บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
5 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

พายุแห่งมาร์ บทที่ ๔ ควบคุมหรือถูกควบคุม โดย...นิรีย์





อาเดรียดโกรธจัดจนทำอะไรไม่ถูก สิ่งแรกที่เธอต้องรีบทำด่วนที่สุดหลังจากพิธีแต่งงานคือหาวิธีการกำจัดความไม่รู้จักควบคุมสิ่งโจ่งแจ้งของผู้ชายคนนี้

“เอามันออกไป”

“คุณแน่ใจหรือที่อยากให้มันออกมา” เขาอดใจล้อเลียนเธอไม่ได้ แม้นจะรู้ตัวว่ามันไม่สมควรนัก และพยายามแล้วที่จะพรางอารมณ์ที่เขาเองก็ไม่อยากให้มันเกิดในสถานที่ที่ไม่สมควรยิ่งเช่นนี้ แต่ความตื่นระทึกในตัวเขามันช่างโดนกระตุ้นอย่างง่ายดายเพียงเพราะเธอมาแนบชิด

อาเดรียพยายามสงบใจอย่างยากเย็น พยายามวิเคราะห์สถานะการณ์ทางกายภาพของเขาจากข้อมูลทั้งหมดที่เธอรับรู้เกี่ยวกับผู้ชายจากโลกซึ่งมีอยู่น้อยนิดในศูนย์ข้อมูลของเซ็น และคงจะช่วยเธอไม่ได้มาก แต่คนอย่างอาเดรียไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ หรอก ด้วยพลังจิตขนาดเธอ ไม่น่ายากเย็นนักที่จะป้องกันตัวเองจากธรรมชาติของมนุษย์เพศชายที่ข้ามมิติเวลาจากเมื่อพันปีก่อนมาที่นี่

“ฉันต้องการให้คุณยับยั้งเจ้าสิ่งนั้น ก่อนที่เราจะถึงที่หมายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า”

“ให้ตายซิอาเดรีย อย่าทำเสียงเหมือนผมเป็นสิ่งน่ารังเกียจอย่างนั้นเลย ผมไม่อยากให้ตัวเองน่าอับอายอย่างนี้หรอกนะ ถึงเรากำลังจะแต่งงานกันก็ตาม ทั้งที่ส่วนหนึ่งเป็นความผิดของคุณด้วยที่เลือกการเดินทางแบบเบียดเสียดเช่นนี้” น้ำเสียงเขาเริ่มหงุดหงิด

“คุณจะโทษฉันได้ยังไง ฉันไม่มีอาการโจ่งแจ้งอย่างคุณ” อาเดรียตอบโต้อย่างไม่ยอมแพ้

“ผู้หญิงกับผู้ชายไม่เหมือนกัน” เสียงเดลอ่อนลง ยอมเจ้าหล่อนไปก่อน แล้วค่อยเอาคืนทีหลัง

“ที่เซ็นเราทุกคนเหมือนกัน ไม่คิดถึงเรื่องทางกาย และคุณควรจดจำไว้ตลอดเวลาด้วย”

“ครับผม” เดลรับปากเพื่อไม่ให้เรื่องนี้ขยายบานปลาย ทั้ง ๆ ใจเขาไม่อาจยอมรับได้ ใจที่ต่อต้านขึ้นมาทันทีทันใดทำให้ยิ่งสับสนตัวเอง รู้สึกว่าเขาไม่มีความเป็นเซ็นอยู่ในตัวเลย

เขาเป็นเซ็น เป็นนักรบ อย่างที่เธอบอกจริงหรือเปล่า

“ถึงแล้ว” อาเดรียบอกเสียงเครียด เมื่อเรือทรายเลื่อนไถลตัวแทรกเนื้อทรายเข้าสู่โพรงอากาศขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายห้องไร้ผนังที่ใช้เป็นท่าเรือใต้ผืนทรายของตระกูลมาร์ แต่ท่าเรือทรายที่นี่ใหญ่กว่ามาก และมีการสร้างระเบียงขนาดเล็กยื่นออกมาจากช่องอุโมงค์ที่เจาะลึกเข้าไปในผนังด้านในสุด ความสูงของช่องอุโมงค์และ ระเบียงนั้นเกือบจะเท่าความสูงของเรือทรายทำให้สะดวกในการขึ้นลงจากที่นั่งในครอบแก้วรูปไข่ที่ติดไว้บนหลังเจ้าหนอนยักษ์ตัวนี้ เพราะแค่ก้าวลงก็ถึงพื้นระเบียงแล้ว

