ณ เส้นรอบวงที่คาบเกี่ยวกัน

ภูติ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




.......

....



ภายใต้ผิวน้ำที่เรียบนิ่ง

มีปลาทองขี้เกียจอยู่หนึ่งตัว


...


...


...........
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
3 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ภูติ's blog to your web]
Links
 

 

.. ที่ๆ นั้น ..





"ตื่นได้แล้ว" เสียงพี่เรียกผม ครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้

ผมงัวเงียขึ้นจากที่นอน เปลี่ยนชุดและขึ้นรถ

เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างคุ้มค่า ผมมักจะลงบ้านพร้อมพี่เสมอ มันประหยัดเงินในกระเป๋า แต่ที่สำคัญ ผมชอบเดินทางกับคนที่ผมรัก

"นอนไปก็ได้นะ" พี่บอกผม ชำเลืองมองหน้าและหัวอันยู่ยี่ของผม

ผมส่ายหัว แม้ว่าฟ้าข้างนอกยังมืดอยู่ แม้ว่ามันไม่ใช่เวลาตื่นนอนของผม แต่ผมก็จะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด นั่นคือการนั่งไปเป็นเพื่อนพี่ ชวนพี่คุยบ้างเพื่อไม่ให้พี่ง่วงระหว่างขับ

บางทีผมก็ทำหน้าที่จนหลับไปเองเลยก็มี



เราไปถึงบ้านช้ากว่าที่คิดเพราะรถที่มุ่งหน้าลงใต้เหมือนเรามีจำนวนมาก

"ไปไหนกันหนอ" ผมชำเลืองมองรถป้ายทะเบียนเชียงใหม่ที่วิ่งบนเส้นทางเพชรเกษม

"คงไปทะเล" พี่คาดคะเน

อืมม .. ไม่รู้ว่านั่นคือนักท่องเที่ยวหรือคนที่กำลังกลับบ้านกันแน่

หากเป็นคนที่กำลังกลับบ้าน ก็คงกลับไปหาทะเลจริงๆเหมือนผม หากเป็นนักท่องเที่ยว ผมหวังว่าพวกเขาจะมุ่งไปทะเลฝั่งอันดามัน เพราะทะเลฝั่งอ่าวไทยแบบบ้านผมกำลังอยู่ในฤดูมรสุม




"ใช่..ฤดูมรสุมจริงๆ" ผมพึมพำกับตัวเอง มองทะเลที่บ้าคลั่งตรงหน้า

ริมชายฝั่งมีแต่ละอองน้ำเค็มจนเหมือนปกคลุมไปด้วยหมอก

กลิ่นเค็มและคาวกระจายคลุ้งอยู่ในบรรยากาศ กลิ่นหนึ่งที่ประกอบเป็นกลิ่นของบ้านของผม

ทะเลฤดูนี้จะรุนแรง มีคลื่นสูงสองถึงสามเมตรได้เลยในบางวัน นี่ขนาดทะเลที่บ้านผมเว้าเป็นอ่าวแล้ว คลื่นลมก็ยังรุนแรง หากเป็นทะเลเปิดละก็ คลื่นลมคงจะทวีความรุนแรง

พลังของธรรมชาติที่ไม่มีใครควบคุมได้สินะ

หลายปีมานี้ พลังนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ระดับน้ำสูงขึ้นจนน่ากลัว ชายฝั่งบางแห่งถูกน้ำเซาะเข้าไปลึก

ผลจากการกระทำของคนต่อธรรมชาติตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กำลังแสดงออกในรุ่นนี้แล้ว




ผมยืนมองทะเลสีคล้ำออกเขียวเทา ปล่อยให้ลมแรงพัดผ่านผิวและเส้นผม

คนที่ผ่านมาผ่านไปคงจะงงกับสิ่งที่เห็น ทะเลที่ไม่มีอะไรสวยงามให้มองดู กลับมีคนยืนมองมันอยู่เป็นนาน

คนผู้ใหญ่ที่คุ้นหน้าผม รู้ว่าเป็นลูกบ้านไหนก็คงชินที่เห็นผมมายืนหรือนั่งมองทะเลอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง

บางครั้งผมหายหัวไปนานจนที่บ้านสงสัย และพ่อมักจะเดินลงมาดูผมที่ชายทะเลเสมอ บางครั้งพ่อก็จะนั่งคุยกับผมหากอากาศดี


ตั้งแต่เด็ก พ่อมักจะพาผมมาชายทะเลเสมอตอนเย็นๆหลังจากเล่นกีฬากันเสร็จ

พ่อมักจะเล่าเรื่องชีวิตของพ่อให้ฟังว่าพ่อลำบากแค่ไหนตอนเด็กๆ ว่าพ่อเติบโตมาได้อย่างไร แล้วก็สอนผมว่าไม่ให้ลืมพระคุณของใคร

ผมไม่เคยเห็นพ่อลืมบุญคุณของใครสักคนที่ช่วยเหลือพ่อ พ่อมักจะทำบุญไปให้ญาติเหล่านั้นที่เสียไปแล้ว หากเป็นคนที่ยังอยู่ พ่อมักจะหาโอกาสดีๆในแต่ละปี เอาของไปให้

