|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
พายุแห่งมาร์ บทที่ ๖ ภาพที่มองไม่เห็น โดย...นิรีย์
“มันเป็นเพียงแค่สัญญาณอย่างที่คุณว่านั่นแหละ แต่คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะที่ความจำของผมจะกลับคืนอย่างสมบูรณ์”
“คุณไม่เจ็บปวดใช่ไหม”
“เจ็บปวดซิ”
“ตรงไหนค่ะ”
“ตรงนี้”
เดลจับมือเรียวบางที่ยังยกค้างเพื่อให้อุปกรณ์บันทึกข้อมูลทำงานมาวางทาบที่อก ตรงตำแหน่งของหัวใจ
“ท...ทำไมค่ะ”
“รู้สึกเจ็บอยู่ลึก ๆ รู้สึกเหมือนว่าถ้าได้ความทรงจำคืนมาแล้ว ผมอาจต้องเสียคุณไป”
อาเดรียนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนจะรวบรวมสติทั้งหมด ตัดอารมณ์ทั้งมวลเพื่อการเดินหน้าต่อไป
“ไร้สาระจริงคุณนี่ คุณจะไม่มีทางเสียฉันแน่ จะอยู่ป่วนจนคุณเบื่อเลยแหละ” พยายามทำเสียงให้ร่าเริงเข้าไว้ รู้อยู่เต็มอกว่าคงเป็นเธอต่างหากที่ต้องเสียเขาไป
“ผมคงไม่มีเวลาคิดเบื่อคุณแน่ เพราะดู ๆ แล้วคุณคงขยันหาเรื่องมาให้ไม่หยุด”
“โทษฉันไม่ได้นะคะ ต้องโทษคุณเองที่ทำให้ฉันรักมากขนาดนี้” ไม่รู้อะไรทำให้เธอพูดหวานกับเขาไปได้ขนาดนั้น และรอยยิ้มคงจะยั่วยวนเกินไปกระมัง ผลที่ตามมาจึงเกินคาดคิด
“อาเดรีย”
เธอได้ยินเขาเรียกชื่อด้วยเสียงแหบพร่า ก่อนที่ริมฝีปากหนาบึกบึนที่ร้อนระอุจะประกบลงมาบนริมฝีปากอิ่มที่ร้อนแรงไม่ต่างกัน ในทะเลทรายที่แห้งผากความชุ่มฉ่ำแม้นเพียงน้อยนิดก็มีค่าอย่างเหลือเกินสำหรับความกระหายที่ซุกซ่อนอยู่ล้ำลึก อาเดรียอยากให้เรื่องนี้เป็นแค่เพียงความฝันที่เธอสามารถจะเก็บมันไว้ได้ตลอดไป
แต่นี่ไม่ใช่ความฝัน...มันคือความจริง...มันคือความหลอกลวงเท่านั้น
“พอเถอะค่ะเดล ถ้าเราจะไม่เสียกันและกัน ก็ต้องรีบลงไปข้างล่าง รีบแต่งงานต่อหน้าภาพหัวใจของเซ็น” อาเดรียผละหน้าหนีจากจุมพิตที่กำลังจะเลยเถิด แม้นเธอต้องยอมโอนอ่อนบ้าง แต่ต้องอยู่ในขอบเขตหนึ่งเท่านั้น
“ได้ คุณค้างผมหลายจูบแล้วนะ”
“ก็มันผิดกฎนี่”
“ผมบอกคุณกี่หนแล้วว่าผมไม่ชอบกฎแบบนั้น”
“ฮึ ไม่อยากพูดกับคุณแล้ว ปล่อยเถิดค่ะ เราช้าแล้วนะ”
เดลยอมปล่อยร่างนุ่มนิ่มที่เขากอดรัดแน่นระหว่างจุมพิตร้อนราวไฟเมื่อครู่อย่างแสนเสียดาย
