Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2560
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
16 กุมภาพันธ์ 2560
 
All Blogs
 

Welcome to Los Angeles





หากมีการจัดอันดับวิศวกรหนุ่มอนาคตไกลสุดเซ็กซี่ประจำรัฐแคลิฟอร์เนียรับรองว่า ‘โรนัล ฌอน คอนเนอร์’ ต้องติดหนึ่งในห้าอย่างไม่ต้องสงสัยด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ดูดีและแข็งแรงราวกับนักกีฬาเขาคงได้อันดับหนึ่งด้วยซ้ำ ติดที่ความอบอุ่นในดวงตาสีน้ำตาลเข้มและเรือนผมสีเดียวกันช่วยกดข่มความเซ็กซี่นั้นให้เป็นเพียงความอบอุ่นละมุนละไมดั่งแสงตะวันยามเช้าความเป็นมิตรราวกับเปล่งประกายจากตัวเขา ดังนั้นไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน ชายหนุ่มก็มักจะได้รับไมตรีจากผู้คนรอบข้างเสมออย่างน้อยเวลาที่เขาส่งยิ้มให้ใครสักคนก็ไม่เคยได้รับความเฉยเมยตอบกลับมา

ไม่เคยมีใครเพิกเฉยกับรอยยิ้มของฌอนมาก่อนจนกระทั่งเขาได้พบ ‘เธอ’ หญิงสาวที่ขึ้นเครื่องไฟลท์เดียวกันจากญี่ปุ่นสู่ลอสแอนเจลิสบนที่นั่งชั้นหนึ่งซึ่งมีความสะดวกสบายและเป็นส่วนตัวสูง เขาไม่คาดหวังจะได้เพื่อนคุยแต่เมื่อส่งยิ้มให้คนซึ่งได้ที่นั่งติดกันบนเครื่องบินแอร์บัส A380 เธอกลับเมินหน้าหนี แน่นอนว่าเขาได้สบตาเธอตรงๆแล้วจึงสามารถบอกได้ว่าหญิงสาว ‘เมิน’ ในความหมายตรงตัว

หากที่นั่งติดกันในความหมายว่า‘ติด’ จริงๆแบบการนั่งเครื่องชั้นประหยัด เขาต้องชวนหญิงสาวคุยแน่เพื่อแก้ไขสถิติการส่งยิ้มที่ไม่เคยมีใครเมินจนกระทั่งถูกเธอทำลายแต่หากเขาทำเช่นนั้นบนสายการบินที่แสนจะหรูหรานี้แล้วเธอยังเมินอีกละก็มีหวังเขาได้ถูกแอร์โฮสเตสคนสวยตักเตือนเอาแน่ๆ แม้จะเป็นการตักเตือนตามหน้าที่และอาจมีบางอย่างต่อจากนั้นในภายหลังก็เถอะนาทีนี้บอกเลยว่าคนที่เขาสนใจมากที่สุดก็คือหญิงสาวผู้ไม่สนใจรอยยิ้มของเขานั่นต่างหาก

ในตอนแรกชายหนุ่มเพียงหันไปสบตากับเธอโดยบังเอิญแต่ใบหน้าสวยแปลกของหญิงสาวก็ทำให้ฌอนหยุดสายตาไว้และส่งยิ้มเป็นมิตรนำร่องก่อนทำความรู้จักในลำดับถัดไปแต่เธอกลับวางหน้าเฉยแล้วปรับเบาะนอน สวมที่ปิดตา ตัดรอนอย่างเฉยชาที่สุดจนเขาอึ้ง

เรื่องนี้กวนใจชายหนุ่มตลอดการเดินทางร่วมสิบสองชั่วโมงดังนั้นเมื่อถึงสนามบินลอสแอนเจลิสเขาจึงพยายามเดินตามหญิงสาวให้ทันเพื่อที่จะทำความรู้จักกับเธอให้ได้ดูเหมือนโชคจะเข้าข้างเขาเมื่อได้กระเป๋าเดินทางจากสายพานแล้วเธอก็ยืนหันซ้ายหันขวามองป้ายเหมือนไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหนต่อดี

“ขอโทษครับคุณรอใครมารับรึเปล่า?” ชายหนุ่มแฉลบมายืนข้างและยิงคำถามอย่างเป็นกันเอง

หญิงสาวหันมาทางเขาดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องกลับมาอย่างฉงนฉงาย เส้นผมสีน้ำตาลจนเกือบดำล้อมกรอบใบหน้ารูปไข่คิ้วหนา จมูกโด่ง ริมฝีปากอิ่ม พวงแก้มเปล่งปลั่ง ผิวสีน้ำผึ้งเนียนละเอียดเธอสวยแปลกตาและดึงดูดเขามากจริงๆ และฌอนบอกได้ทันทีว่านี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวมองเห็นเขาจริงๆ

