|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
Modigliani - ศิลปินใต้ถุนสังคมผู้จมทุกข์ และคู่ปรับตลอดกาลปิกัสโซ่
เขียนบทและกำกับโดย Mick Davis
ผมเคยดูภาพยนตร์เกี่ยวกับศิลปินผู้จมทุกข์มาก็หลายเรื่องอยู่ แต่เรื่องนี้ดูเหมือนจะดึงดูดผมตั้งแต่ชื่อเรื่อง ทั้งที่จริง ๆ แล้ว ผมยอมรับว่า ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวจิตรกรรมหรือผู้คมในศิลปะแขนงนี้เท่าใดนัก ชื่อ
โมดิกลิอานี่ (ต่อแต่นี้ขออนุญาตเรียก โมดี้ อย่างที่คนสนิทของเขาเรียกกัน) ก็ไม่คุ้นหูเอาเสียเลย แต่สำหรับชื่อของ ปิกัสโซ่ แล้ว ไม่ว่าผมหรือใคร ๆ ก็ต้องรู้จักดีเป็นแน่ ต่อไปนี้จะเป็นเรื่องราวของศิลปินเจ้าสำราญผู้เป็นคู่ปรับของปิกัสโซ่
"ปิกัสโซ่ที่รัก ผมไม่ได้เกลียดคุณ ที่จริงแล้วชอบคุณ แล้วเกลียดตัวเองต่างหากล่ะ"
ผมเคยดูชีวิตฉูดฉาดรุนแรงของฟรีด้า ชีวิตของชาย Expressionist อารมณ์หม่นอย่าง แจ็กสัน พอลล็อก แต่ก็ไม่มีเรื่องไหนที่ทำให้ผมรู้สึกร่วมกับตัวละครได้เท่ากับเรื่องนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนิสัยดื้อดึงของโมดี้ หรือการเล่าเรื่องอันบอดเยี่ยมของหนังเรื่องนี้กันแน่ที่ทำให้ผมรู้สึกร่วมได้ขนาดนี้ โมดี้ เป็นศิลปินชาวอิตาลีเชื้อสายยิวผู้ใช้ชีวิตในฝรั่งเศสยุคเดียวกับ ปิกัสโซ่ ในหนัง เขาเป็นผู้ที่กล้าท้าทายปิกัสโซ่ด้วยประโยคอย่าง "ผมว่าคุณคงชอบร่วมรักกับรูปเหลี่ยม (Cube)" อันเป็นการล้อเลียนภาพวาดแนว Cubism ของปิกัสโซ่ และท่าทีขรึมเคร่งของเขา ขณะที่โมดี้เป็นศิลปินเจ้าสำราญ ผู้ชอบวาดภาพผู้หญิงอย่างชดช้อย ไม่ว่าภาพ Portrait หรือ นู้ด จริง ๆ แล้วแม้เขาจะแสดงออกต่อ ปิกัสโซ่ด้วยท่าทีเยอะเย้ย แต่นั่นเป็นเพราะลึก ๆ แล้วตัวเขาเองก็เคารพหวั่นเกรงในตัวของศิลปินใหญ่ผู้นี้ และเพียงต้องการพิสูจน์ท้าทายงานอันเป็นที่นิยมของปิกัสโซ่
"ที่ผมยังไม่วาดคุณ ไม่ใช่เพราะว่าคุณไม่สวยหรอกมาดาม แต่คุณสวยมากจนผมเกรงว่าฝีมือของผมจะไม่ถึงขั้นพอ"
โดยแท้แล้วโมดิกลิอานี่ เป็นอัจฉริยะ แต่ก็เช่นศิลปินอัจฉริยะหลาย ๆ คน โมดี้เป็นคนอารมณ์ไม่มั่นคง อ่อนไหวง่าย แสดงออกรุนแรง ขณะเดียวกันก็อีโก้สูงจนทำให้เขาพลาดการอุปถัมภ์จากเศรษฐีมี(หรือไร้) รสนิยมไปหลายครั้ง บางครั้งก็วาดภาพโดยไม่คิดเงินเพราะความพอใจของตน จนทำให้ขณะที่ปิกัสโซ่อยู่ดีกินดี แต่โมดี้กลับเป็นศิลปินที่ขลุกอยู่กับชนชั้นใต้ถุนสังคม ขโมยไก่และไวน์กินไปวัน ๆ ในหนังมีการเล่าย้อนไปยังตัวโมดี้สมัยเด็ก เขามีอดีตทรงจำที่เลวร้าย ครอบครัวเขายากจน เป็นหนี้รัฐ โดนทางการบุกเข้ายึดทรัพย์สิน ทั้ง ๆ ที่แม่เขายังนอนท้องแก่อยู่บนเตียง ในบ้านของเขาว่างเปล่า ขณะที่ภายนอก บทท้องถนนหน้าบ้านเขานั้นมีขบวนพาเหรดรื่นเริง ไม่ต่างจากชีวิตของโมดิกลิอานี่ เลย คนรอบข้างมักเห็นเขาเป็นศิลปินผู้เริงสำราญ เต้นรำกับขวดไวน์ไปรอบรูปปั้น แต่กลางคืนเขานอนฝันร้าย ภาพหลอนของทหารทางการที่เข้ายึดทรัพย์บ้านเขายังคงติดตามบนท้องถนนพร้อมกับขบวนพาเหรด มีภาพของตัวเขาเองตอนวัยเด็กเป็นเหมือนเงาที่คอยบอกหรือห้ามไม่ให้เขาทำอะไร