“คุณไปก่อน” เขาบอกด้วยเสียงที่พยายามให้เรียบที่สุด

“ทำไมล่ะ” เสียงเล็ก ๆ ตั้งคำถาม ความกังวลใจต่อสิ่งที่คิดว่าต้องเผชิญข้างหน้าทำให้หลงลืมสิ่งที่ชายหนุ่มเป็นอยู่ขณะนี้ ดวงตากลมโตหวานใสจึงจ้องเขาเขม็งอย่างรอฟังคำตอบ

“ผมขอเวลาส่วนตัวสักครู่ จะได้จัดการสงบสิ่งที่คุณไม่ชอบ” น้ำเสียงชักเริ่มห้วนนิด ๆ บอกอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีนักของเจ้าตัว

“ฮึ...ก็ได้” อาเดรียหน้าแดงก่ำด้วยความอาย รีบเอื้อมมือไปกดปุ่มตรงแผงด้านหน้าที่นั่งเพื่อเปิดครอบแก้ว และเพียงชั่วอึดใจครอบแก้วทั้งอันก็ยกขึ้นอย่างอัตโนมัติเหนือศีรษะของคนทั้งสอง หญิงสาวพยายามลุกขึ้นอย่างระมัดระวังไม่ให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัสเขาอีก แต่ที่ทางแสนแคบ และผ้าคลุมพะรุงพะรังทำให้การลุกขึ้นง่าย ๆ กลายเป็นเรื่องยากเย็น

“ช่วยดันฉันขึ้นทีซิ”

“คุณไม่ให้ผมสัมผัสตัวไม่ใช่หรือ”

“เวลาจำเป็น คุณสัมผัสฉันได้” เธอกระแทกเสียงใส่ อารมณ์ชักเริ่มขุ่น เพราะดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะมีข้อขัดแย้งกวนใจไม่ได้หยุด

“รับทราบ แต่ผมว่าเราคงต้องสัมผัสกันอีกสักพัก”

“เอ๊ะ! ทำบ้าอะไรนี่”

อาเดรียโวยวายลั่น เพราะแทนที่เขาจะช่วยให้ลุกขึ้น กลับดึงเธออย่างแรงให้กลับลงมานั่งอย่างเดิม

“ดูนั่น” เขากระซิบบอกเสียงเข้ม และเพียงเธอเงยหน้าขึ้นมองสิ่งที่เขาบอกเท่านั้น อาเดรียก็รีบกดปิดครอบแก้วลงทันที แล้วตะโกนบอกเรือทรายของเธอลั่น

“ไปจากที่นี่ เร็ว”

เรือทรายใช้เท้าเล็ก ๆ มากมายของมันช่วยให้การเคลื่อนตัวไปด้วยความเร็วที่ไม่น่าเป็นไปได้สำหรับสัตว์ขนาดใหญ่เช่นนี้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว และทำให้กลุ่มคนในชุดคลุมสีขาวนับสิบที่กำลังกรูกันออกมาจากช่องอุโมงค์มองเจ้าหนอนยักษ์อย่างตื่นตะลึงจนลับสายตา

“พวกนั้นคือใคร” เดลถามด้วยน้ำเสียง และท่าทางที่เยือกเย็น

“พวกผู้นำจิต” อาเดรียตอบด้วยเสียงที่ค่อนข้างสั่นเพราะความตื่นเต้น

“มารอให้การต้อนรับเราเร็วมาก” เขาหัวเราะเบา ๆ อย่างเห็นเป็นเรื่องน่าสนุกมากกว่าจะทุกข์ร้อนเพราะโดนติดตาม

“ฮึ...ไม่น่าพลาดเลย ไม่น่าเผลอส่งพลังจิตออกไปพวกนั้นเลยรู้ตัวเลย” เธอบ่นงึมงำ หน้างอหงิก

“แล้วเราจะทำอย่างไรกันต่อ จะกลับไปก่อนหรือเปล่า” คนที่ยังยิ้มได้เอ่ยขึ้นเพื่อหารือ