“ฌอนคอนเนอร์ครับ ผมเกิดและโตที่นี่ ยินดีที่ได้รู้จัก” เขาส่งมือให้เธอจับตามธรรมเนียมตะวันตก

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะคุณคอนเนอร์”เธอแตะมือทักทายเขาและมองชายหนุ่มด้วยแววตายินดีอย่างเปิดเผย

“เรียกผมฌอนเถอะครับ”เขาเอ่ยเสียงนุ่ม รอยยิ้มที่ไม่เคยถูกใครเมินเฉยถูกส่งให้หญิงสาวอีกครั้งมือที่สัมผัสกันยังไม่ยอมปล่อยมือนุ่มเป็นอิสระ

หญิงสาวยิ้มหลุบตามองมือที่ถูกจับไว้นานจนผิดวังเกตเล็กน้อยเป็นการเตือนเขากลายๆ “ค่ะ ฌอน”

เขาเริ่มรู้สึกตัวจึงหัวเราะแก้เก้อปล่อยมือเธอและท้วงว่า “คุณยังไม่ได้บอกชื่อเลยนะครับ”

“อ๊ะโทษทีค่ะ เรียกฉันแธมก็ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินทางคนเดียว ฉัน...เอ่อ...” เธอยักไหล่พร้อมรอยยิ้มประหม่าอย่างคนที่ตื่นเต้นจนลืมมารยาทพื้นฐานในการแนะนำตัวไป

“ครับเป็นเรื่องธรรมดา คนเรามักตื่นเต้นกับอะไรใหม่ๆ มาเที่ยวเหรอครับ หรือมาเรื่องงาน”ชายหนุ่มชวนคุย

ใบหน้าเขามีรอยยิ้มเกือบตลอดเวลาดูอบอุ่นและเป็นกันเอง เป็นบุคลิกที่ดึงดูดให้ผู้คนเข้าหา ไม่ว่าจะเป็นสาว แก่แม่ม่าย หรือแม้แต่ผู้ชายด้วยกัน หญิงสาวจึงไม่แปลกใจเลยที่เขามีรอยตีนกาข้างดวงตาเวลายิ้มที่น่าพิศวงยิ่งกว่าคือเธอเพิ่งรู้ว่ารอยตีนกาทำให้ผู้ชายดูดีได้ขนาดนี้เลยเชียว

“ธุระส่วนตัวค่ะเมื่อกี้คุณบอกว่าเป็นคนที่นี่ใช่มั้ยคะ?”

“ผมคิดว่าคุณกำลังต้องการคนนำทางนะครับ”

เธอหัวเราะเบาๆบอกเขาว่าจองห้องพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเวสต์ฮอลิวูดเอาไว้แล้ว “ตอนนี้แค่แท็กซี่ก็พอค่ะ”

เขาแสร้งทำสีหน้าผิดหวังแต่รอยยิ้มยังเจิดจรัส “แย่จัง โรงแรมนั้นเป็นทางผ่านของผมพอดีคงต้องยอมแชร์ค่าแท็กซี่กับคุณซะแล้ว ถ้าคุณไม่รังเกียจนะครับ”

หญิงสาวกัดริมฝีปากมีท่าทีลังเลเล็กน้อย แต่แล้วก็ยักไหล่ “ตกลงค่ะ ฉัน...ยินดีมาก ขอบคุณ”

ชายหนุ่มอมยิ้มกรุ้มกริ่มวางเป้ใบใหญ่ของตัวเองลงบนกระเป๋าเดินทางของเธอและคว้าที่ลากไปถือไว้เสียเอง

“ยินดีต้อนรับสู่แอลเอครับ”

การทำความรู้จักกับสาวสวยที่ฌอนเข้าใจผิดคิดว่าถูกเมินตั้งแต่แรกเป็นไปด้วยดีเขาไม่ได้ถามเธอถึงเรื่องนั้นแต่เข้าใจได้จากอาการตื่นเต้นที่แสดงออกเป็นครั้งคราวและคิ้วที่ขมวดมุ่นเป็นบางทีว่าหญิงสาวไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองนัก เธอคงตื่นเต้นเพราะเดินทางคนเดียวครั้งแรกและอาจมีเรื่องกังวลต้องขบคิด จึงไม่เห็นในสิ่งที่ตัวเองกำลังมองตอนที่เธอเมินรอยยิ้มเขา อาจเป็นได้ว่าหญิงสาวกำลังใจลอยเหมือนเช่นขณะนี้

“คุณบอกว่ามาจากเมืองไทยใช่ไหมครับ”ชายหนุ่มเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวกลับมาเมื่อนั่งบนรถแท็กซี่ด้วยกัน

เธอสะดุ้งเล็กน้อยหันมามองเขาอย่างงุนงง “คุณว่าอะไรนะคะ?”

