยล้าหดหู่

“พาเธอไปที่กระท่อมของฉัน ฝังเธอไว้ที่นั่นเถอะ เราต้องรีบเข้าไปหาหัวหน้าที่กรุงเทพฯ แผนเราแตกแล้ว” ลุงเติบบอกเขา น้ำเสียงแกสั่นเครือเช่นกัน

งานลับที่ล้มเหลว รางวัลกำนัลคือความสูญเสียและสิ้นหวัง



Create Date : 14 เมษายน 2554
Last Update : 14 เมษายน 2554 13:27:43 น. 0 comments
Counter : 233 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.