หนึ่งเดือนกว่า ถึงเวลากลับบ้านเข้าบ้านครั้งที่สอง มีหนุ่มหน้าใหม่มาต้อนรับเจ้านี่เดินตามเรือของยามในหมู่บ้านต้อย ๆ ทำหน้าที่เป็นยามให้กับหมู่บ้าน แวะดูบ้านนั้น บ้านนี้ ไปพร้อม ๆ กับพี่ยามรับรองว่า เมื่อน้ำแห้งแล้ว มันจะกลายเป็นขวัญใจคนแถวนี้พอ ๆ กับพี่ยามที่มันเดินตามอยู่ตอนนี้ถนนที่กลายเป็นคลองหน้าบ้าน มีปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายเล่นกันกิ๊วก๊าวพี่ข้างบ้านเอาถังน้ำมันมาทำเป็นแพ คงใช้ขนของ เสร็จแล้วก็จอดไว้หน้าบ้านพวงชมพูบ้านนู้นที่ผมไปถ่ายรูปบ่อยๆ ยังคงอยู่ดีต้นปีบของเรา (ต้นปีบบ้านเขา ก็เหมือนต้นปีบบ้านเรา) เริ่มแสดงอาการ หลังจากแช่น้ำมาเป็นเดือน"อดทนไว้นะ" ผมบอกมัน พลางลูบลำต้นมันที่โผล่เหนือน้ำ หวังว่ามันจะได้ยินผม ที่ห้อยคอวัว เราเอามาห้อยไว้ที่บ้าน เสียงไม้ดังก้องกังวาล เหมือนต้อนรับเรากลับเข้าบ้าน"กลับมาแล้ว" ผมพึมพำบอกมันเบา ๆ อาทิตย์ที่แล้ว เราขนโต๊ะกับตู้ที่เสียหายในบ้านมากองไว้ในที่แห้งหน้าบ้านก่อน ในบ้านจะได้ไม่มีกลิ่นและไม่มีเชื้อราเพิ่มเติมอาทิตย์นี้ เห็ดงอกขึ้นมางามทีเดียว"สวัสดีและลาก่อน" ผมบอกมัน เณรน้อยและตัวอื่น ๆ ที่เคยอยู่รอบบ่อปลาคราฟ ถูกเอาขึ้นมาทำความสะอาดและโดนพี่ชายของผมนิมนต์ไปชมวิวบนรั้วบ้านพลางๆบ้านเรามีแต่รูปปั้นที่มีแต่รอยยิ้มและหน้าหัวเราะ เณรยิ้ม เด็กหัวเราะ ควายหัวเราะ .. เฮฮากันตลอดเวลาผมหวังว่า คนที่เดินลุยน้ำผ่านบ้านเราจะยิ้มออกมาได้บ้านเมื่อมองผ่านรั้วบ้านเราปลายรั้วอีกด้านเป็นที่ตั้งของกระถางทั้งหลายต้นโมกนอกรั้วเรายังคงไม่ตาย ผมภาวนาว่ามันจะยังอดทนอยู่ด้วยกันต่อ"เข้มแข็งอีกหน่อยนะ" ผมบอกพวกมันท่าเทียบเรือหน้าบ้าน พี่ข้างบ้านให้เรายืมเรือเพื่อขนขยะเอาไปทิ้งข้างนอกที่เกาะกลางถนนใหญ่ เพื่อให้สะดวกกับ กทม. ในการเก็บไปจัดการน้ำท่วมหนนี้ น้ำใจท่วมท้น สูงกว่าน้ำท่วมมากกว่ามากผู้อพยพอย่างพวกเราเอง ก็ติดอาหารแห้งมาให้พวกพี่ผู้ประสบภัยและไม่รู้จะไปไหนได้เหมือนกันแบ่งปันให้กันและกัน เป็นกำลังใจให้กัน สังคมมันควรเป็นแบบนั้น ผมว่านะอาหารเที่ยงริมน้ำ กินกันแบบเท้าแช่น้ำเลยทีเดียวพี่ชายและพี่สาวกินกันไป คุยกันไป ชมวิวกันไป โชคดีที่น้ำหน้าบ้านเรายังไม่ถึงกับเน่าส่งกลิ่นรบกวนพืชอีกอย่างที่ดูจะมีความสุขช่วงน้ำท่วม