“คุณบอกว่าเป็นคนไทยผมเคยไปสองสามครั้ง เชียงใหม่ สวนผึ้ง เป็นเมืองที่น่าประทับใจมากครับ”

ฌอนออกเสียงชื่อเมืองที่เขาเอ่ยถึงไม่ชัดนักแต่หญิงสาวก็พอจะเข้าใจว่าเขาหมายถึงที่ไหนบ้าง แต่นั่นก็ทำให้คิ้วขมวดอย่างสงสัย

“จริงเหรอคะนึกว่าชาวต่างชาติรู้จักเราในชื่อพัทยา พัฒน์พงศ์ หรืออะไรทำนองนั้น”

เขาหัวเราะพลางโคลงศีรษะ“ที่จริงก็เป็นอย่างนั้นครับ ผมคงหลอกคนไทยไม่ได้แต่เป็นเรื่องจริงที่ว่าเชียงใหม่กับสวนผึ้งเป็นเมืองที่น่ารัก และผมก็ประทับใจมากผมชอบเที่ยวไปกับธรรมชาติมากกว่า แต่เวลาเดินทางขอเหยียดขาสบายๆ หน่อย”

เธอนึกถึงกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของเขามันดูสมบุกสมบันใช้ได้เลย ไหนจะการแต่งตัวสบายๆ อย่างเสื้อยืดสวมทับด้วยแจ๊คเก็ตกางเกงยีนสีซีด และยังรองเท้าผ้าใบนั่นอีก ทุกอย่างเป็นของดีแต่ดูด้วยตาก็รู้ทันทีว่าผ่านการใช้งานมาอย่างคุ้มค่าดูท่าเขาจะเป็นผู้ชายขาลุยคนหนึ่งทีเดียว และขายาวๆอย่างนี้คงสบายกว่าเมื่อเดินทางด้วยเที่ยวบินชั้นหนึ่ง

“แล้วคุณไปทำอะไรที่ญี่ปุ่นคะ”หญิงสาวชวนคุยบ้าง

“เดินเขาครับไว้ผมจะเล่าให้ฟังตอนที่เราดินเนอร์กัน”

คิ้วได้รูปเลิกสูงมองเขากึ่งทึ่งกึ่งขัน

ชายหนุ่มอมยิ้ม“ทีนี้...คุณจะรับนัดผมไหม?”

“เอาจริงเหรอคะนี่คุณชวนฉันออกเดตรึเปล่า?”

ฌอนพยักหน้าแววตาของเขายั่วยวนให้เธอตอบรับ หญิงสาวกัดริมฝีปาก ครู่หนึ่งก็ส่ายหน้า

“ขอโทษจริงๆค่ะ”

“ทำไมหรือคุณมีแฟนแล้ว?”

เธอยิ้มอย่างไร้ความหมาย“ฉันก็อยากมี แต่...ชีวิตฉันไม่ง่ายขนาดนั้น”

คิ้วของเขาขมวดมุ่นหญิงสาวจึงอธิบายรวบรัด

“ฉันมาทำธุระส่วนตัวและต้องรีบกลับในอีกไม่กี่วันฉันมีเวลาน้อยมาก คิดว่าการออกเดตคงไม่เหมาะค่ะ”

ริมฝีปากหยักลึกของเขาเม้มแน่นชั่วครู่จึงคลายออก พยายามหาทางแก้ไขเรื่องนี้ “นี่อาจฟังดูแปลกสำหรับคุณนะครับผมเคยได้ยินเรื่องวัฒนธรรมของคนไทยมาบ้างเท่าที่คุณยอมขึ้นรถมากับผมก็เกินความคาดหมายแล้ว แต่...บอกผมได้ไหมว่าคุณมาทำอะไรถ้ามีอะไรที่ผมพอจะช่วยได้ก็บอกเลย ผมอยากช่วยให้คุณจัดการธุระได้เร็วๆเผื่อจะมีเวลาให้เราได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ถ้านี่ไม่ใช่การปฏิเสธอย่างสุภาพของคุณนะ”

หญิงสาวกอดอกเม้มปาก มองสบตาชายหนุ่มตรงๆ และชั่งใจ ไม่รู้ว่าธารารินต้องมนตร์ขลังของเมืองลอสแอนเจลิสหรือเพราะเสน่ห์ดึงดูดยากจะต้านทานของผู้ชายคนนี้กันแน่ที่ผลักดันให้เธอทำในสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าจะกล้าทำ เช่นการยอมนั่งแท็กซี่ไปกับผู้ชายแปลกหน้าในต่างแดนและอีกอย่างที่เธอกำลังจะทำในตอนนี้