“ดูจากภาพแผนผังของคุณที่ตอนนี้ไม่ทำงานแล้ว”
“ก็เป็นเพราะใครเล่าค่ะ” อาเดรียค่อน แต่คนโดนค่อนกลับทำเฉย
“ผมคิดว่าเราพบทางลงจากด้านบนวิหารนี้แล้ว”
“คุณคิดว่าทางลงอยู่ตรงไหน” อาเดรียลองถามแบบหยั่งเชิง เธอไม่คิดว่าเขาจะพบทางลงได้ด้วยการดูแผนผังเพียงชั่วเดี๋ยวเดียวเช่นนั้น
“ในวิหารมีเสาอยู่สี่มุม มีเสาอยู่ต้นหนึ่งทางมุมโน้น” เขาชี้มือไปยังอีกฟากหนึ่งจากจุดที่ยืนอยู่ “เสาต้นนี้อยู่ใต้ช่องลมพอดี และผมไม่คิดว่าคนสร้างจะสร้างช่องอากาศบนเสาที่ไม่สามารถระบายลมได้”
“เสาต้นนั้นกลวง และเป็นทางลงสู่วิหาร”
อาเดรียไม่ได้คิดว่าเขาจะเป็นคนช่างสังเกตถึงเพียงนี้ เขาพูดถูกแล้วเสาต้นนั้นกลวง และซ่อนทางลงสู่เบื้องล่างไว้ เขาฉลาดเหลือเกิน และอาจอันตรายเกินกว่าที่เธอคิด ต้องรีบทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นก่อนที่ความทรงจำของเขาจะกลับคืนมา
“คุณเก่งมาก”
“ไม่ใช่โง่ และยอมให้โดนหลอกได้ง่าย ๆ หรือ” เดลถามยิ้ม ๆ คล้ายหยอกล้อ แต่แววตาไหววูบขึ้นนิดหนึ่งก่อนจะกลับไปนิ่งสงบแบบเดิม
“มาเถิด ผมเองก็อยากให้การแต่งงานของเราสมบูรณ์อย่างที่คุณต้องการ ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม”
เดลดึงมือหญิงสาวที่ยืนนิ่งงันกับคำพูดของเขาให้ก้าวเดินตามไป แต่ละก้าวของเขาเป็นไปอย่างช้า ๆ ทว่าหนักแน่นมั่นคงราวกับว่าจะไม่มีแรงใด ๆ สามารถมาสั่นคลอนได้
ทั้งสองเดินมาหยุดตรงช่องลมที่ทำเป็นรูปทรงกลมเหนือเสาวิหารตามแผนผัง เดลนั่งคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ใช้นิ้วมือทั้งสองข้างสอดลงไปตามช่องห่างของตะแกรงเหล็กที่ทำปิดช่องระบายลมไว้ ออกแรงดึงแรง ๆ อยู่หลายครั้งกว่าที่จะยกตะแกรงนั้นขึ้นมาได้
มีแผ่นเหล็กเรียบบางปิดอยู่อีกชั้นหนึ่ง แต่ดึงขึ้นได้ง่ายกว่า
“มีบันไดลงไปข้างล่างจริง ๆ ด้วย” อาเดรียร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อชะโงกข้ามบ่าหนาของคนที่คุกเข่าอยู่ข้างหน้าลงไปมองในช่องลมที่ถูกเปิดออก
“อาเดรีย คุณอยู่ที่นี่ก่อน ให้ผมเรียกแล้วค่อยตามลงมา”
