No matter what,I'll be with you... No matter how, i will be loving you...
Group Blog
ordinary days
vacation
writing and reading
love and learn
<<
พฤษภาคม 2549
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
9 พฤษภาคม 2549
เขาตาปู and เขาพิงกัน
All Blogs
ดึกแล้ว!!!!!!!!!!
เปลี่ยนวัน เปลี่ยนเดือนแต่ปีเดิม
1-2 call Idea show case - งานอุดมศิลป์ของคนมีไอเดีย
My Samurai นายตัวแสบ
ทางเดินของชีวิต
Build the house: Build the hope: Build the future
I wanna go back home!
แจวมาแจวจ้ำจึกน้ำนิ่งไหลลึกนึกถึงคนแจว...
สิ่งดีดีในวันร้าย-ร้าย
สีสันของการเดินทาง
ถึงสุดที่รักที่รักสุดๆ
Enchanted with McDreamy :)
2008 Agenda for my life
รับลมหนาวที่เชียงใหม่
เมื่อหญิงร้ายและชายโง่
bad day ก็แค่วันแย่ๆอีกวันของชีวิต
Hua Hin Hansa
crying out loud
9 days @ Shanghai
วิธีการหมัก TAG
Save The Global Tropical Paradise
"ยังจำไว้"
สวนของพ่อ (King Rama 9 Garden)
มีความสุขในทุกๆวัน
เสน่ห์เมืองร้อน ตอนตลาดนัดจตุจักร
Hello World!!!
วันหยุด!!!!
เฮฮามหาบัณฑิต
หวานใจ WEDDING DAY
ดับกระหายไม่คลายร้อน
ONE SWEAT DAY TRIP @ KOH KRET
ดอกไม้ในทุ่งนา
ระยะห่างระหว่างเรานั้นเท่าไหน?
Born to Love You
ลุกชายตาโตชวนลงอ่าง ^_________^
วันร้อนๆอีก 1 วัน
ขอให้รักจงเจริญ
วันหยุด... กับทุ่งดอกทานตะวันจิ๋ว
ไม่มีสัญญาไม่มีอะไร ไม่อยากผูกมัดกัน...
1 litre of tears
...
เรื่องรักของเรา
ทางไหนดีนะ?
พระจันทร์เที่ยงคืน
เป็นไทแก่ตัว
Indy Book Film Music Art Festival 4
หนาวเนื้อห่มอะไรถึงจะหายหนาว
breathless
ตัวของเรานั้นเท่าไหร่?
My secrets
จังหวะของย่างก้าว
ตะรุเตาร้อนๆค่า
เขาคิชฌกูฏ
Phuket round 1
ปรี๊ด....
"แค่เสียการทรงตัวและหัวใจ"
เมื่อรักไม่ช่วยอะไร
ลมหนาวแรกของปี
แม่เก้าอี้
สมการหัวใจ
ฟ้าจ๋าฟ้า
ง. งูใจกล้า
คนเก่ง
CSI
If you have one day left, what would you do?
หย่อมความขี้เกียจกำลังแรงพัดปกคลุมชีวิต
tanks and troops
อีกหนึ่งวันดีดีที่อยากเล่า
How to make our love grow
ยาสีฟัน
เรื่องมันน่าคิดตาม
Dives for fun : fun dives
It's always the same
7-07-06 good time - sweet memories
เดินทาง
ด้วยมือและแรงใจของหลายๆคน
Love is all around
สิมิลัน
เขาตาปู and เขาพิงกัน
Dear hLin
Little place in our childhood
ความฝันเก่าเก็บ
คู่มือเลี้ยงแม่ให้ถูกต้อง
มหาลัย มหาหลอก เด็กชายบ้านนอก เด็กหญิงบ้านนา
Diver
ผ่านไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เหนื่อย
เพื่อนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
ขอโทษนะคะ
แด่ปา เพื่อนของฉัน
ใจเย็นและเฉื่อยชา
แมวโง่?