ก็คงเป็นบัวหลวงในบ้านตรงกันข้ามนั่นละกระบองเพชรพวกนี้ ก็สู้ชีวิตดีเหมือนกัน ดูจากคราบน้ำแล้ว น้ำมาสูงกว่าที่วางกระถางกระบองเพชรเหล่านี้ซะอีกเราเก็บขยะออกไปทิ้ง ตอนนี้เราต้องพึ่งตัวเองก่อนใคร เพราะเจ้าหน้าที่ส่วนกลางก็งานเต็มมือเช่นกันอุปกรณ์กวาดถนนปกติ ถูกวางแช่น้ำไว้ก่อน ขณะที่พวกพี่ๆทำความสะอาดของ กทม. จัดการแยกขยะที่คนเอามาทิ้ง ส่วนหนึ่งก็เก็บไปขายต่อ อีกส่วนก็เพื่อทิ้งจักรของแม่ฮุ่ยก็โดนกำจัดทิ้งเหมือนกันเสียงของแม่เสียดายมาก จักรคู่ชีพ แม่เคยซ่อมและเย็บอะไรหลาย ๆ อย่างให้เราได้ใช้กัน ตอนนี้เหลือแค่หัวจักร ตัวจักรเราตัดสินใจทิ้งไป (แน่นอนว่า เราทิ้งมันแบบไม่สอบถามแม่ก่อน)แก้วคู่นี้ ถูกแยกมาวางไว้ ไม่แน่ใจว่าจะถูกเอาไปทำอะไรต่อน้ำท่วมปีนี้ เหมือนเทศกาลแบ่งของกันใช้ เทศกาลขายของเก่า กระจายรายได้ ... ดีเหมือนกันเราออกจากหมู่บ้านกันอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อหมดวันเราอยู่ที่นี่กันมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว ไม่เคยรู้ว่า มันจะเป็นหมู่บ้านริมน้ำได้ด้วยพี่สาวเคยนึกอยากมีบ้านริมน้ำ ดูเหมือนว่า พี่จะได้มันสมใจแล้ว ^^เข้าบ้านวันที่สาม เจอน้องหมาข้างบ้านเราทักทายกันอย่างดีอกดีใจ ปกติ กี้เป็นหมาที่ไม่ส่งเสียงแสดงอารมณ์มากนัก ผิดกับไอ้อ้วนบ้านผม แต่วันนี้ผมได้ยินเสียงมันร้องอย่างดีใจน้ำท่วมก็ดี ทำให้เรารู้ว่า เราผูกพันกันแค่ไหน(เรา = คนกับสิ่งมีชีวิตที่เราคุ้นเคยกัน เช่น คน หมา เป็นต้น)บ่อน้องปลาคราฟ กลายเป็นที่ผึ่งแผ่นไม้จากเตียงแม่ฮุ่ยกับพ่อช่วงที่เอาออกมาขัดล้างส่วนน้องปลาคราฟ ผมได้ข่าวจากคนอีกซอยที่เดินแบกสวิงสวนกับผมว่า เขาเคยเห็นปลาคราฟแถวบริเวณใกล้ๆ ผมมั่นใจว่า เจ้าปลาคราฟบ้านผมก็คงว่ายไปแถวนั้นแน่ๆ ผมหวังว่าพวกมันจะปลอดภัยและมีความสุขดีอยู่ในคลองไหนสักแห่งเราจัดการล้างคราบดินบนพื้นและคราบราในผนังบ้านก่อน ส่วนนอกบ้านคงเป็นแห่งสุดท้ายที่เราจะทำระดับน้ำ ย้ำเตือนเราว่าน้ำท่วมปีนี้มาสูงแค่ไหนคราบดินบอกระดับน้ำสูงสุดและระดับน้ำที่ค่อย ๆ ลด ดูเป็นลวดลายสวยดี แต่ผมมั่นใจว่าพี่สาวคงไม่ทิ้งศิลปะธรรมชาตินี้ไว้นานแน่ๆ ภารกิจสั่งการตรงจากพ่อฮุ่ยที่ประจวบฯ .. ยกจักรยานขึ้นที่สูงพี่ชายผมก็เลยแขวนไว้ซะสูงเลย ทั้งๆที่มันแช่น้ำไปหนึ่งเดือนแล้วแต่อย่างน้อย