“กลับไม่ได้!” อาเดรียร้องเสียงแหลมก่อนจะอธิบายต่อ “ป่านนี้พวกนั้นไปดักรอยู่ที่บ้านแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นเราไปใช้ท่าเรือทรายอื่นได้ไหมล่ะ” เขาเสนอแนะ

“เออจริงซิ มีอยู่ท่าหนึ่งอยู่ใต้วิหารพอดีเลย แต่มันเป็นท่าร้างที่ปิดตายมานานมาก ไม่แน่ใจว่าทรายจะเข้าไปอัดจนเต็มช่องอากาศหรือเปล่า”

“คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเสี่ยง”

“ฉันก็คิดอย่างนั้น”

นี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ทั้งสองมีความคิดเห็นตรงกัน อาเดรียหันไปส่งยิ้มให้ที่ปรึกษาพิเศษของเธออย่างอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

“อาเดรีย”

“อือ”

“ยิ้มให้ผมบ่อย ๆ ได้ไหม”

อาเดรียทำหน้าไม่ถูกเมื่อเจอคำขอที่ไม่คาดคิดในเวลาที่ตึงเครียดเช่นนี้

“นี่ไม่ใช่เวลามาพูดไร้สาระอย่างนี้นะ”

“ผมไม่รู้ว่าเมื่อก่อนผมคิดอย่างไร แต่ตอนนี้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระสำหรับผมแน่นอน เพราะเรากำลังจะแต่งงานกัน และสามัญสำนึกบอกผมว่าคุณควรจะหวานกับเจ้าบ่าวของคุณมากกว่านี้ ไม่ใช่เสียงดังใส่ตลอดเวลาอย่างที่ผ่านมา”

“ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้ คุณก็…ไม่เคยว่าอะไร”

“จากที่คุณบอกผม เพราะเราอยู่ห่างกัน ผมเลยไม่มีโอกาสบอกมั้ง แต่ตอนนี้เรามีเวลาที่ใกล้ชิดกันมาก” เขาเน้นคำว่ามากพร้อมกับอ้อมแขนที่กอดกระชับร่างบนตัก “...เราน่าจะทำความเข้าใจซึ่งกันและกันให้ดีขึ้น”

“เราเคยเข้าใจกันแล้ว” อาเดรียเริ่มเสียงอ่อนลง แม้จะอึดอัดและรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจเดลขึ้นมาอีก แต่ถ้าแสดงความห่างเหินกับเขามากไป อีกฝ่ายก็คงสงสัยมากกว่านี้

“นั่นมันก่อนที่ผมจะความจำเสื่อม เวลานี้เราควรทำความเข้าใจกันใหม่ไม่ใช่หรือ ในเมื่อผมไม่ใช่ผมคนเดิมแล้ว”

“ฉันจะช่วยทุกทางให้คุณกลับไปเป็นคนเดิม แต่ต้องหลังจากที่เราแต่งงานกันแล้ว ไม่เช่นนั้นฉันคงไม่มีสิทธิจัดการการร้องขอหลักฐานต่าง ๆ ของคุณได้”

“ฟังดูแล้วยุ่งยาก”

“ไม่เชิงหรอกค่ะเดล เพียงแค่ฉันสามารถเข้าไปในฐานข้อมูลของคุณได้ ทุกอย่างก็จะเรียบร้อย”

อันที่จริงแล้วเธอต้องการใช้สิทธิของการเป็นภรรยาที่จะเข้าไปสร้างฐานข้อมูลของเขาใหม่ถึงจะถูกต้อง และต้องอย่างเร็วที่สุดไม่เช่นนั้นจะมีคนรู้ว่าเดลไม่ใช่ชาวเซ็นในอีกไม่กี่วินาทีต่อมาที่พวกผู้นำจิตพบตัวเขา

การแต่งงานจะทำให้สามีภรรยามีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลของอีกฝ่ายในทันทีที่มีการประกาศสถานะภาพของการเป็นคู่ชีวิต อาเดรียจะใช้ชื่อคู่หมั้นที่เธอไม่เคยรู้จัก เพียงแต่รู้ว่ามีจากคำบอกเล่าของบิดาผู้จากไป คู่หมั้นผู้มีเชื้อสายนักรบ เชื้อสายที่ไร้ร่องรอยในเซ็นมาเนิ่นนาน แต่ทว่ากลับมีอิทธิพลต่อจิตใจของชาวเซ็นตลอดมา นักรบที่เป็นเหมือนสัญญลักษณ์ของผู้สร้าง และในขณะเดียวกันคือผู้ทำลาย มีผู้กล่าวว่า

