บล๊อกสวยสมวัย MercuryBooks
Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
17 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
สายลับกลับใจรัก บทที่ ๑๐ โดย สามารถ

-10-

เสียงเครื่องยนต์ดีเซลแผดร้องราวปิศาจร้ายโหยหิวและสิ้นหวังดังแว่วมาไกล ระหัดวิดน้ำในคลองครางหวูดหวู่เหมือนคนป่วยไข้นอนรอความตายอย่างทรมาน

ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว เวลาหมุนไปรวดเร็วจนจับทิศทางของมันไม่ทัน แต่เขายังอยู่ที่เดิม ตรึงตัวเองไว้กับความหลัง ต่อต้านกระแสเชี่ยวกรากของกาลเวลาไว้

บ้านในไร่ของพ่อเป็นที่หลบเลียบาดแผลแห่งอดีตสำหรับสุนัขบาดเจ็บ พิดิษคิดแต่เพียงว่า เขาก็เหมือนสุนัขไร้ค่าตัวหนึ่ง ตลอดปีที่จมปลักอยู่กับความชอกช้ำในชีวิตตัวเอง เฝ้าหวนถึงบทเรียนที่พลาดพลั้งตลอดสี่ปีก่อนหน้า ความสิ้นศรัทธาที่มีต่อระบบงานของ นทส. และเหนืออื่นใดคือการซมซานกลับมาตายรังของเขาและอาการหมักหมมเรื้อรังต่อความคิดถึงหญิงสาวอันเป็นที่รัก

เขาคิดถึงนาอู...คิดถึงเธอเหลือเกิน

ชายหนุ่มพร่ำคิดเพียงแต่ว่า ป่านนี้เธอจะอยู่แห่งหนใด ตลอดเวลาเขาไม่เคยเชื่อเรื่องชาติภพหรือวัฏสงสาร ใดๆ แต่หลังจากเสียเธอไป เขากลับรู้สึกว่าเธอยังอยู่ เพียงแต่ว่าในโลกหน้าหรือโลกไหน ที่ๆ ทำให้เขามีความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าสักวันเธอจะกลับมาใหม่

ถ้านาอูอยู่โลกหน้าจริง เธอจะยังรอเขาหรือไม่? จะยังภักดีมั่นคงต่อเขาเฉกเช่นเดิมหรือเปล่า สุดท้ายแล้ว เธอยังรักเขาอยู่หรือไม่ หรือว่าเธอไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นอีกแล้ว เพราะว่าเธอตายไปแล้ว

ใช่...เธอตายแล้ว นั่นเป็นความคิดที่เขาหลอกหลอนตัวเองมาตลอดหนึ่งปี มันยังวกเวียนว่ายวนดังเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้กระทั่งเนื้อหาที่บาดลึก

รถไถเงียบเสียงลง พ่อคงหยุดพักเหนื่อย แกมาไถที่ตั้งแต่เช้า หลังจากเมื่อวันก่อน พ่อกับแม่แบกเมล็ดข้าวโพดสองสามกระสอบเข้ามาทิ้งไว้ในชายคาบ้านเพื่อเตรียมหยอดหลุม

พ่อไม่เคยคุยกับเขา ไม่แม้แต่จะชายตามอง มีเพียงแม่เท่านั้นที่ยังเป็นห่วงเป็นใยและส่งข้าวส่งน้ำเสมอ เขาเข้าใจความรู้สึกของพ่อได้ดี ไม่แปลกนักที่พ่อคนหนึ่งจะสิ้นหวังและชิงชัง เมื่อลูกคนเดียวที่เขาหมายมั่นปั้นมือไว้ให้เป็นดาว กลับแปรสภาพเป็นเพียงโคลนเลนสกปรกและน่ารังเกียจ

ลุงเติบยังโทรฯมาหาบ้าง ตั้งแต่ปีก่อน ชายสูงวัยพยายามหาเหตุผลมาหักล้างความคิดต่อต้านในใจเขาถึงสาเหตุที่ทำให้แผนการตามล่าปู้เหว่ยถูกระงับ เดี๋ยวนี้เขาไม่รู้สึกอะไรแล้ว

ลุงเติบยังเล่าเรื่องภายใน นทส.อันน่าเบื่ออยู่เหมือนเดิม การตามล่าข้ามประเทศของ ปปส.ยังไม่มีอะไรคืบหน้าราวกับว่า ระบบขั้นตอนและวงจรอันอืดอาดยืดยาด จะหมุนเชื่องช้ากว่าระหัดวิดน้ำในคลองที่เขาใช้เวลาตลอดหนึ่งปีนั่งจ้องมองมันอยู่ทุกวี่วัน