“ฉันมาที่นี่เพื่อพบผู้เชี่ยวชาญที่เซาท์เทิร์นแคลิฟอร์เนีย รีโปรดักทีฟ เซนเตอร์ค่ะ ฉันต้องเตรียมตัวเพื่อเรื่องนี้นานมากและมันสำคัญกับฉันมากจริงๆ”

ชายหนุ่มมีสีหน้ามึนงง เขารู้ว่ามันคือคลินิกเยียวยาผู้มีบุตรยากพี่ชายกับพี่สะใภ้ของเขาต้องรอคิวนานมากเพื่อจะทำเด็กหลอดแก้วกับที่นี่ฌอนพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ ครู่ใหญ่จึงหลุดคำถามออกมาได้ “แต่คุณบอกว่ายังไม่มีแฟน”

เธอพยักหน้า“ค่ะ ฉันไม่มีแฟน แต่มาที่นี่เพื่อจะมีลูก และลูกจะเปลี่ยนชีวิตฉัน”

ฌอนกลับบ้านในย่านเบเวอร์ลี่ฮิลส์ซึ่งถือเป็นย่านของคนมีอันจะกินไปจนถึงระดับมหาเศรษฐี เขาไม่ใช่เศรษฐีแต่ครอบครัวเขารวย ร่ำรวยมั่งคั่งมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตาทวดบ้านหลังนี้เป็นของคุณย่าเขา ซาแมนธา เวย์น เป็นของท่านก่อนที่ท่านจะกลายมาเป็นซาแมนธา คอนเนอร์เสียอีก แน่นอนว่าเขาได้รับบ้านเป็นของขวัญจากคุณย่าและเขาก็รักมันพอๆ กับที่รักซาแมนธาเลยทีเดียว

ชายหนุ่มทิ้งกระเป๋าเป้ใบเขื่องลงบนโซฟาแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาก่อนเดินไปที่เครื่องตอบรับโทรศัพท์ กดฟังข้อความที่มีคนฝากไว้ขณะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มและเทน้ำดื่มกรอกปากมีห้าข้อความจากเพื่อนร่วมงาน...เรื่องงานสามข้อความจากเพื่อนที่ยังคบหากันอยู่ในปัจจุบัน...ค่อนข้างไร้สาระสองข้อความจากจอห์นและซาร่า พี่ชายกับพี่สะใภ้ของเขาเอง...แค่ทักทายและเตือนให้เขาโทร.หาเมื่อกลับถึงบ้าน หมดเท่านี้

ฌอนเอื้อมมือยกหูโทรศัพท์โทร. หาพี่ชายเพื่อรายงานตัวว่าเขากลับมาแล้วอย่างปลอดภัยและช่วยส่งข่าวบอกทุกคนแทนเขาด้วย คุยกันไปสักพักจอห์นก็ถามว่า

“ได้รับข้อความจากพ่อบ้างรึเปล่า”

“ไม่มีนี่แค่อยากให้พี่รู้ว่าผมกลับมาแล้ว แค่นี้ก่อนนะ ผมเหนื่อยมาก”

“โอเคฌอนว่างเมื่อไหร่แวะมาที่บ้านนะ ซาร่ามีสูตรขนมใหม่อยากอวดนาย”

“ให้ตายเถอะจอห์นพี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบขนมหวาน พี่นั่นแหละกินๆ เข้าไปซะ นั่นเมียพี่นะแม่ของลูกพี่ด้วย”

“แต่นายเป็นคนแนะนำซาร่าให้ฉันรู้จักนะมาช่วยกันรับผิดชอบเลยไอ้น้องชาย”

ฌอนโคลงศีรษะรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า แม้นั่นจะเป็นเสียงบ่นแต่เขารู้ว่าจอห์นมีความสุขกับชีวิตแต่งงานมากเขาไม่เคยเห็นพี่ชายหัวเราะเสียงดังขนาดนี้มาก่อน จนกระทั่งได้พบซาร่าทั้งคู่เกิดมาเพื่อเติมเต็มกันและกัน

“เสียใจนะจอห์นช่วงนี้ผมยังไม่ว่าง พี่รับผิดชอบขนมหวานไปคนเดียวก่อนละกัน”

