กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กรกฏาคม 2565
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
21 กรกฏาคม 2565
space
space
space

แทรกเสริม(ไทสัน)
 
 

    ถ้าคุณมีเงิน 300 ล้านดอลลาร์ในมือ (10,755 ล้านบาท) ก็แปลว่าคุณสามารถใช้ชีวิตไปจนตาย โดยไม่ต้องทำงานอะไรอีกเลย เพราะต่อให้ใช้เงินไปเพลินๆ วันละ 1 ล้านบาท ใช้ 29 ปีติดต่อกัน เงินก็ยังเหลือ

เงินหมื่นล้านบาท ดูยังไงก็ไม่น่าจะมีทางใช้หมดได้ แต่มีนักกีฬาหนึ่งคนที่ใช้เงินก้อนนี้หมดเกลี้ยง ยิ่งเลวร้ายกว่านั้น คือเขาพลิกกลับมาติดหนี้ถึง 23 ล้านดอลลาร์ (824 ล้านบาท) อีกต่างหาก ไม่น่าเชื่อเลยว่า เงินที่มหาศาลขนาดนั้นจะหมดไปได้อย่างง่ายๆ เพียงนี้

คนที่เรากำลังจะกล่าวถึง มีชื่อว่า “ไมค์ ไทสัน” อดีตแชมป์โลก มวยสากลรุ่นเฮฟวี่เวท หนึ่งในนักกีฬาที่โด่งดังที่สุดของโลกใบนี้

ไมค์ ไทสัน เกิดมาในครอบครัวที่ยากลำบาก คุณพ่อชื่อจิมมี่ติดการพนันอย่างหนักแล้วทิ้งลูกทิ้งเมีย ทำให้ไทสันโตขึ้นมากับคุณแม่ตามลำพัง แต่คุณแม่ก็มาเสียชีวิต ตอนเขาอายุแค่ 16 ปีเท่านั้น

เมื่อไม่มีคนดูแลอบรม ไทสันจึงแสดงความก้าวร้าว ทั้งต่อยตีและขโมยของเป็นประจำ จนเข้าๆ ออกๆ สถานพินิจเป็นว่าเล่น แต่ชีวิตของเขาก็เจอจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ เมื่อได้รู้จักกับกีฬาชกมวย ทำให้เขาเอาความกราดเกรี้ยวที่มี ไปลงกับคู่ต่อสู้แทน

ไทสันเทิร์นโปร ตอนอายุแค่ 18 และใช้เวลาแค่ 2 ปีเท่านั้น ก้าวไปคว้าแชมป์โลก WBC ได้สำเร็จในเดือนพฤศจิกายน ปี 1986 ด้วยวัย 20 ปี กับอีก 4 เดือนเท่านั้น กลายเป็นแชมป์โลกรุ่นเฮฟวี่เวทที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์

ไทสันชกในรุ่นเฮฟวี่เวทก็จริง แต่เขาตัวไม่ใหญ่นัก หากเทียบกับนักชกรุ่นเดียวกัน ไทสันสูงแค่ 178 ซม. เท่านั้น แต่สิ่งที่เขามีคือพลังหมัดที่รุนแรงยิ่งกว่าปีศาจ และความเร็วที่เหลือเชื่อมาก มันคือพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด ไม่มีใครเซอร์ไพรส์ ที่เขาทะยานเป็นแชมป์ได้เร็วขนาดนั้น

เมื่อได้แชมป์โลก ชื่อเสียง เงินทอง และผู้หญิง จึงหลั่งไหลเข้ามาหาเขาอย่างถล่มทลาย ไทสันทำเงินจากการชกมวยได้มากถึง 300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในยุคนั้น ไม่มีนักกีฬาคนไหนจะร่ำรวยเทียบเคียงเขาอีกแล้ว

ปัญหาของไทสันเวลานั้น คือเขาไม่มีที่ปรึกษาเรื่องการเงินที่ดีพอ ไม่มีคำแนะนำเรื่องการจัดการภาษีที่ถูกต้อง จึงเกิดการค้างภาษียาวนานหลายปีติดกัน