ชายหนุ่มปล่อยหนวดเคราและผมเผ้ายาวรุงรัง ไม่เหลือสภาพนักเรียนนายร้อยตำรวจแม้สักกระผีกริ้น เขาเหมือนคนบ้ายาจกที่หมกตัวอยู่ใต้ความอึกทึกของทางด่วนยกระดับมากกว่า เพียงแต่ที่นั่นไม่มีเสียงดนตรีธรรมชาติคอยเยียวยาหัวใจแหลกลาญให้ไม่คลุ้มคลั่งเช่นที่นี่

เสียงรถยนต์จอดหน้าทางเข้า หลังจากรถไถหยุดคำรามไม่นาน คงเป็นคนในหมู่บ้าน ที่มารับผักพ่อไปขายต่อที่กรุงเทพฯ

พิดิษไม่สนใจนัก เพราะพ่อกับแม่คงเห็นแล้วว่ามีคนมา เขาหมกตัวอยู่ในบ้านได้เป็นวันๆ โดยไม่ออกไปไหนหรือกินอะไร ถ้าไม่ใช่ริมคลองหน้าระหัด ชายหนุ่มก็เลือกที่จะขังตัวเองไว้กับอดีตโดยให้ประตูบ้านเป็นพันธนาการชั่วคราว



พิดิษลุกจากที่นอนด้วยความเกียจคร้าน นาฬิกาที่เขาแทบไม่เคยเหลียวมองแขวนอยู่ข้างฝาบ้านบอกเวลาสิบโมงเช้า เขาไม่รู้ว่ามันยังเดินตรงหรือไม่ เพียงแต่ปล่อยให้เข็มของมันหมุนวนไปเรื่อยอย่างไร้สาระ

เตียงนอนและโต๊ะทานข้าวอยู่ในห้องเดียวกัน ทุกอย่างอยู่รวมกันเพราะบ้านทั้งหลังมีอยู่เพียงห้องเดียว เขารู้สึกว่ามันมีไว้สำหรับคนป่วยไข้จากความทรงจำเพียงคนเดียว พิดิษเปิดหน้าต่างและประตูให้แสงสว่างสาดเข้ามาขับไล่ความอึมครึมซึมเศร้า

ทันทีที่ประตูเปิด ชายฉกรรจ์สองคนก็ถลันเข้ามา

เขาใจหายวาบ หนึ่งในนั้นชักปืนขึ้นมา

“คุณคือ พิดิษ จุลวดิศย์?”

เขาพยักหน้าเชื่องช้า เตรียมใจไว้แต่แรกแล้วว่า ไม่ช้าก็เร็ว ตำรวจต้องรู้ว่าเขาหลบซ่อนอยู่ที่นี่ และเขาก็พร้อมแล้วที่จะถูกดำเนินคดี ในเมื่อปล่อยลมหายใจทิ้งไปวันๆ ก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น

“เราขอเชิญคุณไปกับเราหน่อย”

“ผมต้องเตรียมอะไรไปบ้าง?” เขาถามน้ำเสียงแหบโหย อิดโรยและเกียจคร้าน

“ไปเพียงลมหายใจ และเสื้อผ้าห่อหุ้มร่างสกปรกของคุณ เอ่อ...ไม่ให้ล่อนจ้อนเหมือนตอนนี้”



พิดิษถูกนำตัวขึ้นรถกระบะสี่ประตูที่จอดรออยู่หน้าทางเข้า มันไม่ใช่รถรับส่งผักอย่างที่เขาเข้าใจ รอบๆ บริเวณล้อมรั้วด้วยลวดหนามสี่แถว พ่อกับแม่ยืนคุยกับพวกที่มาจับตัวเขา เห็นแม่ตาแดงก่ำ

แม่เข้มแข็งเสมอและไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมา ยกเว้นต่อหน้าเขา

สักพักชายคนนั้นก็ไหว้ลาพ่อและแม่ เดินตรงมาขึ้นรถคู่กับคนขับ ส่วนเขานั่งเบาะหลังคู่กับคนที่เพิ่งลากเขาขึ้นรถ