ได้ยินเสียงจอห์นโวยวายจากปลายสายแต่เขาวางหูแล้วแบกขึ้นห้องนอนพร้อมหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ฌอนนอนพลิกตัวกระสับกระส่ายตลอดทั้งคืนทุกอย่างในหัวดูเลือนรางสำหรับเขา ยกเว้นหญิงสาวแปลกหน้าที่นั่งแท็กซี่มาด้วยกันในตอนเย็นหลับตาลงคราวใดก็มองเห็นแต่ใบหน้างามติดตรึงใจ เจ้าของชื่อที่เขารู้จักเพียงสั้นๆ ‘แธม’ เขาแยกกับเธอที่หน้าโรงแรมตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ทว่าจนดึกดื่นค่อนคืนก็ยังไม่ลืมบทสนทนาสุดท้ายกับรอยยิ้มอ่อนละมุนไม่เหมือนใครนั่น

‘ทำไมผู้หญิงที่ทั้งสวยและอยู่ในวัยเดียวกับคุณถึงอยากมีลูกโดยไม่ต้องการพ่อผมคงต้องทนอยู่กับความสงสัยไปจนตายถ้าไม่ถามตรงๆ’

‘ฉัน...ไม่อยากพูดถึงรายละเอียดค่ะขอโทษด้วย’

รอยยิ้มของเธออ่อนหวานแต่นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นกลับดูแน่วแน่ มั่นคงบ่งบอกถึงความตั้งใจอันแรงกล้าที่จะไม่เปิดเผยข้อมูลตรงส่วนนี้ไม่มีอะไรที่เขาจะถามได้อีก

ในที่สุดรถแท็กซี่ก็ถึงโรงแรมที่หญิงสาวจองไว้เธอจ่ายเงินให้คนขับ แม้เขาพยายามห้ามปรามและให้เหตุผลว่าเป็นคนชวนเธอเองแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับเงินคืน

‘อเมริกันแชร์ค่ะ’เธอยิ้มอย่างอ่อนหวาน แต่เขาไม่ชอบเลย เพราะมันเหมือนเธอกำลังบอกลา

‘ขอบคุณสำหรับการต้อนรับที่อบอุ่นนะคะ’

เขาได้แต่มองเธอลากกระเป๋าเข้าไปในโรงแรมรู้ว่านั่นอาจเป็นโอกาสสุดท้าย ถ้าไม่อยากให้จบแบบนี้เขาก็ควรทำอะไรสักอย่าง แต่ตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่าต้องทำอย่างไรและนั่นทำให้เขาต้องมาลงเอยด้วยการนอนไม่หลับจนถึงเช้า พร้อมคำถามที่เขาต้องหาคำตอบให้ได้

ถ้าเธอเป็นคนที่ใช่...

ถ้าเขาไม่เจอใครแบบเธออีกแล้ว...

ถ้าเขากับเธอเป็นเหมือนจอห์นกับซาร่า...

ถ้าเผื่อนี่คือโชคชะตา...

เอาเถอะอย่างน้อยเขาก็รู้ว่า...เขามายืนทำบ้าอะไรหน้าโรงแรมเดียวกับที่ส่งแธมเมื่อวาน!

ธารารินชะงักเมื่อเดินผ่านประตูด้านหน้าของโรงแรมออกมาและมองเห็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มรูปร่างสูงเด่น ยืนพิงตัวอาคารด้านนอกและมองไปรอบบริเวณเป็นระยะเหมือนกำลังคอยใครและราวกับจะรู้ตัวว่าถูกมอง เขาหันมาสบตาเธอ เสี้ยววินาทีนั้นเองหญิงสาวก็รู้ทันทีว่าเขากำลังรอ‘ใคร’

รอยยิ้มของฌอนสว่างไสวและอบอุ่นเหมือนแสงแรกของดวงตะวันยิ้มนั้นราวกับมีแรงดึงดูดที่ยากจะต้านทาน หากอยู่เมืองไทยเธอจะไม่คุยเรื่องส่วนตัวกับคนแปลกหน้าไม่ยอมขึ้นแท็กซี่กับผู้ชายที่เพิ่งเจอครั้งแรกบนเครื่องบินไฟลต์เดียวกันแม้ระยะทางนั้นจะยาวนานถึงสิบสองชั่วโมงก็ตาม แต่อยู่ที่นี่เธอเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ทุกอย่างนั่นน่าจะรวมถึงการเดินเข้าไปทักผู้ชายก่อนด้วย

“สวัสดีค่ะฌอน”

เขาส่งกาแฟร้อนที่อยู่ในมือให้หญิงสาวหนึ่งแก้ว“ผมติดหนี้คุณเมื่อวาน”

ธารารินยิ้มและรับกาแฟจากชายหนุ่มมาโดยดี“ขอบคุณค่ะ ฉันไม่คิดว่าคุณติดหนี้ฉันนะคะ แต่ให้คุณดื่มกาแฟสองแก้วติดๆ กันคงไม่ดีแน่”

