|
ความเป็นมาของศาสนาต่างๆ (๑๑) |
|
คำสอนของพระพุทธเจ้า เริ่มต้นโดยเฉพาะ พระสูตรแรก เรียกว่า “ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร” เริ่มต้นว่า “เทวเม ภิกขะเว อันตา ปัพพะชิเตนะ นะ เสวิตัพพา” ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทางสองทางอันบรรพชิตไม่ควรเสพ ทางนั้นก็คือการปฏิบัติตนย่อหย่อนในทางกาม- “กามสุขัลลิกานุโยค” และ “อัตตกิลมถานุโยค” การทำตนให้ลำบาก ซึ่งปฏิบัติอยู่มากในสมัยนั้น ไม่ใช่ทางแห่งความพ้นทุกข์แล้วก็สอนข้อปฏิบัติ ไม่มีส่วนเกี่ยวเนื่อง กับ พระผู้เป็นเจ้า
พระพุทธเจ้าท่านเคารพสิทธิมนุษยชน สิ่งใดที่รู้ได้ พระองค์บอกเป็นความสามารถของมนุษย์ รับรองความสามารถของมนุษย์ ว่ามนุษย์นี้มีสมอง มีปัญญา สามารถที่จะคิดจะค้นให้เกิดอะไรขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่พระองค์เอามาสอนนั้น พระองค์จึงบอกว่า เราเป็น สยัมภู รู้เองในโลก เราจะไปอ้างใครเป็นครูเป็นอาจารย์เล่า
คราวที่พระองค์เดินทางจากพุทธคยาจะไปพาราณสีนั้น พบกับ อุปกาชีวก เป็นนักบวชประเภทหนึ่งเหมือนกัน มาถึงเห็นก็รู้สึกทึ่ง ก็ถามว่า ดูหน้าตาของท่านผ่องใสนัก ท่านเป็นศิษย์ของใคร ท่านชอบใจธรรมะของท่านใด ใครเป็นครูเป็นอาจารย์ของท่าน ?
พระองค์ตอบว่า เราเป็น “สยัมภู” ผู้รู้เองในโลก เราจะไปอ้างใครว่าเป็นครูเป็นอาจารย์เล่า เป็นคำพูดที่องอาจกล้าหาญ ไม่มีใครพูดมาก่อนในโลกของศาสนา พระพุทธเจ้าพูดเป็นคนแรกว่า เรารู้เองในโลก สิ่งที่เรารู้ เราค้นคว้า เราศึกษาจนกระทั่งได้มา เอามาสอนให้แก่ท่านทั้งหลายรู้ต่อไป
อันนี้เรียกว่า ไม่รับรองอำนาจเบื้องบน ไม่เกี่ยวข้องในเทพเจ้า เพราะสิ่งทั้งหลายมันอยู่ในหัวของมนุษย์ มนุษย์เป็นผู้คิดเป็นผู้สร้าง เป็นผู้ทำขึ้นมาทั้งนั้น ความดีก็มนุษย์คิดสร้างขึ้น ความชั่วก็มนุษย์สร้างขึ้น มนุษย์เป็นผู้สร้างด้วยเป็นผู้ทำลายด้วย สุดแล้วแต่อะไรมันเข้าไปอยู่ในใจ ถ้าพระเข้าไปอยู่ในใจ ก็มีความคิดในทางสร้างสรรค์ ถ้ามีมารเข้าไปอยู่ในใจ ก็คิดไปในทางทำลาย มันเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เนื่องด้วยอะไรที่ไหน พุทธศาสนาสอนอย่างนั้น ศาสนาอื่นสอนไปในรูปอื่น แตกต่างกัน
Create Date : 19 ธันวาคม 2564 |
Last Update : 19 ธันวาคม 2564 18:04:12 น. |
|
0 comments
|
Counter : 296 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|