“เอาล่ะ...ไปกันหรือยัง?” คนนั่งหน้าหันมาถาม

พิดิษพยักหน้า

ชายคนนั้นสั่งคนขับให้เคลื่อนรถ

“ก่อนอื่น ต้องขอแนะนำตัวก่อน ผม พลโทกังวาน สุกใส แม่ทัพภาคที่ 1”

พิดิษทำหน้างง ปรายตามองรอบๆ ห้องที่เขานั่งอยู่ เบื้องหน้าเป็นชายร่างเล็กล่ำ ท่าทางคล่องแคล่วว่องไว กะเอาคร่าวๆ ว่าน่าจะอายุราวห้าสิบกว่า อีกสองคนยืนอยู่เบื้องหลังคือคนที่คุมตัวเขามา โต๊ะทำงานหรูหราเก่าแก่กั้นขวางเขากับท่านนายพลไว้ ขวามือคือม่านกระจก ด้านนอกคือท้องฟ้าเวิ้งว้างและตึกสูงระเกะระกะไร้แบบแผนกับทางด่วนที่คดเคี้ยววกวนไม่จบสิ้น

“ส่วนสองคนที่พาคุณมา คือพันตรีสุนัยและพันตรีเสริมชาติ ลูกน้องผมเอง”

“ผมนึกว่า ตัวเองกำลังถูกตำรวจจับเสียอีก” พิดิษเปรย

ท่านนายพลยิ้มที่มุมปาก นิ้วมือเขากระดกปากกาลูกลื่นกระดิกกลับไปกลับมา ท่าทางเหมือนนักบัญชีมากกว่านายทหาร

“ไม่หรอก อย่าถือว่าเป็นการจับกุมเลย เราเรียกว่า เชิญมาขอความร่วมมือดีกว่า”

“แต่ผมเป็นผู้ร้ายฆ่าคน ควรจะส่งผมให้ตำรวจดำเนินคดี คนอย่างผมจะมีประโยชน์อะไรสำหรับท่าน”

“ดูท่าคุณอยากจะเข้าไปอยู่ในคุกเสียจริงนะ นัดใครไว้ในนั้นหรือ?” นายพลหัวเราะร่วน

พิดิษเงียบ

“ขอเกริ่นนิดนึง หนึ่งปีก่อนหน้านี้ที่น่าน เราผนึกกำลังตำรวจ ทหารบุกทลายโรงงานผลิตยาของปู้เหว่ย ทุกอย่างจบลงได้สวยงาม เสียอย่างเดียวคือเราไม่สามารถจับปู้เหว่ยได้”

พิดิษพยักหน้าว่าเข้าใจ

“หลังจากนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมเฉพาะกิจ ได้ริเริ่มโครงการตามล่าปู้เหว่ย โดยจัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาใหม่ โดยมี ปปส.เป็นแกนนำ ร่วมกับคนของดีอีเอและตำรวจกองปราบปรามกับสันติบาลจำนวนหนึ่งส่งคนข้ามไปตามล่าปู้เหว่ยที่ฝั่งลาว”

“เขาหนีไปลาว?” พิดิษคราง

“ใช่ แต่งานนี้ ทัพภาคหนึ่งและ นทส. ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักโดยตรงกลับไม่ได้ร่วมทีมปฏิบัติการครั้งนี้ เพราะถูกกีดกันจากอำนาจบางอย่าง”

“มือที่มองไม่เห็น” พิดิษเย้ย

ท่านนายพลยิ้ม “คงอย่างนั้น...ผมสงสัยในรายละเอียด จึงส่งคนแอบตามไปสังเกตการณ์ แต่...”

“แต่?”

“ผ่านไปสามเดือน เขาก็หายเงียบไป ไม่มีการติดต่อกลับมาอีก และเราติดต่อเขาไม่ได้”

“ลองส่งคนข้ามไปตามหาเขาหรือยัง?”