เธอกำลังจะอ้าปากทักท้วง แต่พอเห็นสายตาเข้มจัดของคนร่างสูงที่เอี้ยวตัวมามองก็ต้องรีบระงับคำพูดเพราะไม่อยากให้เสียเวลากับการโต้ตอบที่ไม่มีทางชนะ
“ก็ได้ค่ะ”
เดลมีสีหน้าพอใจขึ้น แม้นว่าเสียงตอบรับนั้นจะแข็งไปสักหน่อย ชายหนุ่มหันกลับมามองสำรวจบันไดวนที่เต็มไปด้วยฝุ่นจับหนาอีกหน ก่อนจะตัดสินใจก้าวเดินลงไป
แสงอาทิตย์ที่สาดลงมาทำให้มองเห็นว่าบันไดวนนั้นทั้งเล็กและแคบ เดลต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการลง ยังดีที่หินที่ก่อขึ้นมาเป็นเสาเพื่อพรางบันไดนี้ไว้ข้างในจนเป็นเหมือนกำแพงล้อมนั้นเป็นตะปุ่มตะป่ำจึงพอจะใช้เป็นที่จับยึดและประคองตัวลงมาจนถึงพื้นด้านล่าง
“อาเดรีย” เขาเงยหน้าขึ้นไปเรียกเธอเบา ๆ
ไม่ต้องมีการเรียกซ้ำสอง อาเดรียซึ่งเตรียมตัวพร้อมอยู่แล้วรีบลงไปทันที
“จับปุ่มบนผนังข้าง ๆ ไว้ด้วย จะได้ช่วยประคองตัว” เขาเตือนเมื่อเห็นเธอก้าวสะดุดเล็กน้อย
“ฉันโตแล้ว ดูแลตัวเองได้” อาเดรียหมดความอดทนที่จะนิ่งต่อไป ชักไม่พอใจที่เหมือนโดนเขาควบคุมทุกฝีก้าว เธอเกลียดการถูกควบคุม
“คุณนี่โกรธง่ายจริง ๆ คนเป็นห่วงก็ต้องโกรธด้วยหรือไง” เสียงเขาลอยขึ้นมาจากด้านล่างที่ค่อนข้างมืดเพราะแสงส่องลงไปไม่ถึง
“ฉันไม่ชอบถูกสั่ง”
“อ้อ”
เธอได้ยินเขาทำเสียงรับคำสั้น ๆ แค่นั้น แล้วก็เงียบนิ่งรอในความสลัวที่พื้นข้างล่าง อาเดรียใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพื่อตั้งสมาธิใหม่ก่อนจะก้าวลงไปตามบันไดหินโดยไม่เกาะสิ่งใดเลย
“นอกจากขี้โมโหแล้ว คุณยังดื้อมาก”
“รู้อย่างนี้แล้ว คุณจะเปลี่ยนใจไม่แต่งงานก็ได้นะ”
อาเดรียลงมายืนประจัญหน้ากับเขา สายตาที่เริ่มชินแล้วในความมืดของทั้งคู่จ้องจับซึ่งกันและกัน เหมือนจะเป็นการแง่งอนธรรมดา แต่เธอรู้ดีว่าไม่ใช่ มันเป็นการให้โอกาสเขาอีกครั้งต่างหาก ให้เขาได้รู้ว่าธาตุแท้ของเธอไม่ใช่ความสวยงาม
“บอกมาซิว่าเปลี่ยนใจ ฉันจะพาคุณกลับบ้าน” ในใจต่อสู้กันอย่างรุนแรงระหว่างความเห็นแก่ตัว และความเห็นใจ แต่อย่างหลังสามารถชนะได้ในครั้งนี้ ความรู้สึกผิดรุกเร้าเธออีกครั้ง
แทนคำตอบด้วยคำพูด เดลดึงร่างของหญิงสาวเข้ามากอดไว้แนบอก รัดรึงไว้แน่นราวกับจะพันธนาการเธอไว้กับเขาตลอดไป
“เดล คุณเปลี่ยนใจได้...”