“ผิดแล้วครับผมเป็นเจ้าของบ้าน คุณเป็นแขก ผมมี ‘ข้ออ้าง’ที่จะไม่ยอมให้คุณจ่ายค่าแท็กซี่ แต่ในเมื่อผมยอมให้คุณจ่ายไปแล้วจะถือว่าติดหนี้คุณก็แล้วกัน วันนี้ผมตั้งใจมาใช้หนี้”

เธอหัวเราะน้อยๆให้กับความมุ่งมั่นที่ดื้อรั้นแต่น่ารักของเขา มองชายหนุ่มด้วยแววตาขอบคุณ ก่อนจะบอกอย่างนุ่มนวล“กาแฟแก้วนี้ก็พอค่ะ วันนี้ฉันต้องไปทำธุระ นัดไว้ตอนสิบโมง”

“ผมรู้ว่าคลินิกที่คุณจะไปมันอยู่ตรงไหนของเบเวอร์ลี่ฮิลส์ไปกับผมเถอะน่า รับรองว่าปลอดภัยร้อยเปอร์เซ็นต์”

ธารารินมองสบดวงตาสีน้ำตาลอบอุ่นชวนหลงใหลคู่นั้นเขาจะรู้ตัวไหมนะว่ากำลังสั่นคลอนความตั้งใจของเธอ...ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นเขาปรากฏต่อสายตาอีกครั้งทั้งที่คิดว่าคงไม่ได้พบกันอีกแน่ สิ่งที่เธอตัดสินใจทำมันยากสำหรับเธออยู่แล้วและฌอนจะทำให้มันยากขึ้นไปอีก เธอควรหลีกเลี่ยงความยุ่งยากนี้

“ขอบคุณมากค่ะฉันรู้ว่าต้องปลอดภัยแน่ คุณใจดีมาก ฉันจะไม่ลืมเลย แต่ฉันรู้ว่าคลินิกอยู่ที่ไหนฉันหาข้อมูลมา นั่งรถแค่สิบนาทีจากนี่ เพราะงั้นไม่รบกวนคุณดีกว่า”

“เชื่อเถอะว่าคำปฏิเสธของคุณจะกวนใจผมมากกว่า”

เธอมองหน้าเขารอยยิ้มเจิดจ้าไม่สลดลงแม้แต่น้อยและไม่มีทีท่าจะล่าถอยด้วย ขืนเถียงกับเขาอยู่แบบนี้เธอคงไปตามนัดสายแน่ ที่สำคัญเธอมองไม่เห็นลู่ทางจะเอาชนะเขาได้เลย

“ก็ได้ค่ะงั้นเรียกแท็กซี่เลยดีกว่า”

“ที่จริงผมเอารถมานะ”เขาชี้ไปที่คาดิลแลคเอสคาเลดสีดำที่จอดอยู่ตรงลานด้านหน้าโรงแรมและผายมือเชื้อเชิญให้หญิงสาวเดินไปที่รถด้วยกัน

เธอไม่แปลกใจนักเมื่อเทียบกับไฟลต์ที่ฌอนนั่งมาจากญี่ปุ่นแต่นี่อาจเป็นรถเช่าก็ได้ หญิงสาวตัดสินใจว่าจะไม่สนเรื่องนั้นแต่เธอกลับสนใจทุกรายละเอียดที่เกี่ยวกับผู้ชายคนนี้เหมือนกับว่าเขามีแรงดึงดูดและเธอก็ติดกับ

“ถ้าคุณยังแอบมองผมอยู่แบบนี้ผมคงต้องถามอีกครั้งว่า...อยากจะลองเดตกันดูไหม”

เสียงของเขาทำให้ธารารินรู้สึกตัวและกระดากอายขึ้นมา“ฉันแอบมองคุณเหรอ”

เขาหันมายิ้มเก๋ใส่ตาเธอ“ผมว่าคุณทำนะ”

หญิงสาวรู้ว่าโกหกไม่รอดแน่เธอไม่เก่งเรื่องนี้ สุดท้ายต้องโดนฌอนจับได้อยู่ดีจึงยอมรับ แต่ไม่ยอมเปิดเผยความรู้สึกนึกคิดทั้งหมดของตัวเอง“บางทีฉันคงสงสัยว่าทำไมคุณถึงดีกับฉันจัง”

“งั้นผมก็ตอบได้ทันทีว่าผมสนใจคุณ...ตั้งแต่พบคุณครั้งแรกนั่นคุณน่าจะรู้แล้ว เพราะผมไม่ได้พยายามปิดบังเลย”

เขาพูดได้หน้าตาเฉยไม่ใช่สิ ต้องบอกว่าพูดได้เป็นธรรมชาติมาก ไม่ใช่แค่คำพูด แต่ทุกอย่างของเขารอยยิ้ม สายตา ท่าทาง ผู้ชายคนนี้ทำให้ทุกอย่างดูง่ายและมีเสน่ห์ไปหมด

ธารารินหน้าแดง“แต่ฉันบอกไปแล้วนี่คะว่าฉันออกเดตกับคุณไม่ได้เพราะอะไร”

“นั่นทำให้คุณคิดว่าผมจะหยุดเหรอ?”