“ลองแล้ว แต่ไม่พบ เราจึงถอนทีมกลับมา เพราะทางการลาวเริ่มสงสัยและตั้งคำถามกับเรา มันสุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงระหว่างประเทศ ส่วนงานของ ปปส.และดีอีเอก็เงียบงัน ไม่มีความคืบหน้าใดๆ เราไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงอะไรเขาได้ มันน่าสงสัยไหมล่ะ? ที่เขาปิดบังซ่อนเร้นมาตลอดโดยให้เหตุผลว่าเป็นงานลับ แต่ความคืบหน้ากลับไม่มีสักอย่าง แถมยังมีข่าวแว่วมาว่า นรข.จับกุมยาเสพติดชนิดใหม่ที่กำลังลักลอบขนเข้ามาในประเทศเสียด้วย”


“วีเค!” พิดิษอุทาน

“อาจใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ เราไม่มีทางรู้จักยานั่น นอกจากคนที่เคยทำงานกับปู้เหว่ย”

“ท่านนายพลหมายถึงใคร?” พิดิษเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เขาถูมือตัวเองไปมาบนกางเกงยีนที่สวมมาด้วย จมูกส่งเสียดฟึดฟัดดั่งคนแพ้กลิ่นอะไรแรงๆ

“นักวิทยาศาสตร์ที่คิดค้นยานั่นขึ้นมา หรือไม่ก็สายลับของ นทส. คนหนึ่งที่เคยทำงานให้ปู้เหว่ยและเกือบจะจับเขาสำเร็จ ผมคิดว่าเขาใช้ได้ ถ้าไม่ถูกการเมืองแทรกแซงและปู้เหว่ยเป็นคนฉลาดเกินไปนัก ผมคิดว่า เขาควรจะกลับมาร่วมงานกับเราอีกครั้ง”

“แล้วท่านนายพลมาบอกผมทำไม?”

“เพราะว่าคุณคือสายลับคนนั้น คุณพิดิษ” พิดิษสะดุ้ง กำลังจะอ้าปากแก้ตัว แสร้งสร้างรอยยิ้มสกปรกเจื่อนฉาบใบหน้า แต่แววตาท่านนายพลจริงจังและแน่วแน่ เขาจึงได้แต่นิ่งเงียบ

“คุณน่าจะช่วยงานเราได้”

“ผมเคยเป็นแค่ลูกน้องปู้เหว่ย ทำงานให้เขา ท่านนายพลเอาอะไรมาสรุปว่าเป็นผม?”

“ตามข่าว นักข่าวเสนอข้อมูลแต่เพียงว่า คุณเป็นมือขวาของปู้เหว่ย เป็นคนฆ่าสุรชัยซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาเพราะแก๊งค้ายาสองแก๊งนี้ไม่ลงรอยกันในเรื่องผลประโยชน์ แต่มีจุดน่าสนใจว่า ในเมื่อปู้เหว่ยหนีรอดไปอย่างง่ายดายจนน่าสงสัย แต่คุณกลับระหกระเหินอยู่ในเมืองไทยอย่างลำบาก แทนที่จะหนีไปพร้อมเจ้านายของคุณ นั่นทำให้เราสงสัยว่า ปู้เหว่ยไม่เอาคุณไปด้วยเพราะขัดแย้งกัน เป็นเพราะเขาอาจจับได้ ว่าคุณเป็นสายลับคนนั้น”

“แต่เหตุผลท่านมันก็ไม่น่าจะบ่งชี้ได้หนักแน่นนัก ว่าเป็นผม”

“ใช่...ถ้าใครคนหนึ่งไม่บอกผม ผมก็ไม่มีทางรู้ว่าคุณคือสายลับของ นทส.”

“ใครกัน?”

“ผมเอง” เสียงตอบดังเข้ามาพร้อมร่างที่ก้าวพ้นธรณีประตู

“ชัยยุทธ์!”

“ไม่ได้เจอกันนานนะพิดิษ” ท่าทางเขาขัดเขิน พิดิษเองก็เช่นกัน

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมคุณถึงบอกท่านนายพลเรื่องผม ชัยยุทธ์”พิดิษเสียงดัง

ชัยยุทธ์ยิ้มเจื่อน “เราต้องพึ่งท่านนายพล ท่านมาขอความร่วมมือ ลูกน้องของท่านหายตัวไป และคดีก็ยังคลุมเครือ คนของซีไอเอมีความสงสัยในการหายไปของดีอีเอคนหนึ่งที่เข้าไปร่วมทีมกับของการันต์ในลาว ทางเขาจึงต้องการเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งจุดประสงค์ตรงกันกับของท่านนายพลและเรา คุณยังอยากตามล่าปู้เหว่ยเพื่อแก้แค้นให้คนรักของคุณอยู่ไหม พิดิษ?”

