ซินจ่าว เวียดนาม
กลับมาแล้วครับ หลังจากมีเหตุให้ต้องหายหน้าหายไปจากบล็อก สาม สี่วัน เห็นจั่วหัวเรื่องแบบนี้ ก็คงพอจะเดาออกนะครับ ว่าไปไหนมา
พอดีสมัครพรรคพวกที่เรียนหนังสือด้วยกัน รวบรวมสมาชิกได้ร่วมๆ สี่สิบชีวิต ตกลงกันว่าจะไปต่างประเทศ แต่ต้องถูกและดี เจอเงื่อนไขแบบนี้เข้า ก็คงจะไปเที่ยวที่ไหนไม่ได้นอกจากประเทศเพื่อนบ้านเรา ว่าแล้วก็ได้ฤกษ์งามยามดี เป็นวันที่มีวันหยุดต่อเนื่องกับเสาร์อาทิตย์ วันมาฆะบูชา นี่แหละเหมาะที่สุด ออกเดินทางวันศุกร์ กลับถึงบ้านวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันมาฆบูชาพอดี จะได้ไม่ต้องลางานหลายวัน
มื้อแรกของการเดินทาง ยังไม่ไปถึงเวียดนามเลย แต่ก็ได้กินข้าวเช้ากันที่ "ครัวไซง่อน" อยู่ในมุกดาหารนี่เอง เติมพลังกันก่อนออกเดินทาง
หลังจากนั้นก็ยกโขยงกันไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง(เพื่อตรวจคนออกเมือง) ของฝั่งไทย ไปเวียดนามต้องผ่านเข้าลาว โดยใช้สะพานมิตรภาพ แห่งที่สอง ข้ามแม่น้ำโขง เชื่อมระหว่าง มุกดาหาร กับ แขวงสะหวันนะเขตของลาว การไปเที่ยวเวียดนามต้องมีหนังสือเดินทาง แต่ไม่ต้องขอวีซ่า สามารถอยู่ในเวียดนามได้ไม่เกิน 30 วัน เนื่องจากเราต้องผ่านลาวก่อน จึงต้องยื่นหนังสือเดินทางที่ด่านของลาว รถของบริษัททัวร์ของไทย ไปส่งเราได้แค่ข้ามสะพานไปถึงด่านของลาว
แม่น้ำโขง ถ่ายจากกลางสะพานมิตรภาพ 2 ระหว่างที่ข้ามไปฝั่งลาว
รถทุกคันต้องแล่นผ่านน้ำยาเพื่อฆ่าเชื้อโรค เฉพาะล้อ ส่วนเชื้อโรคทีอยู่ส่วนอื่นๆของรถ เชิญเข้าลาวได้ตามซำบาย (ไม่รู้ทำทำไม)
ถึงด่านของลาว ลูกทัวร์ต้องลงจากรถ ลากกระเป๋าผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ พร้อมแสดงหนังสือเดินทาง ส่วนขั้นตอนอื่นไม่รู้เพราะบริษัททัวร์จัดการให้ ไม่ได้ไปยื่นหนังสือเดินทางเอง
ต่อจากนี้อีก สี่ วัน เราจะต้องนั่งรถของเวียดนาม แต่ยี่ห้อเกาหลี คือฮุนได ขับโดยชาวเวียดนาม ผู้มีฝีมือการขับรถที่ยากที่จะหาใครเลียนแบบได้ และเป็นโชเฟอร์ที่ สงบเสงี่ยมเจียมตนยิ่งนัก เพราะพูดและฟังภาษาไทยไม่ได้ วันๆจึงเอาแต่ขับรถลูกเดียว แถมด้วยยิ้มบ้างเป็นบางโอกาส
ระหว่างที่เดินทางผ่านลาว จะเป็นหน้าที่ของไกด์ชาวลาว คือ "นางคำสะหวัน" คนสวย แต่ไม่ต้องเสียใจ เพราะผู้หญิงลาวทุกคนใช้คำนำหน้าว่านาง ไม่ว่าจะแต่งงานแล้ว หรือยังไม่แต่ง ก็ตาม ส่วนรายนี้ลูกทัวร์ชายทุกคนต่างส่งเสียงถามกันเซ็งแซ่ จนได้คำตอบว่า ยังไม่แต่งงาน เฮ้อ! โล่งอกไปที่ (หวังลมๆแล้งๆ ตามประสา)