’เซ็นเกิดมาจากนักรบ อยู่ได้ด้วยผู้นำจิต แต่ในที่สุดจะย่อยยับเพราะมือผู้ให้กำเนิด’

เหล่านักรบจึงจากไปอีกมิติเพื่อไม่ให้ผู้คนหวาดกลัว และไม่เคยแสดงตัวต่อสาธารณะอีกเลย ไม่เคยย้อนกลับมาเรียกร้องสิทธิเหนือผู้ใดในเซ็น ทั้ง ๆ ที่มีสิทธินั้นโดยชอบธรรม

อาเดรียรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังจะทำต่อไปนี้คือสิ่งที่จะทำให้เซ็นลุกเป็นไฟ แต่เพื่อจับตัวผู้อยู่เบื้องหลังการตายของท่านพ่อ และความอยู่รอดของตระกูลมาร์ที่เหลือเธอเป็นทายาทคนสุดท้าย อาเดรียจำเป็นต้องทำ...เธอจะปล่อยให้ผู้นำจิตกลืนตระกูลมาร์ด้วยการยัดเยียดลูกชายวัยเด็กให้แต่งงานกับเธอไม่ได้

พวกนั้นจะเข้ามาครอบครองทุกอย่าง รวมทั้งชีวิตของเธอ มีเพียงข้ออ้างเดียวที่จะหลุดพ้นการโดนบังคับแต่งงานที่ถูกบังหน้าด้วยความสงสารเห็นใจ คือการรีบแต่งงานกับคู่หมั้นที่เกิดจากพันธะสัญญาของตระกูลเพื่อให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

และเขาคนนี้คือคนที่จะช่วยเธอได้...พายุแห่งมาร์นำพาผู้ชายจากโลกข้ามมิติมาให้เธออย่างไม่คาดคิด แต่กลับถูกที่ถูกเวลาราวกับได้ถูกกำหนดมาแล้วว่า เขาจะมาสวมบทบาทคู่หมั้นที่ไม่มีใครเคยรู้จักของเธอ

และที่สำคัญ...เขาจำอะไรไม่ได้เลย

และนั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนา คนที่ไม่มีอดีตให้จดจำ คนที่เธอจะสร้างเขาขึ้นมาใหม่เป็นผู้สืบสายเลือดนักรบที่ไม่มีใครกล้าควบคุมได้ นอกจากเธอที่รู้ความจริงทั้งหมด

แม้นมันจะไม่ถูกต้อง เป็นการเอาเปรียบคนที่ไม่มีทางไป แต่อาเดรียก็ต้องกล้ำกลืนความรู้สึกผิดนั้นไว้ก่อน...รอให้เรื่องทุกอย่างเรียบร้อย เธอจะตอบแทนเขาด้วยทุกอย่างที่เธอมี ที่เธอจะทำได้ หรือต้องหามาให้ได้ เพื่อคืนเขาคนเดิมกลับสู่โลก

“คุณจะทำอะไรกับฐานข้อมูลของผม” เดลย้อนถามด้วยเสียงเอื่อย ๆ เหมือนไม่สนใจ

“ทุกคนในเซ็นมีอักษรเฉพาะตัวที่จะถูกสร้างขึ้นทันทีเมื่อเกิดพร้อมฐานข้อมูลส่วนบุคคล อักษรเฉพาะนี้เป็นรหัสส่วนตัวเพื่อการดำรงอยู่ในเซ็น ถ้าคุณไร้รหัสจะถูกพาไปยังสถานที่ที่ไม่มีใครได้กลับมาอีก”

“คนไร้ความทรงจำอย่างผม ก็คล้ายกับเป็นคนไร้รหัสซินะ เป็นคนเถื่อนของที่นี่”

“ไม่ต้องกังวลเรื่องรหัสประจำตัวหรอกค่ะเดล หลังจากแต่งงานฉันสามารถเข้าไปฐานข้อมูลของคุณ และเอามันออกมาได้”

“ถ้าจำเป็นอย่างนั้นเราคงต้องรีบแล้ว ผมไม่อยากเป็นคนไร้รหัสนานนัก”