พิดิษสบตาชัยยุทธ์ อดีตหัวหน้าของเขา เอ่ยเสียงกร้าว “แล้วทำไมคุณไม่ไปเชิญผมมาเอง ทำไมต้องเป็นคนของท่านนายพล”

เขาหันหลังมองสุนัยและเสริมชาติ สองคนยืนนิ่งดังรูปปั้น

“เพราะเราสงสัยว่า มีคนจ้องจับตาการเคลื่อนไหวของ นทส.อยู่ การให้คนของท่านนายพลตามหาคุณแทนย่อมปลอดภัยกว่า ว่ายังไงล่ะพิดิษ คุณพร้อมจะกลับมาสะสางทำงานที่คุณค้างไว้ไหม?”

“จะให้ผมทำอะไร?”

“กลับมาทำงานกับ นทส. เหมือนเดิม ตามล่าปู้เหว่ย สกัดกั้นการระบาดของวีเค ก่อนที่มันจะทะลักเข้ามาในประเทศเราและไม่มีเยาวชนหลงเหลือไว้พัฒนาสร้างชาติต่อไป” ท่านนายพลตอบแทนชัยยุทธ์ “ตอนนี้ท่านนายกฯไฟเขียวแล้ว งานของเราเป็นงานซ้ำซ้อนกับ ปปส. แต่ท่านเห็นว่า ของปปส.เองมีเงื่อนงำสลับซับซ้อนและตรวจสอบได้ยาก เราพบสถิติใหม่ว่า คดียาวีเคมีถึงหกร้อยคดีในช่วงเวลาหนึ่งปี”

“ตั้งแต่โรงงานผลิตยาบ้าของปู้เหว่ยถูกถล่มราบเป็นหน้ากลอง”

ชัยยุทธ์พยักหน้า “ใช่ ก็ตั้งแต่คุณจากมา แต่ว่าตำรวจกลับจับกุมและส่งฟ้องได้แค่หกรายเท่านั้น”

“หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น” แม่ทัพภาคหนึ่งเสริม

“แน่ล่ะ ยาตัวนี้ตรวจสอบไม่ได้หรอก แม้แต่การตรวจค้น สุนัขตำรวจก็ยังตรวจกลิ่นไม่พบ”

“เราจึงต้องการคุณไง” ชัยยุทธ์บอก “พิดิษ กลับมาทำงานเถอะนะ”

“ผมเป็นผู้ร้ายฆ่าคนนะ คดีผมติดตัวอยู่ จะไปทำอะไรได้ ก้าวขาออกจากห้องนี้ตำรวจก็ตะครุบตัวเข้าคุกแล้ว”

ประกายตานายพลฉายวูบ “ท่านนายกฯได้รับคำอธิบายจากเราแล้ว ถ้าคุณทำงานสำเร็จ เราจะยกสถานะเจ้าหน้าที่รัฐให้ แล้วแต่ว่าคุณเลือกจะลงสังกัดไหน ในงานที่เหมาะสมกับตัวคุณเอง หมายถึงว่า ถ้าหากคุณเบื่อที่จะทำงานให้ นทส.”

“ผมต้องทำอะไรบ้าง?” พิดิษคล้ายยอมจำนน

“ภารกิจมีหลักๆ สองเรื่อง เรื่องแรก เข้าถึงตัวปู้เหว่ย ทำลายสูตรยาหรือต้นตอการผลิตให้สิ้นซาก ผมเชื่อว่า คนที่รู้สูตรยามีไม่กี่คน”

“แล้วผมจะหาเขาเจอได้ที่ไหน?”

“คนของทางลาวจะช่วยคุณเอง ตอนนี้เขาเป็นคนดังระดับประเทศไปแล้ว” นายพลยิ้ม

พิดิษทำหน้างง

“เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นที่ปรึกษาของนายพลคนหนึ่งที่นั่น”

พิดิษทำหน้าเหลือเชื่อ “พวกนั้นไม่รู้เลยหรือ ว่าเขาเป็นพ่อค้ายา ปู้เหว่ยทำได้ยังไง?”

“คุณน่าจะรู้ดี ว่าเขาทำได้ยังไง ความสามารถพิเศษไง ชุบตัวเองจากอาชญากรกลายเป็นคนสำคัญทางการเมือง ทางการลาวระแคะระคายว่าเขาเคยเป็นอะไรมาก่อนและกำลังจับตาดูเขาอย่างใกล้ชิด แต่นายพลคนนั้นที่แหล่งข่าวอ้างว่าเป็นญาติกับปู้เหว่ยก็ปกป้องเขาเต็มที่” ชัยยุทธ์บอก

“มันเกินกำลังผมไปหรือเปล่า?”