คำพูดโดนปิดลงด้วยจุมพิตหนัก ๆ ที่ริมฝีปากอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะกระซิบบอกเสียงกร้าว
“ไม่”
ตอนนี้ความเห็นแก่ตัวได้ยิ้มรับชัยชนะแล้ว อาเดรียไม่พูดอะไรอีกนอกจากดึงตัวเขาออกไปสู่การต่อสู้ของเธอกับ ‘เซ็น’
จากแผนผังอาเดรียจดจำได้แม่นว่าประตูลับที่จะเปิดออกสู่ภายในวิหารซ่อนอยู่ตรงไหน เธอมองหามันจนพบ และค่อย ๆ แย้มออกอย่างแผวเบาที่สุด
“ไม่มีใครข้างนอก”
“อย่าเพิ่งวางใจ ผมว่าผมช่วยคุณแอบมองด้วยอีกคนจะดีกว่า” เดลอดหัวเราะในลำคอไม่ได้กับท่าทางเธอตอนนี้
“ขำอะไร” เสียงชักห้วน
“ท่าทางคุณ”
“ทำไม” แววตาเริ่มมีประกายไฟเล็ก ๆ
“น่ารักดี เหมือนลูกแมวกำลังย่องออกไปหาอาหารเป็นครั้งแรก”
“แมว คืออะไร” อาเดรียย้อนถามกลับไป แต่พอมองเห็นแววตางง ๆ ด้วยความไม่แน่ใจของเขา อารมณ์ร้อน ๆ เมื่อครู่ก็สงบลงทันที
“มันเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง”
เธอ ไม่รู้จักสิ่งที่เขาพูด แต่เขาพูดในสิ่งที่รู้จัก สิ่งที่เขากำลังเริ่มจดจำได้ อาจจะใกล้เวลาที่ความทรงจำทั้งหมดจะกลับคืนมา
ช้าไม่ได้แล้ว ไม่มีเวลาให้เสียแม้นสักวินาที
“ฉันพร้อมจะเป็นเจ้าสาวของนักรบแล้วค่ะ”
อาเดรียรีบเปลี่ยนเรื่อง ไม่รั้งรออีกแล้ว เปิดประตูลับออกจนสุด แล้วดึงมือเขาให้เดินออกมาคู่กัน ก้าวสู่ห้องโถงกว้างใหญ่สีทรายในวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนักรบเซ็น
ห้องนี้เกือบไม่มีอะไรประดับอยู่เลย นอกจากแท่นบูชาหินสีเดียวกับห้อง มันวางอยู่เกือบกึ่งกลางห้องโล่งสะอาด และสว่างไสวราวกับอยู่ท่ามกลางแสงอาทิตย์ในยามเช้าอันอบอุ่น
“เราต้องมองภาพนักรบเซ็นให้เห็นก่อน”
เดลจ้องมองไปยังผนังทั้งสี่ด้านของวิหารซึ่งเป็นสีทรายขาวโล่ง ไม่มีภาพอะไร หรือแม้นแต่รอยขีดข่วนใดปรากฎอยู่บนนั้นสักร่องรอย
แต่พวกเขาต้องมองหา ‘ภาพที่มองไม่เห็น’ นั้นให้ได้
“มีแต่ผนังโล่ง ๆ” เขาบ่นพึมพำ
“ภาพนี้เป็นภาพสามมิติ เราต้องพยายามหามุมมองที่ถูกต้องถึงจะเห็นภาพ” อาเดรียอธิบายอย่างเยือกเย็นทั้ง ๆ ที่ใจร้อนรนเมื่อเธอเองยังมองไม่เห็นอะไรเลย
“แล้วคุณรู้ไหมว่าภาพอยู่บนผนังด้านไหน”
“ฉันไม่แน่ใจ รู้แต่ว่าเป็นผนังด้านที่ไม่เหมือนด้านอื่น แต่นี่มันเหมือนกันหมด”
“ไม่เป็นไรเราจะช่วยกันหา ผมจะดูสองด้านนั้นเอง”
“ตกลงค่ะ ฉันจะดูที่เหลือ”
ต่างแยกย้ายไปมองผนังด้านที่ตนรับผิดชอบ ต่างเพ่งมองความว่างเปล่าด้วยความหวัง ทว่ายิ่งเวลาผ่านไปความหวังยิ่งริบหรี่ ทั้งเขาและเธอไม่สามารถมองเห็นภาพ ‘หัวใจของเซ็น’
ที่เห็นอยู่ตอนนี้คือความว่างเปล่า
เริ่มมีเสียงเคลื่อนไหวจากด้านล่างของวิหาร
“พวกนั้นรู้ตัวแล้ว” เธอร้องคราง สีหน้าเป็นกังวลเด่นชัด