อารมณ์อยากเขียน
มุมส่วนตัว
the matador
ไร้สาระ
ชีวิตที่ปกติ
ดึกแล้ว
เมายา
รักให้เป็น
มองสิ่งต่างๆในมุมที่ดี
สะลึม สะลือ
วันนี้มันวันอะไรวะเนี่ย
น้ำตา น้ำตาล น้ำตื้น
ใกล้-ไกล หัวใจคงเดิม
เกมศูนย์ ถล่มทลายครับงานนี้
ถึงแก่อายุไข
ไปทางไหนดี?
Munich
a long long time
coming soon
แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่
มาฆบูชา
เหตุผลของคนไม่หลายใจ
แค่เส้นทางที่ต้องผ่านไปให้ได้นะเพื่อนนะ
ทำบุญ เข้าวัด
ขี้เกียจ
Difficult time
เหนื่อยเป็นวุ้น
รถเมล์เมืองไทย
ล้น
กีฬา กีฬาเป็นยาวิเศษ...
....
Renew all
Be myself ...
beyond the line
I was in the mode of blue
พิซซ่า ขนมปังกระเทียม
วันเกิดฉัน
ความรักและหัวใจ
จดหมายจากเพื่อน
New year , no party
Narnia
The Pool
เพื่อนจะแต่งงาน?
เพื่อนเก่าในปัจจุบัน
The Greatest Victory
ใกล้เข้ามาทุกที ทุกที
ทำไมผู้หญิงถึงไม่ชอบผู้ชายดี ๆ
ที่รักของฉัน
"มนุษย์เรานี้หนา น่ารังเกียจ"
When we were young...
~เจ้าตัวยุ่ง ...จอมป่วน -_-"
Only for you va..~
**ของเล่นของใคร**
-_-" ว้าวุ่น
~~BuRi TaRa~~
เรื่องเล่าจากบ้าน (นอก)
มรสุม...
Nothing is easy...
work hard...start lazy
สิงห์มือซ้าย
ชีวิตในวันธรรมดา
เขาตาปู and เขาพิงกัน
link ของตอนแรกค่ะ
//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=salamigirl&group=2
การเดินทางของวันที่สอง
หลังจากที่เราดื้อแอนด์รั้นจะไปอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงาให้ได้ เราก็ได้ไปสมใจอยาก ระยะทางเพียงแค่ 50 km กลายเป็น ตั้ง 50 km. ไปซะอย่างนั้นเพราะถนนมีแค่ 2 เลน เส้นทางที่เราเลือกขาไปผ่านอำเภอเมืองด้วยล่ะ เพราะอุทยานแห่งนี้อยู่ใกล้กับอำเภอเมือง
เราหลงขับรถตามป้ายไปเรื่อยๆ เจอป้ายป้ายหนึ่งชี้ให้เลี้ยวขวาไปในซอยเล็กๆ ที่ยิ่งขับลึกเข้าไปก็ยิ่งเล็กและขรุขระขึ้นเรื่อยๆ รถที่เราเอามาก็ไม่ใช่รถลุยๆเสียด้วยสิ ถ้าเจออย่างนี้ตลอดทางก็แย่แน่เลยตัดสินใจย้อนกลับ พอขับไปสักพักก็เอาอีกเลี้ยวขวาตามป้ายอีก คราวนี้สองข้างทางที่ขับเข้าไปเป็นป่ายชายเลน ถนนเป็นถนนลูกลังที่ฝุ่นไม่มากนักเพราะน้ำจากป่าชายเลนขึ้นมาถึง ท่วมเป็นหย่อมๆ เรายังแอบสงสัยกันว่าถ้าขากลับน้ำขึ้นท่วมทางหมดเราจะเอาชีวิตรอดออกไปได้อย่างไร แต่เมื่อขับไปสักพักเราก็ทะลุออกมาเจอทางลาดยางสายเก่าที่เราขับมา
โอ้ ตะลึง
เรือที่จะเช่าไปเที่ยวนั้นก็จะอยู่แถวอุทยานนั่นแหละ มีมากมายหลายเจ้า แข่งกันโฆษณา ใครชอบใจถูกชะตากับเจ้าไหนก็เลือกกันไป