นอกจากนั้น ด้วยการโตมากับชีวิตที่ยากลำบาก ทำให้พอมีเงินใช้คล่องมือ เขาก็จ่ายทุกสิ่งทุกอย่างแบบมือเติบ หลายอย่างไม่จำเป็นต้องซื้อ แต่ก็ยอมจ่ายง่ายๆ แบบไม่คิดอะไรเลย

ไทสันสะสมรถสุดหรู จำนวน 110 คัน มีทั้งเฟอร์รารี่, โรลส์รอยส์, คาดิลแลค, เบนท์ลีย์, ลัมบอร์กินี่, เมอร์ซีเดสเบนซ์, จากัวร์, แอสตัน มาร์ติน ฯลฯ รวมแล้ว ไทสันใช้เงินไปกับการซื้อรถอย่างเดียว 4.5 ล้านดอลลาร์ หรือ 161 ล้านบาท

ในงานปาร์ตี้วันเกิดอายุ 30 ปี เขาจัดงานเลี้ยงใหญ่โตมโหฬาร ใช้เงินไปคืนเดียว 410,000 ดอลลาร์ (14.6 ล้านบาท)

ไทสันซื้อของขวัญให้ภรรยาคนแรก โรบิน กีฟเวนส์ เป็นอ่างอาบน้ำที่ทำจากทองคำทั้งหมด มูลค่ารวม 2.2 ล้านดอลลาร์ (78 ล้านบาท)

ตามด้วยซื้อนาฬิกาหรูนับไม่ถ้วน หนึ่งในนั้นคือ นาฬิกายี่ห้อเพียเจต์ มูลค่า 760,000 ดอลลาร์ (27 ล้านบาท)

ในช่วงปี 1995-1997 เขาซื้อเพจเจอร์ และ โทรศัพท์มือถือ จำนวนมาก เป็นเงินรวม 230,000 ดอลลาร์ (8.2 ล้านบาท)

เช่นเดียวกับอสังหาริมทรัพย์ ไทสันก็ซื้อบ้านเอาไว้หลายเมือง ทั้งๆที่ อยู่บ้างไม่อยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น บ้านหลังยักษ์ที่คอนเน็คติคัท ที่มี 21 ห้องนอน 25 ห้องน้ำ มูลค่า 2.7 ล้านดอลลาร์ , แมนชั่นที่เนวาด้า, บ้านที่ฟีนิกซ์, บ้านที่แคลิฟอร์เนีย, บ้านที่โอไฮโอ, บ้านในนิวยอร์ก, บ้านที่แมรี่แลนด์ ฯลฯ

คือมนุษย์คนหนึ่งจะมีบ้านอะไรมากมายขนาดนั้น เหมือนพอมีเงินอยู่กับมือ ไทสันก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร สุดท้ายจึงซื้อบ้านหรูราคาหลายล้านดอลลาร์เอามาเก็บเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ใช้งานจริง

นี่ยังไม่นับค่าจิปาถะไร้สาระเต็มไปหมด เช่น ไทสันซื้อเสือโคร่งเอามาเลี้ยง ราคา 140,000 ดอลลาร์ และต้องเสียเงินค่าเลี้ยงดูในราคาสูงมาก ปีละ 125,000 ดอลลาร์ เป็นต้น

ไม่ใช่แค่เรื่องซื้อของแพงๆ เท่านั้น แต่นิสัยส่วนตัวของไทสัน ที่มีความเป็นเพลย์บอยนอนกับผู้หญิงไม่เลือกหน้าแม้ตัวเองจะแต่งงานแล้ว ทำให้เขามีปัญหาครอบครัวอยู่ตลอดเวลา ภรรยาคนแรก โรบิน กีฟเวนส์ ที่แต่งงานในปี 1988 ก็ตัดสินใจขอหย่าในปี 1989 ไทสันจึงเสียเงินสินสมรสจำนวนมากในการหย่าร้างครั้งนั้น

จากนั้นกับภรรยาคนที่ 2 โมนิก้า เทอร์เนอร์ เหตุการณ์ก็ลงเอยแบบเดิม เมื่อไทสันไปนอกใจ ทั้งๆ ที่มีลูกด้วยกันแล้ว 2 คน สุดท้ายโดนฟ้องหย่า เสียเงินไปอีก 10 ล้านดอลลาร์ (358 ล้านบาท)