เดลขมวดคิ้วนิดหนึ่งอย่างใช้ความคิด แล้วเดินไปยังพื้นกึ่งกลางห้อง ในแผนผังระบุว่าเป็นที่ตั้งของประตูทางเข้าวิหารจากอุโมงค์ที่ต่อเชื่อมจากท่าเรือใต้ผืนทราย เขาพบประตูที่พื้นวิหาร และพบอีกอย่างหนึ่งว่ามันไม่มีที่ล็อค
“ต้องหาอะไรหนัก ๆ มาทับประตูทางเข้านี่ก่อน” เดลบอก พร้อมกับสอดส่ายสายตาหาสิ่งที่ต้องการ แล้วเขาก็พบว่าสิ่งนั้นอยู่ไม่ไกล แท่นบูชาหินที่ทั้งใหญ่ทั้งหนัก
“อาเดรียมาช่วยผมเลื่อนแท่นหินนี่เร็ว”
เสียงเร่งนั้นทำให้หญิงสาวต้องรีบวิ่งมาช่วยเขาผลักแท่นบูชา แม้นจะใช้สองแรงช่วยกันผลักจนสุดตัวแต่แท่นหินนั้นก็ไม่ขยับเขยื้อนแม้นสักนิด
“ตึก ตึก ตึก”
เสียงฝีเท้าคนกลุ่มใหญ่ดังสะเทือนอยู่ข้างใต้เท้าของทั้งสองในระยะที่ไม่ห่างจากประตูทางเข้าเท่าไหร่นัก
“อาเดรียลองอีกหน ผลักที่มุมนี้พร้อมกัน”
อาเดรียทำตาม ผลักที่มุมด้านหนึ่งของแท่นหินพร้อมกันกับเขาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี เสียงแท่นค่อย ๆ เขยื้อนตัว ทำให้กำลังใจดีขึ้น รวมทั้งเรี่ยวแรงที่คิดว่าหมดไปแล้วนั้นกลับคืนมา
แท่นหินเคลื่อนตัวไปทับประตูที่กำลังจะเปิดขึ้นมาพอดี
“เดลเราต้องเห็นรูปนั้นเดี๋ยวนี้” เสียงเธอสั่นสะท้าน
เดลพยายามเปลี่ยนมุมมองเพื่อจะได้เห็นภาพนักรบอย่างที่อาเดรียบอก มีเสียงกระหน่ำกระแทกประตูด้วยวัตถุหนัก ๆ จากเบื้องล่าง รุนแรงจนบานประตูไม้แผ่นหนากระเทือนขึ้นมา
“ทำไมเป็นอย่างนี้ ไม่เห็นอะไรสักอย่าง” นอกจากเสียงที่สั่นยิ่งขึ้น ร่างทั้งร่างของอาเดรียก็พลอยสั่นไปด้วย
“ตั้งสติไว้อาเดรีย เราต้องทำได้”
“ไม่ได้แล้ว ไม่ทันแล้ว เรากำลังจะโดนจับ ขอโทษค่ะเดล ขอโทษ ฉันกำลังจะทำให้คุณตาย” อาเดรียเริ่มฟูมฟาย พลังจิตของเธออ่อนล้าอย่างที่ไม่เคยเป็น
“คุณเป็นอะไร หน้าซีดเหลือเกินอาเดรีย”
“ในเขตวิหารพลังจิตของพวกเราจะค่อย ๆ ถูกดูดกลืนค่ะ ยิ่งอยู่นานฉันจะยิ่งอ่อนแอลง” เสียงนั้นแหบโหย ตาปิดปรือ เหงื่อเม็ดเล็ก ๆ เกาะพราวที่หน้าผากมนแม้นว่าอากาศภายในวิหารไม่ได้ร้อนอบอ้าว
“อาเดรีย อย่ายอมแพ้ อดทนไว้ที่รัก เราจะมองภาพนั้นด้วยกัน”
เดลปราดเข้าไปรับร่างในชุดคลุมรุ่มร่ามที่กำลังซวนเซจะล้มไว้ทัน เขาประคองเธอไว้มือหนึ่ง ส่วนอีกมือก็รีบเร่งปลดเสื้อคลุมเธอออกทันทีรวมทั้งของตัวเองเมื่อเริ่มรู้สึกว่าความร้อนในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างกระทันหัน แล้วค่อย ๆ วางร่างที่อ่อนปวกเปียกลงนอนราบบนเสื้อคลุมของเขา
“หายใจช้า ๆ อาเดรีย ทำใจให้สงบ ผมจะช่วยคุณเอง” เขาลูบหน้าเนียนที่ชื้นไปด้วยเหงื่ออย่างแผ่วเบา พร้อมกระซิบปลอบโยน
“เดล...ห...หายใจ...ไม่ออก...”