“ฉันเห็นด้วยอย่างยิ่ง และดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเราด้วยนะ ดูข้างหน้าซิ ท่าเรือทรายใต้วิหารที่ยังใช้การได้” อาเดรียร้องอย่างดีใจ เมื่อเห็นจุดสว่างหม่น ๆ ท่ามกลางความมืดใต้ผืนทรายข้างหน้าเขาทั้งสอง แต่เมื่อเธอกำลังจะอ้าปากออกคำสั่งให้เรือทรายรีบเร่งเข้าท่าเรือนั้น ฝ่ามือใหญ่ของคนที่นั่งซ้อนหลังโดยมีเธอนั่งอยู่บนตักก็รีบตะปบปิดปากเธอไว้ก่อน

“อย่าเพิ่งรีบไป รอดูให้แน่ใจก่อน” เขาบอกเบา ๆ ก่อนปล่อยมือเมื่อเธอพยักหน้ารับคำ

“นิ่ง” อาเดรียเปลี่ยนคำสั่งเรือทราย

ความมืดและเงียบงันรอบล้อมสามชีวิตจากสามดินแดนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ทั้งสามได้มารวมตัวกันเฝ้ามองจุดสว่างเล็ก ๆ ที่เป็นเพียงความหวังเดียวในขณะนี้ร่วมกันอย่างไม่มีทางเลือก

“เราต้องเข้าใกล้กว่านี้ถึงจะเห็นความเคลื่อนไหว” เสียงของอาเดรียแทบจะเหมือนพรายกระซิบ

“ไปช้า ๆ”

เรือทรายเคลื่อนที่ไปอย่างช้า ๆ ตามคำสั่งของเขาทันที อาเดรียรีบเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงร้องไว้ขณะนี้ตัวเธอแข็งเกร็งเพราะความตื่นตระหนกในสิ่งที่เขาทำโดยไม่รู้ตัว

ผู้ชายจากโลกคนนี้บังคับเรือทรายของเธอได้

“คุณตกใจอะไรอาเดรีย เห็นพวกนั้นหรือไง”

ความรู้สึกของเขาไวเหลือเกิน อาเดรียเริ่มคิดหนักอย่างจริงจังกับปัญหาการควบคุม ‘เดล มอรีส’ ที่เธอคิดว่ามันจะง่าย ๆ ในตอนเริ่มต้น แต่นี่มันเกินความคาดคิดของเธอจริง ๆ

เขาคือบุคคลที่อันตรายที่สุดในเซ็น เขาอาจจะทำลายที่นี่ได้ถ้าเขารู้ถึงอำนาจของตัวเอง ความจำที่หายไปทำให้เขาอยู่ในสภาพไร้จิต ไม่สามารถที่เธอหรือแม้นกระทั่งผู้นำจิตจะควบคุม แต่เขากลับควบคุมสัตว์ดึกดำบรรพ์อย่างเรือทรายได้ในเวลาแสนสั้น ในขณะที่เธอต้องใช้เวลาเป็นสิบปี
แล้วต่อไป...เขาอาจควบคุมเธอได้ ถ้าเขารู้วิธี

“อาเดรีย คุณกลัวจริง ๆ ด้วยที่รัก”

อาเดรียแทบลืมหายใจเมื่อผมยาวสลวยถูกลูบไล้และโดนปัดมารวมอยู่ด้วยกันด้านหนึ่ง เปิดทางให้ลมหายใจอุ่นจนเกือบร้อนเป่ารดลงมาหลังกกหู พร้อมกับอ้อมแขนแกร่งที่ยิ่งกอดกระชับแน่น

“ผมอยู่นี่แล้ว อย่ากลัวนะครับ” เสียงกระซิบแผ่ว แต่ส่งผลรุนแรงราวกับเสียงตะโกนก้องเมื่อร่างนุ่มนิ่มบนตักเขาสะดุ้งสุดตัว เดลรู้สึกถึงความไม่ปกติอย่างยิ่ง แต่หลังคอขาวเนียนที่เห็นกระจ่างแม้นในความมืดเช่นนี้ทำให้ไม่อาจห้ามใจ เดลกดจมูกลงไปยังความเนียนนิ่มและหอมกรุ่นตรงหน้า
เขากำลังปลอบโยนเธอด้วยวิธีที่ไม่ใช่วิธีของเซนแน่นอน แต่เขาคิดออกแต่วิธีแบบโบราณที่เธอพร่ำบอกไม่ให้เขาทำ