มีนักข่าวเคยไปสัมภาษณ์ไทสันว่า ทำไมเขาใช้เงินบ้าคลั่งขนาดนั้น ซื้อของที่ไม่จำเป็นบ่อยมาก ดูเหมือนชีวิตจะไม่มีการวางแผนการเงินอะไรทั้งนั้น ซึ่งไทสันตอบง่ายๆ ว่า "ผมอยากจะใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองอยากใช้ อยากจะทำในสิ่งที่ผมอยากทำ"

การใช้เงินมหาศาลแบบเป็นเบี้ยนั้น วันที่คุณหาเงินได้มากกว่าที่ใช้หลายเท่า มันก็อาจไม่มีปัญหาอะไร แต่ไทสันนั้นพลาดตรงที่ไม่เข้าใจว่าวัฏจักรของนักมวย มันก็ต้องมีขาลง เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเขาก็ไม่แข็งแกร่งเหมือนเดิม ความเร็วก็ลดลง ยิ่งเขามีคดีติดคุกทำให้ไม่ได้ซ้อมอย่างต่อเนื่อง ฝีมือก็ลดลงไปอีก

ดังนั้นเมื่อไทสัน ต้องมาเจอกับคู่ต่อสู้ที่ฝีมือทัดเทียมกันอย่างอีแวนเดอร์ โฮลีฟิลด์ เขาจึงแพ้ถึง 2 ไฟต์ ติดต่อกัน เสียตำแหน่งแชมป์โลกอย่างน่าเจ็บปวด

ตอนแพ้โฮลีฟิลด์ ความตั้งใจของเขาคือจะคัมแบ็กกลับมาให้ไวที่สุด แต่ด้วยการทำอะไรไม่ยั้งคิดอีกครั้ง ทำให้เขาไปชกนักซิ่งมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งบนถนนหลวงในเขตแมรี่แลนด์ จนโดนจำคุกไป 9 เดือนเต็ม

ยิ่งอายุเริ่มเยอะ (32 ปี) แถมไม่ได้ฝึกซ้อมเต็มที่เพราะติดคุก ทำให้ไทสันฟอร์มแผ่วลงเรื่อยๆ และโอกาสได้แชมป์โลกหนสุดท้ายก็หลุดลอยไปเมื่อแพ้น็อกเลนน็อกซ์ ลูอิส ถึงตรงนั้น ไทสันก็ไม่ใช่นักมวยที่ "ขายได้" อีกต่อไปแล้ว

เมื่อรายได้จากการชกมวยหายไป ถึงตรงนี้การเงินของไทสันจึงมีปัญหาอย่างรุนแรงมาก เพราะรถยนต์ บ้านหรู ทุกอย่างเหล่านี้มีค่า Maintenance อยู่แล้ว แต่ละวันมันมีแต่ค่าใช้จ่ายเต็มไปหมด แถมเขาต้องเสียเงินค่าบำบัดยาเสพติดอีก เป็นราคาสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์

นอกจากนั้น สรรพากรยังมาไล่บี้ทวงเงิน เพราะเขาค้างจ่ายภาษีมาหลายปี ไทสันติดหนี้กับสรรพากรที่สหรัฐ 13.4 ล้านดอลลาร์ และติดหนี้สรรพากรที่อังกฤษอีก 4 ล้านดอลลาร์

นอกจากนั้นเขายังต้องหาเงินมาจ่าย หนี้สินที่ค้างชำระจำนวนมาก เช่น ติดหนี้สำนักงานกฎหมาย 7 แห่งที่เคยใช้บริการ (600,000 ดอลลาร์), ติดหนี้โปรดิวเซอร์เพลง จิมมี่ เฮนช์แมน (450,000 ดอลลาร์), ติดหนี้อดีตเทรนเนอร์ สเตซี่ แม็คคินเลย์ (800,000 ดอลลาร์) นอกจากนั้นยังติดหนี้ผู้หญิงชื่อ คิมเบอร์ลีย์ สกาโบโร่ ที่เขาไปมีเซ็กส์ด้วยแล้วผู้หญิงตั้งครรภ์ขึ้นมา เป็นค่าเลี้ยงดูบุตร อีกจำนวน 51,949 ดอลลาร์