“เราจึงต้องพึ่งซีไอเอ” นายพลเฉลย

“คุณเป็นคนเดียวที่พอจะรู้ทันว่า ปู้เหว่ยทำงานยังไง ระบบการผลิตยาเขาเป็นแบบไหน คุณจะเป็นคนตามแกะรอยและทำลายระบบนั้นได้”

“มีแค่นี้ใช่ไหม?” พิดิษทำท่าจะลุกหนี

นายพลรีบลุกขึ้น “เดี๋ยวพิดิษ”

ชายหนุ่มหันมอง นั่งลงต่อ “อะไรหรือครับท่าน?”

“ผมอยากให้คุณตามหาคนของผมคนหนึ่งด้วย เขาถูกผมส่งไป เรื่องปู้เหว่ยนี่แหละ”

“ที่หายไปน่ะเหรอ?”

นายพลพยักหน้า “ใช่”

“พิดิษ คุณไม่เคยทำงานนอกประเทศ และก็ไม่เคยร่วมงานกับซีไอเอ ท่านนายพลครับ บอกวิธีการทำงานของซีไอเอให้พิดิษรู้หน่อยได้ไหมครับ?”ชัยยุทธ์เอ่ย

“ไม่มีอะไรต้องเรียนรู้ แขนงงานสายลับไม่มีอะไรตายตัว ทุกอย่างอยู่ที่คุณเอง การเอาตัวรอด การปักใจเชื่อและไม่เชื่อ การแยกแยะ มิตร ศัตรู ซีไอเอไม่ได้ช่วยอะไรเรามากนัก พวกเขาจะประสานงานให้เป็นช่วงๆ ที่เหลือคุณต้องลุยเอง แต่อยากจะบอกไว้อย่าง ซีไอเอมักทำอะไรที่เราคาดไม่ถึง เตรียมจิตเตรียมใจไว้ให้ดี”

“งานนี้ ถ้าปู้เหว่ยรู้ตัวก่อน คุณลำบากแน่เพราะอิทธิพลของเขามีค่อนข้างมาก ทางที่ดีอย่าทำตัวให้เขาจับได้ ราตรีจะเป็นคนประสานช่วยเหลือคุณทุกเรื่อง คุณต้องผ่านเธอ พูดกับเธอดีๆ ล่ะ อย่าเย็นชามากนัก พึงรำลึกไว้เสมอ ว่าหยุดยั้งปู้เหว่ยให้ได้ อย่าให้วีเคทะลักเข้ามาอีกเด็ดขาด ไม่งั้นบ้านเมืองเราพังแน่ๆ ”



Create Date : 17 เมษายน 2554
Last Update : 17 เมษายน 2554 22:21:21 น. 1 comments
Counter : 330 Pageviews.

 
รออ่านบทต่อไปอยู่ค่ะ


โดย: miki IP: 183.89.167.11 วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:23:38:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sorwor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]





ต้นเหตุแห่งการยินดีที่ได้รู้จักกันนั้น เริ่มที่เว็บฟอร์ไรท์เตอร์ดอทคอมจากการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางงานเขียนนวนิยาย ทำให้พวกเรา สว. (สาวสวยสมวัย) เกิดความคิดที่จะรวมตัวกันจัดทำบล๊อกขึ้นมาเพื่อเผยแพร่งานที่พวกเราเขียนเอง งานที่พวกเราทำด้วยใจรักและรักเหลือเกิน อยากให้เพื่อนๆ ได้อ่านและอยากได้คำติชมจากเพื่อนๆ เพื่อเป็นกำลังใจและนำพัฒนาทางการเขียนต่อไป


ฝากข้อความถึง"สวยสมวัย"







ซัน
โรแมนติก-อบอุ่น
ราคา 220 บาท



น้ำชารสสตรอเบอร์รี่
รัก-โรแมนติก
ราคา 190 บาท



ปางเสน่หา
โดย น้ำดอกไม้ (บัดดี้)
สนพ.พลอยชมพู




งานเขียนใน “สวยสมวัย”
เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
ได้รับความคุ้มครองตามกฏหมาย
ตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๗
...........................
คิดเอง เขียนเอง
และสร้างความภาคภูมิใจ
ให้กับตัวเองกันเถอะค่ะ


Friends' blogs
[Add sorwor's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.