“เดล คุณทำมันอีกแล้วนะ” อาเดรียหันขวับมาแว้ดใส่ ลืมเรื่องกลัวเขาไปทันที

“ฮ่ะ ฮ่ะ หายกลัวแล้วใช่ไหม” เขาหัวเราะเสียงระรื่น ตาเป็นประกายแพรวพราวจนเห็นชัด

อาเดรียหน้าแดงในความมืด ก่อนทำเสียงเครียดเตือนเขาอีกครั้ง “มันผิดกฏ”

“ผมรู้ คุณบอกหลายหนแล้ว”

“แต่คุณไม่เคยฟัง”

“ผมฟัง แต่จะทำตามหรือไม่ เป็นเรื่องที่ผมขอตัดสินใจเอง”

“คนบ้า! ฉันไม่น่าเลือกคุณมาแต่งงานเลย”

“อย่าหงุดหงิดซิ แล้วผมจะทำให้คุณรู้ว่าคุณเลือกไม่ผิดคน”

“เดล ฉันเตือนเพราะห่วงคุณนะคะ” อาเดรียเอี้ยวตัวกลับมามองเขาตรง ๆ และพูดด้วยเสียงที่พยายามให้หวานอย่างที่สุด “คุณ...เออ...จากเซ็นไปนาน แล้วยังกลับมาแบบจำอะไรไม่ได้อย่างนี้ ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีกับคุณ ฉันต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิตแน่”

“ผมทำให้คุณห่วงขนาดนี้เชียวหรืออาเดรีย”

“ก็ใช่นะซิ คนหัวดื้อ คุณไม่ฟังฉันสักอย่าง ทั้ง ๆ ที่เป็นคนเจ็บ”

“เฮ้อ! คุณทำให้ผมรู้สึกผิดมากนะนี่”

“ถ้ารู้สึกผิด คุณก็ต้องเชื่อฉันซิค่ะ รับปากได้ไหมว่าจะทำตามที่ฉันบอก”

“ก็ได้ ถ้ามันทำให้คุณสบายใจ”

อาเดรียยิ้มกว้าง บางทีการควบคุมเขาอาจจะไม่ยากอย่างที่คิด เธออ่านพบข้อมูลบางอย่างจากการค้นลึกเข้าไปในศูนย์ข้อมูลกลางที่รวบรวมสารพันความรู้ในทุกมิติไว้ในรูปแบบเสมือนจริง เธอเจอหนังสือจากโลกเล่มหนึ่งอยู่ในส่วนที่ระบบบอกว่าไม่มีใครสนใจเข้าไปอ่านสักคน แต่น่าสนใจสำหรับเธอมากเพราะเนื้อหาที่แปลกสำหรับวิถีของเซน ในนั้นบอกว่าผู้ชายแพ้มารยาของผู้หญิง และมีการแนะนำวิธีการที่เรียกว่ามารยาหญิงไว้มากมาย

ผู้ชายจากโลกก็ควรต้องใช้วิธีการของผู้หญิงจากโลกในการควบคุม

เมื่อครู่เธอใช้สิ่งที่ในหนังสือบอกว่าคือ ‘การออดอ้อน’ ไปนิดหน่อย ซึ่งได้ผลเกินคาด เขาหยุดสัมผัสที่ทำให้อุณหภูมิในตัวเธอขึ้นสูงเกินไป แถมยังเก็บมือให้ห่างจากตัวเธอด้วยการเอาไปกอดอกไว้อีก ถ้าเป็นอย่างนี้เขาก็ไม่น่าเป็นอันตรายอย่างที่กลัว...เธอคงคิดมากจนเกินไป

“คุณทำตัวดีมากค่ะเดล ขอบคุณ”

“มีรางวัลให้ไหม”

“ฉันจะไปหารางวัลได้ที่ไหนในนี้”

“คุณมี”

“อะไรค่ะ”

“จูบของคุณ”

“เดล!”