ไทสันพยายามจะขายสินทรัพย์ที่ตัวเองมี แต่ก็โดนกดราคากระจาย เช่น อ่างน้ำทองคำ ที่เขาเคยซื้อให้ภรรยาคนแรก ตอนซื้อเขาจ่ายไป 2.2 ล้านดอลลาร์ แต่พอต้องการเงินแล้วหาคนซื้อต่อ ก็ไม่มีใครเอาเลย สุดท้ายเดอร์วู้ด ฮอดจ์กราสส์ เศรษฐีชาวอังกฤษ ซื้อเลหลังไป ในราคาแค่ 1.2 ล้านดอลลาร์ ไทสันขาดทุนไปครึ่งหนึ่ง

การบริหารการเงินที่ผิดพลาด ทำให้ไทสันมีหนี้สินมากมาย ขายทุกอย่างที่มีแล้วก็ยังปลดหนี้ไม่ได้ กลายเป็นวิกฤติที่เขาหาทางออกไม่เจอ รวมแล้วไทสันติดหนี้กับทุกๆ คน ทั้งสิ้น 23 ล้านดอลลาร์ (824 ล้านบาท) สุดท้ายเขาไม่มีเงินจ่าย ทำให้ในปี 2003 ไทสันกลายเป็นคนล้มละลายอย่างสมบูรณ์



https://www.facebook.com/jingjungfootball/photos/a.1763433500538559/3105665146315381/


    หลังจากล้มละลาย ไทสันเข้าคุกข้อหาเสพโคเคน และจากจุดนั้นที่ชีวิตตกต่ำที่สุด เขาก็สามารถคิดได้เสียที ว่าจะปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนี้จนเขาตายจริงๆ หรือ

ไทสันกล่าวว่า "ชีวิตที่ผ่านมาของผมมันสูญเปล่า มันมีแต่ความน่าผิดหวัง ผมรู้สึกอับอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตตัวเอง ผมอยากจะรักษาเกียรติยศที่เคยมีเอาไว้ แม้จะมีหลายคนจะบอกว่าผมเป็นความอัปยศของสหรัฐฯ  แต่เอาเป็นว่าผมอยากให้ชีวิตช่วงที่เลวร้ายของผมมันจบลงเร็วที่สุด ผมอยากให้ผู้คนกลับมายกย่องผมเหมือนเดิมอีกครั้ง ผมอยากจะฉีกภาพลักษณ์อันเลวร้ายออกให้ได้"

เมื่อคิดได้ดังนั้น ไทสันก็เริ่มนับหนึ่งด้วยการทำมาหากินอีกครั้ง เขาต้องการจะใช้หนี้ทั้งสรรพากร และทุกๆ คนที่ตัวเองติดหนี้ไว้ให้หมด จึงเริ่มรับจ๊อบด้วยการไปแสดงหนังและทีวีโชว์ (เช่นเรื่องยิปมันภาค 3 และ The Hangover) คือยังไงซะ เขาก็คือไมค์ ไทสัน ชื่อของเขามันยังขายได้

นอกจากนั้น เขาเดินสายจัดทอล์กโชว์ ชื่อ Mike Tyson: Undisputed Truth เดินสาย 36 เมืองทั่วประเทศ บอกเล่าประสบการณ์ขึ้นสุดลงสุดของชีวิต เพื่อเป็นอุทธาหรณ์ให้คนอื่นว่าคนมีเงินหลายล้านดอลลาร์ก็ยังตกอับได้ ซึ่งไทสันเป็นคนพูดเก่ง ทำให้มีคนมาฟังเขาเต็มแทบจะทุกรอบ สุดท้ายช่อง HBO ก็ซื้อลิขสิทธิ์เอาไปขายต่อด้วย

นอกจากนั้นยังตั้งใจเขียนหนังสือ 1 เล่ม ชื่อ Undisputed Truth โดยเล่าประวัติชีวิตที่ผ่านมาโดยละเอียด ซึ่งเขาเขียนแบบเจาะลึกเสียจน เป็นหนังสือเบสต์เซลเลอร์ของนิวยอร์กไทมส์ และได้รับรางวัลหนังสืออัตชีวประวัติยอดเยี่ยมแห่งปี ก่อนที่จะออกอัตชีวประวัติเล่มที่สองชื่อ Iron Ambition ซึ่งก็ขายดีเช่นกัน