เรือมีหลายราคา หลายขนาดให้เลือก แต่เราเลือกเรือหางยาวขนาด 8 ที่นั่งราคา 800 บาท เป็นเรือเล็กที่สุดมีหลังคาแต่ไม่สามารถบังแดดได้ 555 เพราะแดดมันส่องมาจากด้านข้างน่ะสิ ไม่ใช่ด้านบนเสียหน่อย
เราจะนั่งเรือผ่านป่าชายเลนสองด้านนานพอควรก่อนจะถึงปากอ่าวเห็นทะเล น้ำบริเวณนี้เป็นสีกาแฟ ขุ่นพอสมควร
เขาหมาจู จุดแรกที่จอดเรือแวะดู แต่ดูยังไงก็ไม่เหมือนสักที
คนขับเรือจะพาเราแวะดูสิ่งที่น่าสนใจ เริ่มจากถ้ำเล็กๆ มองเห็นรูปวาดอยู่ด้านใน เป็นภาพคนหาปลา พี่ขับเรือบอกว่าภาพนี้วาดมานานแล้ว แต่ก็ไม่รู้หรอกนะว่านานเท่าไหร่ ไม่เป็นไรพี่ แค่นี้ก็ดีใจแล้วเพราะถ้าพี่ไม่ชี้หนูก็ไม่เห็น ...แล้วก็ผ่านไป
รูปภาพที่วาดในผนังหิน มองออกไหมเอ่ยว่ารูปอะไร
จากนั้นเราจะผ่านถ้ำลอด ที่ถ้ำนี้ถ้าคุณมากับทัวร์ คุณอาจจะได้พายเรือคายักโดยจ่ายเงินเพิ่มเล็กน้อยรอบๆเขา เป็นบริเวณที่ร่มรื่นเหมาะกับการพายเรือเล่นมาก มีเขาเล็ก-ใหญ่อยู่รอบๆ แต่ทะเลที่นี่ไม่เหมาะกับการเล่นน้ำนะคะ เพราะน้ำค่อนข้างขุ่น และสีของน้ำทะเลจะออกเป็นสีเขียวต่างจากบริเวณเขาหลักที่เราพักอย่างชัดเจนที่น้ำบริเวณนั้นจะใสและเป็นสีออกโทนฟ้า-น้ำเงิน
เรานั่งเรือผ่านถ้ำลอดแล้วคนขับเรือก็พาเรามุ่งไปเขาตาปู ไฮไลต์ของวันนี้ทันที ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าเราทั้งสองคนไม่เคยมาเห็นเขาตาปูของจริงมาก่อน ก็จินตนาการเอาไว้ว่าใหญ่โตไม่เบา แต่เมื่อเห็นของจริงก็อดผิดหวังเล็กน้อยในด้านขนาดไม่ได้ แต่เรื่องความสวยนี่โอเค ผ่าน
เขาตาปู หนึ่งในเป้าหมายหลัก
นักท่องเที่ยวมากมายกว่าที่คิดไว้มากนัก เราต้องลงจากเรือเดินข้ามเขาไม่ไกลนัก และลุยน้ำทะเลอีกหน่อยเพื่อจะไปยังจุดที่เห็นเขาตาปูได้อย่างชัดเจน และจุดนี้เราก็จะพบที่ซื้อของฝาก ทำจากเปลือกหอยขนาดต่างๆ ตั้งแต่เล็กจนถึงมโหฬาร เราก็เลยถามแม่ค้าว่าหอยนี่เอามาขายเค้าไม่จับเหรอ เค้าก็ตอบว่า โฮ้ย อันนี้เอามาจากอินโด เมืองไทยไม่มีใหญ่ขนาดนี้หรอกน้อง
มานั่งตีความหมายกันดีกว่านะคะ
ประเด็นที่หนึ่งคือ ไม่ว่าหอยนั้นจะเอามาจากที่ไหนก็ไม่ควรเอามาไม่ใช่เหรอ มันเป็นสมบัติของท้องทะเลนะคะ
ประเด็นที่สอง เมืองไทยไม่มีหอยใหญ่ขนาดนี้เพราะคนไปเก็บมันมาใช่ไหมคะ หอยมันคงไม่หายจนหมดทะเลแน่ถ้าเป็นการกระทำปกติตามระบบนิเวศ
ประเด็นสุดท้าย พี่ไม่เสียใจเหรอว่าบ้านเราไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนเคย แล้วเรายังพยายามจะไปทำให้ทะเลบ้านอื่นเขาเหี่ยวแห้งเหมือนบ้านเราอีก
แต่สิ่งที่น่าดีใจคือ มีคนเพียงน้อยนิดที่สนใจซื้อของพวกนี้