“แค่จูบเดียว แล้วผมจะเก็บมือให้ห่างอย่างที่คุณต้องการ”

“ไม่”

“ตามใจ งั้นผมเลิกกอดอกแล้วนะ”

“บ้าที่สุด ก็ได้ ก็ได้” เธอร้องเมื่อเห็นเขาทำท่าจะเอามือลง

“เร็ว ๆ”

อาเดรียอยากจะใช้กระแสจิตได้เหลือเกิน เธอจะเล่นงานผู้ชายอันตรายที่เผลอไม่ได้คนนี้ให้สาสมทีเดียว แล้วคงต้องคิดมาก ๆ ยิ่งกว่าเดิมสำหรับการรับมือกับเขาหลังการแต่งงาน

“หลับตาก่อน”

“ผมว่าตอนนี้ก็มืดพอแล้ว” เขาแกล้งแหย่อีก รู้สึกดีที่เห็นเธอว่าง่ายขึ้น

“มันผิด” เสียงหวานใสอ้อนให้เห็นใจ

“ไม่ผิด เพราะผมไม่ใช่เซ็น”

“คุณ...ทำไมพูดอย่างนั้น”

“ผมจำอะไรไม่ได้เลยเกี่ยวกับเซ็น ไม่รู้รหัส ไม่รู้บ้าน แล้วคุณคิดว่าผมควรเป็นเซ็นไหม”

“คุณเป็น ฉันกำลังทำให้คุณเป็นเซ็นใหม่”

“รู้ไหมอาเดรีย...ลึก ๆ แล้วผมไม่อยากเป็นเซ็น ถ้านั่นจะทำให้การสัมผัสคุณเป็นความผิด”

“พยายามหน่อยซิค่ะเดล ฉันรู้ว่าคุณทำได้” อาเดรียหลอกล่อเขาต่อไป แต่รู้สึกเจ็บปวดที่ใจขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนมันกำลังโดนบาดอย่างช้า ๆ ด้วยความสำนึกผิด

“ผมพยายามแล้ว แต่ใจผมโหยหาการสัมผัส มันทรมานมากนะที่พบแต่ความเย็นชา ขอร้องได้ไหมอาเดรีย... ระหว่างเราอย่าทำแบบเซ็น”

เธอพูดอะไรไม่ออก เขาเรียกร้องในสิ่งที่น่าหวาดหวั่น จะเกิดอะไรขึ้นหลังการสัมผัสที่เร่าร้อนจนไม่อาจทานทน เธอจะแตกสลายหรือเปล่า หรือในท้ายสุดแล้วจะกลายเป็นเธอเองที่เรียกร้องหามัน

เพียงแค่คิดก็น่าอับอาย และอดสูนัก

แต่เพื่อท่านพ่อ และตระกูลมาร์ เธอพร้อมจะทำทุกอย่าง

“หลับตาก่อน ถึงมันจะมืดแต่ฉันก็ยังอาย” เธอบอกเขาเสียงแผ่ว

เดลหลับตาลง คาดหวัง และรอคอยริมฝีปากนิ่ม ๆ





 

Create Date : 05 สิงหาคม 2553
5 comments
Last Update : 28 สิงหาคม 2553 9:29:49 น.
Counter : 340 Pageviews.

 

เชิญติดตามอ่าน พายุแห่งมาร์ ในบทที่ 4 กันต่อเลยค่ะ

 

โดย: sorwor 5 สิงหาคม 2553 22:43:09 น.  

 

ข้ามมา4 เลยหรอ --
เอ๊า4กะสี่ แต่ติดไว้อ่านพรุ่งนี้ละกันนะ
วันนี้ไม่ไหวแล้ว ขอนอนก่อน
บะบาย ฝันดีจ๊ะ

 

โดย: sakeena IP: 124.120.102.22 6 สิงหาคม 2553 0:12:33 น.  

 

ว๊าว ที่รักต่อตอน5 เลยจ๊ะ
กำลังค้าง

 

โดย: sakeena IP: 124.120.72.67 6 สิงหาคม 2553 10:49:10 น.  

 

ฮ่าฮ่าฮ่า ฉงฉานคนอ่านข้างบน จะพยายามเข็นมาอัพทุกสัปดาห์ค่ะ

 

โดย: sorwor 6 สิงหาคม 2553 23:03:36 น.  

 

ครบเวลาตามสัญญายังหน่า

 

โดย: sakeena IP: 115.87.88.72 11 สิงหาคม 2553 16:02:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.