มันก็จะไม่เปียกน้ำที่ยังปริ่ม ๆ ในบริเวณบ้านอีกต่อไปชุดกินข้าวที่เป็นไม้เนื้อแข็ง ไม่มีปัญหากับน้ำแค่ขัดดินกับคราบราออก ทุกอย่างก็ดูเหมือนใหม่พักกินข้าวเที่ยงกันริมน้ำเหมือนเคย วันนี้มีเก้าอี้สะอาดนั่งด้วยพี่สาวกำลังตะโกนเรียกเจ้ากี้ข้างบ้านมากินข้าว เพราะพี่เจ้าของออกจากบ้านไปส่งภรรยาตั้งแต่เมื่อวานกี้ยืนรอข้าวด้วยความอดทน มันเป็นหมาที่มารยาทดีทีเดียวมันจึงเป็นที่รักของคนทั้งซอยจบการทำความสะอาดบ้านสองวันเต็ม มือผมระบมและบวมพอง แต่คุ้มค่า เราจัดการเคลียร์ขยะและขัดพื้นในบ้านได้หมดแล้ว เหลือผนังห้องอีกสองห้องเล็ก ๆ ที่ต้องกลับมาขัด อย่างน้อยพี่สาวจะมีห้องสะอาดให้กลับมาทำงานได้ขัดบ้านหนนี้ ลูกทุกคนผลัดกันขึ้นมาช่วยกันทำ ลงกันวันละสี่คน สนุกสนานนอกเหนือจากเหงื่อ ก็คือความรักที่ไหลรินเรากอดกันเมื่อส่งกันกลับบ้าน แม้บ้านนี้ พ่อกับแม่จะยกให้พี่สาวและผม แต่นั่นมันก็แค่แผ่นกระดาษ มันคือบ้านของครอบครัวเรา ท่วมได้ แต่อย่าท้อแล้วมันก็จะผ่านไป .............................................ระดับน้ำสูงสุดแถวบ้าน น่าจะสัก 1 เมตร - 1.20 เมตรน้ำเข้าตัวบ้าน 50-60 เซนติเมตรเฟอร์นิเจอร์เสียหายบางส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้ามีแค่รอลุ้นว่าเครื่องซักผ้าที่โดนน้ำไปหน่อย จะใช้ได้รึเปล่าไฟชั้นล่าง ต้องต่อใหม่หมด ที่เสียหาย คือ สิ่งของ ที่หาใหม่ได้ที่ได้มา คือ หัวใจ น้ำจิตน้ำใจ ของคนในบ้านและคนแถว ๆ นั้นมันไม่ใช่การแลกเปลี่ยนว่า เสียแล้วได้อะไร มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ควรต้องมีการสูญเสีย หรือเสียหายน้อยกว่านี้ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน หากมีการจัดการและการประสานงานที่ดีผมหวังว่า เราจะเรียนรู้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมคิดว่า พวกเราได้ะเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติกันมากขึ้นปีหน้า หากน้ำมาอีก ผมว่าเราหลายคนจะทำใจอยู่กับมันได้ดีขึ้นแต่น้องน้ำไม่ต้องมาเยอะขนาดนี้ก็ได้นะ น้องมาเยอะขนาดนี้ แม้จะเข้มแข็งและทำใจได้ แต่ผมก็หวั่นไหวเป็นเหมือนกัน Create Date : 05 ธันวาคม 2554 Last Update : 6 ธันวาคม 2554 0:07:35 น. 4 comments Counter : 1760 Pageviews. ShareTweet
คลิ๊กบนภาพเพื่อดูขนาดขยายฮะ