"เมื่อใดก็ตามที่ผมเข้าถึงจิตวิญญาณคุณได้ ผมจะวาดดวงตาคุณ"
ผู้ที่มีอิทธิพลกับชีวิตของเขา นอกจากปิกัสโซ่แล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งที่ค่อย ๆ เปลี่ยนชีวิตและชำแรกเข้าสู่จิตวิญญาณเขาอย่างช้า ๆ คน ๆ นั้น คือ ฌ็อง (Jeanne) คนรักของเขานั่นเอง ความสัมพันธ์ของเขากับฌ็องเริ่มทุลักทุเล เมื่อเขามีลูกด้วยกัน ฌ็องพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ โมดี้ หยุดชีวิตแบบใต้ถุนสังคมของเขา หันมาดูแลตัวเอง ดูแลเธอ ดูแลลูก พยายามทุกวิธีที่จะทำให้ได้เงินมาจุนเจือบ้าง ผมเคยพูดอย่างทีเล่น ๆ กับใครบางคนไว้ว่า "มีผู้หญิงอยู่สองแบบที่ลำบากกับชีวิตมาก ๆ คือผู้หญิงเป็นเมียของเจ้าพ่อมาเฟีย (ใครเคยเห็นที่ ไดแอน คีตัน เล่นในก็อดฟาเธอ 1-3 คงเข้าใจดี) กับผู้หญิงที่เป็นคนรักของศิลปินอารมณ์ไม่มั่นคง" แต่ความรักของฌ็องที่มีต่อ โมดี้ ก็เป็นสิ่งที่เธออดทนดิ้นรนมาได้ตลอด จนกระทั่งเขายอมจัดงานแสดง แต่ก็ถูกทางการสั่งห้าม เพราะรูปของโมดี้เป็นรูปหญิงเปลือย (ความงี่เง่าของทางการแบบนี้ คุ้น ๆ กันบ้างหรือเปล่า)โมดี้มาจนถึงหนทางสุดท้ายที่จะได้เงินก้อนโต คือการลงแข่งประชันภาพวาด...ซึ่งนั่นจะทำให้เขาได้พิสูจน์ฝีมือกับปิกัสโซ่อย่างจริงจังเสียทีอีกด้วย ในค่ำคืนนั้น โมดี้ ขโมยชุดคลุมท้องสีฟ้ามาให้ฌ็องใส่ แล้ววาดภาพเธอที่นั่งบนเก้าอี้ ตอนนั้นฌ็องกำลังท้องลูกคนที่สอง
"คุณเคยไหม เคยรักใครมาก จนกระทั่งยอมลงนรกกับเขาได้เลย"
ในวันงานประกวดภาพ...โมดี้ กะทำให้ฌ็องแปลกใจด้วยการแอบไปจดทะเบียนสมรสก่อนไปเข้าร่วมงาน แต่นิสัยเดิมของเขาก็ทำให้เขาไม่สามารถไปเข้าร่วมงานได้ ในงานนั้น ภาพที่ปิกัสโซ่วาดมีชื่อว่า "โมดิกลิอานี่" ขณะที่รูปของตัวโมดี้เอง เป็นรูปที่ชื่อ "ฌ็อง" จากที่แล้ว ๆ มา ทุกคนจะปรบมือชมชอบปิกัสโซ่ ขณะที่โมดี้นั้นได้แต่เสียงเปาะแปะเล็กน้อยจากพวกเดียวกัน แต่ในครานี้ เป็นปิกัสโซ่เองที่เริ่มปรมมือนำขึ้นมาเป็นคนแรก ก่อนเสียงปรบมือจะค่อย ๆ ดังขึ้นจนทั่วห้อง แต่น่าเสียดายที่ โมดิกลิอานี่ ไม่มีโอกาสได้ยินเสียงปรบมือกึกก้องนั้น หลังเสียงปรบมือ ภาพของหนังก็นำพาไปสู่ฉากจบอันแสนเศร้า - อันเป็นธรรมดาของศิลปินผู้ตรอมตรมจมทุกข์ แต่ได้จุดตัวเองให้กลายเป็นพลุที่สว่างไสวชั่วนิรันดร์
"ก่อนที่ปิกัสโซ่จะตาย คำพูดสุดท้ายของเขาคือ..."
มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่ผมชอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ การเล่าเรื่องถึงแม้ว่าธีมจะเป็นชีวประวัติศิลปินผู้ทุกข์ยาก ที่มีให้เห็นมาแล้วหลายเรื่อง แต่การเล่าเรื่องของเรื่องนี้ทำได้ดีมาก อีกทั้งฉาก แสง และอารมณ์ของเรื่อง ฉากเปิดง่าย ๆ ที่ทำให้รู้สึกน่าติดตาม ตัวละครที่ไม่น่าเบื่อ ฉากที่ผมชอบมาก ๆ คือ ฉากที่ฉายภาพของศิลปินหกคนกำลังเพนท์รูปในสถานที่ของแต่ละคน ทั้งดนตรี-ภาพ และการแสดงออกของแต่ละคร ถ่ายทอดอารมณ์ของงานศิลป์เป็นอย่างดี แม้แต่คนที่ไม่รู้เรื่องจิตรกรรมอย่างผมก็สามารถสัมผัสรับรู้ได้
นี้จะเป็นหนังอีกเรื่องที่ผมจะไม่ลืม "...โมดิกลีอานี่"
Create Date : 19 พฤศจิกายน 2548 |
|
18 comments |
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2548 16:50:43 น. |
Counter : 3145 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ShadowServant (ShadowServant ) 19 พฤศจิกายน 2548 17:06:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: p_tham 19 พฤศจิกายน 2548 21:40:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: mike_h IP: 203.144.175.133 20 พฤศจิกายน 2548 21:26:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: นารูมิ 21 พฤศจิกายน 2548 13:14:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: ไม่บอกว่าใคร IP: 203.113.51.164 22 พฤศจิกายน 2548 15:54:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: HTK (HTK ) 22 พฤศจิกายน 2548 23:32:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ShadowServant IP: 202.28.27.3 23 พฤศจิกายน 2548 18:16:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: ShadowServant IP: 202.28.27.3 23 พฤศจิกายน 2548 18:22:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุดวิก IP: 61.91.248.169 23 พฤศจิกายน 2548 20:18:09 น. |
|
|
|
| |
โดย: zeasky IP: 203.144.249.9 23 พฤศจิกายน 2548 21:46:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจ้าหญิงวีนัส (ohvenus ) 24 พฤศจิกายน 2548 4:57:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: isava IP: 61.90.103.227 27 พฤศจิกายน 2548 19:56:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: แสงจันทร์ IP: 58.136.74.28 2 มีนาคม 2551 0:28:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: kimeya IP: 113.53.98.122 7 กรกฎาคม 2552 9:48:49 น. |
|
|
|
|
|
|
|
จริง ๆ หนังเกี่ยวกับ Picasso ก็มีเหมือนกัน
แต่ผมยังไม่เคยดู
คงต้องหามาดูประกอบ