เราเดินไปดูเขาพิงกัน เป็นแผ่นหินเรียบขานดใหญ่ (ก็เขานั่นแหละ) มันพิงหิน (เขา) อีกลูกหนึ่งอยู่ เขาว่าเพราะมีการเลื่อนตัวของพื้นใต้ทะเลทำให้หินนี้แยกจากกัน และหินแผ่นหนึ่งจึงเอนมาซบหินอีกก้อนหนึ่ง
เขาพิงกันค่ะ
ความรู้ใหม่อีกอย่างหนึ่งคือชาวต่างชาติจะรู้จักเขาตาปูในนาม Jame Bonds island เพราะสมัยปี 1972 เคยมาถ่ายหนังเรื่องนี้ที่นี่ เขาเลยเรียกกันอย่างนี้มาตลอด
ขากลับเราผ่านหมู่บ้านปันหยี เป็นหมู่บ้านประมง เอาไว้แวะทานข้าวและซื้อของฝากซึ่งเราสองคนไม่สนใจเลยกลับ เบ็ดเสร็จทริปนี้เราใช้เวลาทั้งหมดไป 3 ชั่วโมงไม่รวมเวลาขับรถไป-กลับ
ขากลับเรากลับอีกทางนึง ก็ลองขับมาเรื่อยๆเพราะโปรแกรมวันนี้เราหมดแล้ว ไม่รีบเลย แวะหาข้าวกิน ก็ได้ร้านน้องโอ๋ เป็นร้านข้าวข้างทางที่ดูดีทั้งร้านและรสชาติ ร้านร้านนี้นี่คนในพื้นที่รับรองเลยนะว่าอร่อย
เราตัดสินใจแวะอุทยานแห่งชาติ เขาหลัก-ลำรู่ใกล้ที่พัก จุดนี้เป็นเหมือนต้นของชายหาดเขาหลัก
จอดรถเสร็จเราก็มองเห็นป้ายจุดชมวิวชี้เข้าไปในป่า เราก็เอาเว้ย ไหนๆก็มาแล้วก็เดินเข้าไป
เดินไกลมากกกก น่าจะเกิน 500m ตามที่ป้ายชี้แล้วด้วยซ้ำแต่ก็ไม่ถึงที่หมายเสียที เห็นแต่ทะเลอยู่ด้านข้างไกลๆ
ทางที่เดินก็ใช่จะดีเพราะทางเดินค่อนข้างแคบ ข้างหนึ่งต้นไม้และอีกข้างเป็นเหวที่ถ้ากลิ้งลงไปก็ไปเก็บกันข้างล่างได้เลย แต่ถ้าโชคดีอาจไปติดต้นไม้รอดตายได้บ้าง เดินไปเกือบชั่วโมงไม่มีวี่แวว เราเลยเดินกลับก็เดินจะถึงยอดเขาอยู่แล้ว ทางก็ไม่ได้เป็นทางเดินคนปกติแล้ว เดินเหยียบหญ้าอ้อมต้นไม้ น่าจะดูผจญภัยเกินกว่าจะเป็นทางที่ใช้ไปจุดชมวิว
ขากลับฉันยังแอบซนจะไต่เขาชันๆลงไปหาทะเลที่เห็นลิบๆ แต่โตคงเป็นห่วงว่าฉันก็ใช่ว่าจะคล่องแคล่วเดี๋ยวกลิ้งโค่โร่ลงไปละก็แย่แน่ๆเลยห้ามและดึงๆกันกลับ
เราตัดสินใจเดินไปร้านข้าว (เปลี่ยนชื่อทริปเรียกว่าทริปเห็นแก่กินน่าจะดี) สั่งน้ำมาดื่มแล้วก็ถามน้องที่นั่น น้องบอกว่าเราเดินไกลไป มันเดินเข้าไปนิดเดียวแล้วก็ไต่ลงไปข้างล่างก็จะมองเห็นแล้ว
โอ้ เขางอกแล้วฉัน เขางอกแล้ว
จากมุมนี้มองลงไปเห็นจุดชมวิวที่โขดหินปลายสุดนั่นไง เป็นหินที่เราไปไม่ถึง 555
เราตัดสินใจไม่ไปต่อ กลับที่พักกันดีกว่าเรา แล้วพอเย็นๆเราก็ไปที่นางทองพลาซ่า เป็นถนนที่สองข้างทางเป็นร้านอาหารและร้านค้ามากมาย ส่วนใหญ่ถ้าไม่ใช่ร้านข้าว ก็เป็นร้านเสื้อ และที่มากที่สุด ต้องยกตำแหน่งชนะเลิศให้ก็คือร้านดำน้ำที่เยอะจริงๆ เยอะจนเหลือเชื่อเลย
เราเลือกร้าน la muan นั่งหม่ำๆกันจนพุงกางแล้วก็กลับบ้านกระทิงนอนพักผึ่งพุง เก็บแรงพร้อมลุยกันพรุ่งนี้ต่อไป