ทริปนี้เราใช้ไกด์ถึงสองคน เมื่อเข้าเขตเวียดนามก็จะเป็นหน้าที่ของน้อง"งา" (ชื่อเวียดนาม) ส่วนชื่อไทยคือ "น้องชมพู่" คนสวย อีกแล้ว(โสดอีกคน)
ฟังดูแล้วอย่าอิจฉานะครับ ดูไฮโชมากๆ สำหรับทัวร์คณะเดียวใช้ไกด์ถึงสองคน สองประเทศ แต่ราคาทัวร์หัวละไม่ถึงเจ็ดพัน ไม่รู้ทำได้ไง น้องชมพู่จะหน้าตาเป็นอย่างไรยังไม่เปิดเผยตอนนี้ครับ รอให้เข้าเขตเวียดนามก่อน ต้องทำเป็นลึกลับ จะได้ตื่นเต้น
เส้นทางจากสะวันนะเขต ไปถึงด่านแดนสะหวันชายแดนเวียดนามประมาณ สองร้อย กิโลเมตร อย่าใช้ไปอ้างอิงนะครับ เพราะผมเขียนเท่าที่จำน้องคำเล่ามา อาจผิดพลาดบ้าง แต่บล็อกนี้จะเน้นการสาธยายตามภาพมากว่าครับ ดังนั้นจึงควรอ่านสลากก่อนบริโภค และไม่ควรดื่มเกินวันละสองขวด ทางหลวงหมายเลข 9 ของลาว ก็เรียกได้ว่าพอใช้ ดีบ้าง ซ่อมบ้างเป็นธรรมดา
บางครั้งอาจมีการเบรคอย่างกระทันหัน เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้ลูกทัวร์ เพราะมีสัตว์เลี้ยงของชาวลาวข้ามถนน อย่างไม่เคารพกฎจราจร
สัตว์เลี้ยงที่มีมากก็คือ "แบ้" น้องคำ บอกว่าพี่น้องลาวนิยมบริโภคมากกว่าเนื้อวัว เพราะเลี้ยงง่าย และราคาถูกกว่าวัวมาก การเลี้ยง แบ้ (แพะ) ของที่นี่จะเป็นการเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ คือปล่อยให้หากินเองตามอัธยาศัย จึงเป็นหน้าที่ของรถที่จะต้องหลบเอง
เล่าข้ามไปหน่อย ตอนที่รถออกจากด่านสะหวันนะเขต ผ่านวงเวียนที่มีรูปปั้นไดโนเสาร์ สองตัว น้องคำเธอเรียกว่า วงเวียน "กะปอมหลวง" กะปอมภาษาลาว หรือภาษาอีสาน แปลว่า กิ้งก่า ส่วนอะไรใหญ่ๆ ลาวเขาใช้คำว่าหลวง กะปอมหลวง ก็คือกิ้งก่าใหญ่ ยกเว้นเมียหลวง น้องคำเธอ เรียกน่ารักว่า "เมียอนุรักษ์ " เมียน้อย คือ "เมียอุปถัมภ์" ถ้ามีอีกคน ก็ "เมียบุญธรรม" เป็นไง ลูกเล่นน้องคำไม่เบาเลยครับ เล่นลูกทัวร์หัวงูทั้งหลาย อยากจะอุปถัมภ์ น้องคำกันเป็นแถว ส่วนผู้เขียน เมียอนุรักษ์ไปด้วย จึงมิอาจแสดงอาการใดๆ ให้จับพิรุธได้ มิฉะนั้น อาจได้เข้าห้องมรสุม (ห้อง ICU ) แทนการได้ไปเที่ยว
หลายภาพในล็อกนี้ถ่ายจากหน้าต่างรถที่กำลังแล่น จึงอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็สื่อให้เราได้เห็นถึงวิถีชีวิตของพี่น้องประเทศเพื่อนบ้านของเรา ถ้าท่านได้ไปเห็น คำแรกที่ท่านจะนึกถึง ก็คือ "เมืองไทยเราดีที่สุดแล้ว"
อย่างภาพข้างบนนี้เป็นพาหนะที่ประชาชนทั่วไปใช้ รองจากมอเตอร์ไชด์ และจักรยาน ที่นี่เขาเรียกว่า "รถกระบะคอยาว"