รถติดไฟแดงชายหนุ่มหันมามองสบตาหญิงสาว นัยน์ตาสีน้ำตาลคู่นั้นเผยความต้องการอย่างโจ่งแจ้งใจเธอเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็น เคยมีหนุ่มๆ มาจีบธารารินแน่ แต่ไม่มีใครตรงไปตรงมา ชัดเจนและรุกหนักอย่างฌอนเขารุกฆาตแบบไม่ยอมให้เธอตั้งตัวเสียด้วย

“งั้น...คุณคิดว่ายังมีโอกาสเหรอคะ?”

“ความจริงผมต้องกลับไฟลต์ก่อนหน้านี้คุณไม่คิดว่ามันมีเหตุผลเหรอครับที่ผมได้นั่งไฟลต์เดียวกับคุณ และเราก็มาอยู่ตรงนี้ด้วยกัน”

คิ้วได้รูปเลิกสูงแทนคำถามเขาจึงขยายความเพิ่ม

“ตั๋วของผมมีปัญหาจู่ๆ ก็มีปัญหา ทำให้ผมเดินทางไม่ได้ แต่พนักงานจัดการให้ผมได้นั่งไฟลต์ถัดมาแล้วผมก็ได้พบคุณ”

สายตาของเขาชวนให้เคลิ้มไปกับเรื่องโรแมนติกนี้ไม่น้อยแต่เธอต้องดึงสติตัวเองให้มาก

“ก็แค่ความผิดพลาดของคนหรือระบบคอมพิวเตอร์ไม่ก็อาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญ มันเกิดขึ้นได้เสมอกับทุกคนและที่เรามาอยู่ตรงนี้ก็เพราะคุณมี ‘ข้ออ้าง’ไม่ใช่เหรอคะ ไฟเขียวแล้วค่ะ”

“ก็คอยดูกันต่อไป”ฌอนยิ้มลึกลับ ก่อนจะหันไปมองถนนและออกรถ

ดูเหมือนเขาจะยังไม่ยอมแพ้ธารารินกัดริมฝีปาก เธอควรกังวล แต่กลับรู้สึกกระชุ่มกระชวยหัวใจซะได้ บ้าชะมัด!

ราวครึ่งไมล์สุดท้ายของการเดินทางท้องถนนดูวุ่นวายกว่าที่ควร เสียงดังอึกทึก ไกลออกไปไม่มากควันพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ารถติดเป็นแถวยาว ผู้คนพลุกพล่าน ตำรวจในเครื่องแบบ รถดับเพลิง นักผจญเพลิงทุกอย่างมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ราวกับมีการปิดถนนเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์สักเรื่อง

“เกิดอะไรขึ้นคะฌอน”หญิงสาวถามคนขับรถพลางยกข้อมือขึ้นดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาซึ่งถูกปรับให้เป็นเวลาตามท้องถิ่นตั้งแต่มาถึงแผ่นดินอเมริกาแล้วตอนนี้สิบโมงสิบเอ็ดนาที โชคดีเธอเผื่อเวลาในการเดินทางไว้ครึ่งชั่วโมงเพราะความที่ไม่คุ้นชินกับสถานที่

“เหมือนจะมีไฟไหม้ที่ไหนสักแห่งนะครับ”

เขาสบตาหญิงสาวราวกับจะบอกว่า...นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เขาไม่ควรยอมแพ้ง่ายๆ

ธารารินอ่านสายตานั้นออกเธอส่ายหน้าอย่างไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ “ไม่ใช่แน่ๆลองถามคนแถวนี้ดูสิคะว่าไฟไหม้ที่ไหน”

ฌอนยักไหล่ก่อนชะโงกหน้าออกไปถามหญิงวัยกลางคนที่เดินอยู่ริมถนนคำตอบของหญิงคนนั้นทำให้ธารารินยิ้มออก แต่เธอบอกไม่ได้ว่ายิ้มเพราะอะไร

“งั้น...ก็ไปต่อแต่ไม่ใช่ด้วยรถ จากนี้คงต้องเดิน ผมจะหาที่จอดก่อน ถ้าคุณกลัวสายล่วงหน้าไปก่อนก็ได้ครับ”