ใบหน้าขาวเนียนงามเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ำขึ้น ดวงตาเบิ่กกว้างจนเดลต้องตัดสินใจอย่างเฉียบพลัน เขาช้อนอุ้มร่างเล็กบางขึ้นไว้ในอ้อมแขนทั้งสองแล้วรีบพาไปยังบันไดลับที่ขึ้นไปสู่ด้านบนวิหาร ทางออกเดียวในขณะนี้
“ไม่...ภาพ” เธอดิ้นรนขัดขืนอย่างอ่อนแรง
“ชีวิตคุณสำคัญกว่า อาเดรีย”
“ไม่ได้ เราต้อง...แต่งงาน”
“ผมไม่แต่งงานกับศพหรอกนะ”
เขาพูดแค่นั้น และไม่รีรออะไรอีก เปลี่ยนจากช้อนอุ้มเป็นแบกร่างเธอขึ้นบ่าแทนเมื่อขึ้นบันไดที่แคบชัน พอขึ้นมาถึงด้านบนเท่านั้นก็มีเสียงล้มโครมครามของแท่นบูชาหินดังสนั่นตามหลังมา
เดลเม้มปากแน่น กระชับร่างบนบ่าแน่นขึ้นก่อนจะปีนลงจากวิหารอย่างเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้มาตามทางเดิม
“ปล่อยผู้หญิง”
เสียงตวาดสั่งดังอยู่เหนือหัวทันทีที่เท้าเขาสัมผัสผืนทรายเบื้องล่าง เดลเงยหน้าขึ้นไปมองกลุ่มคนในชุดคลุมสีขาวที่ตามมาชิดขอบด้านบนวิหารเพียงแวบหนึ่ง แล้วไม่สนใจอีกเลย วิ่งไปข้างหน้าพร้อมร่างบนบ่าอย่างไม่คิดชีวิต ตรงไปยังเรือทรายที่บัดนี้ชูหัวว่อนขึ้นราวกับรับรู้ว่าอันตรายกำลังใกล้เข้ามา
มีเสียงร้องเอ็ดอึงด้วยความตกใจจากกลุ่มผู้ไล่ล่าเมื่อภาพของหนอนยักษ์ที่สูญพันธ์ไปเกือบพันปีปรากฎอยู่ตรง และมันกำลังโกรธแทนเจ้านาย
ฝุ่นทรายหอบใหญ่จากการตวัดหางของเจ้าเรือทรายเฉียดร่างเขาไปแค่เส้นยาแดง มันพุ่งอย่างแรงเข้าใส่พวกผู้นำจิตตรง ๆ จนแตกกระจาย บางคนกระเด็นกลับไปเกือบถึงทางลงบันไดวน บางคนที่โชคร้ายหน่อยตกลงจากด้านบนวิหารมานอนจุกบนพื้นทรายด้านล่าง
เดลไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดไป
เขากัดฟันแบกร่างของอาเดรียปีนขึ้นเรือทรายอย่างทุลักทุเล แต่ในที่สุดก็พาเธอเข้าไปนั่งในครอบแก้วได้สำเร็จ เดลเบียดร่างสูงใหญ่ของตัวเองตามลงไปอีกคน
“อาเดรีย อาเดรีย”
เดลพยายามเรียกเธอให้คืนสติเพื่อให้สั่งเรือทราย แต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ อาเดรียอ่อนล้าจนไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลือแล้ว
แล้วใครจะสั่งเรือทรายได้ เธอบอกเขาว่ามีเพียงเธอเท่านั้นที่สั่งมันได้
“ไม่ลองก็ไม่รู้วะ”
เมื่อไม่มีทางอื่น เขาคือคนที่ต้องสั่งมันเอง
“กลับ”
เขาสั่งทันทีที่ครอบแก้วปิดลง พร้อมกับเสียงร้องแหลมด้วยความเจ็บปวดของเรือทราย
Create Date : 27 สิงหาคม 2553 |
|
19 comments |
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 20:35:39 น. |