นั่งรถนานๆต้องมีการ"ปวด" เกิดขึ้น ไม่ว่าจะปวดอะไรก็ตาม เลิกคิดถึงห้องน้ำตามปั้มน้ำมันได้เลยครับ เพราะแทบจะไม่มีปั้มน้ำมันเลย ถึงมีก็เป็นปั้มเล็กๆ ไม่มีห้องน้ำ
แต่เรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย น้องคำไกด์คนสวยบอก เพราะเรามี"ห้องน้ำห้าร้อยไร่" ไว้บริการตลอดเส้นทาง คุณโชเฟอร์จะเป็นผู้ตัดสินใจเองว่า ทำเลใดจะเหมาะที่สุด
ผู้ชายก็ใช้ใกล้รถ ผู้หญิงก็ไปไกลๆหน่อย ถ้าไม่อยากโชว์
" ความอายไม่ทำให้หายปวดได้นะ" โชเฟอร์บ่นพึมพำเป็นภาษาเวียดนาม (อันนี้ผมเดาเอาเอง ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงหละครับ)
ถึงเมืองพินของลาว ก็ได้เวลากินอีกครั้ง ร้านอาหารชื่อน่ารัก "แฟนต้า" รสชาติพอได้
จากนั้นก็นั่งยาวไปถึง "ด่านแดนสะหวัน" ของฝั่งลาว ระหว่างไกด์ไปทำเรื่องผ่านแดนให้ลูกทัวร์ ก็มีสาวเวียดนามขึ้นมาเสนอให้บริการแลกเงินบาท เป็นเงินดองของเวียดนาม ด้วยภาษาไทยสำเนียงเวียดนาม
โดยปกติ หนึ่งบาทจะเท่ากับ สี่รอยห้าสิบ ถึง ห้าร้อยดอง แต่แม่ค้าที่นี่จะให้แค่หนึ่งบาทต่อสองร้อยดอง เพราะเป็งแบงค์ใหม่ เน้นการเก็บไปเป็นที่ระลึก หรือเป็นของฝาก ไม่ได้เน้นการนำไปใช้จริง
เพราะในเวียดนามหลายเมืองเช่น เว้ ดานัง ฮอยอัน ใช้เงินไทยได้เป็นส่วนใหญ่ จะมีบางที่เท่านั้นที่ไม่รับเงินบาท ไม่รับเราก็ไม่ซื้อ ไปซื้อร้านที่พูดไทยได้ และรับเงินไทยดีกว่า ไม่เห็นต้องง้อ
จากด่าน แดนสะหวัน ของลาว ข้ามมาฝั่งเวียดนามไม่ไกล ราวๆ สองสามร้อยเมตร เป็นด่านของเวียดนาม ชื่อว่า "ด่านลาวบาว หรือ ลาวบ๋าว" น้องชมพู่ไกด์เวียดนาม บอกว่า น่าจะมาจากการที่ลาวบ่เอา เวียดนามเลยเอา เรียกไปเรียกมากลายเป็น"ลาวบาว"
ซุ้มประตูของ ด่านลาวบาว แต่เป็นของเวียดนาม กรุณาอย่า งง บอกแล้วไงว่า ลาวบ่เอา เวียดนามเลยเอา
ใต้ซุ้มทำได้เก๋มาก เป็นจุดยอดนิยมในการถ่ายภาพอีกจุดหนึ่ง แต่จะมีความหมายว่าอย่างไร ลืมถามน้องชมพู่ หากท่านได้รู้ก็บอกเล่ากันด้วยครับ
บล็อกนี้ขอจบไว้ที่ชายแดนเวียดนามก่อนนะครับ ตอนหน้าจะเผยโฉมของน้องชมพู่ ไกด์ เวียดนามที่เก่งมากๆ และน่ารักด้วย
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2552 |
|
15 comments |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2552 22:12:15 น. |
Counter : 1950 Pageviews. |
|
|
|
คงมีอะไรสนุก ๆ มาฝากแน่
แค่พาร์ตแรกยังแอบยิ้มกับห้องน้ำห้าร้อยไร่
โดยเฉพาะคุณไกด์แสนสวย
รอชมคุณชมพู่ตามคำชวนค่ะ