ชายทะเลจึงเหมือนเป็นโรงเรียนของผมอีกแห่งหนึ่ง สอนเรื่องชีวิตผ่านการบอกเล่าของคนที่ผมรัก บอกเล่าด้วยความรักที่มีต่อผม

นี่ไม่รวมเรื่องก๋งของผมที่เคยเป็นชาวประมง ก๋งสอนพวกผมผ่านประสบการณ์จริง ในวันหนึ่งของฤดูร้อน ก๋งพาพวกเราขึ้นเรือลำเล็กออกไปยังเกาะที่อยู่ไม่ไกล

ผมยังจำวันนั้นได้ดี แม้ว่ามันจะผ่านมานานมากแล้ว แม้ว่าก๋งจะจากไปนานมากแล้ว แต่ทุกอย่างยังคงชัดเจน

ที่นี่ ทะเลแห่งนี้มีความทรงจำมากมายของชีวิตผม เป็นเหมือนกรุสมบัติดีๆนี่เอง

วันที่ผมเหนื่อย ผมก็จะกลับมาหาสถานที่แห่งนี้ เพราะมันเต็มไปด้วยความทรงจำที่ช่วยปลอบประโลม

แม้ว่ามันจะไม่ใช่ทะเลที่สวยที่สุดในสายตาของใครๆ แต่มันเป็นทะเลที่สวยที่สุดสำหรับผม และมันคือบ้าน


"ไปถึงไหนแล้ว?" เสียงถามมาในมือถือ

"อยู่ทะเลฮะ" ผมบอกสั้นๆ คนที่บ้านรู้ว่า หากผมบอกว่าไปทะเล มันก็แค่หน้าบ้านนี่ละไม่ใช่ที่ไหนไกล

"เดี๋ยวก็กินข้าวได้ ขึ้นมาได้แล้ว เริ่มมืดแล้ว"

"ฮะ เดี๋ยวก็ขึ้นแล้วฮะ"

เหลือบมองตัวเลขบนหน้าจอมือถือ ผมหายมาจากบ้านเกือบชั่วโมงแล้วนี่นะ

เพื่อนร่วมทางที่เดินลงมาด้วยกันวิ่งหายไปไหนแล้วไม่รู้

ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ผมก็คงจะได้เจอมันอีก ผมชอบมันนะ หมาหน้าทะเล้นแถวนี้ ผมกลับมาทีไร มันก็ยังคงทักทายผมราวกับว่าผมเป็นคนรู้จักของมัน



ผมลุกขึ้นจากเขื่อน บิดขี้เกียจไปมา ปัดผงเกลือที่เปื้อนกางเกงออก

ฤดูนี้ เขื่อนจะเต็มไปด้วยคราบเกลือที่มากับละอองน้ำทะเล

ผมยืนมองทะเลตรงหน้าอีกครั้ง มันยังคงร้องเพลงเดิม เพลงที่ผมได้ยินทุกครั้งในฤดูมรสุม เพลงที่เล่นวนซ้ำแล้วซ้ำเล่าของคลื่นและลม

แต่ละฤดู ทะเลก็บรรเลงเพลงที่แตกต่างกันไป เพลงที่ผมฟังเท่าไรก็ไม่เบื่อ

ในเมืองหลวง ผมมักจะพกหูฟังเพื่อฟังเพลงเสมอ เพราะเสียงรอบกายมันเป็นเสียงเพลงที่ไม่น่าฟังนัก

แต่ที่นี่ ผมไม่เคยต้องหยิบหูฟังใดๆออกมาใส่ เพราะเสียงเพลงที่นี่เพราะกว่าที่ไหนๆ


อืมม .. เพราะมันคือบ้าน และมันก็เป็นเพลงของบ้าน ผมจึงอยากกลับมาเพื่อฟังมันเสมอ











 

Create Date : 03 มกราคม 2552
4 comments
Last Update : 30 พฤศจิกายน 2552 21:40:41 น.
Counter : 626 Pageviews.

 

ดีใจที่กลับมาแล้ว

กรุงเทพ ไม่มีใครเลย

อืมม

 

โดย: u can call me anytime IP: 202.149.25.234 4 มกราคม 2552 0:54:27 น.  

 

เสียงเพลงของบ้านน่าฟังเสมอ ..
กอดของคนที่บ้าน.. ก้ออุ่นจนเราน้ำตาเล็ด ..
แง๊ .. คิดตึ๋ง ..
ปล. หมอนผ้าห่มอุ่น ๆ ..กำลังจะเดินทางไปพร้อมของกิน
ไปเลี้ยงปลาทองให้อ้วนแหละนะ หวัดดีปีใหม่คะ :)

 

โดย: ::ดินสีชมพู:: IP: 124.121.161.244 4 มกราคม 2552 4:05:08 น.  

 

ห่างหายไปนานแต่ก้อยังไม่ลืมเลือนนะคะ

สวัสดีปีใหม่นะคะ @^_^@

บ้าน แค่คำสั้นๆแต่ความหมายช่างอบอุ่นเสมอคะ

 

โดย: คนอ่อนไหวกับใจอ่อนหวาน 4 มกราคม 2552 22:07:44 น.  

 


สวัสดีครับ แวะมาทักทายน่ะครับ

 

โดย: r-jarn-jeng 5 มกราคม 2552 22:12:20 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.