จังหวะของย่างก้าว
"จะ" คำคำนี้เรามักจะใช้กันบ่อยๆในชีวิตประจำวัน และหมู่นี้เราก็ใช้มันบ่อยเหลือเกิน บ่อยจนสำนุกได้ว่า "จะ" เป็น future tense มันคือคำว่า "will" หรือ "going to" ในภาษาอังกฤษ และคำคำนี้มันตอกย้ำให้รู้ถึงแรงเฉื่อยของแต่ละก้าวที่เราเดินไป
เราเรียนปริญญาโทอยู่และมันถึงช่วงที่จะต้องทำ thesis ไม่มีการเรียนในห้องอีกแล้ว เป็นช่วงที่ขึ้นอยู่กับความรับผิดชอบล้วนๆ
เราทำแลปเสร็จแล้ว ส่งเล่มก็ส่งแล้ว แก้งานก็แก้แล้ว สิ่งที่เหลือคือนัดสอบป้องกันวิทยานิพนธ์ (defense thesis) เท่านั้นเอง เดินมาจนจะถึงทางแยกอีกทางที่จะต้องเลือกต่อวาจะไปทางไหนดี เหลืออีกแค่ไม่กี่เปอร์เซนต์ก็จะถึงอยู่แล้ว แต่เราเลือกที่จะหยุดยืนและรอดูรอบๆตัว
"ผึ้งเรียนจบหรือยัง"
"อื้อ...จะจบแล้ว"
ไอ้คำว่าจะจบนี่พูดมานานหลายเดือนจะครึ่งปีเข้าไปแล้ว มันน่าจะจบได้แล้ว แต่แรงเฉื่อยช่วงนี้มันรุนแรงเหลือเกิน มันเป็นระยะดักแด้เลยล่ะ เป็นช่วงที่มัวซุกตัวอยู่ในรังไหมอันแสนอบอุ่นและปลอดภัย ขี้เกียจที่จะลุกออกไปลุยกับอะไรหลายๆอย่างที่นอกบ้าน
ถูกแล้ว "จะจบ" แปลว่ายังไม่จบ แต่เราก็สบายดีแบบยังไม่จบนี่หล่ะ
ยังไม่จบคือ ความรับผิดชอบหลักจะอยู่กับเรื่องเรียน เราก็รับผิดชอบนะแต่น้อยหน่อยไง
มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวหรอกนะเพราะมันคือคำสารภาพต่างหาก หลายคนมาแซวๆ (กระแนะกระแหนในทางที่สร้างความครึกครื้น)ว่ามัวแต่เที่ยว เลยไม่จบเสียที
ไม่อยากจะบอกเลยว่าถึงอยู่กรุงเทพทุกวันก็ยังไม่จบอยู่ดี
แรงเฉื่อยกำลังแรงสูงในช่วงนี้ไม่ใช่ไม่ดี เราชอบมันมากเลยนะ เพราะมันทำให้เราหยุดมองดูหลุมข้างหน้าได้ละเอียดขึ้น มองดูทิวทัศน์ข้างทางเสียบ้าง หันมาสนใจเพื่อนรอบๆตัวมากกว่าแลปที่ต้องรับผิดชอบหรืองานที่กองอยู่ตรงหน้า
ใครจะว่าเราเสียเวลา แต่สำหรับเราเรากำลังใช้เวลาเพื่อเปิดตามองอะไรรอบๆตัวให้ลึกซึ้งต่างหาก
Create Date : 05 มกราคม 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 5 มกราคม 2550 20:08:38 น. |
Counter : 543 Pageviews. |
|
|
|
เอาเปนว่า ถ้าหนูรู้สึกโอเคกับที่เป็นอยู่ ก็ทำไปเถอะ ...
ก็นะ...เม้นต์จากคนที่เฉื่อยกว่า ก็งี้แหละ แหะ แหะ