“ฉันเดินไปได้ค่ะอีกไม่ไกลแล้ว คุณจะกลับเลยก็ได้นะคะ ฉันเกรงใจ”

ชายหนุ่มส่ายหน้าแววตาจริงจัง “ผมอาสามาเอง ผมเต็มใจ แล้วเจอกันที่คลินิกครับ”

เธอไม่รู้จะกล่อมให้เขาเปลี่ยนใจได้อย่างไรไม่มีเวลามากพอ หรือบางทีอาจเพียงแค่เพราะเธอไม่อยากทำ จึงพยักหน้ารับและลงจากรถล่วงหน้าไปที่คลินิกก่อนด้วยการเดินเท้า

ธารารินมาถึงคลินิกก่อนเวลานัดราวห้านาทีเพราะเร่งฝีเท้าเต็มที่เธอเข้าไปติดต่อที่โอเปอเรเตอร์ อีกฝ่ายเช็กตารางนัดให้ ครู่หนึ่งก็มีสีหน้าอึดอัดใจอย่างเห็นได้ชัด

“มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ?”

โอเปอเรเตอร์สาวสวยวัยยี่สิบต้นลุกจากเก้าอี้อ้อมเคาน์เตอร์ออกมาพลางผายมือเชื้อเชิญ “เดี๋ยวเชิญคุณกุลวงศ์ที่ห้องด้านนี้เลยนะคะ”

ธารารินเดินตามอีกฝ่ายมานั่งรอในห้องที่มีชุดรับแขกน่ารักและเป็นส่วนตัว

“กรุณารอสักครู่ค่ะ”เจ้าหล่อนบอกพร้อมรอยยิ้มแล้วถอยออกไป

ครู่หนึ่งก็มีผู้หญิงอีกคนก้าวเข้ามาหล่อนสวมชุดสูทกระโปรงสีเทาดูเป็นทางการ บุคลิกมาดมั่นแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามแต่เมื่อยามยิ้มก็เปี่ยมด้วยพลังแห่งไมตรีจิต

“สวัสดีค่ะคุณกุลวงศ์ยินดีที่ได้พบคุณนะคะ ดิฉันเจนค่ะ คนที่คุยโทรศัพท์กับคุณเมื่อสามวันก่อน”

เมื่อเจนแนะนำตัวธารารินค่อยรู้สึกผ่อนคลายลงหน่อย เธอรีบตัดเข้าเรื่องทันที

“สวัสดีค่ะเจนยินดีที่ได้พบคุณเช่นกัน อย่างที่บอกคุณทางโทรศัพท์แล้วว่าฉันมีเวลาไม่มากฉันต้องเริ่มยังไงคะ”

เจนยิ้มสวยนิ่งเหมือนกำลังเรียบเรียงคำพูด อึดใจต่อมารอยยิ้มก็จางลงพร้อมคำกล่าว “ดิฉันเสียใจจริงๆค่ะ ที่ต้องบอกคุณว่า...เกิดความผิดพลาดบางอย่างขึ้นกับตารางของเรา”

รอยยิ้มค่อยๆเลือนหายจากใบหน้าสวยหวานของธารารินแววตาเห็นอกเห็นใจของเจนส่งสัญญาณว่านี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

“ผิดพลาดยังไงคะ?”

เจนโน้มตัวมาจับมือที่วางบนโต๊ะของลูกค้าและบีบกระชับอย่างให้กำลังใจ

“คิวของคุณคือวันนี้...ในอีก1 ปีข้างหน้าค่ะ”


+++++++++++++


หายไปนาน กลับมาอีกทีมีเรื่องใหม่เฉยเลยค่ะ ^^"





 

Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2560
3 comments
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2560 11:48:39 น.
Counter : 1191 Pageviews.

 

ลูกจะเปลี่ยนชีวิตยังงัย มาต่อๆๆๆๆ

 

โดย: sakeena IP: 49.228.193.34 16 กุมภาพันธ์ 2560 13:19:11 น.  

 

ทำให้อยากรู้มากเลยคะ ว่าจะไปต่อยังไง ติดตามอ่านอยู่นะคะ

 

โดย: คนอ่านนิยาย IP: 27.254.241.116 16 กุมภาพันธ์ 2560 16:19:16 น.  

 

สวัสดีนะจ้ะ แวะมาเยี่ยมนะจ้าาา sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ

 

โดย: สมาชิกหมายเลข 4057910 23 สิงหาคม 2560 17:58:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ระตา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




รู้สึกอยู่เสมอว่าการได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้คือความมหัศจรรย์...และการอ่านออกเขียนได้คือรางวัลของชีวิต...
Friends' blogs
[Add ระตา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.