Counter : 780 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: sakeena IP: 124.122.154.84 29 สิงหาคม 2553 11:15:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: นิรีย์ IP: 58.8.138.218 29 สิงหาคม 2553 20:42:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: sakeena IP: 110.168.100.144 2 กันยายน 2553 14:32:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: sakeena IP: 124.120.108.127 8 กันยายน 2553 19:29:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: นิรีย์ IP: 58.8.143.200 14 กันยายน 2553 12:24:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: sakeena IP: 124.120.87.172 22 กันยายน 2553 10:06:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: นิรีย์ IP: 58.8.140.57 23 กันยายน 2553 8:35:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: mercury_books (sorwor ) 26 กันยายน 2553 8:43:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: sakeena IP: 124.120.153.101 28 กันยายน 2553 11:04:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: you IP: 202.28.78.172 6 ตุลาคม 2553 13:54:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: sakeena IP: 124.120.98.96 13 ตุลาคม 2553 16:39:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: sakeena IP: 115.87.94.233 10 พฤศจิกายน 2553 11:40:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: นิรีย์ IP: 58.8.135.209 11 พฤศจิกายน 2553 7:15:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: sakeena IP: 124.121.223.183 30 พฤศจิกายน 2553 10:29:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: นิรีย์ IP: 58.8.225.233 31 ธันวาคม 2553 15:09:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: sakeena IP: 124.120.90.220 31 ธันวาคม 2553 22:50:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: sakeena IP: 124.120.110.106 22 มีนาคม 2554 11:42:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: mercurybooks (sorwor ) 14 เมษายน 2554 16:13:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: sakeena IP: 110.169.244.84 20 สิงหาคม 2554 17:28:33 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป |
ซัน โรแมนติก-อบอุ่น ราคา 220 บาท
น้ำชารสสตรอเบอร์รี่ รัก-โรแมนติก ราคา 190 บาท
ปางเสน่หา โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้) สนพ.พลอยชมพู
|
งานเขียนใน “สวยสมวัย” เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ ........................... คิดเอง เขียนเอง และสร้างความภาคภูมิใจ ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ
|
|
|
|
|
|
|
|
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนที่รักรักษาสุขภาพด้วยนะ