ชื่อเสียงของเขากลับมาเป็นบวกอีกครั้ง และโฆษณาต่างๆ ก็เริ่มกลับมา จนสุดท้ายไทสันเก็บเงินได้เรื่อยๆ ค่อยๆ จ่ายหนี้ให้สรรพากรและเจ้าหนี้ทั้งหมด

สุดท้าย 10 ปีหลังจากแขวนนวมเขาก็กลายเป็นไท สามารถปลดหนี้สินได้สำเร็จ และกลับมาเป็นบุคคลที่ผู้คนสามารถรู้สึกชื่นชมศรัทธาได้อีกครั้ง

ปัจจุบัน ไทสันเปิดธุรกิจของตัวเองชื่อบริษัท Tyson Ranch และมีรายงานว่า มีสินทรัพย์ทั้งหมดถึง 3 ล้านดอลลาร์ (107 ล้านบาท) ซึ่งสำหรับคนที่เคยติดหนี้มหาศาล การพลิกปลดหนี้ และกลับมามีเงินทองได้มากขนาดนี้ ถือว่าสุดยอดมากแล้ว

เรื่องการใช้จ่าย ไทสันก็คิดอ่านมากขึ้น ปัจจุบันเขามีบ้านแค่หลังเดียว ที่ซื้อไว้ใช้อยู่อาศัยจริงๆ รถยนต์ก็มีเท่าที่จำเป็น ความฟุ่มเฟือยไร้สาระเช่นเลี้ยงเสือโคร่ง หรือซื้ออ่างอาบน้ำทองคำ เขาไม่คิดจะทำมันอีกแล้ว

ไทสันยอมรับว่า สิ่งเลวร้ายเหล่านี้มีเรื่องดีอยู่อย่างเดียว คือเขาจะเอามันไปสอนลูกได้ ไทสันกล่าวว่า “ผมสอนลูกว่า ต้องเชื่อมั่นในตัวเองและทำงานหนักที่สุดจึงจะได้เงินมา ผมจะไม่เอาเงินไปให้ลูกๆ ใช้อย่างอิสระโดยเด็ดขาด เพราะถ้าผมเอาเงินให้พวกเขาใช้ง่ายๆ มันมีแต่จะไปทำร้ายลูกๆ ในทางอ้อม

สำหรับเรื่องราวของไมค์ ไทสัน เป็นกรณีศึกษา ที่ถูกวิทยากรทั่วโลกนำไปสอน เพราะวิธีการหาเงิน กับวิธีการรักษาเงิน มันคนละศาสตร์กัน แค่มีเงินอย่างเดียวไม่ได้  แต่ต้องเข้าใจด้วยว่าจะเก็บมันอย่างไรให้ยั่งยืน

ที่สำคัญ เมื่อคุณขาด Financial Literacy หรือความเข้าใจในเรื่องการเงิน ก็ทำให้สิ่งที่อุตส่าห์หามาอย่างยากลำบาก หมดสิ้นไปได้อย่างไม่รู้ตัวเลย ในกรณีของไทสันยังโชคดีที่สุดท้ายเขายังปีนขึ้นมาจากหุบเหวได้ ซึ่งก็คงไม่ใช่ทุกคนในโลกแน่นอน ที่ตกเหวลงไป แล้วจะปีนกลับมาได้แบบนี้

วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนผู้โด่งดังเคยกล่าวคติสอนใจเอาไว้ว่า "ถ้าคุณซื้อสิ่งของที่ไม่จำเป็นกับชีวิต ในไม่ช้าคุณต้องขายสิ่งที่จำเป็นในชีวิตเป็นการแลกเปลี่ยนเสมอ"

หรือเราพอจะบอกได้ว่า ถ้าไม่รู้จักการดูแลรักษาเงินตั้งแต่วันที่ยังมี ก็มักจะเสียใจเสมอในวันที่ไม่เหลือเงินให้รักษาอีกต่อไปแล้ว


Create Date : 21 กรกฎาคม 2565
Last Update : 2 ธันวาคม 2565 9:17:05 น. 0 comments
Counter : 519 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space