สิมิลัน!!!!!!!!!!
Create Date : 09 พฤษภาคม 2549
Last Update : 24 พฤษภาคม 2549 12:47:13 น.
11 comments
Counter : 1701 Pageviews.
Share
Tweet
ภาพสวยอีกแล้วจ้ะน้อง เห็นแล้วคิดถึงเมืองไทยนะ
โดย:
อินทรีทองคำ
วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:33:08 น.
ตามมาเที่ยวด้วยค่า
โดย:
อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ
วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:51:43 น.
แง่วๆ อ่านเรื่องราว เห็นรูปแล้วอารมณ์เหมือนพี่ปลาเลยจ่ะ
โดย:
JewNid
วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:19:33 น.
เคยแค่แวะผ่านๆ ค่ะ ยังคิดว่าต้องหาโอกาสเจาะไปที่นั่นให้ได้
รอดูทริปสิมิลันค่ะ
โดย:
สายลมโชยเอื่อย
วันที่: 9 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:44:09 น.
วันนี้ได้โปสการ์ดแล้ว
ขอบคุณมากจ้า
โดย: yusaku IP: 158.108.132.237 วันที่: 10 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:10:16 น.
สวัสดีครับ
ถ้าตอนกลับน้ำท่วมทางก็เช่าเรือเลาะเข้าอ่าวไทยเลยครับ อิอิ
โดย:
news_tp
วันที่: 20 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:47:23 น.
อยากไปอีกจัง
โดย:
opleee
วันที่: 21 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:26:54 น.
อยากจะไปมากๆเลยที่พักราคาเท่าไรคะ
โดย: สตางค์ IP: 222.123.219.154 วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:21:59 น.
ภาพสวยมาก
โดย: เครื่องเสียงกลางแจ้ง IP: 124.122.81.224 วันที่: 11 ตุลาคม 2552 เวลา:12:32:30 น.
สวยจังอยากไปสักครั้งในชีวิต
โดย: จ๋าจ้า IP: 202.139.223.18 วันที่: 24 ตุลาคม 2552 เวลา:19:18:56 น.
สวยมากกกกกกกกกกกกกกกกคะ เคยไปแล้วคะ ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ 5555
โดย: บอมแบม IP: 182.53.209.207 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:59:47 น.
ชื่อ :
Comment :
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
salami girl
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
?
]
Friends' blogs
รำเพย
blueberry_cpie
ป้าหนอน
kaman
สายลมโชยเอื่อย
JewNid
p_tham
อินทรีทองคำ
aggressive red rabbit
yusaku
scubalove
VA_Dolphin
wayo
++แขวน++
Beebie
Webmaster - Bloggang
[Add salami girl's blog to your web]
Links
BhuMiSo
Bloggang.com
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.